#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอังคารที่ 14 กรกฏาคม 2563
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทย ในขณะที่มีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทยและอ่าวไทย ทำให้ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยของภาคเหนือและภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากได้ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 14 - 17 ก.ค. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทย ในขณะที่มีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุม ประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น กับมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 16-17 ก.ค. 63 ส่วนในช่วงวันที่ 18 - 19 ก.ค. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทยจะมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบน มีฝนลดลง
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
จวกยับไกด์-นักท่องเที่ยวเข้าไปถ่ายรูปใกล้ชิดเรือปะการัง หวั่นทำให้เสียหาย ศูนย์ข่าวภูเก็ต - กลุ่มอนุรักษ์รุมประณาม ไกด์พร้อมนักดำน้ำคนไทย เข้าไปถ่ายภาพใกล้ชิดกับซากเรือปะการัง บริเวณ เกาะราชา หวั่นสร้างความเสียหาย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "Khanchit Klingklip" ได้โพสต์ภาพใต้น้ำที่มีนักดำน้ำหลายคนกำลังจับกลุ่มถ่ายภาพกับซากเรือปะการังเทียม พร้อมข้อความระบุว่า "ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาเราหลายคนและหลายๆ ภาคส่วนร่วมกันอนุรักษ์ปะการัง ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สร้างงานสร้างรายได้มหาศาลแก่ประเทศ แก่คนในท้องถิ่นได้มีงานทำกันจากการท่องเที่ยว และกว่าที่ปะการังจะเติบโตได้ใช้ระยะเวลานานหลายปี มีคนมากมายช่วยกันคอยดูแลและรักษาไว้ ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ปะการังได้พักฟื้นเป็นอย่างดี แต่เมื่อมีการเปิดให้ดำเนินการกิจกรรมได้ กลับมีการกระทำที่ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง อย่างที่ภาพมันฟ้องออกมาเช่นนี้ มันสมควรแล้วหรือ คงไม่ใช่การท่องเที่ยว แต่กำลังเป็นการทำร้ายและทำลายสิ่งสวยงามของปะการัง ที่เป็นทรัพยากรทางธรรมชาติในทะเล หยุดกิจกรรมที่ส่งผลการทำร้ายและทำลายปะการังเสียเถอะ หยุด เข้าใกล้จนเกินไป ไม่ควรที่จะสัมผัส ไม่ควรจะนั่งทับ เหมือนเช่นในภาพ คุณกล้าโพสต์ เรากล้าแชร์ กล้าที่จะเผยแพร่ภาพที่ไม่สมควรจะเกิดขึ้นกับปะการัง ปล.ลบไปก็เท่านั้น ก๊อบไว้หมดแล้ว แชร์ให้โลกรู้ว่ายังมีทริปแบบนี้อยู่อีกเหรอ" ทั้งนี้ จากการสอบถามไปยังผู้โพสต์ คือ นายครรชิต คลิ้งขลิบ สมาชิกชมรม HEALTHY REEF'S และเป็นเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรฯ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวคาดว่าเกิดขึ้นเมื่อประมาณวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยมีการนำภาพโพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวของหญิงสาวรายหนึ่ง ซึ่งคาดว่าเป็นไกด์ดำน้ำของบริษัททัวร์ ในวันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยโพสต์ลักษณะเชิญชวนให้ไปดำน้ำดูปะการังที่เกาะราชา ก่อนจะมีการลบโพสต์ดังกล่าวไปแต่บังเอิญตนเองสามารถบันทึกไว้ได้ นายครรชิต กล่าวเพิ่มเติมว่า จากภาพพบว่าเป็นบริเวณด้านหน้าอ่าวทือ ของเกาะราชา ซึ่งจุดดังกล่าวในอดีต เมื่อประมาณปี 2552 ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 ภูเก็ต กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับจังหวัดภูเก็ต ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวเกาะราชาใหญ่ ได้มีการจมเรือ "สตาร์ลูบี้" ทำปะการังเทียม เพื่อให้เป็นจุดดำน้ำท่องเที่ยวทางทะเล ซึ่งผ่านมากว่า 11 ปี สภาพปัจจุบันนับว่าเป็นจุดที่มีปะการังอุดมสมบูรณ์ มีสัตว์น้ำนานาชนิดเข้าไปอาศัย และหลังจากที่หยุดการท่องเที่ยวทางทะเลในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ก็ยิ่งทำให้มีการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น แต่กลุ่มคนดังกล่าว ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นกลุ่มกรุ๊ปทัวร์พานักดำน้ำชาวไทยเข้าไปเหยียบย่ำ ทั้งที่มีระเบียบร่วมกันไว้ว่า สามารถเข้าใกล้ในระยะที่สมควร ไม่เข้าใกล้เกินไป และไม่ควรสัมผัส เพราะปะการังจะได้รับความเสียหาย จึงอยากให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบ รวมถึงฝากไปถึงผู้ประกอบการ นักดำน้ำ เคารพกฎกติกา และพึงระวังไม่ทำความเสียหายต่อทรัพยากร ซึ่งเป็นดั่งสมบัติของคนทั้งชาติ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากกรณีดังกล่าว ทำให้ที่เฟซบุ๊กชื่อ "จิตอาสา Go Eco Phuket" ซึ่งเป็นเครือข่ายนักอนุรักษ์ทางทะเลได้ออกมาโพสต์ ประณามการกระทำดังกล่าวแล้วด้วยเช่นกัน ล่าสุด ทางสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 (พังงา) หรือ สทช.6 ได้รับทราบปัญหาดังกล่าวแล้ว และอยู่ระหว่างการตรวจสอบ https://mgronline.com/south/detail/9630000071818
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก โพสต์ทูเดย์
"ดร.ธรณ์"ขอบคุณแม่เต่ากระแห่งปีตัวเดียววางไข่บนเกาะสมุยถึง 7 รัง "ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์"โพสต์ขอบคุณแม่เต่ากระตัวเดียววางไข่บนเกาะสมุยถึง 7 รังชี้สมควรได้รับรางวัลเต่าทะเลแห่งปี พร้อมชวนคนไทยลดขยะพลาสติกเพื่อไม่ให้ไปอยู่ในท้องเต่า เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศทางทะเล และรองคณบดี คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก"Thon Thamrongnawasawat " ถึงปรากฏการณ์เต่าทะเลขึ้นวางไข่บนชายหาดที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี จำนวนมากในรอบหลายปี ว่า ปีนี้แม่เต่าวางไข่ที่เกาะสมุยเกือบ 20 รัง ลบทุกสถิติในรอบกว่า 10 ปี หนึ่งในแม่เต่าผู้ยิ่งใหญ่คือ คุณแม่เต่ากระตัวนี้ เธอวางไข่ถึง 7 รัง กรมทะเล ติดเครื่อง tracking ให้คุณแม่ จนกลายเป็น #เต่าติดดาว ตัวแรกของเกาะสมุย (ก่อนหน้านี้เคยทำ แต่ไม่ใช่ที่เกาะสมุย) ดร.ธรณ์ ระบุว่า เครื่องส่งสัญญาณบอกว่า ตอนนี้เธอจบภารกิจแล้ว กำลังมุ่งหน้าขึ้นเหนือ จะผ่านเกาะเต่าทางทิศตะวันออก ตอนนี้เธอกำลังล่องลอยกลางอ่าวไทย ถิ่นหากินของเธออยู่ไหน เราคงตามดูต่อไปครับ อย่างไรก็ตาม เราต้องขอบคุณแม่เต่ากระรายนี้ให้มากๆ เพราะลูกๆ ของเธอกว่าร้อยตัวเกิดแล้วลงเลเกาะสมุยแล้ว และกำลังจะตามมาอีกนับร้อย หวังว่าเธอคงอยู่รอดปลอดภัย และอีก 2-3 ปีจะได้กลับมาสู่เกาะสมุยอีกครั้ง "ส่งกำลังใจและร่วมปรบมือให้คุณแม่เต่าผู้สมควรได้รับรางวัลเต่าทะเลแห่งปี ด้วยการลดขยะพลาสติกทั้งหลายทั้งปวง เพราะมันจะเศร้ามาก หากเดือนหน้าเธอตาย และในท้องเธอมีพลาสติกที่เคยอยู่ในมือเราครับ" ดร.ธรณ์ ระบุ https://www.posttoday.com/social/local/628280
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ
'กลุ่มอนุรักษ์' โวยนักดำน้ำเกาะราชา หวั่นเหยียบปะการังเละ! "กลุ่มอนุรักษ์" โวยกลุ่มนักดำน้ำถ่ายภาพใกล้ชิดซากเรือปะการัง เกาะราชา หวั่นสร้างความเสียหาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "Khanchit Klingklip" ได้โพสต์ภาพใต้น้ำ ที่มีนักดำน้ำหลายคนกำลังจับกลุ่มถ่ายภาพกับซากเรือปะการังเทียม พร้อมข้อความระบุว่า "ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาเราหลายคนและหลายๆ ภาคส่วนร่วมกันอนุรักษ์ปะการัง ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สร้างงานสร้างรายได้มหาศาลแก่ประเทศ แก่คนในท้องถิ่นได้มีงานทำกัน จากการท่องเที่ยว และกว่าที่ปะการังจะเติบโตได้ใช้ระยะเวลานานหลายปี มีคนมากมายช่วยกันคอยดูแลและรักษาไว้ ในช่วงวิกฤติโควิด ปะการังได้พักฟื้นเป็นอย่างดี แต่เมื่อมีการเปิดให้ดำเนินการกิจกรรมได้ กลับมีการกระทำที่ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง อย่างที่ภาพมันฟ้องออกมาเช่นนี้ มันสมควรแล้วหรือ นี้คงไม่ใช่การท่องเที่ยว แต่กำลังเป็นการทำร้ายและทำลายสิ่งสวยงามของปะการัง ที่เป็นทรัพยากรทางธรรมชาติในทะเล หยุดกิจกรรมที่ส่งผลการทำร้ายและทำลายปะการังเสียเถอะ หยุด เข้าใกล้จนเกินไป ไม่ควรที่จะสัมผัส ไม่ควรจะนั่งทับเหมือนเช่นในภาพ คุณกล้าโพสต์ เรากล้าแชร์ กล้าที่จะเผยแพร่ภาพที่ไม่สมควรจะเกิดขึ้นกับปะการัง ปล.ลบไปก็เท่านั้น ก๊อปไว้หมดแล้ว แชร์ให้โลกรู้ว่ายังมีทริปแบบนี้อยู่อีกเหรอ" ทั้งนี้ จากการสอบถามไปยัง ผู้โพสต์ คือ นายครรชิต คลิ้งขลิบ สมาชิกชมรม HEALTHY REEF'S และเป็น เครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรฯ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวคาดว่าเกิดขึ้นเมื่อประมาณ วันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา ก่อนที่มีการนำมาโพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวของหญิงสาวรายหนึ่ง ซึ่งคาดว่าเป็นไกด์ดำน้ำของบริษัททัวร์ ในวันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยโพสต์ลักษณะเชิญชวนให้ไปดำน้ำดูปะการังที่เกาะราชา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ก่อนจะมีการลบโพสต์ดังกล่าวไปแล้ว แต่บังเอิญตนได้บันทึกโพสต์ดังกล่าวไว้ได้ "จากในภาพพบว่า เป็นบริเวณด้านหน้าอ่าวทือ ของเกาะราชา ซึ่งจุดดังกล่าวในอดีตเมื่อประมาณปี 2552 ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 ภูเก็ต (ชื่อเดิม) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับจังหวัดภูเก็ต ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวเกาะราชาใหญ่ ได้มีการจมเรือ "สตาร์ลูบี้" เพื่อทำปะการังเทียม และให้เป็นจุดดำน้ำท่องเที่ยวทางทะเล ผ่านมากว่า 11 ปี สภาพปัจจุบันนับว่าเป็นจุดที่ปะการังกลับมาอุดมสมบูรณ์จุดหนึ่ง มีสัตว์น้ำนานาชนิดเข้าไปอาศัย และหลังจากหยุดการท่องเที่ยวทางทะเลในช่วงสถานการณ์โควิดยิ่งทำให้มีการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น แต่กลุ่มคนดังกล่าว คาดว่าน่าจะเป็นกรุ๊ปทัวร์พากลุ่มนักดำน้ำชาวไทยเข้าไปเหยียบย่ำ ทั้งที่มีระเบียบร่วมกันไว้ว่า สามรถเข้าใกล้ในระยะที่สมควร ไม่เข้าใกล้เกินไป และไม่ควรสัมผัส เพราะปะการังจะได้รับความเสียหาย จึงอยากให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบ รวมถึงฝากไปถึงผู้ประกอบการ นักดำน้ำ เคารพกฎกติกา และพึงระวังไม่ทำความเสียหายต่อทรัพยากร ซึ่งเป็นดั่งสมบัติของคนทั้งชาติ" นายครรชิตกล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากกรณีดังกล่าว ทำให้เฟซบุ๊ก ชื่อ "จิตอาสา Go Eco Phuket" ซึ่งเป็นเครือข่ายนักอนุรักษ์ทางทะเลฯ ได้ออกมาโพสต์ ประณามการกระทำดังกล่าวแล้วด้วยเช่นกัน และล่าสุดทาง สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 (พังงา) หรือ สทช.6 ซึ่งดูแลรับผิดชอบพื้นที่ จ.ภูเก็ต ด้วยได้รับทราบปัญหาดังกล่าวแล้ว และอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง https://www.bangkokbiznews.com/news/...mpaign=bangkok
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|