#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอังคารที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป ลมฝ่ายตะวันตกในระดับบนพัดพาความหนาวเย็นจากประเทศเมียนมาเข้ามาปกคลุมภาคเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นถึงหนาว ในขณะที่บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีอุณหภูมิสูงขึ้น แต่ยังคงมีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่หนาวเย็น และระมัดระวังอันตรายจากการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกในระยะนี้ไว้ด้วย สำหรับลมตะวันออกยังคงพัดปกคลุมภาคใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ส่วนมากบริเวณภาคใต้ตอนล่าง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังอ่อนลง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองในระยะนี้ไว้ด้วย กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมฆบางส่วน กับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 8 ? 10 ก.พ. 65 ลมฝ่ายตะวันตกในระดับบนยังคงพัดปกคลุมภาคเหนือ ทำให้บริเวณภาคเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาว ในขณะที่บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-3 องศาเซลเซียส กับมีอากาศเย็นและมีหมอกในตอนเช้า ส่วนในช่วงวันที่ 11 ? 13 ก.พ. 65 ลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลางตอนล่าง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง สำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมภาคใต้มีกำลังปานกลางตลอดช่วง (7 ? 13 ก.พ. 65) ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 8 ? 9 ก.พ. 65 จะมีหมอกเกิดขึ้นขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย ส่วนในช่วงวันที่ 10 ? 13 ก.พ. 65 ขอให้ประชาชนบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ประชาชาติธุรกิจ
กรมประมง ประกาศ "ปิดอ่าวไทย ปี 65" เริ่ม 15 ก.พ. กรมประมง ประกาศปิดอ่าวไทย พื้นที่บางส่วนของจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี 15 กุมภาพันธ์ ? 15 พฤษภาคม 2565 วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า มาตรการ "ปิดอ่าวไทย" เป็นมาตรการสำคัญในการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อน ในฝั่งทะเลอ่าวไทย มีวัตถุประสงค์เพื่ออนุรักษ์พ่อแม่พันธุ์สัตว์น้ำที่มีไข่แก่ พร้อมสืบพันธุ์วางไข่ และอนุรักษ์สัตว์น้ำวัยอ่อนให้เจริญเติบโตเป็นสัตว์น้ำรุ่นใหม่ สามารถฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำให้มีใช้อย่างยั่งยืน และเป็นมาตรการที่สำคัญของกรมประมงที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เน้นย้ำให้กรมประมงดำเนินมาตรการอนุรักษ์เพื่อรักษาทรัพยากรสัตว์น้ำให้มีความยั่งยืนและให้เกิดความสมดุลและเหมาะสมกับการประกอบอาชีพของพี่น้องชาวประมง และมอบนโยบายการปฏิบัติงานยึดหลัก 3 ป. คือ การป้องกัน การป้องปราม และการปราบปราม พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการสร้างการรับรู้ความเข้าใจและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนเป็นสำคัญด้วย ทั้งนี้ จากข้อมูลที่ได้จากการสำรวจและสุ่มเก็บตัวอย่างปลาทูในช่วงมาตรการปิดอ่าวไทย ในรอบปี 2564 พบว่าพ่อแม่ปลามีความสมบูรณ์เพศ โดยเฉพาะปลาทู พบพ่อแม่พันธุ์ มีขนาดความยาวเฉลี่ย 18.5 เซนติเมตร นอกจากนี้ ยังพบลูกปลาเศรษฐกิจ ลูกปลาทู ? ลัง และปลาทูขนาดเล็กมีการเคลื่อนย้ายจากเขตปิดอ่าวตอนกลางขึ้นมาอาศัยเลี้ยงตัวในอ่าวไทยรูปตัว ก จึงแสดงให้เห็นว่า ห้วงเวลา พื้นที่ และเครื่องมือที่อนุญาตให้ทำการประมงตามประกาศมาตรการปิดอ่าวไทย มีความเหมาะสม สอดคล้องกับวงจรชีวิตสัตว์น้ำ โดยการสำรวจแต่ละช่วงเวลาพบว่า ตั้งแต่ 15 กุมภาพันธ์ - 15 พฤษภาคม ในเขตพื้นที่ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี พบพ่อแม่พันธุ์ปลาทูมีความสมบูรณ์เพศ และพร้อมผสมพันธุ์ และมีการแพร่กระจายของลูกปลาทู-ปลาลัง และปลาเศรษฐกิจขนาดเล็ก และช่วงเวลา 16 พฤษภาคม ? 14 มิถุนายน ในเขตชายฝั่งทะเลตามแผนที่แนบท้ายของประกาศปิดอ่าวไทยตอนกลางของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี พบลูกปลาวัยอ่อนที่เกิดบริเวณพื้นที่มาตรการมีโอกาสเลี้ยงตัวบริเวณชายฝั่ง และเขตต่อเนื่องปลายแหลมเขาม่องไล่ ถึงอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และพบลูกปลาขนาดเล็ก เดินทางเคลื่อนเข้าสู่อ่าวไทยรูปตัว ก เพื่อให้ปลาทูสาวให้เจริญเติบโตเป็นพ่อแม่พันธุ์ต่อไป ?ดังนั้น ในปี 2565 นี้ กรมประมง ยังดำเนินมาตรการปิดอ่าวไทย ในช่วงเวลาและพื้นที่เดิม โดยอนุญาตให้ใช้เฉพาะเครื่องมือประมงบางชนิดซึ่งเป็นของกลุ่มประมงขนาดเล็กและไม่กระทบกับมาตรการปิดอ่าวไทย ดังนี้ 1. เครื่องมืออวนลากแผ่นตะเฆ่ อวนลากคานถ่างที่ใช้ประกอบเรือกลที่มีขนาดความยาวไม่เกิน 16 เมตร ต้องทำการประมงในเวลากลางคืนและทำการประมงนอกเขตทะเลชายฝั่ง 2. เครื่องมืออวนติดตาปลาที่ใช้ประกอบเรือกลที่มีขนาดต่ำกว่า 10 ตันกรอส มีช่องตาอวนตั้งแต่สองนิ้วขึ้นไป สำหรับกรณีการทำการประมงในเขตทะเลชายฝั่งความยาวอวนที่ใช้จะต้องไม่เกิน 2,500 เมตร ต่อเรือประมง 1 ลำ และหากจะใช้ความยาวอวนเกินกว่า 2,500 เมตร จะต้องใช้บริเวณนอกเขตทะเลชายฝั่ง เท่านั้น 3. เครื่องมืออวนปู อวนลอยกุ้ง 4. เครื่องมืออวนครอบ อวนช้อน หรืออวนยกหมึก ที่ใช้ประกอบกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า(เครื่องปั่นไฟ) ต้องทำการประมงนอกเขตทะเลชายฝั่ง 5. ลอบปู ต้องทำการประมงตามเงื่อนไขที่กำหนด 6. ลอบหมึกทุกชนิด 7. ซั้งทุกชนิดที่ใช้ประกอบทำการประมงพื้นบ้าน. สามารถทำการประมงได้ในเขตทะเลชายฝั่ง 8. คราดหอย ต้องทำการประมงตามเงื่อนไขที่กำหนด 9. อวนรุนเคย ต้องทำการประมงตามเงื่อนไขที่กำหนดโดยประกาศกระทรวงฯ 10. จั่น ยอ แร้ว สวิง แห เบ็ด สับปะนก ขอ ลอบ ฉมวก และเครื่องมืออื่นใดที่ไม่ใช้ประกอบเรือกลขณะทำการประมง 11. เรือประมงที่มีขนาดต่ำกว่า 10 ตันกรอส ที่ใช้เครื่องยนต์มีกำลังแรงม้าไม่ถึง 280 แรงม้า ประกอบเครื่องมือทำการประมงที่มิใช่เครื่องมือตามประเภท วิธีการทำการประมงที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประกาศกำหนดให้เป็นประมงพาณิชย์ทำการประมง ยกเว้น อวนครอบ อวนช้อน หรืออวนยกปลากะตัก ที่ใช้ประกอบเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (เครื่องปั่นไฟ) และเครื่องมือทำการประมงที่ห้ามตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดเครื่องมือทำการประมง วิธีการทำการประมง และพื้นที่ทำการประมงที่ห้ามใช้ทำการประมงในที่จับสัตว์น้ำเขตทะเลชายฝั่ง พ.ศ. 2560 ลงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2560 ที่ไม่สามารถทำการประมงได้ ? สำหรับช่วงระยะเวลาปิดอ่าว 16 พฤษภาคม ? 14 มิถุนายน 2565 อนุญาตให้เครื่องมืออวนลากแผ่นตะเฆ่ อวนลากคานถ่าง ไม่ได้จำกัดความยาวของเรือที่ใช้ทำการประมง และเวลาในการทำการประมง ทำการประมงนอกเขตทะเลชายฝั่งของพื้นที่บางส่วนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี สำหรับเครื่องมืออวนครอบ อวนช้อน หรืออวนยกปลากะตัก ที่ใช้ประกอบเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (เครื่องปั่นไฟ) ประกอบเรือกลที่มีขนาด 10 ตันกรอส อนุญาตให้ทำการประมงได้นอกเขตทะเลชายฝั่ง เฉพาะบริเวณเขตต่อเนื่องปลายแหลมเขาม่องไล่ ถึงอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ดังนั้น แสดงให้เห็นว่ามาตรการปิดอ่าวเป็นการห้ามทำการประมงเฉพาะบางพื้นที่และช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น โดยเครื่องมือทำการประมงส่วนใหญ่ที่กำหนดห้ามทำการประมงในช่วงเวลาปิดอ่าวเป็นกลุ่มเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น อวนลาก อวนล้อมจับ และอวนล้อมจับปลากะตัก เป็นต้น โดยกลุ่มเรือที่ใช้เครื่องมือดังกล่าวนี้สามารถย้ายแหล่งทำการประมงไปนอกพื้นที่ปิดอ่าวได้ และสำหรับการใช้เครื่องมืออวนติดตาปลายังอนุญาตให้ทำการประมงในช่วงเวลาปิดอ่าวได้เฉพาะเรือประมงพื้นบ้านที่มีขนาดต่ำกว่า 10 ตันกรอส และขนาดช่องตาอวนไม่ต่ำกว่า 2 นิ้ว โดยการทำการประมงในเขตทะเลชายฝั่งความยาวอวนติดตาปลาที่ใช้ต้องไม่เกิน 2,500 เมตร จึงไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการปิดอ่าวมากนัก ?สุดท้ายนี้ ขอเน้นย้ำให้พี่น้องชาวประมงโปรดให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และระมัดระวังการทำประมงโดยให้ทำประมงเฉพาะเครื่องมือที่ประกาศให้ใช้ได้เท่านั้น เครื่องมืออื่น ๆ ห้ามทำโดยเด็ดขาด หากผู้ใดฝ่าฝืนจะเป็นความผิดตามตามมาตรา 70 แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษ ปรับตั้งแต่ห้าพันบาทถึงสามสิบล้านบาท ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับขนาดของเรือประมง หรือปรับจำนวนห้าเท่าของมูลค่าสัตว์น้ำที่ได้จากการทำการประมง แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า และต้องได้รับโทษทางปกครองอีกด้วย อย่างไรก็ดี กรมประมงยังมุ่งหวังให้มาตรการปิดอ่าวไทยฯ ในแต่ละห้วงเวลานั้นสามารถทำให้เกิดกระบวนการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับวงจรชีวิตปลาทูแต่ละช่วงวัย ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้ชาวประมงเกิดความตระหนักในการทำประมงได้อย่างเหมาะสมเพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรให้คุ้มค่าและเกิดความยั่งยืนของทรัพยากรสัตว์น้ำ ดังคำขวัญที่ว่า "คุ้มครองปลามีไข่และสัตว์น้ำวัยอ่อน เพื่อคงทรัพยากรไว้ใช้อย่างยั่งยืน" รองอธิบดีกรมประมง กล่าว https://www.prachachat.net/prachacha...ht/news-859399
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS
กรมอุทยานฯ สั่งเบรกวิ่งเทรลผ่าป่าเขาบรรทัด กรมอุทยานฯสั่งเบรกวิ่งเทรล ผ่าใจกลางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด จ.พัทลุงแล้ว หลังเสียงคัดค้านกังวลกระทบบ้านสัตว์ป่าสงวน โดยเฉพาะสมเสร็จ สัตว์หายาก พร้อมเล็งจัดระบบเข้าถ้ำนาคาใหม่ หลังนักท่องเที่ยวทะลักเกินจำกัดจำนวนที่กำหนด กรณีนายสุภเศรษฐ โอภิธากรณ์ ประธานมูลนิธิพื้นที่ชุ่มน้ำทะเลน้อย โพสต์เฟซบุ๊ก Supasek Opitakon ว่า ถ้าหากจัดให้มีการแข่งขันใดๆ ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เพื่อประโยชน์ของราชการตามพระราชกิจจานุเบกษาจริงๆ จากการตรวจสอบพบว่าการวิ่งจัดวิ่ง Ultra Trail Thailand Series Phatthalung ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด จ.พัทลุง มีการแถลงข่าวว่าจะจัดขึ้นวันที่ 12-13 ก.พ.นี้ซึ่งจะเป็นครั้งที่ 2 ที่จัดการแข่งขันในพื้นที่ จ.พัทลุง โดยขั้นตอนต้องมีการทำหนังสือขออนุญาตมาที่สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานฯแห่งชาติในวันนี้ (7 ก.พ.) เพราะหลังจากมีกระแสคัดค้านทาง ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 6 (สงขลา) ตั้งคณะกรรมการ 3 คน พิจารณาเสนอให้ว่าจะอนุญาตให้จัดหรือไม่ กรมอุทยานฯสั่งเบรกวิ่งเทรลผ่า ขสป.เขาบรรทัด ล่าสุดวันนี้ (7 ก.พ.2565) นายประกิต วงศ์ศรีวัฒนกุล รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ให้สัมภาษณ์ไทยพีบีเอสออนไลน์ว่า จากการตรวจสอบหนังสือขออนุญาตที่จะส่งมาขอจัดงานวิ่งเทรลจาก สบอ.6 (สงขลา) ที่จะส่งมาที่สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า ยังส่งมาไม่ถึง "ตอนนี้ได้ขอให้ระงับการจัดกิจกรรมวิ่งเทรลที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเทือกเขาบรรทัด ออกไปก่อนไม่มีกำหนด เพราะห่วงผลกระทบกับพื้นที่เปราะบางที่เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ป่าสงวน เช่น สมเสร็จ รวมทั้งสัตว์ป่าหายากหลายชนิดที่อาศัยในพื้นที่" นายประกิต ยืนยันว่าที่ผ่านมาแม้จะมีการขอวิ่งเทรลในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ เช่น ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ และพื้นที่ราชบุรี แต่การกำหนดเส้นทางวิ่งไม่ได้อนุญาตเข้าในพื้นที่เปราะบางทางนิเวศ และแหล่งอาศัยของสัตว์ป่า ส่วนใหญ่ อาจจะเป็นถนนที่สัญจรลำลองและที่ไม่มีผลกระทบเยอะ เล็งจัดระบบนักท่องเที่ยวเข้าถ้ำนาคา นายประกิต ยังกล่าวถึงกรณีการท่องเที่ยวถ้ำนาคา บนอุทยานแห่งชาติภูลังกา จ.บึงกาฬว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าข้อผิดพลาดมาจากจุดไหน โดยเฉพาะอาจจำเป็นต้องทบทวนการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวและการจัดระบบการเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง เพราะกระแสนิยมปากต่อปากทำให้ยังมีคนแห่เข้ามากันมาก "อธิบดีกรมอุทยานฯ กำชับจะต้องไม่ให้เกินทั้งจำนวนคน และเกินเวลาที่กำหนด ต้องเข้มงวดไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นซ้ำ ส่วนการพิจารณาปิดการท่องเที่ยว ยอมรับว่าจะกระทบหลายเรื่องโดยเฉพาะการกระตุ้นเศรษฐกิจของชุมชนที่มาเป็นไกด์ท้องถิ่น จึงยังไม่ใช้มาตรการนี้" https://news.thaipbs.or.th/content/312447
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|