เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 23-06-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน 2567

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ประกอบกับแนวร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลางลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักมากบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันควรงดจากฝั่ง


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 27-28 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 23 ? 26 มิ.ย. 67 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีค่อนข้างแรง ประกอบกับจะมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในขณะที่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลางซึ่งมีแนวโน้มมีกำลังแรงขึ้นโดยมีทิศทางการเคลื่อนที่ไปทางเกาะไหหลำ และอ่าวตังเกี๋ย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักมากบางแห่งในบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2 ? 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 27 ? 28 มิ.ย. 67 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อนลง ประกอบกับร่องมรสุมจะเลื่อนขึ้นไปพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน และอ่าวตังเกี๋ย ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนอง กับมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร


ข้อควรระวัง

ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วยตลอดช่วง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 23 - 26 มิ.ย. 67



******************************************************************************************************



ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย และคลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามัน ฉบับที่ 4 (118/2567) (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 23 - 26 มิถุนายน 2567)


มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ประกอบกับแนวร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในขณะที่หย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลางมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย

จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง มีดังนี้


วันที่ 23 มิถุนายน 2567

ภาคเหนือ : จังหวัดแม่ฮ่องสอน น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และตาก

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ยโสธร กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา มหาสารคาม ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท กาญจนบุรี ราชบุรี ลพบุรี และสระบุรี

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ระยอง จันทบุรี และตราด

ภาคใต้: จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ และตรัง


วันที่ 24 มิถุนายน 2567

ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย พะเยา น่าน อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร และตาก

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดหนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี ราชบุรี และสระบุรี

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

ภาคใต้: จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ และตรัง


วันที่ 25-26 มิถุนายน 2567

ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย กำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และตาก

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี

ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

ภาคใต้: จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ และตรัง


สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งไว้ด้วย



__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 23-06-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ


แมงกะพรุนไฟเรือรบโปรตุเกส โผล่หน้าหาดภูเก็ต ช่วงมรสุม

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - แมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกส พิษร้ายแรงที่สุดในโลก โผล่หน้าหาดต่างๆ ในภูเก็ต ช่วงมรสุมคบื่นลมแรง



วันนี้ (22 มิ.ย. 67) เฟซบุ๊ก Phuket Lifeguard Service ได้โพสต์ภาพแมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกส หรือแมงกะพรุนไฟเรือรบโปรตุเกส ที่เริ่มพบตามชายหาดทั่วเกาะภูเก็ตในช่วงมรสุมนี้ โดยระบุข้อความว่า "วันนี้มีการพบแมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกส บนชายหาดกะรน เจ้าหน้าที่ไลฟ์การ์ด ได้เก็บออกจากบริเวณชายหาด ส่วนของายหาดอื่นๆยังไม่มีรายงานการพบ

สำหรับแมงกะพรุนไฟเรือรบโปรตุเกส (Portuguese man-of-war) กัน โดยแมงกะพรุนไฟสายพันธุ์ Physalia มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า แมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกส เป็นแมงกะพรุนมีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก พบส่วนมากในต่างประเทศ อาจถูกพัดเข้าสู่ทะเลไทยได้ในบางฤดูกาล

หากโดนแมงกะพรุนดังกล่าวเข้าไปจะทำให้มีอาการปวดแสบปวดร้อน อาจส่งผลต่อระบบผิวหนัง ระบบประสาทหัวใจและอาจเสียชีวิตได้ หากโดนสัมผัสควรใช้วัสดุแข็งเขี่ยหนวดออกจากร่างกาย ห้ามใช้มือสัมผัสโดยตรงและห้ามนวดหรือทายาใดๆ ล้างแผลด้วยน้ำทะเล ห้ามใช้น้ำส้มสายชูล้างแผลโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้พิษกระจายเร็วขึ้น ใช้น้ำแข็งประคบเบาๆ เพื่อลดอาการปวดบวม และรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด


https://mgronline.com/south/detail/9...53497?tbref=hp

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 23-06-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ


กวาดล้าง "ลอบไอ้โง่" กลางทะเลปากพนังได้มากขึ้น หลังเจ้าหน้าที่ปรับแผน

นครศรีธรรมราช - กวาดล้างต่อเนื่อง "ลอบไอ้โง่" เครื่องมือประมงผิดกฎหมายกลางอ่าวปากพนัง หลังเจ้าหน้าที่หน่วยปราบปรามประมงทะเลปากพนัง และเจ้าหน้าที่ ศรชล.ภาค 2 นครศรีธรรมราช ปรับแผนใช้เรือแอร์โบ๊ต



วันนี้ (22 มิ.ย.) ที่ จ.นครศรีธรรมราช การปฏิบัติการกวาดล้างเครื่องมือประมงผิดกฎหมายยังคงดำเนินการต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่หน่วยปราบปรามประมงทะเลปากพนัง และเจ้าหน้าที่ ศรชล.ภาค 2 นครศรีธรรมราช ได้ใช้เรือแอร์โบ๊ต ซึ่งเป็นเรือที่เข้าถึงได้ทุกพื้นที่ ไล่ล่าจับกุมกลุ่มเรือเครื่องมือประมงผิดกฎหมายกลุ่มลอบไอ้โง่ เป็นหนึ่งในเครื่องมือทำลายล้าง โดยจับกุมได้พร้อมของกลางและผู้ต้องหาขณะพยายามหลบหนีเข้าไปในลำบาง หรือร่องน้ำเล็กๆ เข้าสู่ป่าชายเลน ซึ่งก่อนหน้าเจ้าหน้าที่ไล่ล่าลำบากจากเรือของทางราชการที่ไม่สามารถติดตามมาในภูมิประเทศแบบนี้ได้ จนกระทั่งมีการปรับแผนและนำเรือแอร์โบ๊ตมาใช้จนเข้าถึงและเป็นเรือที่กดดันการทำผิดกฎหมายได้ผลดีมากขึ้น

ขณะเดียวกัน การกวาดล้างเครื่องมือผิดกฎหมายจะสังเกตได้ว่าจะมีเรือประมงขนาดเล็กคอยดูการทำงานของเจ้าหน้าที่แต่ไม่กล้าแสดงตัว หรือขัดขวางเหมือนอดีตที่ผ่านมา ในอ่าวปากพนัง และอ่าวนครศรีธรรมราช โดยเฉพาะกลุ่มลอบไอ้โง่ เจ้าหน้าที่จะใช้วิธีการตระเวนเก็บยึดและเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเจ้าของพื้นที่เพื่อติดตามสอบหาเจ้าของ

ส่วนการปฏิบัติการตรวจยึดเช่นนี้จะสร้างผลกระทบให้แก่นายทุนผู้อยู่เบื้องหลังชาวประมงซึ่งเป็นผู้ออกทุนในการจัดหาเครื่องมือให้แก่ชาวประมงซึ่งไม่มีทุนเพียงพอ โดยต่อลอบพับ 1 ลูกของใหม่จากร้านเครื่องมือประมงจะมีราคาสูงถึง 600-800 บาท และการวางต่อครั้งของชาวประมงหนึ่งรายราว 100 ลูก หากถูกยึดทั้งหมดต่อรายต่อครั้งมูลค่าที่เสียหายของนายทุนจะสูงถึง 6-8 หมื่นบาท หากปฏิบัติการตรวจยึดต่อเนื่องจะส่งผลให้นายทุนไม่กล้าออกทุนให้ ขณะที่ชาวประมงพื้นบ้านจะเริ่มเลือกกลับไปใช้เครื่องมือถูกกฎหมาย

สำหรับลอบไอ้โง่ หรือลอบพับ ตามพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 67 ได้บัญญัติห้ามมิให้ผู้ใดใช้หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อใช้เครื่องมือทำการประมงชนิดเครื่องมือลอบพับได้หรือไอ้โง่ที่มีช่องทางเข้าของสัตว์น้ำ สลับซ้ายขวาอยู่ทางด้านข้าง อันเนื่องมาจากเครื่องมือชนิดนี้เมื่อนำมาทำการประมงในแหล่งน้ำหรือทะเลจะจับสัตว์น้ำได้ทุกชนิด

แต่ทว่าเครื่องมือชนิดนี้ไม่ได้ห้ามใช้จับสัตว์น้ำในบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ จึงเป็นช่องทางให้หาซื้อเครื่องมือในตลาดทั่วไปได้ ก่อให้เกิดปัญหาการใช้เครื่องมือประมงผิดกฎหมายในพื้นที่สาธารณะ


https://mgronline.com/south/detail/9670000053453

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 23-06-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ


หายนะโลกร้อน 'เมืองสกีรีสอร์ตสวิตฯ' น้ำท่วม-ดินถล่ม หลังฝนตกหนักจนหิมะละลาย

เมืองสกีรีสอร์ต Zermatt ในสวิตเซอร์แลนด์ เผชิญฝนตกหนักจนหิมะในหุบเขาละลาย ส่งผลให้น้ำในแม่น้ำของเมืองเอ่อล้น และเกิดน้ำท่วม-ดินถล่มในหลายพื้นที่ จนปิดเส้นทางการเข้าถึงเมือง



สำนักข่าวสโนว์เบรน (Snowbrains) รายงานวานนี้ (21 มิ.ย.) ว่า เมืองสกีรีสอร์ตชื่อดัง Zermatt ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก หลังเกิดดินถล่มและน้ำท่วมเนื่องจากแม่น้ำในพื้นที่ล้น ทำให้ถนนหนทางไม่สามารถสัญจรได้ในวันศุกร์ที่ผ่านมา

เมือง Zermatt ตั้งอยู่ในรัฐวาเล (Wallis/Valais) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เกิดฝนตกหนัก จนทำให้แม่น้ำหลายสายในพื้นที่เกิดน้ำล้น โดยน้ำจากแม่น้ำ Rhone ซึ่งเป็นหนึ่งในแม่น้ำที่สำคัญแห่งหนึ่งในยุโรปที่มีต้นกำเนิดในสวิตเซอร์แลนด์ และไหลผ่านไปยังฝรั่งเศสนั้น ไหลท่วมทั่วพื้นที่ส่วนใหญ่ของรัฐวาเล และแม่น้ำ Vispa ในเมือง Zermatt ที่รองรับน้ำจากแม่น้ำ Rhone เกิดน้ำล้นไหลท่วมถนนหลายสาย จนปิดเส้นทางหลายแห่งในหมู่บ้านของเมือง Zermatt

อย่างไรก็ตาม หิมะละลายหลังจากเผชิญกับฝนตกหนักเมื่อไม่นานมานี้ ไม่ใช่สาเหตุก่อให้เกิดน้ำท่วมเมืองเพียงอย่างเดียว แต่ยังทำให้ดินอ่อนตัว และส่งผลให้เกิดดินถล่มบนถนนระหว่างเมือง Tasch และ Zermatt ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงเส้นทางไปยังเมือง Zermatt ได้

บริษัทรถไฟ Gotthard ได้ประกาศระงับให้บริการระหว่างเมือง Visp และ Zermatt ผ่านโซเชียลมีเดียในวันนี้ โดยระบุว่า ยกเลิกให้บริการรถไฟสาย R40, RE41 และ RE42 เนื่องจากน้ำท่วม และไม่เหลือยานพาหนะโดยสารใดที่เข้าถึงเมือง Zermatt ได้

ล่าสุด สำนักข่าวยูโรนิวส์ รายงานว่า รัฐวาเลประกาศเฝ้าระวังระดับสูงในพื้นที่ใกล้แม่น้ำ Rhone ในช่วงเช้าที่ผ่านมา และมีผู้สูญหายจากเหตุการณ์ดังกล่าว 3 ราย

เจ้าหน้าที่ประกาศให้ประชาชนหลีกเลี่ยงพื้นที่ต่ำของบ้าน เช่น ห้องใต้ดิน และให้อยู่ห่างจากแม่น้ำที่น้ำเอ่อล้น รวมถึงบริเวณสะพาน และแนะนำไม่ให้ประชาชนถ่ายรูปน้ำท่วม เพื่อความปลอดภัย ขณะที่โรงเรียนต่าง ๆ ต้องปิดการเรียนการสอน


https://www.bangkokbiznews.com/world/1132636

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 23-06-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ


'โลมาอิรวดี' สัตว์ป่าคุ้มครองแห่งทะเลสาบสงขลา เร่งอนุรักษ์ก่อนสูญพันธุ์


KEY POINTS

- โลมาอิรวดีที่อาศัยในน้ำจืด เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความเสี่ยงขั้นวิกฤติต่อการสูญพันธุ์ (CR) และในไทย ถูกจัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562

- ในปี พ.ศ. 2565 เหลือเพียง 14 - 20 ตัว ซึ่งโลมาอิรวดีแห่งทะเลสาบสงขลา เป็นเอกลักษณ์ที่ทั่วโลกมีเพียง 5 ประชากรย่อยเท่านั้นที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำจืด

- หากประเทศไทยไม่สามารถอนุรักษ์โลมาอิรวดีกลุ่มนี้ไว้ได้ นับเป็นความสูญเสียในระดับสากลซึ่งเมื่อสูญเสียไปแล้วก็ไม่สามารถทดแทนได้




โลมาอิรวดี นับเป็นสัตว์น้ำหายาก ประเทศไทยถือเป็นพื้นที่ 1 ใน 5 แห่งของโลก ที่พบโลมาอิรวดี ได้แก่ ในพื้นที่ทะเลสาบสงขลา อย่างไรก็ตาม ในระยะเวลากว่า 30 ปีที่ผ่านมา กลับพบว่าโลมาอิรวดี ตายไปทั้งหมดกว่า 140 ตัว

ข้อมูลจาก กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เผยว่า การประเมินสถานภาพประชากรโลมาอิรวดีทั่วโลก จากบัญชีแดงของ IUCN ( IUCN Red List of Threatened Species ) ในปี ค.ศ. 2017 ระบุให้โลมาอิรวดีที่อาศัยในน้ำจืด เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความเสี่ยงขั้นวิกฤติต่อการสูญพันธุ์ (CR) อีกทั้ง ในประเทศไทยโลมาอิรวดีถูกจัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562

ประกอบกับ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้มีการศึกษาวิจัย สำรวจและติดตามประชากรโลมาอิรวดีในทะเลสาบสงขลาตอนบน โดยคาดการณ์ว่า จำนวนประชากรโลมาอิรวดีในทะเลสาบสงขลาก่อนปี พ.ศ. 2534 มีมากกว่า 100 ตัว แต่จำนวนประชากรลดลงอย่างรวดเร็ว โดยในปี พ.ศ. 2565 เหลือเพียง 14 - 20 ตัว ซึ่งโลมาอิรวดีแห่งทะเลสาบสงขลาเป็นเอกลักษณ์ที่ทั่วโลกมีเพียง 5 ประชากรย่อยเท่านั้นที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำจืด

หากประเทศไทยไม่สามารถอนุรักษ์โลมาอิรวดีกลุ่มนี้ไว้ได้ นับเป็นความสูญเสียในระดับสากลซึ่งเมื่อสูญเสียไปแล้วก็ไม่สามารถทดแทนได้ เป็นภาพลักษณ์ที่สะท้อนถึงความอ่อนแอของการบริหารจัดการเพื่อการอนุรักษ์ ตั้งแต่ระดับท้องถิ่นจนถึงระดับประเทศ

ดังนั้น การอนุรักษ์โลมาอิรวดีในทะเลสาบสงขลาตอนบน จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จำเป็นต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน โดยจะต้องทำควบคู่กับการดูแลวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของชุมชนประมงพื้นบ้านที่อาศัยอยู่โดยรอบทะเลสาบสงขลา จำนวน 60 ชุมชน เพื่อให้เกิดการอนุรักษ์ที่ยั่งยืน


ทั่วโลก มีการค้นพบโลมาอิรวดีในน้ำจืดเพียง 5 แห่ง

1. แม่น้ำอิรวดี ประเทศเมียนมา

2. แม่น้ำโขง ในส่วนที่เป็นประเทศลาวและกัมพูชา

3. แม่น้ำมะหะขาม ประเทศอินโดนีเซีย

4. ทะเลสาบซิลิก้า ประเทศอินเดีย

5. ทะเลสาบสงขลาของประเทศไทย


แผนอนุรักษ์ "โลมาอิรวดี"

ทช. ได้มีการจัดทำ "แผนอนุรักษ์โลมาอิรวดีทะเลสาบสงขลา" (พ.ศ. 2567 - 2576) วัตถุประสงค์เพื่อลดภัยคุกคามที่เป็นอันตรายต่อโลมาอิรวดีและแหล่งที่อยู่อาศัย ฟื้นฟูความสมบูรณ์ของทะเลสาบสงขลาและเพิ่มปริมาณสัตว์น้ำ รวมถึงการศึกษาวิจัยนิเวศวิทยาและชีววิทยาของโลมาอิรวดี วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีในการเพิ่มประชากรโลมาอิรวดี และเป็นแนวทางการอนุรักษ์โลมาอิรวดีและการเสริมสร้างเศรษฐกิจชุมชนที่ยั่งยืน รวมถึง การบริหารจัดการแผนอนุรักษ์โลมาอิรวดีทะเลสาบสงขลา

แผนอนุรักษ์โลมาอิรวดีทะเลสาบสงขลา มีเป้าหมายเพื่ออนุรักษ์โลมาอิรวดีในทะเลสาบสงขลาให้คงอยู่อย่างยั่งยืน ประกอบด้วยตัวชี้วัด 3 ข้อ ได้แก่

1. อัตราการตายของโลมาอิรวดีจากเครื่องมือประมงเป็นศูนย์

2. จำนวนประชากรโลมาอิรวดีเพิ่มขึ้นเป็น 30 ตัว ในระยะเวลา 10 ปี

3. เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลหลวงมีการลาดตระเวนเชิงคุณภาพครอบคลุมพื้นที่อย่างสม่ำเสมอและระบบฐานข้อมูลการปฏิบัติงานที่ตรวจสอบได้


แผนอนุรักษ์ฯ 5 ปี

สำหรับ แผนอนุรักษ์โลมาอิรวดีทะเลสาบสงขลาระยะ 5 ปี เป้าหมายเพื่ออนุรักษ์โลมาอิรวดีทะเลสาบสงขลาให้คงอยู่อย่างยั่งยืน (20 ตัวในเวลา 5 ปี) ดังนี้


แผนงานที่ 1 การลดภัยคุกคามที่เป็นอันตรายต่อโลมาอิรวดี และแหล่งที่อยู่อาศัย (3 โครงการ 8 กิจกรรม)

- เป้าหมาย

1. ไม่มีเครื่องมือประมงที่เป็นอันตรายต่อโลมาอิรวดี ทำการประมงในทะเลสาบ

2. กำหนดเขตพื้นที่คุ้มครอง และพื้นที่หวงห้ามสำหรับอนุรักษ์โลมาอิรวดี

3. ประชาชนในพื้นที่รอบทะเลสาบสงขลาตระหนักรู้ถึงภัยคุกคามต่อโลมาอิรวดีและมีจิตสำนึกในการอนุรักษ์


แผนงานที่ 2 การฟื้นฟูความสมบูรณ์ของทะเลสาบสงขลา และการเพิ่มปริมาณสัตว์น้ำ (1 โครงการ 1 กิจกรรม)

- เป้าหมาย
เพิ่มปริมาณสัตว์น้ำที่เป็นอาหารของโลมาอิรวดีในแหล่งที่อยู่อาศัย


แผนงานที่ 3 การศึกษาวิจัยนิเวศวิทยาและชีววิทยาของโลมาอิรวดีในทะเลสาบสงขลา (2 โครงการ 5 กิจกรรม)

- เป้าหมาย

1. ข้อมูลการแพร่กระจายและจำนวนประชากรของโลมาอิรวดีที่เป็นปัจจุบัน

2. เพื่อกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาการตื้นเขินและการลดมลพิษของทะเลสาบสงขลาตอนบน


แผนงานที่ 4 การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประชากรโลมาอิรวดีในทะเลสาบสงขลา (1 โครงการ 1 กิจกรรม)

- เป้าหมาย
ข้อมูลรูปแบบและความหลากหลายทางพันธุกรรมของโลมาอิรวดี


แผนงานที่ 5 การดำเนินงานอนุรักษ์โลมาอิรวดีและการเสริมสร้างเศรษฐกิจชุมชนที่ยั่งยืน (7 โครงการ 17 กิจกรรม)

- เป้าหมาย

1. เจ้าหน้าที่และอาสาสมัคร ปฏิบัติงานลาดตระเวน คุ้มครอง เฝ้าระวังเชิงคุณภาพ และช่วยชีวิตโลมาอิรวดีอย่างมีประสิทธิภาพ

2. นายสัตวแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการช่วยชีวิตโลมาอิรวดีและสัตว์ทะเลหายาก

3. พัฒนาศูนย์เรียนรู้และช่วยชีวิตโลมาอิรวดีทะเลสาบสงขลาและสัตว์ทะเลหายาก

4. การอนุรักษ์โลมาอิรวดีและการเสริมสร้างรายได้ของชาวประมงในแต่ละชุมชนรอบทะเลสาบสงขลา

5.การมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์โลมาอิรวดีบนพื้นฐานของมิติความเท่าเทียมกันทุกเพศสภาพ (Genderequality)



แผนงานที่ 6 การบริหารจัดการแผนอนุรักษ์โลมาอิรวดีทะเลสาบสงขลา (1 โครงการ 4 กิจกรรม)

- เป้าหมาย
การบริหารจัดการ ติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์โลมาอิรวดีทะเลสาบสงขลาในทุกมิติ


สร้างความยั่งยืน

ทั้งนี้ แผนดังกล่าว สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) แห่งสหประชาชาติ ใน 4 เป้าหมาย ได้แก่

เป้าหมายที่ 5 : บรรลุความเสมอภาคระหว่างเพศ และเพิ่มบทบาทของสตรีและเด็กหญิงทุกคน

เป้าหมายที่ 10 : ลดความไม่เสมอภาคภายในและระหว่างประเทศ

เป้าหมายที่ 12 : สร้างหลักประกันให้มีแบบแผนการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน และ

เป้าหมายที่ 14 : อนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากมหาสมุทรทะเล และทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

อ้างอิง : กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง


https://www.bangkokbiznews.com/environment/1132574
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 23-06-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS


อุทยานฯ โกยเงิน 1.7 พันล้าน ต่างชาติเที่ยวไทย ฮิตสุด "เกาะพีพี"

นักท่องเที่ยวต่างชาติ เที่ยวอุทยานฯเพิ่มขึ้น ทำยอดเงินพุ่ง 8 เดือน กว่า 1.7 พันล้านบาท อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี มากสุด "พัชรวาท" สั่งเร่งเพิ่มศักยภาพเร่งพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ ย้ำจัดเก็บและใช้จ่ายงบฯ โปร่งใส



วันนี้ (22 มิ.ย.2567) นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มอบนโยบายให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ เร่งเพิ่มศักยภาพและพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ โดยการนำเงินอุทยานแห่งชาติที่จัดเก็บได้ ไปใช้ในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวตลอดจนระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ภายในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เพื่ออำนวยความสะดวกและตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวให้ได้รับความพึงพอใจต่อการเข้ามาใช้บริการในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ และเน้นย้ำการจัดเก็บเงินอุทยานฯและใช้จ่ายงบอย่างโปร่งใส

นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ ได้เปิดเผยข้อมูลยอดการจัดเก็บเงินอุทยานแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ต.2566 ถึงปัจจุบัน (20 มิ.ย.2567) ปรากฏว่ามียอดการจัดเก็บเงินอุทยานแห่งชาติ เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,785,493,410 บาท ซึ่งเป็นยอดสถิติการจัดเก็บเงินอุทยานแห่งชาติ ที่สามารถจัดเก็บเงินจนแซงหน้ายอดการจัดเก็บเงินอุทยานแห่งชาติ ทั้งปีของปี พ.ศ 2566 ไปแล้ว โดยในปี พ.ศ 2566 จัดเก็บเงินอุทยานแห่งชาติทั้งปีได้จำนวน 1,467,641,971 บาท

จากยอดการจัดเก็บเงินอุทยานแห่งชาติที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว มีปัจจัยมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เพิ่มมากขึ้น ตามนโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทางทะเล ทั้งฝั่งอันดามันและฝั่งอ่าวไทย ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่สวยงาม จนทำให้เป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญ ในการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ในการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย

ประกอบกับการจัดอันดับแหล่งท่องเที่ยวชายหาดที่สวยงามของโลก โดยมีเกาะกระดานในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จ.ตรัง ที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นชายหาดที่มีความสวยงามในระดับโลก จึงส่งผลให้แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลอื่นๆ ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติด้วยเช่นกัน โดยอุทยานแห่งชาติที่สามารถจัดเก็บเงินได้สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่

1. อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี 500,866,577 บาท
2. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน 243,655,470 บาท
3. อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด 127,820,710 บาท
4. อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา 114,226,610 บาท
5. อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ 100,545,505 บาท

โดยการจัดเก็บเงินของอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่สามารถจัดเก็บเงินรายได้เป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย ระหว่างวันที่ 1 ต.ค.2566 ถึงปัจจุบัน (วันที่ 20 มิ.ย.2567) สามารถจัดเก็บเงินได้จำนวนทั้งสิ้น 500,279,247 บาท ซึ่งเป็นสถิติการจัดเก็บเงินอุทยานแห่งชาติ ที่สามารถจะเก็บเงินจนแซงหน้ายอดการจัดเก็บเงิน ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 ไปแล้วกว่า 300 ล้านบาท

โดยยอดการจัดเก็บเงินของอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราฯ ระหว่างเดือนตุลาคม 2565 ถึงเดือน มิ.ย.2566 เป็นจำนวนเงิน 208,572,803 บาท โดยสถิตินักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เปรียบเทียบในช่วงเวลาเดียวกัน ระหว่าง พ.ศ. 2566 จำนวน 2,660,308 คน และ พ.ศ. 2567 จำนวน 4,548,762 คน เพิ่มขึ้นถึง 1,888,454 คน หรือคิดเป็น 41.5 %

สำหรับเงินอุทยานแห่งชาติซึ่งจัดเก็บได้ จะถูกนำมาใช้จ่ายเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆในพื้นที่โซนบริการของอุทยานแห่งชาติ ใช้จ่ายเป็นค่าจ้างให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน การพัฒนาองค์ความรู้ของบุคลากรในหน่วยงาน ตลอดจนการจัดสรรเงินส่วนหนึ่งให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับอุทยานแห่งชาติ

สำหรับการพิจารณาใช้จ่ายเงินอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติฯได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาการใช้จ่ายเงินอุทยานแห่งชาติ โดยมีผู้แทนจากองค์กรภายนอกอันเป็นที่ยอมรับและน่าเชื่อถือ ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากสถาบันการศึกษา ตลอดจนองค์กรอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันพิจารณาการใช้จ่ายเงินอุทยานแห่งชาติ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติในประเทศไทย ตลอดจนภาคีเครือข่ายต่างๆที่อยู่โดยรอบ

อีกทั้งที่ผ่านมากรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้ดำเนินการพัฒนาการจัดเก็บเงินอุทยานแห่งชาติให้เกิดความโปร่งใส ร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จนส่งผลให้ยอดการจัดเก็บเงินอุทยานแห่งชาติเพิ่มขึ้นตามลำดับ ตลอดจนการนำเงินอุทยานฯไปใช้จ่ายให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน


https://www.thaipbs.or.th/news/content/341297

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 09:10


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger