#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน 2563
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักบางแห่ง เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทยเริ่มมีกำลังแรงขึ้น อนึ่ง พายุโซนร้อน "นูรี" (NURI) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีแนวโน้มจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศจีนตอนใต้ ในช่วงวันที่ 13-14 มิ.ย. 2563 ลักษณะเช่นนี้ทำให้ในช่วงวันที่ 13-16 มิ.ย.2563 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 13 - 16 มิ.ย. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทยจะมีกำลังแรงขึ้น เนื่องจากพายุดีเปรสชั่นบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะมีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 14-15 มิ.ย. 63 ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 17 - 18 มิ.ย. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทยจะมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ด้านรับลมของภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตกยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อนลง โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 13 - 16 มิ.ย. 63 ขอให้ประชาชนในบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยของภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสม ซึ่งอาจจะเกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้ สำหรับชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือและหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ********************************************************************************************************************************************************* ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "พายุโซนร้อน 'นูรี'" ฉบับที่ 4 ลงวันที่ 13 มิถุนายน 2563 เมื่อเวลา 04.00 น. ของวันนี้ (13 มิถุนายน 2563) พายุโซนร้อน"นูรี" บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 18.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 116.0 องศาตะวันออก กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ด้วยความเร็วประมาณ 20 กม/ชม มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กม/ชม คาดว่าพายุนี้จะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 13-14 มิถุนายน 2563 ลักษณะเช่นนี้ทำให้ในช่วงวันที่ 13-16 มิถุนายน 2563 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ส่งผลทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก มีดังนี้ วันที่ 13 มิถุนายน 2563 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดหนองคาย อุดรธานี บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ ยโสธร และอุบลราชธานี ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้: จังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่ ในช่วงวันที่ 14 - 15 มิถุนายน 2563 ภาคเหนือ: จังหวัดเชียงราย พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร พิจิตร และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองคาย หนองบัวลำภู อุดรธานี บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ มุกดาหาร ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ภาคกลาง: จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี อุทัยธานี สุพรรณบุรี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม นครปฐม พระนครศรีอยุธยา รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้: จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา และภูเก็ต วันที่ 16 มิถุนายน 2563 ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง ตาก กำแพงเพชร พิจิตร และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองคาย หนองบัวลำภู อุดรธานี บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม ภาคกลาง: จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี อุทัยธานี สุพรรณบุรี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และนครปฐม ภาคตะวันออก: จังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้: จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ระนอง และพังงา สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยบริเวณทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์
ฝูงปลากระมงนับพันตัวอวดโฉม รับหาดเกาะห้องใสสะอาด พบฝูงปลากระมงหลายพันตัว ว่ายน้ำอวดโฉม ใกล้ชายหาดเกาะห้อง อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณีจังหวัดกระบี่ บ่งบอกถึงทรัพยากรธรรมชาติฟื้นตัว ช่วงไม่มีกิจกรรมการท่องเที่ยว ช่วงไวรัส covid-19 เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. นายจำเป็น ผอมภักดี หัวหน้าหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ได้บันทึกภาพวิดีโอ ฝูงปลากระมง เกาะกลุ่มนับพัน ๆ ตัว ที่กำลังแหวกว่ายเข้าใกล้ชายหาดเกาะห้อง และบริเวณสะพานลอยน้ำ ท่าเทียบเรือบริการนักท่องเที่ยว สร้างความตื่นเต้นแก่เจ้าหน้าที่ ที่ได้พบเห็นเป็นอย่างมาก นายจำเป็น กล่าวว่า ฝูงปลากระมง ปกติชอบอยู่ในทะเลลึก วันนี้โผล่มาให้เห็นที่บริเวณน้ำตื้น ที่เกาะห้อง ตัวขนาด ประมาณ 2 กก.เพื่อหาอาหารกินซึ่งเป็นจำพวกปลาเล็ก ๆ ที่มีอยู่ในบริเวณน้ำตื้นชายฝั่ง ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยปรากฏมาก่อน นับเป็นครั้งแรก ที่มีฝูงปลากระมงเข้ามาในบริเวณน้ำตื้นจึงได้บันทึกภาพวีดีโอไว้ ขณะที่ ตนอยู่บนสะพานลอยน้ำ จากที่มองเห็นชัด ด้วยสายตาฝูงปลากระมง เกาะกลุ่มกันหนาแน่น เป็นทางยาวประมาณ 5 เมตร และอีกจำนวนหนึ่งที่มองเห็นเลือนลาง เพราะ น้ำทะเลขุ่นจากกระแสคลื่นลมแรง ซึ่งก่อนหน้านี้นั้นได้มีฝูงปลากระบอก ฝูงปลาทู เข้ามา ช่วงเย็น และฉลามหูดำกว่า 10 ตัว ก็ยังคงมีอยู่ ในช่วงเช้า ในช่วงเดือนพ.ค.และเดือนมิ.ย.นี้ ที่ไม่มีเรือบริการนักท่องเที่ยว เข้ามาจัดกิจกรรมการท่องเที่ยว ตั้งแต่ช่วง ปลายเดือนมี.ค. ถึงเดือนมิ.ย. ประมาณ 3 เดือน จากการเกิดวิกฤต เชื้อไวรัสโควิด 19 ทำให้ทะเลเงียบสงบ ฝูงปลาจึงเข้ามาหากิน https://www.dailynews.co.th/regional/779643
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
ลุยต่อปลาย มิ.ย.นี้ กรมเจ้าท่าทุ่มอีก 586 ล้านเดินหน้าโครงการถมทรายหาดนาจอมเทียน ศูนย์ข่าวศรีราชา - ลุยต่อปลายเดือนนี้ กรมเจ้าท่าทุ่มอีก 586 ล้านบาท เดินเครื่องโครงการเสริมทรายชายหาดนาจอมเทียน ตามแผนบูรณะชายฝั่งทะเลตะวันออก หลังถมทรายหาดพัทยาแล้วเสร็จเมื่อปี 2562 คาดเริ่มดำเนินการปลาย มิ.ย.นี้ เผยแล้วเสร็จลุยหาดบางแสนต่อทันที จากผลศึกษาปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะพื้นที่ชายหาดที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงบริเวณชายหาดเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ของสถาบันวิจัยทางน้ำจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ระบุว่า หากปล่อยทิ้งไว้นาน อาจทำให้พื้นที่ชายหาดเมืองพัทยาแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศมีอันต้องขาดหายไปในระยะเวลา 10-15 ปีข้างหน้า จนทำให้กรมเจ้าท่า ต้องอนุมัติงบประมาณกว่า 400 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการเสริมทรายชายหาด ขยายพื้นที่ให้มีความกว้างถึง 35 เมตร ตลอดแนวความยาวของชายหาดที่มีระยะทางกว่า 2.8 กิโลเมตร และได้ดำเนินการแล้วเสร็จ จนสามารถส่งมอบให้แก่เมืองพัทยาได้ตั้งแต่ต้นปี 2562 ที่ผ่านมา และยังส่งผลให้ชายหาดเมืองพัทยาได้กลับมามีสภาพสวยงามอีกครั้งนั้น ล่าสุด วันนี้ (12 มิ.ย.) นายเอกราช คันธโร ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 6 สาขาพัทยา ได้ออกมาเปิดเผยถึงโครงการต่อเนื่อง ที่กรมเจ้าท่า มีแผนที่จะดำเนินการต่อจากโครงการเสริมทรายชายหาดเมืองพัทยา ที่ได้ดำเนินการสำเร็จเป็นที่เรียบร้อย คือ โครงการเสริมทรายชายหาดบริเวณอ่าวนาจอมเทียน เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการบูรณะชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก หลังพบว่าชายหาดบริเวณอ่าวนาจอมเทียน ได้รับผลกระทบจากการกัดเซาะของน้ำทะเลค่อนข้างรุนแรงไม่แพ้ชายหาดพัทยา และหากไม่เร่งดำเนินแก้ไขก็จะทำให้ชายหาดถูกกัดเซาะเข้ามาจนถึงชายฝั่งซึ่งเป็นที่ดินของประชาชน ทั้งนี้ โครงการเสริมทรายชายหาดนาจอมเทียน จะใช้งบประมาณปี 2563 ในการดำเนินการเฟสแรกที่มีระยะทางยาว 3.5 กิโลเมตร โดยมีแผนที่จะขยายพื้นที่ชายหาดให้มีความกว้างประมาณ 50 เมตร และมีความสูงจากพื้นท้องดินเดิมประมาณ 2.5 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ภายใต้งบประมาณดำเนินการ 586 ล้านบาท และขณะนี้กรมเจ้าท่า ได้ว่าจ้างบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินโครงการถมทรายชายหาดพัทยาให้เข้าดำเนินการต่อ โดยจะมีระยะเวลาในดำเนินการทั้งสิ้น 900 วัน และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงปลายเดือน มิ.ย.นี้ "ทั้งนี้ จะเริ่มดำเนินการเฟสแรกตั้งแต่บริเวณร้านลุงไสว ไปจนถึงซอยนาจอมเทียน 11 ในระยะทาง 3.5 กิโลเมตร โดยจะใช้ทรายจากแหล่งทรายเดิมที่เคยนำเสริมชายหาดพัทยา คือ บริเวณใต้ทะเลใกล้เกาะรางเกวียน ซึ่งมีปริมาณทรายเพียงพอในการเสริมทรายและสต๊อกทราย จากการคำนวณที่คาดว่าจะใช้ปริมาณทรายทั้งสิ้นกว่า 680,000 ลบ.ม." นายเอกราช ยังเผยอีกว่า หากดำเนินโครงการเสริมทรายชายหาดอ่าวนาจอมเทียนในเฟสแรกแล้วเสร็จ ก็จะจัดทำโครงการเสริมทรายชายหาดบางแสนต่อในปี 2564 เนื่องจากชายหาดบางแสนก็มีปัญหาการกัดเซาะอย่างรุนแรงเช่นกัน ซึ่งหลังจากดำเนินการในพื้นที่ชายหาดบางแสนแล้วเสร็จ ก็จะกลับมาดำเนินการต่อในพื้นที่ชายหาดจอมเทียน เพื่อในครบระยะทาง 7 กิโลเมตร สำหรับโครงการเสริมทรายชายหาดอ่าวนาจอมเทียนในเฟสที่ 2 จะเริ่มจากซอย 11 จอมเทียนถึงชายหาดจอมเทียนต่อเนื่องไปจนถึงเขาพระตำหนักในระยะอีก 3.5 กิโลเมตร และคาดว่าจะเริ่มดำเนินโครงการได้ในปีงบประมาณ 2565 หลังถมทรายชายหาดบางแสนแล้วเสร็จ "วิธีการเสริมทรายชายหาดบริเวณอ่าวนาจอมเทียนนั้น จะเป็นไปในลักษณะเดียวกับชายหาดพัทยา คือ จะใช้เรือทำการดูดทรายจากใต้ท้องทะเลเกาะรางเกวียน เพื่อนำกักเก็บไว้ยังสถานีที่อยู่ห่างจากชายฝั่งประมาณ 1,000 เมตร จากนั้นจะทำการพ่นทรายไปยังชายฝั่งช่วงละ 100 เมตรกระทั่งเต็มตลอดแนว" อย่างไรก็ตาม การเสริมทรายชายหาดนาจอมเทียน จะไม่มีการวางและฝังแนวถุงบิ๊กแบ็กแบบ Geo Tex-tile ดังเช่นชายหาดพัทยา เนื่องจากมีความกว้างของชายหาดมากกว่าชายหาดพัทยา และชายหาดนาจอมเทียน ยังไม่มีปัญหาการไหลของน้ำที่ท่วมจากผิวจราจรลงสู่พื้นที่ชายหาดจนพัดทรายไหลลงสู่ทะเลเช่นเดียวกับชายหาดพัทยา ขณะนี้เมืองพัทยา ได้จัดสรรงบประมาณกว่า 105 ล้านบาท ในการวางระบบท่อระบายน้ำริมถนนสายชายหาดเพื่อลดปัญหาดังกล่าวแล้ว https://mgronline.com/local/detail/9630000061005
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ
ขาเที่ยวเฮ! เตรียมเปิด 'อุทยานแห่งชาติ' 127 แห่ง 1 ก.ค.นี้ วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เผยเตรียมเปิด "อุทยานแห่งชาติ" 127 แห่ง วันที่ 1 ก.ค.นี้ พร้อมจำกัดนักท่องเที่ยว วิงวอนเว้นระยะห่างทางสังคม และไม่ทิ้งขยะ 12 มิถุนายน 63 เวลา 10.30 น. นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) กล่าวว่า ?ตามที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้มีประกาศปิดอุทยานแห่งชาติ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา ตามมาตรการเฝ้าระวัง "โควิด-19" นั้น วันนี้ขอแจ้งให้ทราบว่า ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 จะมีการเปิดให้บริการ "อุทยานแห่งชาติ" หลายแห่ง แต่ยังบางแห่งที่จะยังคงปิดให้บริการอยู่ เช่น อุทยานแห่งชาติทางทะเลทางด้านฝั่งอันดามัน เนื่องจากช่วงนี้เข้าสู่ฤดูมรสุม หรืออุทยานแห่งชาติภูกระดึงที่ปัจจุบันอยู่ในช่วงของฤดูฝน เป็นต้น โดยสรุปแล้ว "อุทยานแห่งชาติ" จะเปิดให้บริการ 127 แห่ง จะมีอุทยานแห่งชาติ 64 แห่ง เปิดให้บริการได้ 100% และอุทยานแห่งชาติอีก 63 แห่ง จะเปิดให้บริการแค่บางส่วนของพื้นที่ เริ่มตั้งแต่ 1 กรกฎาคมเป็นต้นไป อุทยานแห่งชาติจำนวน 64 แห่ง ที่เปิดให้บริการกับนักท่องเที่ยว 100% นั้น จะเปิดให้บริการตามช่วงเวลาปกติ และอุทยานแห่งชาติทุกแห่งจะมีการจำกัดการรองรับของนักท่องเที่ยวแตกต่างกันไปอีกด้วย" นายวราวุธ รมว.ทส. กล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังมีเวลาอีก 16-17 วัน ก่อนถึงวันที่ 1 ก.ค.63 ที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ จะต้องเร่งพัฒนาระบบต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว เช่น นักท่องเที่ยวต้องตรวจสอบได้ว่าอุทยานแห่งชาติที่ต้องการจะไปนั้นเปิดให้บริการหรือไม่ ส่วนการไปท่องเที่ยวอุทยานฯ ยังคงต้องตระหนักถึงการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social distancing) ซึ่งมีความสำคัญมาก และไม่อยากให้อุทยานแห่งชาติเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดการระบาดของโควิด-19 ระลอก 2 เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติต้องเตรียมความพร้อม และประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวทราบถึงมาตราการการป้องกัน covid-19 ด้วย เช่น แต่ละจุดจะต้องมีการจำกัดนักท่องเที่ยว มีการตรวจสอบการเข้าออก (Check In - Check Out ) จัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก และไม่ให้นักท่องเที่ยวรวมตัวกัน โดยให้ทุกคนสวมหน้ากากอนามัยก่อนเข้าภายในอุทยานแห่งชาติ ทั้งนี้ ในวันที่ 1 กรกฎาคม อาจจะมีความผิดพลาดเกิดขึ้นบ้าง เพราะเป็นการเริ่มต้นเปิดอุทยานแห่งชาติในรูปแบบของการท่องเที่ยววิถีใหม่ New Normal ใส่ใจสิ่งแวดล้อม? "ทั้งนี้ ตลอดช่วงระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา มนุษย์ไม่ได้เข้าไปวุ่นวายกับสิ่งแวดล้อมกับธรรมชาติตลอดจนสัตว์ป่า ซึ่งทุกท่านจะสังเกตได้ว่าธรรมชาติได้ฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว สัตว์ป่าทั้งสัตว์บก,สัตว์น้ำมีความสุขกับการใช้ชีวิตในบ้านของเขา จึงอยากขอให้ทุกท่านท่องเที่ยวกับแบบวิถีใหม่ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ซึ่ง "อุทยานแห่งชาติ" ที่กำลังจะเปิด 127 แห่งนั้น คงต้องฝากให้นักท่องเที่ยวทิ้งขยะในที่ที่เจ้าหน้าที่จัดไว้ให้ เพราะช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าไม่มีข่าวสัตว์เสียชีวิตเพราะขยะเลย อย่างไรก็ตาม หากเปิดการท่องเที่ยวแล้วพบว่านักท่องเที่ยวทิ้งขยะจำนวนมาก มีสัตว์ตายจากขยะพลาสติก ก็จะปิดอุทยานฯ อีกครั้ง เพราะการปิดอุทยานฯ ในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 พบว่าธรรมชาติฟื้นตัว ทั้งสัตว์บกและสัตว์ทะเลอุดมสมบูรณ์ขึ้นอย่างมาก" นายวราวุธ กล่าวทิ้งท้าย https://www.bangkokbiznews.com/news/...paign=politics
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#5
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ
ผู้ว่าฯสุราษฎร์ สั่งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างอ่าวบ้านดอนภายใน 60 วัน ผู้ว่าฯสุราษฎร์ธานีเซ็นต์ด่วนคำสั่งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างอ่าวบ้านดอนภายใน60วัน ความคืบหน้า กรณีชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่อ่าวบ้านดอน จ.สุราษฎร์ธานี? นำเรือมากกว่า50ลำมาปิดบริเวณปากอ่าวบ้านดอน เพื่อทวงถามความชัดเจนในการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทที่เกิดขึ้น จนทำให้จนท.ทีมศรชล.ต้องเข้าเจรจานานกว่า6ชั่วโมงก็ได้ข้อยุติขอเวลา2เดือนในการแก้ไขปัญหาทำให้ชาวประมงพอใจและยอมสลายตัว ล่าสุด ได้มีประกาศจังหวัดสุราษฎร์ธานี เรื่อง ให้หรือถอนสิ่งปลูกสร้างอาคาร (ขนำเป้าหอยและโฮมสเตย์) หรือสิ่งใดๆที่ได้ก่อสร้างหรือติดตั้งในที่จับสัตว์น้ำบริเวณอ่าวบ้านดอนจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยอาศัยมาตรา 103 แห่งพระราชกำหนดประมง 2558 และแก้ไขเพิ่มเติมที่ให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจสั่งให้ผู้สร้างหรือติดตั้งรื้อถอนสิ่งนั้นออกจากที่จับสัตว์น้ำในระยะเวลาที่กำหนด 60วัน นับจากวันที่ออกประกาศลงวันที่ 12 มิถุนายน 2563 ลงนามโดยนายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี https://www.bangkokbiznews.com/news/...mpaign=bangkok
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#6
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS
1 ก.ค.นี้ เปิด 127 อุทยานฯ - จำกัดนักท่องเที่ยว ข่าวดี! "วราวุธ" เล็งเปิดแหล่งท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติ 127 แห่ง เริ่ม 1 ก.ค.นี้ แต่เที่ยวแบบ New Normal ต้องจำกัดจำนวนคน ใช้ระบบ "ไทยชนะ" เช็กอิน-เช็กเอาต์ เพื่อคัดกรองคน โดย 64 แห่งเปิดทุกจุด เช่น เขาใหญ่ 5,000 คน เปิดบางส่วน 63 แห่งและ 28 แห่งปิดต่อ วันนี้ (12 มิ.ย.2563) นายวราวุธ ศิลปาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) แถลงข่าวดีว่า ในวันที่ 1 ก.ค.นี้ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช จะเปิดให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ หลังจากปิดให้บริการมานานเกือบ 3 เดือนในช่วงสถาน การณ์ COVID-19 โดยปริมาณการรองรับนักท่องเที่ยวแต่ละแห่งจะแตกต่างกันไป ?ขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาระบบการจองล่วงหน้า โดยจะเสร็จสมบูรณ์ในช่วงใกล้วันที่ 1 ก.ค.นี้ ไม่ให้เกิดความแออัด ย้ำว่าหากเปิดอุทยานแห่งชาติแล้วพบสัตว์ตายเพิ่ม หรือขยะสกปรก ก็จะปิดอีกครั้ง" นายวราวุธ กล่าวอีกว่า ขอให้ประชาชนสนุกสนานกับการท่องเที่ยวหลังกักตัวอยู่บ้านมานาน แต่เมื่อไปสัมผัสธรรมชาติแล้วขอให้รักษาความสะอาด เพื่อให้สัตว์ทุกตัวยังมีความสุขอยู่ในบ้าน และแหล่งอาศัย ส่วนกรณีการเข้าไปท่องเที่ยวในลักษณะที่ไม่ได้จองคิวล่วงหน้าอาจสามารถทำได้ แต่ต้องตรวจสอบโควตาว่าเต็มแล้วหรือไม่ "3 เดือนที่มนุษย์ไม่เข้าไปวุ่นวาย เห็นชัดแล้วว่าธรรมชาติฟื้นฟูมากเพียงใด ไม่ได้ยินข่าวสัตว์ตายเพิ่ม ขอความกรุณาเที่ยวแบบ New normal รักษาความสะอาดในบ้านของสัตว์ทั้งหลาย อย่าทิ้งขยะ" เช็ก 127 แห่งที่ไหนพร้อมเปิด 100% นายจงคล้าย วรพงศธร รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา นายวราวุธ ศิลปาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดทส. ได้หารือร่วมกับกรมอุทยานฯ เรื่องมาตรการรองรับการเปิดอุทยานแห่งชาติ เพื่อนักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปมาก และมีแนวทางอะไรที่จะเป็น New Normal การเปิดในช่วงสถานการณ์ COVID-19 โดยหนึ่งในมาตรการสำคัญที่ต้องนำมาชี้วัดคือการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว และในแต่ละอุทยานฯ ซึ่งจะไม่ใช้ตัวเลขเดิมที่เคยรองรับนักท่องเที่ยว โดยจะนำแอปพลิเคชันไทยชนะ มาใช้เป็นเครื่องมือในการคัดกรองคนเข้าออก และตรวจเช็กเรื่องจำกัดจำนวนคนได้ดีที่สุด โดยได้หารือกับหัวหน้าอุทยานทั่วประเทศ ให้ส่งตัวเลขว่าแต่อุทยานแต่ละแห่งจะรองรับจำนวนคนเท่าไหร่ต่อช่วงเวลาหนึ่ง เช่น แห่งที่ 1 กำหนดที่ 800 คน อาจจะเป็นน้ำตก 300 คน อีก 500 ไปเที่ยวในภูเขา ความหมายคือนักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเรื่อยๆ แต่ถ้าครบตรงหน้าด่านตามตัวเลข 800 ต้องหยุด และแบ่งนักท่องเที่ยวไปยังจุดต่างๆที่กำหนดไว้ เช่น น้ำตก 300 คน ถ้าครบต้องเอาคนออกไป ถึงจะเสริมคนใหม่เข้าไปได้ สำหรับการคำนวณจากอะไร แต่ละแห่งจะมีการศึกษาสภาพทรัพยากรธรรมชาติว่าไม่กระทบต่อสัตว์ป่า พันธุ์พืช และดานกายภาพของพื้นที่ถ้ามีพื้นที่มากรองรับได้มากตามกิจกรรม และสิ่งอำนวยความสะดวก และการประเมินความพึงพอใจของนักท่องเที่ยว เมื่อนำมาประมวลแล้วจะเป็นตัวเลขขีดความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยว "เหตุผลที่ใช้แอปพลิเคชันไทยชนะ เพราะตัวนี้จะใช้ในการกำหนดเช็กจำนวนคนได้ดีที่สุด เข้า-ออกเท่าไหร่ ซึ่งนายวราวุธ อยากให้ทำถึงจุดท่องเที่ยวเพื่อป้องกันการกระจุกตัว ดังนั้นจึงต้องมีการกำหนดจำนวนในแต่ละจุดท่องเที่ยวด้วย เช่น น้ำตกจุดแรกให้แค่ 300 คน ก็ต้องเกลี่ยไปจุดอื่น" 127 แห่งพร้อมเปิดรองรับท่องเที่ยว รองอธิบดีกรมอุทยาน กล่าวว่า สำหรับอุทยานแห่งชาติที่มีความพร้อมในการเปิดการท่องเที่ยว 127 แห่งที่มีการศึกษาตัวเลขการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว และไม่มีปัญหาเรื่องฤดูกาล คาดว่าจะเปิดให้ท่องเที่ยวในเดือน ก.ค. แบ่งเป็นเปิดให้เข้าทุกจุดท่องเที่ยว 64 แห่ง เปิดบางส่วน 63 แห่ง และยังปิดต่อ 28 แห่ง โดยอุทยานแห่งชาติที่สามารถเปิดทุกจุดให้ท่องเที่ยวมีจำนวน 64 แห่ง เช่น อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ทับลาน ปางสีดา หมู่เกาะช้าง น้ำตกพลิ้ว น้ำตกกองแก้ว กุยบุรี เขาสามร้อยยอด หมู่เกาะอ่างทอง ธารเสด็จ-เกาะพะงัน เขาหลวง อ่าวพังงา ส่วนอุทยานเปิดบางจุดของแหล่งท่อง 63 แห่ง เช่น แก่งกระจาน? ถ้ำ?หลวง?-ขุน?น้ำ?นาง?นอน? ภู?หิน?ร่อง?กล้า? ภูสอยดาว? หมู่เกาะ?ลันตา? เขาพระ?วิหาร? หาด?วนกร? ดอย?ภู?คา? และมีแหล่งท่องเที่ยวอีก 28 แห่ง ที่ยังไม่เปิดให้ท่องเที่ยวทั้งหมด ครอบคลุมแหล่งท่องเที่ยวในเขตทะเลอันดามัน เช่น หมู่เกาะพีพี สิมิลัน ตะรุเตา ธารโบกขรณี ทะเลบัน ศรีพังงา เขาหลัก เขาปู่-เขาย่า เทือกเขาบูโด รวมทั้งอุทยานแห่งชาติภูกระดึง จ.เลย และบางส่วนที่ประเมินว่าไม่ปลอดภัย และกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ "เชื่อว่าเมื่อเปิดแล้วธรรมชาติในแต่ละแห่งสวยแน่นอน โดยมีความพร้อมเปิดทั้ง 127 แห่งเพราะช่วงปิดมา 3 เดือนได้มีการเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวก และการฟื้นฟูธรรมชาติ" ไม่ให้ซ้ำรอยบางแสน-คนทะลัก นายจงคล้าย ระบุว่า ขณะนี้มีบัญชีทั้งหมดแล้วหลังจากนี้หากมีความสมบูรณ์จะนำไปลงในเว็บไซต์กรมอุทยานแห่งชาติว่าที่ไหนเปิดบ้าง โดยนักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปตรวจดูรายชื่อทั้งหมด ครอบคลุมอุทยานแห่งชาติทางทะเลฝั่งอันดามัน เพราะมีมรสุม และบางพื้นที่มีเรื่องฝนทางขึ้นลำบาก ส่วนข้อกังวลเรื่องการกระจุกตัวและแห่มาเที่ยวเหมือนกับกรณีการเปิดเที่นวทะเลบางแสนนั้น นายจงคล้าย กล่าวว่า เบื้องต้นขอให้นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางควรตรวจเช็กข้อมูลกับอุทยานแห่งชาติก่อนเดินทาง แต่หากกรณีที่ไปถึงอุทยานแล้ว แต่ละอุทยานต้องมีการสแกนคิวอาร์โค้ดไทยชนะ และต้องมีหลายจุดเพื่อเช็กการเข้า-ออก และถ้าครบจำนวนแนะนำไปยังจุดอื่นๆ "เคสบางแสน เป็นจุดที่ให้กรมอุทยานฯ ต้องกลับมาวางแผนว่าจะทำอย่างไร เพราะถึงจะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นแต่ที่ปิดการท่องเที่ยวมากนาน จึงยกโจทย์มาว่าจะปฏิบัติในลักษณะที่เจอนักท่องเที่ยวเข้ามามากแบบช่วงสงกรานต์ และปีใหม่" ทั้งนี้ในส่วนของอุทยานแห่งชาติทางบกไม่ค่อยกังวล เพราะมีจุดท่องเที่ยวอื่นรองรับ และพื้นที่กว้างกว่า แต่ที่น่าห่วงคือเกาะทางทะเล และแหล่งท่องเที่ยวอุทยานทางทะเล เพราะข้อจำกัดของพื้นที่ แต่จะพยายามจำกัดในตัวแหล่งท่องเที่ยวที่จะพยายามให้ การจัดการเว้นระยะห่าง ส่วนจะมาเป็นครอบครัวหรือมากลุ่มเพื่อนต้องหาวิธีอำนวยความสะดวกให้ได้ เพราะนอกพื้นที่ของอุทยานฯ ก็จะมีทั้งร้านอาหาร และแหล่งต่างๆ เพื่อนั่งรอคอยได้ คุมทุกจุดลดการแออัด-จำกัดจำนวนคน นายจงคล้าย กล่าวอีกว่า ขณะนี้สั่งการให้มีการตั้งศูนย์อุทยานทุกแห่งในอุทยานแห่งชาติ เพื่อคอยเช็กตัวเลขนักท่องเที่ยวตามที่จำกัดจำนวนไว้ตรงนี้ มีการตั้งเต้นท์พักคอย ถ้าเต็มจะต้องเกลี่ยคนไปยังแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง ส่วนข้างในอุทยานฯ ร้านค้า ร้านอาหารต้องมี Social Distancing ส่วนโซนบริการสิ่งอำนวยความสะดวก ห้องน้ำบริการจะมีเครื่องพ่นฆ่าเชื้อตลอดเวลา เจลแอลกอฮอล์บริการ "สิ่งที่ไม่เคยทำก็ต้องทำ คือการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว ยอมรับว่ามันทำยาก แม้จะมีความพยายามในการดำเนินการ แต่ตอนนี้มีการทำแอปไทยชนะแล้ว คาดหวังจะเป็นเครื่องมือคุมนักท่องเที่ยวได้ " รองอธิบดีกรมอุทยาน กล่าวว่า สิ่งสำคัญในแหล่งท่องเที่ยว ต้องมีเจ้าหน้าที่คอยสอดส่องระยะห่างและห้ามกระจุกตัว แม้จะไปด้วยกัน ต้องขอความร่วมมือตามมาตราการ COVID-19 ตรงนี้ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะล่อแหลมที่จะเกิดปัญหา แต่เชื่อว่านักท่องเที่ยวเริ่มมีวินัยมากขึ้นจากสิ่งที่เกิดขึ้นในการใช้บริการพื้นที่สาธารณะ เช่น สนามบิน https://news.thaipbs.or.th/content/293537
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|