#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพุธที่ 22 กันยายน 2564
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป บริเวณประเทศไทยมีฝนตกต่อเนื่อง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ฝั่งตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้ไว้ด้วย ทั้งนี้เนื่องจากหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณภาคกลาง ประกอบกับร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนบริเวณอ่าวไทยตอนล่างทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 22 - 24 ก.ย. 64 ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 25 ? 27 ก.ย. 64 หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้มีแนวโน้มเคลื่อนเข้าปกคลุมชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลาง และจะเคลื่อนตามแนวร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ส่งผลทำให้ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังปานกลาง ตลอดช่วง โดยบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนคลื่นสูงประมาณ 2 เมตรส่วนบริเวณอ่าวไทยตอนล่างทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ข้อควรระวัง ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากได้ สำหรับชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง โดยหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
ตายปริศนา เพนกวิน 63 ตัวในแอฟริกาใต้นอนตายเกลื่อนบนชายหาด เชื่อถูกฝูงผึ้งต่อย เกิดเหตุการณ์สุดแปลก เมื่อเพนกวินแอฟริกันใกล้สูญพันธุ์ 63 ตัว นอนตายบนชายหาดแอฟริกาใต้ ผลการตรวจดูตามลำตัวพบเหล็กในผึ้ง คาดว่าโดนฝูงผึ้งจู่โจม แต่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเพราะอะไร เมื่อวันที่ 20 ก.ย. ที่ผ่านมา เว็บไซต์ข่าวอัลจาซีราห์ รายงานว่า เพนกวินแอฟริกัน ซึ่งเป็นสายพันธุ์หายาก และใกล้สูญพันธุ์ จำนวน 63 ตัวนอนตายบนชายหาดโบลเดอร์ ใกล้เมืองไซมอนส์ทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ คาดว่ามันตายเมื่อบ่ายวันที่ 16 ก.ย. หรือเช้าวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา เมื่อสัตวแพทย์ตรวจสอบการตายของพวกมันก็พบว่า มีเหล็กในตามลำตัว และไม่พบร่องรอยแผลอื่นๆ คาดว่าพวกมันตายอย่างฉับพลันเพราะโดนฝูงผึ้งจู่โจมและต่อยเข้าที่อวัยวะสำคัญอย่างลูกตา นอกจากนี้ยังพบผึ้งหลายตัวตายในบริเวณใกล้กับจุดที่เพนกวินตาย ผู้เชี่ยวชาญจากมูลนิธิเซาท์เทิร์น แอฟริกัน เพื่อการอนุรักษ์นกชายฝั่ง (Southern African Foundation for the Conservation of Coastal Birds-SANCCOB) และผู้เชี่ยวชาญจากอุทยานแห่งชาติแอฟริกาใต้ (South African National Parks-SANParks) เปิดเผยว่า ตอนนี้กำลังตรวจสอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับสาเหตุการตายของฝูงเพนกวิน โดยกำลังมีการตรวจสอบทางเคมีเพื่อหาสารพิษ และโรคระบาดอื่นๆ ต่อไป ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน จนถึงตอนนี้ยังไม่รู้แน่ชัดว่าอะไรทำให้ฝูงผึ้งหันมาจู่โจมทำร้ายเพนกวิน และหวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก. ที่มา : Aljazeera https://www.thairath.co.th/news/foreign/2198848
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
น่ายินดี! ธรรมชาติฟื้นตัวที่ อช. หมู่เกาะชุมพร พบ "หญ้าทะเล" หนาแน่นขึ้นกว่า 80% ภาพจากเพจประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ธรรมชาติฟื้นตัวที่ อช. หมู่เกาะชุมพร พบหญ้าทะเลชนิดหญ้าใบมะกรูดในพื้นที่ใหม่จำนวน 2 แปลง และมีความหนาแน่นปกคลุมร้อยละ 80 ของพื้นที่ เฟซบุ๊กเพจประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โพสต์รูปพร้อมข้อความ อช.หมู่เกาะชุมพร ร่วมกับกลุ่มนิเวศวิทยาทางทะเล ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลางสำรวจแปลงหญ้าทะเลพบขึ้นหนาแน่นกว่า 80 % นายสุวรรณเนาว์ แสนสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร รายงานว่า อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร ได้ร่วมกับกลุ่มนิเวศวิทยาทางทะเล ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง ออกปฏิบัติงานสำรวจแหล่งหญ้าทะเลบริเวณเกาะหนู เกาะแมว เกาะยุ้ง และเกาะกุลา อำเภอสวี จังหวัดชุมพร พบแหล่งหญ้าในพื้นที่ใหม่จำนวน 2 แปลง มีพื้นที่กว่า 10 ไร่ บริเวณเกาะกุลา เป็นหญ้าทะเลชนิดหญ้าใบมะกรูด (Halophila ovalis) ขึ้นอย่างหนาแน่นบนพื้นทราย ปกคลุมพื้นที่ร้อยละ 80 ของพื้นที่ ภาพจากเพจประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สำหรับอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร แรกเริ่มใช้ชื่ออุทยานแห่งชาติหาดทรายรี ต่อมาได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2542 ครอบคลุมพื้นที่ 198,125 ไร่ ที่นี่เป็นแหล่งดำน้ำชื่อดังอย่างเส้นทางศึกษาธรรมชาติใต้ทะเลเกาะหลักง่ามแล้ว ภายในอุทยานฯ ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าในสนใจอีกหลากหลาย อาทิ เกาะง่ามเล็ก เกาะง่ามใหญ่-ฝ่ามือพระพุทธเจ้า เกาะมาตรา เกาะทะลุ เกาะทองหลวง เกาะมะพร้าว ที่สามารถดำน้ำตื้นได้ โดยจะมีชมรมเรือท่องเที่ยวของชาวบ้านมาให้บริการ หรือจะเป็นการเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนอ่าวทุ่งคา บริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติก็ได้ https://mgronline.com/travel/detail/9640000093578 ********************************************************************************************************************************************************* แม่ค้าอาหารตามสั่งในกระบี่ประกาศขาย "มุกเมโล" 2.9 กะรัต หลังเจอวิกฤตโควิด-19 กระบี่ - แม่ค้าขายอาหารตามสั่งใน อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ประกาศขาย "มุกเมโล" จากเนื้อหอยโข่งทะเล ขนาด 2.9 กะรัต หลังเจอวิกฤตไวรัสโควิด-19 เศรษฐกิจไม่ดี นำเงินที่ได้มาใช้จ่ายในครอบครัว นายฟาฮัส หลานหลงส้า อายุ 26 ปี ชาวบ้านน้ำร้อน ตำบลห้วยน้ำขาว อ.คลองท่อม จ.กระบี่ เปิดเผยว่า พี่สาวของตนได้เจอมุกในหอยโข่งทะเล ขณะซื้อมายำเป็นอาหาร สร้างความดีใจแก่คนในครอบครัวเป็นอย่างมาก จึงเดินทางไปพิสูจน์ที่บ้านเลขที่ 8 หมู่ 9 ต.ห้วยน้ำขาว อ.คลองท่อม จ.กระบี่ พบนางเพ็ญแข เจริญธันวา อายุ 41 ปี เจ้าของมุก อาชีพขายอาหารตามสั่งในตลาดสดเทศบาลคลองท่อมใต้ พร้อมกับได้นำมุกดังกล่าวออกมาให้ดู ซึ่งเก็บใส่ตลับไว้อย่างดี เม็ดกลมใหญ่กว่าไข่จิ้งจกเล็กน้อย มีสีเหลืองขุ่น ผิวมันวาว และมีลวดลายสวยงาม ชาวบ้านที่ทราบข่าวแห่มาดูกันไม่ขาดสาย เนื่องจากไม่เคยเห็นมุกเมโลของจริงมาก่อน นายฟาฮัส น้องชายเจ้าของมุกกล่าวว่า เมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา พี่สาวได้สั่งซื้อหอยโข่งมาจากเฟซบุ๊กขายอาหารทะเลในพื้นที่ เพื่อจะเอามายำกินเป็นอาหาร โดยสั่งมา1 ตัว ในราคา 130 บาท จากนั้นเอามาต้ม แล้วแกะเนื้อหอยออกมายำใส่เครื่องปรุง พอตักยำหอยโข่งใส่ปากเคี้ยวฟันไปโดนวัตถุแข็งๆ จึงรีบคายออกมาดู ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นเศษก้อนหิน แต่ปรากฏว่าเป็นมุกดังกล่าว หลังจากนั้นได้นำมุกดังกล่าวไปให้ที่ร้านจำหน่ายมุกในตัวเมืองกระบี่ดู ยืนยันว่าเป็นของแท้ พร้อมแนะนำให้เอามุกไปตรวจสอบที่สถาบันวิจัยอัญมณีแห่งชาติ ตนและพี่สาวได้เดินทางไปตามคำแนะนำ เมื่อสถาบันวิจัยตรวจสอบแล้วปรากฏว่าเป็นมุกเมโลของแท้ ชั่งน้ำหนักได้ 2.9 กะรัต จึงได้ออกใบรับรองให้เป็นที่เรียบร้อย ด้าน นางนางเพ็ญแข เจ้าของมุก กล่าวว่า หลังทราบว่าเป็นมุกเมโล ที่มีค่า ตนและคนในครอบครัวรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก และเก็บไว้อย่างดี หากมีคนมาขอซื้อในราคาที่พอใจตนก็พร้อมจะขาย ทั้งนี้ยังไม่ได้ตั้งราคาไว้แต่อย่างใด หากมีคนเสนอราคาเป็นที่พอใจก็จะขายให้ เพื่อเอาเงินมาใช้จ่ายในครอบครัว ในช่วงวิกฤตโควิด-19 เพราะช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี https://mgronline.com/south/detail/9640000093456
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายน้ำ : 22-09-2021 เมื่อ 04:43 |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
"พลาสติก" ครองแชมป์ขยะริมหาด! อธิบดีกรมทช. ย้ำเส้นทางขยะทะเล มาจาก 9 ปากแม่น้ำ กรมทรัพยากรทางทะเลและชาย (ทช.) รายงานว่าในวันเก็บขยะชายหาดสากลประจำปี 2564 ที่ผ่านมา (International Coastal Cleanup-ICC) ซึ่งตรงกับทุกวันเสาร์เดือนกันยายนของทุกปี (ในปีนี้ ตรงกับวันที่ 18 กันยายน 2564) โดยกรม ทช.เข้าไปร่วมกับหลายชุมชนที่อยู่ริมชายฝั่งทะเล ทั้งในฝั่งทะเลอ่าวไทย และอันดามัน จัดกิจกรรมร่วมเก็บขยะบริเวณชายฝั่งทะเล พร้อมคัดแยกเพื่อรายงานผลตามแบบฟอร์ม ICC Card โดยมีรายงานผลจาก 2 แหล่งเป็นตัวอย่าง แหล่งแรก สำนักงาน ทช.ที่2 (ชลบุรี) ร่วมกับผู้นำชุมชน จิตอาสา เครือข่ายรักษ์อ่าวไทยตอนบน จ.สมุทรปราการ และอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล ร่วมกันเก็บขยะบริเวณชายฝั่งทะเลชุมชนคลองเสาธง ม.5 ต.บางปูใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ สามารถเก็บขยะได้ 522 กก. เมื่อคัดแยกขยะตามแบบฟอร์ม ICC Card พบขยะส่วนใหญ่เป็น ขวดแก้ว ขวดพลาสติก ถุงพลาสติก ขยะทั่วไปและโฟม เป็นต้น แหล่งที่สอง สำนักงาน ทช.ที่๒ (ฉะเชิงเทรา) ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบนฝั่งตะวันออก ร่วมกับผู้นำชุม และอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล ประชาชนจิตอาสาเข้าร่วมกิจกรรมเก็บขยะบริเวณชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน เก็บขยะบริเวณชายฝั่งทะเลชุมชนสองคลอง ม.6 ต.สองคลอง อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทราทั้งนี้ สามารถจัดเก็บขยะได้ปริมาณทั้งสิ้น 480 กิโลกรัม โดยขยะที่เก็บได้ 5 อันดับแรก ได้แก่ หีบห่อพลาสติกบาง ขวดพลาสติก กระสอบพลาสติก ขยะทั่วไปและโฟม ทั้งนี้ การดำเนินกิจกรรมเก็บขยะ มีการนำขยะที่ได้ไปกำจัดอย่างถูกวิธี เพื่อไม่ตกค้างในระบบนิเวศ และผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกคนก็ได้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังโรคติดต่ออันตราย กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างเคร่งครัด 9 ปากแม่น้ำ เส้นทางรวมขยะลงสู่มหาสมุทร นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งให้ข้อมูลปัญหา "ขยะทะเล" ไทยว่า "กว่า 80% ของขยะใต้ทะเล มาจากขยะบนบก ไม่ว่าจะเป็นการทิ้งขยะตามบ้านเรือน ขยะจากเมือง ขยะในแม่น้ำคลอง โรงงานอุตสาหกรรม หรืออุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้เองก็ไหลไปรวมลงแม่น้ำก่อนออกสู่ทะเล" มีข้อมูลของ "ธนาคารโลก" ระบุว่า 90% ของ "ขยะ" ในทะเลทั่วทุกมุมโลกมาจากแม่น้ำสายสำคัญต่างๆ ในประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน " เรามีสถานีศึกษาขยะปากแม่น้ํา 9 แห่ง ได้แก่ บางปะกง (ฉะเชิงเทรา) เจ้าพระยา (สมุทรปราการ) ท่าจีน (สมุทรสาคร) แม่กลอง (สมุทรสงคราม) บางตะบูน (เพชรบุรี) ทะเลสาบสงขลา (สงขลา) แม่น้ําปัตตานี (ปัตตานี) บางนรา และแม่น้ําโกลก (นราธิวาส) โดยแบ่งเป็น อ่าวไทยตอนบน 5 สถานี และอ่าวไทยตอนล่าง 4 สถานี" ในปีที่ผ่านมา ( 2563) พบว่า มีขยะลอยไปติดถุงอวนขนาดปากกว้าง 5 เมตร ลึก 2 เมตร เฉลี่ย 25,741 ชิ้น/วัน (น้ําหนัก 398 กก./วัน) หรือคิดเป็น 9,395,465 ชิ้น/ปี (น้ําหนัก 145 ตัน/ปี) ขยะทะเลที่พบส่วนใหญ่ไหลออกมาจากปากแม่น้ําบริเวณอ่าวไทยตอนบน พบปริมาณขยะเฉลี่ย 38,914 ชิ้น/วัน (น้ําหนัก 567 กก./วัน) โดยพบปริมาณขยะที่ไหลผ่านมาทางปากแม่น้ําเจ้าพระยามากที่สุด (จํานวนเฉลี่ย 58,277 ชิ้น/วัน น้ําหนัก 462 กก./วัน) รองลงมาคือ ปากแม่น้ําแม่กลอง ปากแม่น้ําท่าจีน และปากแม่น้ําบางปะกง ตามลําดับ ส่วนบริเวณปากแม่น้ําอ่าวไทยตอนล่างพบปริมาณขยะเฉลี่ย 9,275 ชิ้น/วัน (น้ําหนัก 85 กก./วัน) พบขยะลอยน้ําไหลผ่านปากทะเลสาบ สงขลาออกสู่ทะเลมากกว่าปากแม่น้ําอื่นๆ จํานวนเฉลี่ย 22,730 ชิ้น/วัน (น้ําหนัก 414 กก./วัน) รองลงมาคือ ปากแม่น้ําโกลก ประเภทวัสดุที่ก่อให้เกิดขยะมากที่สุด คือ พลาสติกแผ่นบาง คิดเป็น 62% ของจํานวนชิ้นขยะทั้งหมด (15,959 ชิ้น/วัน) รองลงมาคือพลาสติกแข็ง (15%, 3,861 ชิ้น/วัน) วัสดุผ้าและไฟเบอร์ (10%, 2,574 ชิ้น/วัน) ตามลําดับ อย่างไรก็ตาม ปีที่ผ่านมา เราก็พยายามเอาขยะออกจากทะเลให้ได้มากที่สุด ด้วยการดำเนินการโครงการต่างๆ ร่วมกับภาครัฐ เอกชน หรือภาคเครือข่ายสังคม และการจัดเก็บขยะโดยใช้นวัตกรรมทุ่นกักขยะ (Boom), ทุ่นกักขยะลอยน้ํา (SCG-DMCR Litter Trap) รวมถึงใช้เรือเก็บขยะ (Garbage Boat) ผลคือ เราช่วยกันจัดเก็บขยะตกค้างออกจากระบบนิเวศชายฝั่งทะเลได้รวม ทั้งสิ้น 199,660 กิโลกรัม (หรือประมาณ 199 ตัน) สำหรับ ขยะที่พบมากที่สุดในทะเลไทย จากการประเมินจากการจัดกิจกรรม เก็บขยะชายหาดสากล (International Coastal Cleanup-ICC) ที่จัดขึ้นเป็นประจําในเดือนกันยายนของทุกปี ในปีที่ผ่านมา (ปี 2563) เก็บได้ทั้งสิ้น 128,563 ชิ้น น้ําหนักรวม 11,337 กิโลกรัม หรือประมาณ 11 ตัน เมื่อมาจำแนกจากขยะที่เก็บได้ จึงคาดการณ์ว่า ขยะที่ยังตกค้างใต้พื้นสมุทรมากที่สุด คือ ถุงพลาสติกอื่นๆ (ร้อยละ 24) เศษโฟม (ร้อยละ 11) ถุงก๊อบแก๊บ (ร้อยละ 10) ขวดเครื่องดื่ม (พลาสติก) (ร้อยละ 10) ห่อ/ถุงอาหาร (ร้อยละ 6) ขวดเครื่องดื่ม (แก้ว) (ร้อยละ 6) เสื้อผ้า/รองเท้า (ร้อยละ 3) ฝาจุกขวด (พลาสติก) (ร้อยละ 3) หลอด/ที่คนเครื่องดื่ม (ร้อยละ 2) พลาสติก อื่นๆ/โฟมกันกระแทก (ร้อยละ 2) และถ้วย/จาน (โฟม) (ร้อยละ 3) ทั้งหมดคิดเป็นร้อยละ 77 ส่วนที่เหลือเป็นขยะ ประเภทอื่นๆ (ร้อยละ 23) ส่วนปริมาณและชนิดของขยะในปีนี้ ยังต้องรอการรวบรวมจากกรมทช. นายโสภณ ย้ำว่า รัฐบาลได้ตระหนักถึงปัญหาด้านการจัดการขยะมูลฝอย และได้ผลักดันให้ปัญหาขยะมูลฝอยและขยะทะเลเป็นวาระแห่งชาติ มีแผนบริหารจัดการขยะอย่างเป็นรูปธรรมทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยที่กรมทช.มีการดําเนินงานจัดทํามาตรการลดปริมาณขยะ ทะเลในพื้นที่เป้าหมายตามหลักวิชาการในรูปแบบต่างๆ เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่ง "แต่เหนือสิ่งอื่นใดนั้น คือ "จิตสำนึก" ของทุกคน ที่ต้องร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อให้โลกของเรายังคงน่าอยู่ ผมว่าทุกคนรู้อยู่แล้ว ขอแค่เริ่มลงมือทำก็เพียงพอ" ข้อมูลอ้างอิง สถาบันสิ่งแวดล้อม https://www.tei.or.th/th/highlight_d...?event_id=1056 https://mgronline.com/greeninnovatio.../9640000093553
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|