#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอังคารที่ 27 ตุลาคม 2563
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็น กับมีลมแรง โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง สำหรับร่องมรสุมยังคงพาดผ่านภาคใต้ตอนกลาง ประกอบกับลมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้และอ่าวไทยตอนล่าง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังในช่วงที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น "โมลาเบ" (พายุระดับ 5) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีแนวโน้มเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนกลางในวันที่ 28 ต.ค. 63 และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ ประกอบกับลมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย จะมีกำลังแรงขึ้น ส่งผลทำให้ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคใต้ มีฝนตกหนักกับมีลมแรง ********************************************************************************************************************************************************* ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "พายุไต้ฝุ่น "โมลาเบ" (พายุระดับ 5) (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 28 ? 30 ตุลาคม 2563)" ฉบับที่ 2 ลงวันที่ 27 ตุลาคม 2563 เมื่อเวลา 04.00 น. วันนี้ (27 ตุลาคม 2563) พายุไต้ฝุ่น "โมลาเบ" (พายุระดับ 5) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 13.4 องศาเหนือ ลองจิจูด 115.5 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วประมาณ 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนกลางในวันที่ 28 ตุลาคม 2563 หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ ประกอบกับลมตะวันตกเฉียงใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ส่งผลทำให้ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคใต้ มีฝนตกหนัก กับมีลมแรง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและลมแรง ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักมีดังนี้ ในวันที่ 28 ตุลาคม 2563 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดสกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร มุกดาหาร อำนาจเจริญ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ภาคตะวันออก: จังหวัดปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี และตราด ในช่วงวันที่ 29-30 ตุลาคม 2563 ภาคเหนือ: จังหวัดเพชรบูรณ์ พิษณุโลก พิจิตร สุโขทัย ตาก และกำแพงเพชร ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร มุกดาหาร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี นครปฐม พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้: จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร อ่าวไทยตอนล่างคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
การสูญเสียน้ำแข็งในแอนตาร์กติกา (ภาพจาก : Pixabay/CC0 Public Domain) เมื่อเร็วๆนี้มีการศึกษาจากทีมวิจัยนานาชาตินำโดยนักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพภูมิอากาศของมหาวิทยาลัยโมนาช ในออสเตรเลีย รายงานว่าการสูญเสียน้ำแข็งในภูมิภาคแอนตาร์กติกา บริเวณขั้วโลกใต้ เกิดขึ้นมาเป็นเวลาหลายศตวรรษ และคาดว่าเหตุการณ์นี้จะดำเนินต่อไปอย่างไม่มีทีท่าจะหยุดยั้ง แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะอยู่ภายใต้การควบคุมก็ตาม ทีมวิจัยแสดงผลลัพธ์ใหม่จากการบางลงของธารน้ำแข็งในทะเลรอสส์ แห่งมหาสมุทรแอนตาร์กติก บ่งบอกว่าการสูญเสียน้ำแข็งอย่างกะทันหันเป็นระยะทาง 220 เมตร เกิดขึ้นในอัตราและระยะเวลาที่ใกล้เคียงกันในธารน้ำแข็งหลายแห่งที่มีมาตั้งแต่ตอนกลางสมัยโฮโลซีนเมื่อ 7,500 ถึง 4,500 ปีก่อน แม้จะมีลักษณะภูมิประเทศที่ซับซ้อน ซึ่งมีธารน้ำแข็งทั้ง 5 แห่งแสดงถึงการลดระดับน้ำอย่างฉับพลัน โดยเกิดขึ้นทั่วทั้งภูมิภาคในตอนกลางสมัยโฮโลซีนนั่นเอง เมื่อเปรียบเทียบกับการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำทะเลในภูมิภาคดังกล่าว และการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของมหาสมุทร ข้อมูลการวิจัยระบุว่าภาวะโลกร้อนมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดการถอยร่นของพื้นดินและดึงน้ำแข็งให้เร่งตัวขึ้น อันเป็นผลมาจากความไม่แน่นอนของพืดน้ำแข็งในทะเล. https://www.thairath.co.th/news/foreign/1961426 ********************************************************************************************************************************************************* พื้นที่คุ้มครองช่วยให้นกน้ำปรับตัว การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในทุกวันนี้ผลักดันพื้นที่การกระจายพันธุ์ของสัตว์หลายชนิด โดยเฉพาะพวกที่อาศัยหากินกับแหล่งน้ำ แต่ก็มีปัจจัยอื่นที่เกี่ยวข้องกับการขยายตัวของหลายสายพันธุ์ เช่น ความเสื่อมโทรมของที่อยู่อาศัยและกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ แต่เมื่อเร็วๆนี้มีการศึกษาใหม่นำโดยมหาวิทยาลัยเตอร์กู ในฟินแลนด์ ชี้ให้เห็นว่าพื้นที่คุ้มครองช่วยสร้างความสะดวกในการปรับตัวของนกน้ำในฤดูหนาว ให้เข้ากับสภาพอากาศร้อนได้ นักวิจัยได้ตรวจสอบบทบาทของพื้นที่คุ้มครองที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของนกน้ำฤดูหนาวในยุโรปและแอฟริกาเหนือ ชุมชนของสายพันธุ์เหล่านี้ถูกตั้งข้อสังเกตว่าจะเคลื่อนย้ายเร็วขึ้นภายในพื้นที่คุ้มครองเมื่อเทียบกับพื้นที่อื่นๆ นักวิจัยเผยว่าประชากรนกน้ำที่ขยายจากพื้นที่หนึ่งไปยังอีกพื้นที่หนึ่ง ขยายได้เร็วขึ้นกว่า 40% ในพื้นที่คุ้มครองเมื่อเทียบกับพื้นที่ภายนอก โดยเฉลี่ยแล้วชุมชนนกน้ำได้เปลี่ยนไปอยู่ในพื้นที่คุ้มครอง ซี 90 กิโลเมตรใน 25 ปี พื้นที่ที่ได้รับการคุ้มครองไม่เพียงแต่เพิ่มการออกไปตั้งถิ่นฐานของนกน้ำในพื้นที่ทางตอนเหนือเท่านั้น แต่ยังป้องกันการสูญพันธุ์ในท้องถิ่นทางตอนใต้ เมื่อเทียบกับพื้นที่ที่ไม่ได้รับการคุ้มครอง สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าพื้นที่คุ้มครองสามารถนำไปสู่การขยายพันธุ์โดยรวมได้นั่นเอง. https://www.thairath.co.th/news/foreign/1961430 ********************************************************************************************************************************************************* ฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ บางจุดอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล บางจุดคุณภาพอากาศอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ เตือนคนกรุงอย่าชะล่าใจ วันที่ 26 ตุลาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศ ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เมื่อเวลา 14.00 น. จากเว็บไซต์ air4thai พบว่า คุณภาพอากาศอยู่ในระดับ คุณภาพดีถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ สารมลพิษทางอากาศที่ตรวจพบเกินมาตรฐาน ได้แก่ ฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ตรวจพบค่าระหว่าง 31-55 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (?g/m3) เกินมาตรฐานที่บริเวณ ต.มหาชัย อ.เมืองสมุทรสาคร, ริมถนนพระราม 3 เขตยานนาวา จ.กรุงเทพฯ, ริมถนนศรีนครินทร์ เขตประเวศ จ.กรุงเทพฯ, ริมถนนมาเจริญ เพชรเกษม 8 เขตหนองแขม จ.กรุงเทพฯ ขณะที่คุณภาพอากาศอยู่ในระดับ คุณภาพอากาศปานกลาง มีหลายพื้นที่ อาทิ แขวงหิรัญรูจี เขตธนบุรี, ริมถนนกาญจนาภิเษก เขตบางขุนเทียน, แขวงบางนา เขตบางนา, แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ, ริมถนนพระราม 4 เขตปทุมวัน, แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม, ริมถนนวิภาวดีรังสิต เขตดินแดง, ริมถนนลาดกระบัง เขตลาดกระบัง, ริมถนนสีหบุรานุกิจ เขตมีนบุรี, ริมถนนแยกท่าพระ เขตบางกอกใหญ่, ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง, ต.ทรงคนอง อ.พระประแดง, ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง. https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1961904
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายน้ำ : 27-10-2020 เมื่อ 04:42 |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
บทเรียนเฉียดตาย! น้องสโนว์ (กวางเลี้ยง) กินถุงพลาสติก-สายชาร์ต-หนังยาง ตอนนี้น้องสโนว์ปลอดภัยแล้ว กลับมากินอาหารได้เป็นปกติ ที่บอกว่าเป็นบทเรียน เพื่อบอกทุกคนว่า ควรตระหนักเรื่องการทิ้งขยะให้เป็นที่ ถ้าดูแล้วอาจทำอันตรายต่อสัตว์ป่า สัตว์ทะเลเราควรเก็บขยะกลับไปด้วย โดยเฉพาะเมื่อนักท่องเที่ยวเข้าไปในพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติ เหมือนเราอยู่ในบ้านของสัตว์ป่า ขยะเศษอาหารที่อยู่กับพลาสติกหุ้มห่อ หากทิ้งไม่เป็นที่ สัตว์ป่ามากิน เขาแยกแยะไม่ได้จึงกินทั้งห่อพลาสติกซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต อย่างกรณี น้องสโนว์ ดีที่ว่าเป็นกวางเลี้ยง จึงอยู่ใกล้หน่วยศัลยกรรมสัตว์ใหญ่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ น้องกินถุงพลาสติก สายชาร์ตโทรศัพท์ หนังยางมัด และเศษผ้า พบอยู่ในกระเพาะอาหาร อาการตอนที่พบคือกินอะไรก็อ้วกออกมา วัสดุแปลกปลอมที่พบอยู่ในกระเพาะอาหาร ของน้องสโนว์ เมื่อวานนี้ (25 ต.ค.2563) เพจเฟซบุ๊ค Wildlife Unit, Kasetsart University -หน่วยสัตว์ป่า รพส. ม.เกษตรศาสตร์ โพสต์ภาพน้องสโนว์ และสิ่งที่พบในกระเพาะอาหาร จึงฝากเตือนทุกคนว่า น้องแอบเผลอไปกินถุงพลาสติกกับสายชาร์ตโทรศัพท์ จนทำให้กระเพาะอาหารอุดตัน กินอะไรก็อ้วกออกมาหมด ดีที่ทีมคุณหมอได้ทำการผ่าตัดเพื่อนำสิ่งแปลกปลอมออกจากกระเพาะ และช่วยชีวิตไว้ได้ทัน ตอนนี้น้องสโนว์ปลอดภัย กลับมากินอาหารได้ตามปกติแล้วค่ะ ยังดีที่น้องสโนว์เป็นกวางเลี้ยง เจ้าของสังเกตอาการและนำมารักษาได้อย่างท่านท่วงที หากเป็นกวางป่าก็คงไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้ทัน เพราะฉะนั้น #ขยะในมือท่านลงถังเถอะนะคะ #อย่าลืมปิดฝาถังด้วยน้า และ #มาลดการใช้พลาสติกกันเถอะค่ะ ปล.ขอขอบคุณหน่วยศัลยกรรมสัตว์ใหญ่ ที่ช่วยเหลือในการผ่าตัดครั้งนี้ค่ะ https://mgronline.com/greeninnovatio.../9630000111147
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด
ญี่ปุ่นเตรียมปล่อย "น้ำเสีย" ลงทะเล หลังทะเลสะอาดเกินไป จนสัตว์ขาดสารอาหาร ภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจ และพบได้ในญี่ปุ่นเท่านั้น คงหนีไม่พ้นภาพคูคลองที่สะอาดจนเห็นปลาสีสวย แหวกว่ายอย่างสนุกสนาน ที่มีผลพลอยได้มาจากระบบการบำบัดน้ำเสียจนสะอาด แต่ใครจะไปรู้ว่าการบำบัดน้ำสะอาดเกินไปก็ส่งผลกระทบได้เช่นกัน น้ำเสีย มักจะมีสิ่งเจือปน ไม่ว่าจะเป็น ขยะ ตะกอน หรือสารเคมีอยู่มากมาย ซึ่งสารบางชนิดที่เจือปนอยู่นั้นกลับเป็นแหล่งพลังงานให้กับ แพลงตอนพืช ในกลุ่มไดโนแฟลกเจลเลต ที่สามารถเติบโตได้ดีในทะเลที่มี แอมโมเนีย ไนโตรเจน และฟอสฟอรัส มาก ซึ่งแพลงตอนนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตมีบทบาทสำคัญต่อทะเลเป็นอย่างมาก เพราะถือว่าเป็นผู้ผลิตขั้นต้นของห่วงโซ่อาหาร และเป็นอาหารของสิ่งมีชีวิตหลายชนิด ทำให้ กระทรวงสิ่งแวดล้อมของญี่ปุ่น เตรียมวางแผนที่จะใช้มาตรการที่จะป้องกันไม่ให้ ทะเลในเซโตะ "สะอาดเกินไป" อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการประมง หลังจากพบว่า ทะเลในเซโตะนั้นมีความหนาแน่นของเกลือ ไนโตรเจน และฟอสฟอรัสลดลง ส่งผลให้สาหร่ายเปลี่ยนสี และจำนวนปลาที่ลดน้อยลง ก่อนหน้านี้ทะเลในเซโตะเสื่อมโทรมเป็นอย่างมาก เนื่องจากการปล่อยน้ำเสียจากอุตสาหกรรมลงทะเล ในช่วงที่เศรษฐกิจมีการเติบโตสูง ในปี 1973 ให้กระทรวงสิ่งแวดล้อมจึงได้ออกกฏหมาย เริ่มต้นบำบัดน้ำเสียโดยการลดเกลือที่มีส่วนสร้างสารอาหารในน้ำลง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดน้ำขุ่นมัว เน่าเหม็น และเกิดปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลของ แพลงตอนพืช ส่งผลให้พืช และสัตว์น้ำในบริเวณนั้นตายลง รวมถึงเริ่มมีการจำกัดการปล่อยน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ต่างๆ เพิ่มมากขึ้น แต่การลดการปล่อยเกลือสารอารหารลงน้ำนั้น ทำให้ปริมาณของแพลงตอนลดต่ำลงทำให้สาหร่ายเปลี่ยนสีและจำนวนปลาก็ลดลงด้วย ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการประมงในพื้นที่ และฟาร์มเพาะเลี้ยงสาหร่าย เป็นอย่างมาก เพื่อไม่ให้ขัดกับข้อกฎหมายเดิม ทำให้ทางกระทรวงได้พิจารณา และจะส่งร่างพระราชบัญญัติเพื่อแก้ไข กฏหมายมาตรการพิเศษเกี่ยว กับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของทะเลเซโตะในสภาไดเอทแห่งชาติญี่ปุ่นซึ่งมีกำหนดจัดประชุมในต้นปีหน้า เพื่อกำหนดปริมาณเกลือ และดำเนินมาตรการให้บรรลุเป้าหมาย โดยมาตรการดังกล่าวจะดำเนินการโดยหน่วยงานของท้องถิ่น เพราะมีความเข้าใจในพื้นที่มากกว่า ซึ่งมาตรการพิเศษดังกล่าว คาดว่าจะเริ่มในช่วงฤดูการเลี้ยงสาหร่ายระหว่างฤดูใบไม้ร่วง จนถึงฤดูใบไม้ผลิในปีถัดไป โดยจะมีการเพิ่มปริมาณเกลือ โดยการปล่อยน้ำออกจากโรงบำบัดน้ำเสีย เขื่อน รวมถึงอ่างเก็บน้ำ เพื่อให้แหล่งเกลือสารอาหารเข้าสู่ทะเล https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_5191187
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#5
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด
โลกร้อน ปลุก "แบคทีเรียกินเนื้อ" ว่ายน้ำทะเล กินซีฟู้ด เสี่ยงติดเชื้อ ป่วยพุ่ง! การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และภาวะโลกร้อน ทำให้เกิดการติดเชื้อจากแบคทีเรียวิบริโอ กว่า 80,000 ราย และเสียชีวิตกว่า 100 รายต่อปี เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในรอบทศวรรษ ซึ่งส่วนใหญ่มักติดเชื้อจากการกินอาหารทะเลดิบ หรือสัมผัสกับน้ำทะเล ศูนย์ควบคุม และป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) ประเมินว่ามีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อ แบคทีเรียวิบริโอ ที่มีความเป็นพิษมากถึง 80,000 รายในทุก ๆ ปี แต่มีเพียง 1,200 - 2,000 เคสเท่านั้นที่ัได้รับการยืนยัน เนื่องจากมักถูกวินิจฉัยผิด โลกร้อน นอกจากจะทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น และทวีความรุนแรงของพายุแล้วนั้น ยังส่งผลให้เกิดการแพร่กระจายของน้ำทะเลและแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในนั้น รวมถึงแบคทีเรียวิบริโอ ที่มีความอันตรายยิ่งขึ้นเมื่ออยู่ในน้ำที่อุ่น เมื่อติดเชื้อจากแบคทีเรียดังกล่าว ผู้ป่วยจะมีอาการท้องเสีย ท้องร่วง และถ่ายเหลวเป็นน้ำ มักจะเกิดตะคริวในช่องท้อง , คลื่นไส้, อาเจียนมีไข้และหนาวสั่น ซึ่งอาการดังกล่าวจะเกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมง ถึงประมาณ 3 วัน อาการที่รุนแรงมักเกิดขึ้นกับผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันต่ำ เชื้อแบคทีเรียนี้อาจทำให้เกิดการติดเชื้อที่ผิวหนัง ขณะที่มีแผลเปิด และไปสัมผัสกับน้ำทะเล รวมไปถึงการรับประทานอาหารทะเล การติดเชื้อแบคทีเรียวิบริโอ นั้นวินิจฉัยโรคได้ยาก และควรจะรักษาอย่างรวดเร็วก่อนที่ขนาดของแผลจะใหญ่ หรือลุกลามมากขึ้น ผู้ป่วยทุกรายมักมีประวัติการเล่นน้ำ หรือรับประทานอาหารทะเลมาก่อน ฉะนั้นการรับประทานอาหารทะเลที่ทำให้สุกและยังร้อนๆ อยู่ จึงเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด และไม่ควรนำอาหารทะเลดิบ และปรุงสุกวางปะปนกัน รวมทั้งควรแยกอุปกรณ์ในการประกอบอาหารหรือทำความสะอาดอุปกรณ์สำหรับอาหารทะเลก่อนนำไปใช้กับอาหารชนิดอื่น และหลีกเลี่ยงการสัมผัสของบาดแผลเปิดกับน้ำทะเลหรือน้ำกร่อย ในปัจจุบันรัฐเซาท์แคโรไลนาพบเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้มากเป็น 3 เท่า และนอร์ทแคโรไลนาพบเป็น 2 เท่าของปี 2007 และผู้ป่วยที่ติดเชื้อจากแบคทีเรียวิบริโอ มีตั้งแต่การรักษาหาย สูญเสียอวัยวะ จนกระทั่งเสียชีวิต จอร์ซ หลุยส์ รูซ ผู้รอดชีวิตจากการติดเชื้อ ยกตัวอย่างเช่น นายบิลลี่ เบลีย์ เขาเสียชีวิตหลังจากโดนปูหนีบ ก่อนที่จะมีอาหารหนาวสั่น ปวดท้อง เดินลำบากก่อนจะเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในที่สุด นายรอน เฟลป์ส ถูกหินขูดที่ขา ขณะทำความสะอาดหลังจากเฮอริเคนฟลอเรนซ์ถล่ม หลายวันต่อมาเขาทรุดตัวลง แพทย์ตัดขาของเขา แต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตเขาได้ และนายจอร์ซ หลุยส์ รูซ เขารอดชีวิตจากการติดเชื้อ แต่สูญเสียขาไปหนึ่งข้าง การเจ็บป่วยจากเชื้อแบคทีเรียนี้ทำให้ประเทศเสียค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลหลายสิบล้านดอลลาร์ในแต่ละปี ทำให้หน่วยงานรัฐออกคำเตือน และทำแผนการควบคุมการระบาดจากแบคทีเรีย vibrio ไม่ว่าจะเป็นการลงเล่นน้ำทะเล การกินอาหารทะเล โดยเฉพาะปลาดิบ และหอยนางรมสด https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_5188571
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#6
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าวไทย
ฮือฮา! ชาวประมงกระบี่พบปลาหน้าตาประหลาด กระบี่ 26 ต.ค.- ฮือฮา! ชาวประมงกระบี่พบปลาหน้าตาประหลาด น้ำหนักเกือบ 3 กก. ขณะไปวางอวนปูที่เกาะบงบง ต.เขาทอง จ.กระบี่ ชาวบ้านไม่เคยพบเห็นมาก่อน บอกหน้าตาคล้ายใบหน้าคนไม่กล้านำไปรับประทาน วันนี้ ชาวประมงบ้านคลองกรวด ต.เขาทอง อ.เมือง จ.กระบี่ จับปลารูปร่างหน้าตาประหลาดขนาดใหญ่ได้ มีชาวบ้านพาไปดูกันด้วยความอยากรู้อยากเห็น ชาวประมงที่พบปลาดังกล่าวคือนายประเสริฐ ชูกูล จึงนำปลาตัวนี้ขึ้นจากเรือ ที่บริเวณท่าเทียบเรือหลังบ้าน นำไปชั่งมีน้ำหนัก 2.7 กิโลกรัม ยาว 42 ซม. ลำตัวลักษณะลายจุดขาวคล้ายปลาเก๋า แต่ส่วนหัวมีลักษณะแปลกออกไป ตา 2 ข้างตั้งอยู่ด้านบนหัว มีปากใหญ่และหนา และครีบหางมี 3 แฉก นายประเสริฐเล่าว่าพบปลาตัวดังกล่าวเมื่อวานนี้ หลังออกไปวางอวนที่เกาะบงบง ต.เขาทอง ขณะที่ตนและลูกเรือกำลังดึงอวนขึ้นมา รู้สึกว่าอวนหนักมากเมื่ออวนโผล่พ้นน้ำก็ต้องตกใจเมื่อเห็นตัวปลาหน้าตาประหลาดน่ากลัวไม่เคยเห็นมาก่อน แทบจะวางอวนลงแต่ด้วยความอยากรู้ว่าเป็นปลาอะไรกันแน่จึงนำกลับมาบ้าน สอบถามชาวประมงเก่าแก่ในหมู่บ้านก็ไม่มีใครรู้จัก ไม่เคยเห็น จึงไม่กล้านำไปประกอบอาหาร เพราะหน้าตาคล้ายคนมาก เปลือกปากใหญ่ แต่ไม่มีฟันแม้แต่ซี่เดียว ขณะที่นายยู่โสบ ชูกูล กล่าวว่า ทำประมงมานานกว่า 50 ปี จนขณะนี้อายุ 80 ปีแล้วยังไม่เคยพบเห็นมาก่อน https://tna.mcot.net/region-570575
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|