เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 08-11-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพุธที่ 8 พฤศจิกายน 2566

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้มีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีหมอกในตอนเช้า ในขณะที่ลมตะวันออกที่พัดปกคลุมภาคตะวันออก อ่าวไทย และภาคใต้ มีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสม รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองในระยะนี้ไว้ด้วย

สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทย และทะเลอันดามันมีกำลังอ่อน โดยมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 8 ? 11 พ.ย. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังอ่อนที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีหมอกในตอนเช้า ในขณะที่มีลมฝ่ายตะวันออกพัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้ และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง

ส่วนในวันที่ 12 ? 13 พ.ย. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศลาวตอนบน ภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่งเกิดขึ้นได้ในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง

สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทย และทะเลอันดามันมีกำลังอ่อน โดยมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร ตลอดช่วง


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 8 ? 13 พ.ย. 66 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย









__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 08-11-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ


ตำน้ำพริกละลายทะเล! ยกความเห็น บ.เดินเรือ รายงานสภาพัฒน์-จุฬาฯ "แลนด์บริดจ์ชุมพร-ระนอง" ไม่น่าจะไปรอด

ศูนย์ข่าวภาคใต้ - "อดีต บก.นิตยสารสารคดี" โพสต์เฟซบุ๊กอ้างความเห็นบริษัทเดินเรือขนส่งสินค้าและรายงานของสภาพัฒน์-จุฬาฯ ชี้แลนด์บริดจ์ชุมพร-ระนองไม่น่าจะไปรอด คาดงบ 1 ล้านล้านบาทเป็นการตำน้ำพริกละลายทะเล



วันนี้ (3 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ ผู้ร่วมก่อตั้งและอดีตบรรณาธิการบริหารนิตยสารสารคดี ได้โพสต์ในเฟซบุ๊กเกี่ยวกับโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง เพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน หรือโครงการแลนด์บริดจ์ชุมพร-ระนอง โดยใช้หัวข้อว่า "แลนด์บริดจ์กับความเห็นของลูกค้าตัวจริง บริษัทเดินเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ"

เขาระบุว่า ?"ผู้มีอำนาจฝันไปเรื่อย ไม่มีบริษัทเดินเรือขนส่งระดับโลกไหนจะมาใช้แลนด์บริดจ์นี้หรอก เพราะค่าใช้จ่ายสูงมาก" ผู้บริหารสายการเดินเรือระหว่างประเทศหลายคนที่เป็นลูกค้าโดยตรงของโครงการนี้เล่าให้ผู้เขียนฟังตรงกัน

"ผลของการศึกษาของจุฬาฯ ก็ออกมาแล้วว่า ลงทุนไปหนึ่งล้านล้านบาทไม่คุ้มค่าแน่นอน แต่รัฐบาลไม่ฟัง"

?เมื่อวันที่ 16 ต.ค.2566 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเดินหน้าโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง เพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (โครงการแลนด์บริดจ์ชุมพร-ระนอง) ด้วยมูลค่าการลงทุนโครงการนี้มากถึง 1 ล้านล้านบาท ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ความกังวลถึงความไม่คุ้มค่าของโครงการนี้

ผู้บริหารสายการเดินเรือให้ข้อมูลผู้เขียนต่อว่า ?ลองคิดดูสิ หากเรือสินค้ามาจอดที่ท่าเรือชุมพร ต้องยกตู้คอนเทนเนอร์ลงจากเรือที่ชุมพร แล้วยกขึ้นรถไฟไประนอง ยกลงจากรถไฟ ยกไปขึ้นเรือที่ระนองอีก ยกตู้ 4 ครั้ง โดนไป 4,000-5,000 บาทต่อตู้ ไหนจะค่าภาระท่าเรือ 2 แห่ง ค่าขนส่งทางรถไฟอีกประมาณ 100 กิโลเมตร รวมแล้วค่าใช้จ่ายเยอะมาก ประมาณ 10,000-12,000 บาทต่อตู้ (US$ 300-400)

ปัจจุบันนี้เรือขนส่งสินค้าจะมีระวางขับน้ำตั้งแต่ 100,000-200,000 ตัน ยิ่งลำใหญ่ต้นทุนขนส่งสินค้าจะถูกลง สมมติว่าเรือสินค้าขนาดระวาง 100,000 ตัน จะบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ได้ 10,000 ตู้ หรือเฉลี่ยตู้คอนเทนเนอร์ละ 10 ตัน ถ้ามีเรือเทียบท่าเรือระนองวันละ 10 ลำ ก็หมายความว่ามีตู้ต้องยกขึ้นรถไฟ 100,000 ตู้ ขณะที่รถไฟแต่ละขบวนขนได้ประมาณ 500 ตู้คอนเทนเนอร์ ลองคิดดูสิว่าจะเสียเวลากี่วันกว่าจะขนขึ้นขนลง

ขณะที่เรือไปถ่ายลำที่สิงคโปร์หรือมาเลย์เสียค่าใช้จ่ายตู้ละ US$ 80-100 เรือสินค้าลำหนึ่งขนตู้คอนเทนเนอร์ประมาณ 10,000-20,000 ตู้ ดังนั้นค่าใช้จ่ายถูกกว่ากันลำละหลายสิบล้านบาท และกว่าจะขนถ่ายตู้นับหมื่นตู้ขึ้นลงรถไฟ และขนส่งตู้ระหว่างชุมพร-ระนองคงใช้เวลาประมาณ 5-10 วัน ไม่ได้ประหยัดเวลาเลย

สรุปคือระยะเวลาก็ไม่ได้เร็วกว่า แต่ยังเสียค่าขนส่งเพิ่มขึ้นอีก แล้วลูกค้าเรือสินค้าที่ไหนจะมา

"ความเห็นของผมคือโครงการนี้ไม่น่าจะไปรอด ตำน้ำพริกละลายทะเลเปล่าๆ และคนในวงการเดินเรือส่วนใหญ่ส่ายหน้ากันมานานแล้วกับโครงการนี้ และอีกประการหนึ่ง รัฐบาลก็กำลังสร้างท่าเรือแหลมฉบังเฟสสาม เป็นท่าเรือขนาดใหญ่ เรือกินน้ำลึกเข้าจอดเทียบท่าได้ แล้วจะไม่เป็นการแย่งลูกค้ากันเหรอ"

ต่อคำถามที่ว่าแล้วที่จะมีนิคมอุตสาหกรรมเกิดขึ้นหลังท่าเรือและจะทำให้เกิดพื้นที่เชิงพาณิชย์ตามมา พวกเขามีความเห็นอย่างไร

"การจะมีอุตสาหกรรมหลังท่าเรือตามมา มันจะต้องมีตู้ขนส่งสินค้าจำนวนมากวิ่งผ่าน เกิดความหลากหลายของสินค้า จึงจะเป็นการดึงดูดให้เกิดอุตสาหกรรม แต่จะมีจริงหรือ เราเคยสร้างท่าเรือระนอง บอกว่าจะมีอุตสาหกรรมตามมา แต่คุณไปดูท่าเรือระนองเปิดมาสิบกว่าปี แทบไม่มีใครใช้ ตอนนี้ก็แทบจะร้างแล้ว"

ขณะที่รายงานฉบับสมบรูณ์ "โครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการเชื่อมโยงเส้นทางขนส่งทางทะเลฝั่งอ่าวไทย" จัดทำโดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ 'สภาพัฒน์' และศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้มีข้อสรุปว่า โครงการแลนด์บริดจ์ ชุมพร-ระนอง ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด

แต่เสนอว่า "...ทางเลือกที่ ?เหมาะสมที่สุด? ในการเชื่อมโยงเส้นทางขนส่งทางทะเลฝั่งอ่าวไทย-อันดามัน คือ การให้ความสำคัญกับการสร้างเส้นทางเข้าถึงพื้นที่พัฒนาตามแผนปฏิบัติการการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้อย่างยั่งยืน (SEC) โดยเน้นการใช้ประโยชน์จากสิ่งที่มีอยู่และดำเนินการพัฒนาต่อจากสิ่งที่มีอยู่แล้วเป็นหลัก เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด?"

?โครงการลงทุน 1 ล้านล้านบาท คุ้มค่าจริงหรือ คำตอบมีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าจะรับรู้หรือไม่


https://mgronline.com/south/detail/9660000098937


******************************************************************************************************


ชมคลิป ปะการัง "เกรทแบร์ริเออร์รีฟ" เริ่มวางไข่สร้างรุ่นต่อไป



นักวิจัย เผยแพร่ภาพการวางไข่ของปะการังประจำปี บริเวณแนวปะการังมัวร์ หนึ่งในแนวปะการังเกรทแบร์ริเออร์รีฟ ชั้นนอก ของประเทศออสเตรเลีย เพื่อทำการวิเคราะห์ปะการังรุ่นต่อไป

สถานที่จับภาพการวางไข่ของปะการังอ่อน คือแนวปะการังมัวร์ บนแนวปะการังเกรทแบร์ริเออร์รีฟ (Great Barrier Reef) ชั้นนอก อยู่ห่างจากเมืองแคนส์ไปทางตะวันออก 47 กม. เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา

ลูกบอลสีชมพูเล็ก ๆ หลายพันล้านลูกถูกปล่อยออกมาเป็นเวลา 2-3 ชั่วโมง ลูกบอลเหล่านี้คือก้อนมัดของเซลล์เพศปะการังที่จะแตกตัวออกมาเป็นสเปิร์มและไข่ เพื่อให้ปฏิสนธิในกระแสน้ำทะเลคอรัล จากนั้นตัวอ่อนจะไปเกาะตัวอยู่บนเศษหินจนเติบโตกลายเป็นปะการังทารก

นักชีววิทยาทางทะเล Stuart Ireland ได้บันทึกภาพเหตุการณ์การวางไข่ที่แนวปะการัง Moore Reef ทุกปีในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา

"ปะการังปกคลุมและมีความหลากหลายสูงมากที่แนวปะการังมัวร์ หลังจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา และการวางไข่ในปี 2566 สะท้อนให้เห็นถึงสิ่งนี้" เขากล่าว "เช่นเดียวกับปีที่แล้ว เราเฝ้าดูปะการังอ่อนเริ่มกระบวนการวางไข่ และใช้เวลาราว 2-3 ชั่วโมงเพื่อสังเกตการปล่อยตัวอสุจิและไข่จำนวนมาก

"เราจะดำน้ำในแนวปะการังมัวร์อีกครั้งหลังจากพระอาทิตย์ตกดินในคืนนี้ และคาดว่าจะได้เห็นปรากฏการณ์ที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่านี้ของปะการังแข็งที่เริ่มต้นกระบวนการฟื้นฟูบนแนวปะการังเกรทแบร์ริเออร์รีฟ"

ดร. แอบบี สก็อตต์ (Dr Abbi Scott) นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเจมส์ คุก ทำงานร่วมกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับการสรรหาปะการังหลังเหตุการณ์วางไข่

เธอกล่าวว่ากระเบื้องถูกกระจายไปตามแนวปะการังทั้ง 5 แห่งเพื่อให้ปะการังได้เติบโตต่อไป พวกเขาจะได้รับการวิเคราะห์ในปีหน้าควบคู่ไปกับข้อมูลสำหรับแบบจำลองการแพร่กระจายของตัวอ่อนปะการังเพื่อให้เข้าใจถึงความเชื่อมโยงของแนวปะการังที่เป็นแหล่งกำเนิดของตัวอ่อนได้ดียิ่งขึ้น

"งานวิจัยนี้จะสร้างความรู้เกี่ยวกับความแปรผันสัมพัทธ์ในการสรรหาปะการังในแต่ละแนวปะการังที่ศึกษา และความแตกต่างกันไปในแต่ละแนวปะการังเหล่านั้น" เธอกล่าว

"มันจะมีประโยชน์ต่อความคิดริเริ่มในการฟื้นฟูปะการังที่ได้รับความช่วยเหลือ และเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการจัดการสถานที่ท่องเที่ยวที่มีมูลค่าสูงของพวกเขาอย่างถูกต้อง"

โดยทั่วไปแล้วปะการังในแนวมัวร์จะเริ่มวางไข่ในคืนพระจันทร์เต็มดวงเป็นเวลา 2-6 คืน เมื่ออุณหภูมิของน้ำอยู่ที่ 27-28 องศาC ซึ่งเกิดขึ้นไปแล้วช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และจะเกิดอีกครั้งราวปลายเดือนพฤศจิกายนซึ่งนักวิทยาศาสตร์คาดว่าจะมีอีกครั้งเป็นรอบที่สองในปีนี้


https://mgronline.com/greeninnovatio.../9660000099942

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 08:43


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger