เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 14-09-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันเสาร์ที่ 14 กันยายน 2567

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่างและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยเริ่มมีกำลังแรงขึ้นเป็นกำลังค่อนข้างแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง และมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 14 - 17 ก.ย. 67 ร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก

ส่วนในช่วงวันที่ 18 ? 19 ก.ย. 67 ร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออก เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนล่าง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีฝนลดลง ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

ในช่วงวันที่ 14 ? 19 ก.ย. 67 คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังค่อนข้างแรง โดยทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2 - 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร


ข้อควรระวัง

ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม สำหรับชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองตลอดช่วง ส่วนเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 14 ? 19 ก.ย. 67












__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 14-09-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


ชาวบ้านลาก "เคย" ได้กว่า 500 กก. ริมหาดหัวหิน เผยเมนูอร่อย นอกจากทำกะปิ

ชาวบ้านรวมตัวกันลาก "เคย" ริมชายหาดหัวหิน ได้กว่า 500 กก. บอกนานๆ ทีจะจับได้เยอะแบบนี้ เผยเมนูอร่อย นอกจากทำกะปิ



วันที่ 6 กันยายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านจำนวนมาก นำเครื่องมือประมงไปจับและลาก "เคย" บริเวณชายหาด หน้าสวนหลวงราชินี 19 ไร่ อ.หัวหิน โดยแต่ละกลุ่มสามารถจับเคยขึ้นมาได้กว่า 100 กิโลกรัม ซึ่ง "เคย" ที่จับได้นั้น ชาวบ้านก็จะนำไปทำกะปิขาย บางส่วนก็นำไปประกอบอาหารไว้กินภายในครอบครัว โดยเมนูที่นิยมก็จะมี ไข่เจียว ทอดมัน หรือนำไปชุบแป้งทอด ซึ่งวันนี้ชาวบ้านสามารถลาก "เคย" ได้รวมๆ กันกว่า 500 กิโลกรัมเลยทีเดียว

สำหรับ "เคย" เป็นสัตว์ทะเลกลุ่มหนึ่งที่มีวิวัฒนาการมาร่วมกับกุ้ง ซึ่งถ้าดูจากรูปร่างภายนอก จะมีลักษณะเหมือนกุ้ง ยกเว้นบริเวณส่วนหัวของเคย ที่จะไม่มีแผ่นปิดเหงือกแต่กุ้งมี ซึ่ง "เคย" เป็นวัตถุดิบหลักในการทำกะปิ คนใต้จึงเรียกกะปิว่า "เคย"

นายบุญมา พุ่มพฤกษ์ ข้าราชการวัยเกษียณ อายุ 64 ปี กล่าวว่า เมื่อเช้าตนออกมาจับปลาโดยการหว่านแห พบว่ามีอะไรมากระโดดใส่ขา ก็เลยรู้ว่ามี "เคย" อยู่บริเวณนั้น ซึ่งปกติมักจะมีช่วงหลังมรสุม แต่ครั้งนี้ไม่รู้ทำไมมาเร็ว ซึ่งอุปกรณ์ที่ใช้ในการจับ "เคย" ที่ตนใช้มีชื่อเรียกว่า "ละวะ" เป็นอุปกรณ์ใช้จับ ใช้ลาก "เคย" โดยเฉพาะ เวลาจับจะใช้วิธีการลาก โดยเอาเชือกผูกแล้วลาก ซึ่ง "เคย" ที่ได้มา นอกจากขายแล้วก็จะเอาไปทำกะปิ หรือนำไปทอดกับไข่ ทำทอดมันก็ได้ ปีนี้สามารถจับ "เคย" ได้เยอะกว่าปีก่อน เพราะว่า "เคย" ไม่ได้เข้ามาประมาณ 2-3 ปีแล้ว มันจะเข้าแบบนี้ประมาณ 1-2 วัน แล้วก็จะไปตามกระแสน้ำ

นายต้น อาชีพรับเหมาก่อสร้าง กล่าวว่า ตนมาจากตำบลห้วยทรายใต้ เห็นมีคนโพสต์ในเพจ "พลเมืองหัวหิน" เลยขับรถวิ่งมาซื้อ เพื่อเอาไปทำกะปิ วันนี้ซื้อเคยไป 6 กิโลกรัม กิโลกรัมละ 40 บาท ปกติตนไม่เคยลองทำเมนูอื่น วันนี้ว่าจะนำเคยไปลองทอดดู เห็นเขาว่าทอดกินได้.


https://www.thairath.co.th/news/loca...JhdGgtb25saW5l

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 14-09-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


ปาฏิหาริย์ เพนกวินญี่ปุ่นแหกกรงหนีออกทะเล 2 สัปดาห์ยังรอดชีวิต



พบตัวแล้ว เพนกวินเพศเมียวัย 6 ปี ที่หายตัวไปในระหว่างการจัดงานอีเวนท์ที่ญี่ปุ่น ที่ภูมิภาคไอจิ ตั้งแต่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยมีคนแจ้งพบมันว่ายน้ำเล่นอย่างสบายใจอยู่ที่ชายหาด

กลายเป็นข่าวโด่งดัง เมื่อเจ้าเพนจัง เพนกวินแอฟริกันเพศเมียวัย 6 ปี ที่เกิดและถูกเลี้ยงดูในสถานที่ปิดโดยมนุษย์มาตลอด หนีหายไปจากที่เก็บตัว ขณะที่มันถูกพามาร่วมในงานอีเวนท์ที่ภูมิภาคไอจิ ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ต่างไร้ความหวังว่ามันจะเอาชีวิตรอดในทะเลเปิดได้ เนื่องจากมันไม่เคยว่ายน้ำในทะเลธรรมชาติ และไม่เคยหาอาหารกินเอง แถมยังไม่เคยฝึกทักษะในการเอาชีวิตรอดยิ่งเวลาผ่านไปนาน โอกาสที่มันจะยังมีชีวิตอยู่ก็ริบหรี่ลงทุกที แต่จู่ๆหลังผ่านมานาน 2 สัปดาห์ ก็มีคนแจ้งข่าวว่าพบตัวมันแล้ว โดยมันว่ายน้ำอย่างร่าเริงบริเวณชายหาดที่ห่างจากจุดที่มันหายตัวไปราว 45 กิโลเมตร และดูเหมือนยังมีสุขภาพดี ทำให้เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลรีบไปตามรับตัวมันกลับมาโดยผลจากการตรวจร่างกายพบว่ามันยังคงแข็งแรงและมีสุขภาพดี แม้ว่าน้ำหนักตัวจะลดลงไปเล็กน้อยก็ตาม โดยคาดว่ามันน่าจะกินปลาและหอยที่มันจับมาเองประทังชีวิต ซึ่งนับว่าเป็นปาฏิหาริย์มากๆ

เรียวสุเกะ อิมาอิ ผู้ดูแลเจ้าเพนจังเล่าว่า หลังรู้ว่าเจ้าเพนจังหายตัวไป พวกเขาและทีมก็เริ่มออกตามหาในพื้นที่ใกล้เคียงทันที แต่เนื่องจากมีไต้ฝุ่นขนาดใหญ่เข้ามาทำให้ฝนตกหนักทั่วญี่ปุ่น และเป็นอุปสรรคต่อการค้นหา ทำให้ต้องยุติการค้นหาไป และได้แต่รอคอยว่าปาฏิหาริย์จะมีจริง จนกระทั่งได้พบตัวมันในที่สุด.

ที่มา : channelnewsasia


https://www.thairath.co.th/news/foreign/2814128

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 14-09-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ


เร่งช่วยชีวิตโลมาถูกคลื่นซัดเกยตื้นใกล้เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทุ่งทะเล

กระบี่ - เจ้าหน้าที่เร่งช่วยชีวิตปลาโลมา ถูกคลื่นพัดเกยตื้นริมหาดใกล้เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทุ่งทะเล จ.กระบี่ ล่าสุดช่วยได้ปลอดภัยแล้ว



วันนี้ (13 ก.ย.) จนท.เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทุ่งทะเล ต.เกาะกลาง อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ เข้าช่วยชีวิตปลาโลมาหนุ่มที่ถูกกระแสคลื่นซัดเข้าฝั่งหน้าสำนักงานเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทุ่งทะเล ต.เกาะกลาง อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ สภาพนอนพลิกหงายท้องเกยตื้นรอความช่วยเหลือ

จากการตรวจสอบพบว่าโลมาตัวดังกล่าวไม่มีบาดแผลหรือได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ร่างกายยังคงแข็งแรง โดย จนท.ต้องช่วยกันค่อยๆ อุ้มประคับประคองด้วยความทุลักทุเล ลงไปในทะเลจุดที่น้ำลึก เพื่อให้โลมาตัวดังกล่าวสามารถว่ายน้ำกลับออกไปในทะเลได้อย่างปลอดภัย เหตุเกิดช่วงของวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา

จนท.เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทุ่งทะเล เผยว่า โลมาตัวนี้มีชาวบ้านที่ออกหาหอย ไปพบจึงรีบตามจนท.เข้าช่วยเหลือ ล่าสุดช่วยไว้ปลอดภัย เบื้องต้น คาดว่าออกจากฝูงว่ายมาหากินใกล้ฝั่ง แต่ด้วยสภาพคลื่นที่พัดแรง จึงถูกกระแสคลื่นพัดเข้าฝั่ง พอน้ำลดไม่สามารถว่ายกลับทะเลได้ทัน จึงเกยติดหาดดังกล่าว


https://mgronline.com/south/detail/9670000085393

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 14-09-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก SpringNews


"ยางิ" สร้างความเสียหายสาหัส โทษโลกร้อนได้ไหม?


SHORT CUT

- เฮอริเคน ไต้ฝุ่น และไซโคลน คือพายุที่ได้รับพลังงานจากน้ำทะเลที่มีอุณหภูมิสูง ส่งผลให้ระดับความเร็วเพิ่มขึ้น

- นักวิทยาศาสตร์พบว่า พายุเหล่านั้นเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น ท่ามกลางวิกฤติโลกร้อน

- แม้พายุจะอ่อนกำลังลง แต่ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นก็สร้างความเสียหายเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด




แม้จะสามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้า แต่หลายประเทศในเอเชียก็ยังคงได้รับความเสียหายหนักจากผลกระทบของพายุ "ยางิ" เกินกว่าที่คาดคิด ซึ่งผู้เชี่ยวชาญมองว่า "โลกร้อน" คือปัจจัยสำคัญของภัยพิบัติครั้งนี้

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว "ซูเปอร์ไต้ฝุ่นยางิ" ได้ทิ้งร่องรอยความเสียหายไว้ในฟิลิปปินส์ พัดถล่มทำลายล้างเกาะไหหลำของจีน ก่อนจะเคลื่อนตัวเข้าถล่มทางตอนเหนือของเวียดนาม ทำให้เกิดแผ่นดินถล่ม น้ำท่วม คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 127 บาดเจ็บหลายร้อยคน ผู้คนนับล้านทั่วภูมิภาคไม่มีไฟฟ้าใช้ และหลายคนจำเป็นต้องอพยพหนีออกจากบ้าน

ด้วยความเร็วลมสูงสุดอย่างน้อย 203 กม./ชม. ยางิจึงเป็นพายุไซโคลนเขตร้อนที่ทรงพลังเป็นอันดับสองของโลกจนถึงปีนี้ รองจากพายุเฮอริเคนเบริล และเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดในเอเชียปีนี้เช่นกัน


อะไรทำให้พายุลูกนี้สร้างความเสียหายรุนแรงเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด

"ซูเปอร์ไต้ฝุ่น" เป็นพายุที่มีความรุนแรงเทียบเท่ากับพายุเฮอริเคนระดับ 5 ซึ่งเป็นระดับที่รุนแรงที่สุด

แม้ว่าจะมีชื่อแตกต่างกันไปตามพื้นที่ที่เกิดขึ้น แต่เฮอริเคน ไต้ฝุ่น และไซโคลน ล้วนมีกลไกการหมุนวนขนาดใหญ่ที่ใช้อากาศอุ่นและชื้นเป็นเชื้อเพลิง พวกมันจะเริ่มก่อตัวขึ้นในน่านน้ำเขตร้อนใกล้เส้นศูนย์สูตร บริเวณที่ผิวทะเลมีอุณหภูมิอย่างน้อยราว 27 องศาเซลเซียส

โดยปกติพายุหมุนเขตร้อนจะเริ่มอ่อนกำลังลงเมื่อเคลื่อนตัวเข้าสู่แผ่นดิน เนื่องจากไม่ได้รับพลังงานจากน้ำทะเลอุ่นอีกต่อไป แต่กว่าจะถึงจุดที่พายุสลายตัว มันก็สร้างความเสียหายระดับหายนะในทุกพื้นที่ที่เคลื่อนตัวผ่านไป


"โลกร้อน" ทำให้พายุทวีความรุนแรงขึ้น

การก่อตัวของพายุสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์พบว่า "การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ" คือสาเหตุที่ทำให้พายุไต้ฝุ่น พายุเฮอริเคน และพายุไซโคลน มีความรุนแรงขึ้นกว่าปกติ เพราะน้ำทะเลที่มีอุณหภูมิสูงขึ้น ยิ่งกลายเป็นพลังงานสำคัญที่ทำให้พายุเพิ่มความเร็วลมได้มากกว่าเดิม

บรรยากาศที่อุ่นขึ้นยังกักเก็บความชื้นเอาไว้ ทำให้บริเวณที่เกิดพายุ มีฝนตกหนักมากขึ้น ส่งผลให้พายุยังสามารถเคลื่อนตัวปกคลุมแผ่นดินได้เป็นระยะเวลานาน ขณะที่ระดับน้ำทะเลซึ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องก็มีบทบาทในการสร้างความเสียหายต่อชุมชนชายฝั่งขณะเกิดพายุเช่นกัน

นั่นหมายความว่า หากอุณหภูมิของโลกและน้ำทะเลยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ ก็มีโอกาสที่เราจะได้เผชิญกับซูเปอร์ไต้ฝุ่นที่มีความรุนแรงมากกว่านี้ในอนาคต

ที่มา: euronews


https://www.springnews.co.th/keep-th...-change/852731

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 14-09-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก SpringNews


ไทยเผชิญน้ำท่วมภาคเหนือรุนแรง สะท้อน "ภาวะโลกรวน"


SHORT CUT

- ภาคเหนือของไทยกำลังเผชิญสถานการณ์น้ำท่วมที่รุนแรงกว่าปกติ

- UNDP ชี้ว่า น้ำท่วมครั้งนี้สะท้อนให้เห็นผลกระทบจากภาวะโลกรวน

- พร้อมย้ำว่าแผนรับมือภาวะโลกรวนเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องเร่งแก้ปัญหา




UNDP ชี้ ไทยเผชิญน้ำท่วมที่รุนแรงผิดปกติ เนื่องจากปัญหา "ภาวะโลกรวน" ซึ่งเป็นต้นเหตุของอากาศแปรปรวน ฝนตก-น้ำท่วม ในเอเชีย

แม้สถานการณ์น้ำท่วมจะเป็นสิ่งที่ชาวไทยต้องเผชิญกันมาเนิ่นนาน แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลายพื้นที่ทั่วประเทศต้องเผชิญกับน้ำท่วมที่รุนแรงผิดปกติ ไม่ต่างจากสิ่งที่เกิดขึ้นในอีกหลายประเทศทั่วเอเชีย

โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ หรือ UNDP ระบุว่า สถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดเชียงรายและภาคเหนือของไทย กำลังสะท้อนให้เห็น "ภาวะโลกรวน" ที่ทำให้หลายพื้นที่ต้องเผชิญกับฝนตกหนัก สภาพอากาศแปรปรวน ซึ่งสอดคล้องกับรายงานองค์การอุตุนิยมวิทยาโลกที่ชี้ว่าโลกรวนทำให้ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกเจอกับสภาพอากาศสุดขั้วรุนแรงที่สุดในปี 2023 เช่น ฝนตกหนัก และระดับน้ำของแม่น้ำโขงลดลง

ขณะที่รายงานแห่งชาติฉบับที่ 4 ปี 2565 ที่จัดทำโดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ UNDP ชี้ว่า ภาคอีสานและภาคเหนือคือพื้นที่เสี่ยงเผชิญภัยพิบัติหนัก ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรที่ไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ ทำให้มีสัตว์สูญพันธุ์ ไปจนถึงการปนเปื้อนในแหล่งน้ำที่นำไปสู่โรคระบาด

ข้อมูลยังระบุว่า ไทยเป็น 1 ใน 10 ประเทศที่ได้รับผลกระทบร้ายแรงที่สุดจากภาวะโลกรวน และหนึ่งในอาชีพที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือเกษตรกรไทยกว่า 12 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 6 ของประชากรไทย สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจได้สูงสุดมากกว่า 80,000 ล้านบาทต่อปี

ความเสี่ยงเผชิญภัยพิบัติของไทยตอกย้ำว่า แผนการรับมือกับภาวะโลกรวนเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องแก้ปัญหาผ่านหลายแนวทาง เช่น งบประมาณที่ต้องบูรณาการ นโยบายของทุกภาคส่วน ตั้งแต่มิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ต้องมองโลกรวนเป็นปัจจัยสำคัญในการวางแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ รวมถึงการปรับแนวทางภาคเกษตรให้ยืดหยุ่นเพื่อเตรียมรับมือความเสี่ยงที่เกิดขึ้น

ที่มา: UNDP


https://www.springnews.co.th/keep-th...-change/852749

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:22


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger