#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก ในขณะที่มีลมฝ่ายตะวันตกในระดับบนพัดปกคลุมภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง โดยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจาก สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองที่อาจจะเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย สำหรับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังอ่อน โดยบริเวณอ่าวไทยทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย ฝุ่นละอองในระยะนี้: ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบนมีการสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันอยู่ในเกณฑ์ปานกลางถึงสูง เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมมีกำลังอ่อน กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมฆบางส่วน โดยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 19 ? 24 ก.พ. 67 ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนบางแห่ง สำหรับคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกปกคลุมภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 18 ? 19 ก.พ. 67 ทำให้ภาคเหนือจะมีอุณหภูมิลดลง 2 ? 3 องศาเซลเซียส สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อน ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังอ่อนลง โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
มะกันร่วมพิสูจน์เรือหลวงสุโขทัยอับปาง ส่งเรือ-ทีมจากฮาวาย เริ่มปฏิบัติการ 22 ก.พ. กองทัพเรือไทย-สหรัฐฯเตรียมปฏิบัติภารกิจ ร่วมกู้เรือหลวงสุโขทัยแบบจำกัด โฆษก ทร.แจง ไม่ใช่การกู้เรือทั้งลำขึ้นจากน้ำ แต่เป็นภารกิจรวบรวมหลักฐานใต้น้ำทั้งจากภายในและนอกเรือนำมาประกอบผลการสอบสวนหาข้อสรุป ยืนยันสาเหตุที่เรือจม รวมถึงทำลายวัตถุอันตราย นำอุปกรณ์และยุทโธปกรณ์บางอย่างขึ้นมาจากใต้น้ำ และค้นหาผู้สูญหาย 5 คน ที่อาจติดอยู่ในตัวเรือ เริ่มปฏิบัติภารกิจวันที่ 22 ก.พ.นี้ จากเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัยอับปางกลางทะเล จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.65 มีกำลังพลเสียชีวิต 24 นายและสูญหาย 5 นาย กองทัพเรือไทย-สหรัฐฯเตรียมปฏิบัติภารกิจร่วมในการกู้เรือ โดยเมื่อวันที่ 18 ก.พ. พล.ร.ต.วีรุดม ม่วงจีน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยถึงความร่วมมือระหว่างกองทัพเรือไทยและสหรัฐอเมริกา ในการกู้เรือหลวงสุโขทัยแบบจำกัด (Light Salvage) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 22 ก.พ.ว่า จะยังไม่ใช่การกู้เรือทั้งลำขึ้นมาจากน้ำ แต่เป็นการดำเนินการ ประกอบด้วย การสำรวจหลักฐานใต้น้ำ ทั้งภายในและภายนอกตัวเรือเพื่อนำมาประกอบการสอบสวนข้อเท็จจริงของกองทัพเรือ การค้นหาผู้สูญหาย 5 คน การทำให้ยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯ และวัตถุอันตรายหมดความสามารถ รวมถึงการนำอุปกรณ์และยุทโธปกรณ์บางอย่างขึ้นมาจากใต้น้ำ วัตถุประสงค์หลักของปฏิบัติการครั้งนี้เพื่อยืนยันสาเหตุในการจมของเรือและวัตถุพยานในการสอบสวนในห้วงที่ผ่านมา กองทัพเรือได้ดำเนินการสอบสวนผู้เกี่ยวข้องแล้ว และจำเป็นต้องใช้วัตถุพยานเพื่อนำมาสรุปผล รวมทั้งจำเป็นต้องค้นหาผู้สูญหายที่อาจติดค้างอยู่ในตัวเรือ ในส่วนที่สหรัฐฯเสนอตัวมาช่วยเหลือในการทำลายวัตถุอันตราย จะเป็นประโยชน์ร่วมกันทั้งฝ่ายไทยและสหรัฐฯ เนื่องจากสหรัฐฯมีประสบการณ์และเครื่องมือพิเศษ จะทำให้ปฏิบัติการร่วมกันครั้งนี้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ทั้งนี้กองทัพเรือจะใช้เรือหลวงรัตนโกสินทร์ เรือต่อต้านทุ่นระเบิด 2 ลำ เรือตรวจการณ์ 2 ลำ เรือระบายพลขนาดกลาง 1 ลำ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด 40 นาย ร่วมปฏิบัติภารกิจ ขณะที่กองทัพเรือสหรัฐฯจะใช้เรือ Ocean Valor พร้อมเจ้าหน้าที่จากหน่วยประดาน้ำและกู้ซ่อมเคลื่อนที่ (Mobile Dive and Salvage Unit) ซึ่งประจำอยู่ที่ฐานทัพเรือในรัฐฮาวาย จำนวน 17 นาย เข้าร่วมสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจ โดยเรือ Ocean Valor จะออกเดินทางในวันที่ 19 ก.พ. ไปยังจุดที่เรือหลวงสุโขทัยจมและจะเริ่มปฏิบัติภารกิจในวันที่ 22 ก.พ. โดยเจ้าหน้าที่กองทัพเรือสหรัฐฯดังกล่าว เป็นกำลังพลที่จะเข้าร่วมการฝึกคอบร้าโกลด์ที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 43 ในการฝึกจะประกอบไปด้วยกิจกรรมการฝึกต่างๆ รวมถึงการกู้เรือหลวงสุโขทัยแบบจำกัดในครั้งนี้ สำหรับการปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ถือเป็นเครื่องแสดงถึงมิตรภาพอันยาวนานระหว่างกองทัพเรือไทยกับกองทัพเรือสหรัฐฯ โดยกองทัพเรือของทั้งสองประเทศมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติภารกิจร่วมกันให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ด้วยความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบันทึกภาพทั้งภายในและภายนอกของตัวเรือ เพื่อใช้ประกอบการสอบสวนที่ได้ดำเนินการไว้ก่อนหน้านี้ให้ทราบถึงสาเหตุของการจม ทั้งนี้กองทัพเรือจะกำหนดพื้นที่ห้ามเดินเรือรอบๆบริเวณที่ปฏิบัติภารกิจ เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับเจ้าหน้าที่ สำหรับผลการปฏิบัติต่างๆ กองทัพเรือจะชี้แจงให้ทราบในโอกาสต่อไป ส่วนบรรยากาศที่ท่าเรือประจวบ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ กองทัพเรือเริ่มเข้ามาจัดเตรียมสถานที่เพื่อใช้เป็น ศปก.ส่วนหน้าในการปฏิบัติภารกิจกู้เรือหลวงสุโขทัยแบบจำกัด โดยใช้อาคารสำนักงานของ บ.ท่าเรือประจวบ เป็นศูนย์ฯ แต่ในวันนี้ยังไม่มีนายทหารระดับสูงเข้ามาในพื้นที่ คาดว่าอีก 2-3 วันจะเริ่มมีเจ้าหน้าที่จากกองทัพเรือเข้ามาประจำยัง ศปก. ก่อนหน้านี้ในช่วงค่ำวันที่ 17 ก.พ. เรือหลวงมันใน และเรือหลวงบางระจัน พร้อมนักประดาน้ำ เข้ามาจอดพักที่ท่าเรือประจวบและในช่วงเช้าวันนี้ได้ออกไปปฏิบัติภารกิจในจุดที่เรือหลวงสุโขทัยจม เพื่อสำรวจและเตรียมความพร้อมในการกู้เรือหลวงสุโขทัยแบบจำกัดต่อไป https://www.thairath.co.th/news/local/2764256
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
หนึ่งชีวิตก็มีค่า เรือตกปลาสัตหีบช่วย "เต่ากระ" ติดเศษอวนกลางอ่าวแสมสาร หนึ่งชีวิตก็มีค่า เรือตกปลาสัตหีบช่วย "เต่ากระ" สภาพค่อนข้างอิดโรย ติดเศษอวนได้รับบาดเจ็บกลางอ่าวแสมสาร วันนี้ 17 ก.พ. 67 นายจตุพล เปรมกมล อายุ 33 ปี ไต๋เรือตกปลาโชคจตุพล ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เปิดเผยว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมา เวลาประมาณ 10.00 น. ระหว่างตนนำเรือตกปลา นำลูกค้าออกไปตกปลา หลังเกาะแสมสาร ต.แสมสาร พบว่า มีเศษอวนประมง ความยาวหลายเมตร สภาพมีเศษขยะติดจำนวนมากลอยอยู่กลางทะเล เมื่อสังเกตโดยละเอียดพบว่า มีเต่ากระ น้ำหนักประมาณ 10-15 กิโลกรัม อายุประมาณ 3-5 ปี ติดอยู่ในเศษอวนดังกล่าวจนแน่น และพยายามดิ้นรนอย่างรุนแรง ดำผุดดำว่ายให้ลำตัวหลุดพ้นจากอวนประมงด้วยความน่าเวทนา แต่ไม่เป็นผล นายจตุพล กล่าวว่า ตนและลูกค้าที่ออกไปตกปลา บนเรือจึงตัดสินใจรีบแล่นเรือเข้าหา ก่อนจะชะลอเรือเข้าช่วยเหลือเต่ากระตัวดังกล่าว โดยพยายามใช้มีดตัดเศษอวนที่พันลำตัวเต่าอย่างทุลักทุเล จนช่วยเหลือได้สำเร็จในสภาพค่อนข้างอิดโรย สังเกตพบตามลำตัวมีร่องรอยถูกอวนประมงบาดเจ็บ ส่วนสาเหตุคาดว่าเต่ากระน่าจะออกหากินก่อนพลาดท่าว่ายเข้าเศษอวนของชาวประมงที่ลอยอยู่กลางทะเลพันเข้ากับลำตัว โชคดีที่พวกตนมาพบก่อน ไม่เช่นนั้นเต่ากระตัวดังกล่าวไม่น่าจะรอดชีวิต ก่อนจะประะสาน เจ้าหน้าที่ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ มารับเต่า นำไปดูแลรักษา ก่อนปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ ต่อไป. https://www.thairath.co.th/news/local/2763973
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์
สุดฉงน! ปลากระเบนธงตัวเมียในสหรัฐ ตั้งท้องโดยไม่ได้ผสมพันธุ์ ปลากระเบนธงเพศเมียตัวหนึ่ง ซึ่งอยู่ในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ของเมืองขนาดเล็กแห่งหนึ่งในสหรัฐ สร้างความประหลาดใจให้กับคนในพื้นที่ เนื่องจากผู้ดูแลกล่าวว่า มันจะออกลูก ทั้งที่ไม่เคยผสมพันธุ์กับปลากระเบนตัวผู้เลย เครดิตภาพ : AFP. สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 18 ก.พ. ว่า "ชาร์ลอตต์" ปลากระเบนธงเพศเมีย ซึ่งอยู่ที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ "อควาเรียม แอนด์ ชาร์ก แล็บ" ในเมืองเฮนเดอร์สัน รัฐนอร์ทแคโรไลนา มานานกว่า 8 ปี เริ่มมีการเติบโตที่ผิดปกติในร่างกายของมัน เมื่อช่วงปลายเดือน พ.ย. ปีที่แล้ว ซึ่งในตอนแรก เจ้าหน้าที่กังวลว่ามันอาจเป็นเนื้องอก "โหนกของมันเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ และพวกเราคิดว่า มันอาจเป็นมะเร็ง" นางคินสลีย์ โบเยตต์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ และผู้ดูแลชาร์ลอตต์มาเป็นเวลานาน กล่าวเพิ่มเติมว่า ในบางครั้ง ซีสต์ดังกล่าวสามารถเกิดในอวัยวะสืบพันธุ์ของปลากระเบน เมื่อพวกมันไม่ได้ผสมพันธุ์ ทั้งนี้ ทีมเจ้าหน้าที่ดำเนินการอัลตราซาวด์ และส่งผลการตรวจให้กับนักวิทยาศาสตร์ ซึ่งอีกฝ่ายยืนยันว่า ชาร์ลอตต์มีไข่อยู่ในร่างกายจริง ๆ อีกทั้งการสแกนในเวลาต่อมา ยังเผยให้เห็นหางเล็ก ๆ ที่สะบัดอยู่ด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ชาร์ลอตต์ ซึ่งมีอายุประมาณ 12?14 ปี อาจให้กำเนิดลูกปลากระเบนของมันได้ในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งการเกิดโดยไม่ผสมพันธุ์เช่นนี้ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากมาก และระยะเวลาการตั้งท้องจะอยู่ในช่วง 3?4 เดือน ภายหลังการบูรณะเป็นเวลานาน พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้ก็เปิดให้บริการอีกครั้ง เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ซึ่งโบเยตต์ กล่าวว่า ทุกคนที่มาเยือน ต่างต้องการเจอกับชาร์ลอตต์ ที่มีขนาดตัวเท่ากับจาน, อาศัยอยู่ร่วมกับฉลามตัวเล็ก 5 ตัว และมีบุคลิกน่ารักที่เป็นเสน่ห์ อนึ่ง ความสามารถในการสืบพันธุ์ของสัตว์ตัวเมีย โดยไม่ต้องอาศัยการผสมพันธุ์กับสัตว์ตัวผู้นั้น ถือเป็นสิ่งที่หายากอย่างยิ่ง แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีการบันทึกกรณีดังกล่าวในสัตว์มีกระดูกสันหลังหลายชนิด เช่น นก, สัตว์เลื้อยคลาน รวมถึงปลา ซึ่งไม่ใช่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม https://www.dailynews.co.th/news/3186491/
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#5
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS
24 ก.พ.นี้ รื้อถอนโพงพางผิดกฎหมาย "กลางทะเลสาบสงขลา" หลายหน่วยงาน บูรณาการ รื้อถอนโพงพาง กลางร่องน้ำในทะเลสาบสงขลา หลังปิดประกาศรื้อถอน 15 วัน และ ครบกำหนด 24 ก.พ.นี้ ด้านนักวิชาการและภาคประชาชน พร้อมเรียกร้องแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน รวมถึงการเฝ้าระวังในอนาคต วันนี้ (18 ก.พ.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจังหวัดสงขลา บูรณาการหลายหน่วยงาน เพื่อเตรียมรื้อถอนเครื่องมือประมงโพงพาง เครื่องมือประมงผิดกฎหมาย ออกจากแนวเขตร่องน้ำสงขลา ตั้งแต่บริเวณหัวพญานาคจนถึงท่าเทียบเรือประมงใหม่ (ท่าสะอ้าน) ในเขต อ.เมืองสงขลา เพื่อความปลอดภัยในการเดินเรือ ระยะทางกว้าง 300 เมตร ยาว 5,000 เมตร มีการปิดประกาศให้เจ้าของโพงพางจำนวน 13 แถว จำนวน 158 ช่อง ได้รับทราบ เเละกำหนดให้รื้อถอนออกไปภายใน 15 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ นี้ ทำให้ถูกจับตามองว่า การแก้ปัญหานี้ภายใต้การนำของนายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าฯ สงขลา จะทำได้จริงหรือไม่ เนื่องจากมีความพยายามหลายครั้ง เเต่ก็ไม่เป็นผล นายเริงชัย ตันสกุล นักวิชาการด้านการจัดการประมง จ.สงขลา กล่าวว่า การแก้ปัญหาเครื่องมือประมงโพงพางในทะเลสาบสงขลา ควรต้องพูดคุยกันให้ชัดเจน หากรื้อถอนออกไปแล้ว หน่วยงานภาครัฐ ต้องมีการเฝ้าระวัง ดูแลร่องน้ำหลังการรื้อถอน เเละ ต้องใช้หลายศาสตร์ในการแก้ปัญหา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกเหนือจากโพงพางแล้ว ยังมีเครื่องมือประมงผิดกฎหมายอีกหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นไซนั่ง ไซหนอน หรือไอ้โง่ ที่เป็นเครื่องมือประมงที่ส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำวัยอ่อน และยังมีการปลูกสร้างอาคารที่เรียกว่า โฮมสเตย์ ในทะเลสาบสงขลารอบ ต.เกาะยอ อ.เมืองสงขลา ซึ่งล้วนแล้วแต่ผิดกฎหมาย และเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในทะเลสาบสงขลามานาน https://www.thaipbs.or.th/news/content/337160
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#6
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS
"ออร์ฟิช" โผล่ผิวน้ำภูเก็ต เรื่องธรรมชาติ คาดจากมวลน้ำเย็น IOD "อ.ธนัสพงษ์" แจงพบ "ออร์ฟิช" โผล่ที่ จ.ภูเก็ต ชี้ปรากฏการณ์ IOD positive น้ำเย็นขึ้นมาอยู่ใกล้ผิวน้ำ มีโอกาส "ปลาออร์ฟิช" เข้ามาตามมวลน้ำเย็น จากกรณี เรือประมงพบซากออร์ฟิช (Oarfish) หรือปลาพญานาค เป็นปลาทะเลน้ำลึก ที่ติดมากับเรือประมงอวนลากคู่ ห่างจากฝั่ง 15 ไมล์ทะเล ที่ ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา วัดขนาดความยาวได้ 2.85 เมตร น้ำหนัก 8.6 กิโลกรัม นับว่าเป็นการพบปลาชนิดนี้ตัวแรกที่ จ.ภูเก็ต และเป็นตัวที่ 2 รอบปี 2567 ซึ่งก่อนหน้านี้พบเมื่อวันที่ เกาะอาดัง อ.ละงู จ.สตูล เมื่อวันที่ 3 ม.ค. วันนี้ (18 ก.พ.2567) ผศ.ดร.ธนัสพงษ์ โภควนิช ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิจัย คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่า ตามความเชื่อ คนญี่ปุ่นออร์ฟิซ เป็นปลาของเทพเจ้า ที่ส่งสัญญาณว่าจะเกิดแผ่นดินไหว ทางวิทยาศาสตร์บอกไม่ได้ถึงความเชื่อมโยง เป็นในเชิงความเชื่อเท่านั้น ส่วนในเชิงวิทยาศาสตร์ ช่วงนี้เป็นช่วง ปรากฏการณ์ Indian Ocean Dipole (IOD) มีสถานะเป็นบวก (positive) คือปรากฏการณ์ที่ทำให้น้ำทะเลทางฝั่งตะวันออกของมหาสมุทรอินเดีย (อันดามันประเทศไทย) เกิดชั้น thermocline ซึ่งหมายถึงการที่น้ำทะเลแยกชั้น เนื่องจากอุณหภูมิของน้ำมีความแตกต่างกัน ออร์ฟิซ เป็นสัตว์น้ำที่หาชมได้ยาก อาศัยในช่วงน้ำลึก ระดับ 1,000 เมตรขึ้นไป จะไม่ขึ้นมาผิวน้ำ นอกจากจะป่วย หรือใกล้ตาย "ถ้าหากน้ำเย็นขึ้นมาอยู่ใกล้ผิวน้ำ มีโอกาสที่ออร์ฟิซ จะเข้ามาตามมวลน้ำเย็นได้" ทั้งนี้ต้องดูว่าประมงลากอวนในบริเวณน้ำลึก หรือน้ำตื้น หากลากอวนในน้ำลึก จังหวะที่ IOD นำมวลน้ำเย็นขึ้นมาอาจจะเผลอไปลากอวนติดออร์ฟิชได้ ผศ.ดร.ธนัสพงษ์ ยังกล่าวว่าปรากฏการณ์ IOD Positive เป็นกระบวนการธรรมชาติ จะแกว่งไปแกว่งมา ระหว่าง IOD 3 ลักษณะ - Positive Phase กระแสน้ำอุ่นไปรวมตัวด้านตะวันตกของมหาสมุทรอินเดีย ทำให้ให้อุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลบริเวณนั้นอุ่นขึ้นผิดปกติ - Negative Phase กระแสน้ำอุ่นไปรวมตัวด้านตะวันออกของมหาสมุทรอินเดีย ทำให้ให้อุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลบริเวณนั้นอุ่น - Normal Phase กระแสน้ำอุ่นจะเคลื่อนตัวไปรวมกันอยู่ด้านใดด้านหนึ่ง ทำให้อุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลใกล้เคียงกันทั่วมหาสมุทร "ปัญหาโลกร้อนอาจจะเป็นหนึ่งปัจจัยที่ทำเกิดความรุนแรงขึ้น และอาจจะเกิดบ่อยครั้งมากขึ้น" ซึ่งตั้งแต่ปี 2562 Indian Ocean Dipole (IOD) เริ่มมีสถานะเป็นบวก และกลับมาอีก ในช่วงปี 2566 ต่อเนื่องมาถึง 2567 สำหรับปลาออร์ฟิชตัวล่าสุดที่ จ.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลภูเก็ต จะนำปลาชนิดนี้ไปศึกษาวิจัยและส่งไปยังองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ เพื่อนำไปศึกษาแหล่งกำเนิดแหล่งหากินของปลาชนิดนี้ต่อไป https://www.thaipbs.or.th/news/content/337152
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#7
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS
อธิบดีกรมอุทยานฯ สั่งลงโทษเรือนำเที่ยวผูกโยงเรือกับปะการัง อธิบดีกรมอุทยานฯ สั่งลงโทษเรือนำเที่ยวมักง่ายผูกโยงเรือกับปะการัง ที่เกาะกระดาน อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จ.ตรัง พร้อมหามาตรการป้องกัน วันนี้ (18 ก.พ.2567) นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่าจากกรณีเพจขยะมรสุม MONSOONGARBAGE THAILAND โพสต์ข้อความ ?"ทุ่นผูก? ก็มีนะ? แต่ผูกท้ายด้วย?ปะการังเลย? อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม - Hat Chao Mai National Park ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ส่วนจัดการอุทยานแห่งชาติทางทะเล กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ปัญหานี้มีมาตลอด?เลย? ลองคุยกับ? ผู้ประกอบการด้วยก็ดีครับ? หาทางออกแบบยาวๆ" พร้อมวิดิโอเรือนำเที่ยวผู้ประกอบการผูกเชือกท้ายเรือกับโขดหินติดปะการัง เกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กรณีดังกล่าวอย่างกว้างขวาง นั้น ต่อมาได้รับรายงานจากนายแสงสุรีย์ ซองทอง ห้วหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ว่าจากการตรวจสอบภาพและคลิปวีดีโอ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นบริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ จม.3 (เกาะกระดาน) ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม และทราบชื่อเรือลำดังกล่าวแล้ว ขณะนี้ได้ดำเนินการรวบรวมข้อมูลและหลักฐาน พร้อมดำเนินการทางกฏหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการเรือลำดังกล่าว ทั้งนี้ อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จะได้ประชุมกับกลุ่มผู้ประกอบการเรือที่เข้ามาในเขตอุทยานฯ เพื่อหามาตรการป้องกันมิให้เกิดการกระทำที่มีลักษณะเป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ โดยอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้กำชับให้อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ดำเนินการทางกฎหมายอย่างเฉียบขาด ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 การลงโทษสามารถปรับทางพินัย และสามารถออกประกาศห้ามเรือเข้าบริเวณดังกล่าว โดยมีเหตุผลที่เสี่ยงต่อการทำให้ทรัพยากรธรรมชาติถูกทำลาย ตลอดจนการประชุมคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติในระดับพื้นที่หรือ PAC และการประชุมผู้ประกอบการท่องเที่ยวให้ทราบโดยทั่วกัน เกี่ยวกับมาตรการในการคุ้มครองดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ และบทกำหนดโทษเมื่อมีการฝ่าฝืนเกิดการกระทำผิดขึ้นในเขตอุทยานแห่งชาติ https://www.thaipbs.or.th/news/content/337144
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|