#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม 2563
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคใต้ โดยในภาคเหนือมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกเกิดขึ้นบางพื้นที่ ทั้งนี้เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนปกคลุมประเทศลาวและเวียดนาม ทำให้ร่องมรสุมเคลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทย ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักและฝนที่ตกสะสม และประชาชนในภาคเหนือระวังอันตรายจากลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกไว้ด้วย กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากในช่วงบ่ายถึงค่ำ อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 29 ? 31 พ.ค. ประเทศไทยมีฝนตกเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง เนื่องจากร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ส่วนในช่วงวันที่ 1 ? 3 มิ.ย. 63 พ.ค. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทย ประกอบกับร่องมรสุมจะมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลง ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 29 - 31 พ.ค. ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบน ระวังอันตรายจากฝนพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก และฝนตกหนักไว้ด้วย
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
ประมงแห่ออกเรือ จับแมงกะพรุนจานทะเลกระบี่ ทำรายได้ลำละ 5-7 พันบาทต่อวัน ชาวประมงพื้นบ้านกระบี่ และเรือหางยาวนำเที่ยว ที่หยุดให้บริการนักท่องเที่ยวเพราะโควิดนับ 100 ลำ นำเรือออกจับแมงกะพรุนจานในทะเล ส่งขายให้กับพ่อค้าแม่ค้าจาก จ.สตูล ระนอง พังงา สร้างรายได้งดงาม ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.กระบี่ เมื่อวันที่ 28 พ.ค.63 ชาวประมงพื้นบ้าน และเรือหางยาวนำเที่ยว ที่หยุดให้บริการนักท่องเที่ยว ผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 นับ 100 ลำ นำเรือออกจับแมงกะพรุนจานในทะเลกระบี่ ส่งขายให้กับพ่อค้าแม่ค้าจาก จ.สตูล ระนอง พังงา ซึ่งมาเปิดจุดรับซื้อหลายสิบราย บริเวณอ่าวบ้านคลองทราย บ้านดินแดงน้อย ต.หนองทะเล อ.เมือง จ.กระบี่ ทำให้บรรดาเจ้าของเรือขนาดเล็ก ที่ขาดรายได้จากการท่องเที่ยว สามารถทำเงินสร้างรายได้ในช่วงวิกฤติได้เป็นอย่างดี สำหรับแมงกะพรุนที่จับมาได้ พ่อค้าแม่ค้าที่มาเปิดจุดรับซื้อ จะรับซื้อในราคาตัวละ 5 บาท เพื่อนำไปขายให้กับพ่อค้ารายใหญ่ในตลาดมหาชัย เพื่อส่งออกไปยังประเทศจีน ญี่ปุ่น ซึ่งประเทศเหล่านี้นิยมรับประทาน เพราะเชื่อว่าเป็นเมนูยาชูกำลัง โดยในปีนี้พบว่า แมงกะพรุนมีจำนวนมากกว่าทุกๆ ปีในช่วงเดียวกัน ถือว่ามีมากที่สุดในรอบ 8 ปี นายธีระยุทธิ์ ช้างชู พ่อค้ารับซื้อแมงกะพรุนจาก จ.สตูล กล่าวว่า แมงกะพรุนที่รับซื้อ เป็นแมงกะพรุนจาน ซึ่งสามารถนำมาแปรรูปเป็นอาหารได้ ไม่มีพิษ โดยในช่วงเดือน มี.ค.-พ.ค.ของทุกปี จะมีแมงกะพรุนชนิดนี้ลอยอยู่ในทะเลแถบฝั่งอันดามันจำนวนมาก ตั้งแต่ระนอง พังงา กระบี่ ตรัง ซึ่งปีนี้พบว่า แมงกะพรุน มีจำนวนมากที่สุด ในรอบ 8 ปี นอกจากชาวประมงพื้นบ้าน รวมถึงบรรดาคนขับเรือนำเที่ยวที่ออกจับแมงกะพรุนขาย จะมีรายได้แล้ว ยังมีการจ้างงานคนในพื้นที่ ให้มาช่วยกันคัดแยกแมงกะพรุนให้ได้ขนาดตามที่ต้องการ โดยเรือแต่ละลำจะมีรายได้ถึงวันละ 5-7 พันบาท ส่วนคนในพื้นที่กว่า 100 คนที่มีการจ้างมาทำงานคัดแยกแมงกะพรุน ซึ่งเป็นคนพื้นที่อยู่ในช่วงว่างงานจากสถานการณ์โควิด-19 ก็จะมีรายได้จากค่าจ้างรายวันอีกคนละ 400-500 บาทต่อวันด้วย. https://www.thairath.co.th/news/local/south/1856003 ********************************************************************************************************************************************************* ล็อตใหญ่ จับเรือลอบขนน้ำมันเถื่อน 5 หมื่นลิตร กลางทะเลเมืองจันทร์ บุกจับเรือประมงดัดแปลง ลักลอบบรรทุกน้ำมันดีเซลหนีภาษี 5 หมื่นลิตร กลางทะเล เมืองจันทร์ รวบลูกเรือ 4 คน ส่งคุมสอบขยายผลดำเนินคดี เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 28 พ.ค.63 นายวิทูรัช ศรีนาม ผู้ว่าฯจันทบุรี พร้อมด้วย พล.ร.ต.ชาติชาย ทองสะอาด ผอ.สำนักงานฝ่ายอำนวยการ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ภาค 1, พล.ร.ต.พินิจ ชื่นรุ่ง รอง ผบ.ป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.), ผู้แทน มทบ.19, กอ.รมน.จ.จันทบุรี, ตำรวจน้ำ, ประมงจังหวัด, เจ้าท่าภูมิภาค, สรรพสามิต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบหลังมีการจับกุมเรือลักลอบบรรทุกน้ำมันหนีภาษี โดย ศรชล.ภาค 1 ร่วมกับ กปช.จต.บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการหาข่าว พบเรือต้องสงสัยอยู่กลางทะเล เมื่อเวลา 23.30 น. คืนวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยหมวดเรือลาดตระเวนชายแดน ได้นำเจ้าหน้าที่ดำเนินการยุทธวิธี ติดตามเรือที่ดัดแปลงเป็นเรือลักลอบบรรทุกน้ำมันหนีภาษี พบเรือต้องสงสัย เจเอ็มพี 85 สัญชาติไทย บริเวณห่างจากฝั่งบ้านปากน้ำแขมหนู อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ประมาณ 4 ไมล์ทะเล ภายในเรือพบคนประจำเรือ 4 นาย ซึ่งไม่มีการต่อสู้ ขัดขวาง ตรวจพบน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดดีเซลจำนวน 50,000 ลิตร จึงควบคุมเรือและน้ำมันลักลอบหนีภาษีไว้ตรวจสอบ โดยชุดหมวดเรือลาดตระเวนชายแดนและตำรวจน้ำได้ควบคุมผู้กระทำผิดไว้ ก่อนที่จะประสานส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสืบสวนสอบสวนขยายผลดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ด้าน พล.ร.ต.ชาติชาย ทองสะอาด ผอ.สำนักงานฝ่ายอำนวยการ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ภาค 1 เปิดเผยว่า การลักลอบค้าน้ำมันเถื่อนเป็นการทำลายผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ทำให้ประเทศชาติสูญเสียผลประโยชน์ด้านภาษี อันเป็นรายได้ในการพัฒนาประเทศ และการกระทำของผู้กระทำผิดอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ ที่หน่วยงานเกี่ยวข้องจะดำเนินการสืบสวนสอบสวน ขยายผลหาที่มาที่ไป ร่วมถึงผู้ร่วมขบวนการ ส่วนผู้กระทำผิดที่จับได้นั้น จะถูกดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป ด้าน นายวิทูรัช ศรีนาม ผู้ว่าฯจันทบุรี กล่าวว่า การบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการติดตามจับกุมผู้กระทำผิดครั้งนี้ สามารถจับน้ำมันลักลอบหนีภาษีได้มากถึง 50,000 ลิตร ที่ผ่านมาทางจังหวัดได้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจ ติดตามหาข่าว และดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิดแต่ส่วนใหญ่จะเป็นรายย่อยและจับได้บนฝั่ง ที่มีการนำขึ้นรถขนย้าย ครั้งนี้ถือเป็นการแสดงถึงความเข้มแข็งของการบูรณาการ ด้านการข่าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและความอดทน เสียสละของเจ้าหน้าที่ในการปกป้องความมั่นคงทางทะเล ซึ่งการจับน้ำมันลักลอบหนีภาษีล็อตใหญ่ทางทะเล จ.จันทบุรี ครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 7 ปี นับตั้งแต่ปี 2557 และปี 2560 จนกระทั่งในครั้งนี้ ที่มีปริมาณมากกว่า 50,000 ลิตร https://www.thairath.co.th/news/local/east/1856074 ********************************************************************************************************************************************************* พบขยะหน้ากากอนามัย ถุงมือแพทย์เกลื่อนก้นทะเลเมดิเตอร์เรเนียน พบหน้ากากอนามัย ถุงมือแพทย์ ใช้แล้วกลายเป็นขยะเกลื่อนก้นทะเลเมดิเตอร์เรเนียน นับเป็นผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมที่ตามมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 นักดำน้ำที่เป็นสมาชิกกลุ่มเอ็นจีโอ เคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมทางทะเล "โอเปอเรชั่น คลีน ซี" (Op?ration mer propre) บันทึกภาพระหว่างการลงไปดำน้ำสำรวจก้นทะเลเมดิเตอร์เรเนียน รอบชายฝั่งเมืองอองทีบส์ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส พบว่าตลอด 2 วันที่ออกสำรวจ พบขยะหน้ากากอนามัยเกือบ 10 ชิ้น และถุงมือยางลาเท็กซ์ 14 ชิ้น ปะปนอยู่กับขยะอื่นๆ บริเวณก้นทะเล กลุ่มโอเปอเรชั่น คลีน ซี โพสต์คลิปวิดีโอนี้ลงในเพจเฟซบุ๊ก Op?ration Mer Propre เรียกร้องให้ผู้คนตระหนักถึงปัญหาขยะที่ตามมาหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดย นายโลรองต์ ลอมบาร์ด ผู้ก่อตั้งกลุ่มโอเปอเรชั่น คลีน ซี เปิดเผยว่า การสำรวจทะเลก่อนหน้านี้ นักดำน้ำไม่ได้พบขยะประเภทหน้ากากอนามัยมานานแล้ว และเชื่อว่าการพบในครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของขยะมลพิษประเภทใหม่ ที่เป็นสัญญาณเตือนว่าหากไม่ระวังให้ดี จะมีหน้ากากอนามัยใช้แล้วหลายล้านชิ้นต้องมาอยู่ในสภาพนี้ ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 รัฐบาลฝรั่งเศสสั่งให้มีการผลิตหน้ากากอนามัยกว่า 2 พันล้านชิ้นออกสู่ท้องตลาดเพื่อรองรับความต้องการใช้ ซึ่งอยู่ที่กว่า 200 ล้านชิ้นต่อสัปดาห์. https://www.thairath.co.th/news/foreign/1855233 ********************************************************************************************************************************************************* รอยเท้าเตตระพอดว่ายน้ำที่เก่าแก่ Credit : Journal of Paleontology (2020) เตตระพอด (tetrapod) เป็นสัตว์มีกระดูกสันหลัง 4 ขา เคยอาศัยอยู่ในโลกเมื่อหลายร้อยปีที่แล้ว เคยมีการค้นพบซากดึกดำบรรพ์ หรือฟอสซิล รอยเท้าของเตตระพอดเมื่อเกือบ 80 ปีก่อนในเหมืองหินทรายที่เขตเบโรว์รา ชานเมืองซิดนีย์ ในออสเตรเลีย จากนั้นก็นำซากฟอสซิลนี้ไปเก็บที่พิพิธภัณฑ์ออสเตรเลียในซิดนีย์ รอยเท้าเหล่านี้ปรากฏบนหินที่ก่อตัวบริเวณด้านล่างของแม่น้ำขนาดใหญ่ ที่ครั้งหนึ่งเคยปกคลุมนครซิดนีย์ในกลางยุคไทรแอสสิค ประมาณ 240 ล้านปีที่แล้ว ก่อนการปรากฏตัวของไดโนเสาร์ และในที่สุดทรายที่อยู่ด้านล่างของแม่น้ำก็กลายเป็นหิน ปัจจุบันถูกเรียกว่าโขดหินทรายซิดนีย์ ฟอสซิลรอยเท้ามีเส้นทางยาว 4.2 เมตร นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยนิวอิงแลนด์ ระบุว่าน่าจะเป็นของสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำพวกเท็มโนสปอนดิล (temnospondyl) มีรูปร่างคล้ายซาลาแมนเดอร์ที่สูญพันธุ์ รอยเท้าดังกล่าวมีความสำคัญ เนื่องจากเป็นสถิติที่เก่าแก่ที่สุดของเตตระพอดในออสเตรเลีย รอยเท้า มือ รวมถึงลำดับช่องว่างระหว่างร่องรอย ทำให้นักวิจัยเชื่อว่าสัตว์กำลังว่ายน้ำในน้ำ ซึ่งปกติแล้วรอยเท้าของเตตระพอดยุคต้นมักพบว่าเกิดขึ้นบนพื้นดิน ทว่ารอยเท้าของเตตระพอดที่เกิดจากการที่มันว่ายน้ำ จึงเป็นหลักฐานที่มีค่าสำหรับการศึกษาว่าสัตว์เหล่านี้เคลื่อนไหวอย่างไรเมื่อ 240 ล้านปีก่อน. https://www.thairath.co.th/news/foreign/1854884
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์
อินโดนีเซียเริ่มทำฝนเทียมสกัดไฟป่าประจำปี ทางการอินโดนีเซียเริ่มทำฝนเทียม เพื่อสกัดกั้นไฟป่าตามฤดูกาล ที่ส่งหมอกควันพิษลอยปกคลุมหลายประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แทบทุกปี สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 28 พ.ค. ว่า สถานการณ์ไฟป่าอินโดนีเซียปีที่แล้ว นับว่ารุนแรงสุดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 เนื่องจากสภาพอากาศแห้งแล้ง ไฟเผาผลาญพื้นที่ประมาณ 3.95 ล้านเอเคอร์ (9.9 ล้านไร่) ส่วนใหญ่อยู่บนเกาะสุมตรา และเกาะบอร์เนียว เจ้าหน้าที่ระดมบุคคลากรหลายหมื่นคน และเครื่องบินดับเพลิง เข้าต่อสู้กับไฟ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากความตั้งใจเผาป่า เพื่อเตรียมผืนดินทำการเกษตร รวมถึงทำสวนปาล์มน้ำมัน และสวนเยื่อกระดาษ ในระยะ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทางการอินโดนีเซียได้เริ่มทำฝนเทียม ในจังหวัดเรียว บนเกาะสุมาตรา และที่เกาะบอร์เนียว ปฏิบัติการจะดำเนินต่อไปตลอดช่วงฤดูแล้ง ประมาณเดือน ก.ย. นายตรี ฮันโดโก เซโต เจ้าหน้าที่สำนักงานประเมินและประยุกต์ใช้เทคโนโลยี (บีพีพีที) ของรัฐบาลอินโดนีเซีย เผยว่า ปีนี้อินโดนีเซียดำเนินการสกัดกั้น ก่อนที่ไฟจะเริ่มไหม้ ไฟป่าอินโดนีเซียปีที่แล้ว ส่งหมอกควันพิษไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้โรงเรียนต้องปิด และทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับ การปล่อยคาร์บอนจะเพิ่มปัญหาภาวะโลกร้อน กลุ่มกรีนพีซ กล่าวเตือนว่า หมอกควันพิษจากไฟป่า และการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก อาจเป็นการผสมโรงที่ส่งผลกระทบร้ายแรง หลังจากองค์การสหประชาชาติแถลงเมื่อปีที่แล้วว่า ไฟป่าทำให้ประาชนหลายล้านคน ตกอยู่ในความเสี่ยง จากมลพิษทางอากาศ. https://www.dailynews.co.th/foreign/777049
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
ดีที่สุดในรอบ 20 ปี ลูกเต่ามะเฟืองฟักจากไข่รอดมากถึง 351 ตัว ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ว้าว! มาคลายเครียดจากโควิด-19 กับความน่ารัก ดุ๊กดิ๊ก ของลูกเต่ามะเฟืองทะเลอันดามัน 351 ตัว มากที่สุดในรอบกว่า 20 ปี ช่วงนี้หลายๆ คนกำลังเครียดกับสถานการณ์โควิด-19 ที่แพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลืมไปว่า ยังมีอีกหลายชีวิตที่กำลังเกิดใหม่ในพื้นที่ฝั่งทะเลอันดามัน นั่นก็คือลูกเต่ามะเฟือง ที่แม่เต่าทยอยขึ้นมาวางไข่ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา คือตั้งแต่ พ.ย.62-เม.ย.63 ซึ่งมีจำนวนมากถึง 11 รัง โดยเป็นจำนวนมากที่สุดของการขึ้นมาวางไข่ของเต่ามะเฟืองในรอบ 40 ปี ที่พบการวางไข่ของเต่ามะเฟือง จำนวน 9 รังในปี 2542 หลังจากนั้นการพบเห็นเต่ามะเฟืองขึ้นมาวางไข่มีน้อยลงจนแทบไม่เห็นอีกเลย ยกเว้นปีที่ผ่านมาที่เริ่มพบว่าขึ้นมาวางไข่อีกครั้ง หลังจากพบเต่าขึ้นมาวางไข่ กรม ทช. ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ ประกอบด้วย กรม ทช. ฐานทัพเรือพังงา อุทยานฯ อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน บ.TOT และพี่น้องประชาชน เพื่อร่วมปฏิบัติงานภายใต้ศูนย์เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์เต่ามะเฟือง จ.พังงา และ จ.ภูเก็ต รวม 7 แห่ง ตลอดระยะเวลา 5 เดือน (พฤศจิกายน 2562-เมษายน 2563) เพื่อเฝ้าระวัง ดูแล และอนุบาลลูกเต่ามะเฟือง ตั้งแต่แม่เต่าเริ่มวางไข่รังแรก เมื่อ 17 พฤศจิกายน 2562 ปากน้ำท้ายเหมือง จ.พังงา รังที่ 2 เมื่อวันที่ 27 พ.ย.62 บ้านบ่อด่าน จ.พังงา รังที่ 3 วันที่ 4 ม.ค.63 เขาหน้ายักษ์ จ.พังงา รังที่ 4 วันที่ 10 ม.ค.63 หาดในทอน จ.ภูเก็ต รังที่ 5 วันที่ 13 ม.ค.63 บ้านบ่อดาน จ.พังงา รังที่ 6 วันที่ 19 ม.ค.63 บ้านบ่อด่าน จ.พังงา รังที่ 7 วันที่ 19 ม.ค.63 หาดทรายแก้ว จ.ภูเก็ต รังที่ 8 วันที่ 31 ม.ค.63 หน้าวิทยาลัยการอาชีพท้ายเหมือง จ.พังงา รังที่ 9 วันที่ 7 ก.พ.63 หาดไม้ขาว จ.ภูเก็ต รังที่ 10 วันที่ 9 ก.พ.63 บ้านบ่อดาน จ.พังงา และรังที่ 11 วันที่ 10 ก.พ.63 เกาะคอเขา จ.พังงา อย่างไรก็ตาม หลังแม่เต่าขึ้นมาวางไข่จะใช้เวลาประมาณ 55-65 วัน ลูกเต่ามะเฟืองจึงจะฟักตัวออกจากไข่ จากจำนวน 11 รัง พบว่ามี 1 รังที่ถูกคนร้ายขโมย และมี 9 รังที่มีลูกเต่าฟักออกมาเป็นตัว เนื่องจากมี 1 รังที่ไม่มีการผสมน้ำเชื้อ จากจำนวน 9 รัง พบว่ามีลูกเต่ามะเฟืองจำนวน 351 ตัว ที่สามารถกลับลงทะเลได้อย่างปลอดภัย ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนลูกเต่าที่รอดมากที่สุดในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตาม โอกาสที่ลูกเต่าจะรอดเป็นเต่าเต็มวัยมีมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับธรรมชาติ และการไม่ทำลายทำธรรมชาติของมนุษย์ ซึ่งช่วงนี้นับว่าเป็นช่วงที่ดีหลังมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ธรรมชาติได้พักผ่อนและกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ถูกย่ำยีมาอย่างยาวนาน จนถึงวันที่จัดการไข่รังที่ 11 ที่หาดไม้ขาว ในวันที่ 16 เมษายน 2563 เสร็จเรียบร้อย โดยมีลูกเต่ามะเฟืองฟักเป็นตัวและปล่อยคืนลงสู่ทะเลอันดามันได้รวม 351 ตัว นับเป็นผลสำเร็จอย่างมากที่สุดในรอบ 20 ปี โดยสถิติเดิมที่เต่ามะเฟืองเคยขึ้นมาวางไข่มากสุดในปี 2542 อยู่ที่ 9 รังเท่านั้น https://mgronline.com/south/detail/9630000055563 ********************************************************************************************************************************************************* อันซีนกรุงเทพฯ ครอบครัว "นาก" สุดน่ารัก ออกหากินที่บางขุนเทียน ภาพจากกล้องดักถ่ายของสมิทธิ์ สุติบุตร์ เพจ Bangkok Otter โพสต์คลิปน่ารักๆ ของครอบครัวนากใหญ่ขนเรียบ 8 ตัว พากันออกจากรังเพื่อไปหากิน โดยเป็นภาพดักถ่ายจากโพรงบริเวณโรงเรียนทวีธาภิเศก บางขุนเทียน เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2563 ซึ่งทางเพจให้ข้อมูลว่าถือเป็นจำนวนล่าสุดของปีนี้ ณ เวลานี้ นากเหล่านี้เป็นนากใหญ่ขนเรียบ (Smooth-Coated Otter) เป็นนากสายพันธุ์ใหญ่ที่สุดที่พบในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถูกจัดให้เป็นสิ่งมีชีวิตที่เกือบอยู่ในข่ายใกล้การสูญพันธุ์ (Vulnerable) โดยนากใหญ่ขนเรียบเคยมีอยู่มากตามธรรมชาติในกรุงเทพฯ แต่ขณะนี้เหลืออยู่จำนวนน้อยมาก โดยอาศัยอยู่บริเวณโรงเรียนทวีธาภิเศก บางขุนเทียน ซึ่งในบริเวณนี้มีแหล่งน้ำธรรมชาติที่ฝูงนากเหล่านี้อาศัยอยู่ ซึ่งทางโรงเรียนและชุมชนใกล้เคียงก็ได้ร่วมกันอนุรักษ์และดูแลนากฝูงนี้ แต่ก็มีปัญหาอยู่บ้างเมื่อนากเหล่านี้ไปกินปลาในบ่อปลาของชาวบ้านที่เลี้ยงไว้ นากถือเป็นสัตว์ที่ชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งน้ำ เพราะนากกินปลาเป็นอาหาร หากมีนากอยู่แปลว่าบริเวณนั้นมีปลาอุดมสมบูรณ์ แต่เหตุที่นากในกรุงเทพฯ หายไปก็เนื่องจากความเจริญของเมืองที่ขยายขึ้น รบกวนแหล่งที่อยู่อาศัยของพวกมัน รวมถึงการถูกล่า และมลพิษในน้ำ ทั้งนี้เพจ Bangkok Otter เป็นเพจที่สร้างขึ้นเพื่อเล่าเรื่องราวการคงอยู่ของนากฝูงใหญ่ขนเรียบ ณ พื้นที่บางขุนเทียน กรุงเทพฯ ซึ่งคอยอัพเดทภาพ วิดีโอ และเรื่องราวของนากเหล่านี้ให้ได้ชมกันเสมอ https://mgronline.com/travel/detail/9630000055139
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#5
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าวไทย
ปูทหารนับล้าน เริงร่าริมหาด ตรัง 28 พ.ค.-ความสวยงามทางธรรมชาติกลับมาอีกครั้ง อย่างที่ชายหาดสำราญ อ.หาดสำราญ จ.ตรัง ในช่วงน้ำทะเลลดลงต่ำสุดพบปูทหารนับล้าน ๆ ตัวออกมาหากินบริเวณชายฝั่ง ซึ่งเป็นดินโคลนปนทรายและเงียบสงบไม่มีนักท่องเที่ยวสัญจรไปมา ที่บริเวณชายหาดสำราญ อ.หาดสำราญ จ.ตรัง ปูทหารนับล้าน ๆ ตัวพากันออกมาหากินบริเวณริมชายหาด ในช่วงที่น้ำทะเลลดลงต่ำสุดฝูงปูทหารออกมาเดินเล่นกันเป็นขบวน เป็นภาพที่สวยงามและสร้างความประทับใจให้กับผู้พบเห็นได้เป็นอย่างมาก และยังพบว่าฝูงปูทหารได้เพิ่มจำนวนมากขึ้นในห้วง 1-2 เดือนนี้ หลังมีการประกาศปิดแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล จากการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งปูทหารไม่นิยมนำมารับประทาน จึงทำให้มีประชากรปูทหารเป็นจำนวนมาก หากนับรวมตลอดแนวชายหาดสำราญ ระยะทางยาวกว่า 10 กิโลเมตร จะพบปูทหารหลายแสนล้านตัวเลยทีเดียว บางกลุ่มก็เดินเรียงหน้ากระดานและตามหลังกันมาเป็นแสน ๆ ตัว เพื่อมองหาอาหารที่อุดมสมบูรณ์ในบริเวณดังกล่าว ก่อนที่น้ำทะเลจะขึ้นและกลับลงรูไป . https://www.mcot.net/viewtna/5ecfa0e3e3f8e40af944d203
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#6
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก PPTV
เต่าทะเลปรากฏตัวใกล้สนามบินริโอ หลังมีเที่ยวบินน้อยลงช่วงโควิด-19 เสียงเครื่องบินที่หายไปในช่วงโควิด-19 เพราะไม่สามารถขึ้นบินได้ ทำให้มีผู้พบเห็นเต่าทะเลว่ายน้ำอยู่ใกล้กับสนามบินริโอเดอจาเนโร เต่าทะเลปรากฏตัวใกล้สนามบินริโอ หลังมีเที่ยวบินน้อยลงช่วงโควิด-19 การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้คนหลีกเลี่ยงการออกจากบ้าน กิจกรรมต่าง ๆ ถูกระงับ สัตว์หลายชนิดจึงเข้าสู่พื้นที่ที่มนุษย์อาศัยอยู่มากขึ้นเรื่อย ๆ รวมถึง "เต่าทะเล" ที่ประเทศบราซิล ใกล้กับสนามบินริโอเดอจาเนโร มีผู้พบเห็นเต่าทะเลกำลังว่ายน้ำอยู่ท่ามกลางกองขยะติดกับสนามบิน คาดว่าเนื่องจากเสียงเครื่องยนต์จากเครื่องบินหายไปเพราะโควิด-19 ทำให้เครื่องบินไม่สามารถขึ้นบินได้ ตามมาตรการสกัดการระบาด ซึ่งปกติเสียงเหล่านี้จะทำให้เต่าทะเลกลัวและหนีห่างออกไป ช่างภาพของสำนักข่าวรอยเตอร์ พบเต่าทะเลอย่างน้อย 4 ตัวว่ายน้ำอยู่ไม่ไกลจากรันเวย์ที่สนามบินซานโตสดูมองต์ (Santos Dumont) เมื่อวันอังคาร (26 พ.ค.) ที่ผ่านมา มาริโอ โมสคาเทลลิ (Mario Moscatelli) นักชีววิทยาและที่ปรึกษาโครงการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมของเมืองริโอ กล่าวว่า "การกักตัวช่วงโควิด-19 ทำให้สัตว์เหล่านี้สามารถปรากฏตัวในสถานที่ที่พวกเราไม่เคยเห็นในช่วงเวลาปกติ" เต่าทะเลปรากฏตัวใกล้สนามบินริโอ หลังมีเที่ยวบินน้อยลงช่วงโควิด-19 โมสคาเทลลิเสริมว่า ไม่ใช่เรื่องผิดปกติสำหรับเต่าทะเลที่จะเข้ามาในบริเวณอ่าว เมื่อมีผู้คน เรือ และเครื่องบิน ในบริเวณใกล้เคียงมีจำนวนน้อยลง พวกมันก็กล้าที่จะปรากฏตัวมากขึ้น บราซิลได้ยกเลิกเที่ยวบินมากกว่า 90% ของเที่ยวบินทั้งหมดนับตั้งแต่มีการปิดประเทศสกัดโควิด-19 ซึ่งโดยปกติแล้ว สนามบินซานโตสดูมองต์จะเป็น 1 ใน 5 สนามบินที่พลุกพล่านที่สุดของบราซิล และเป็นที่รู้จักในเรื่องทัศนียภาพอันงดงามของอ่าวริโอ แต่ ณ ตอนนี้ ซานโตสดูมองต์มีผู้โดยสารขาออกน้อยกว่า 15 เที่ยวบินต่อวัน อย่างไรก็ตาม สัตว์น้ำที่เข้ามาในพื้นที่สนามบินและบริเวณใกล้เคียงในช่วงนี้ยังคงมีความเสี่ยง เนื่องจากน้ำในบริเวณสนามบินมักเต็มไปด้วยขยะ "สัตว์ที่สวยงามเหล่านี้มักจบลงด้วยการเข้าใจผิดว่าขยะพลาสติกเป็นอาหาร ซึ่งอาจนำไปสู่การตายได้ เนื่องจากพลาสติกเหล่านั้นจะเข้าไปขัดขวางทางเดินอาหาร" โมสคาเทลลิกล่าว https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8...0%B8%99/126249
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|