#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอาทิตย์ที่ 9 กรกฎาคม 2566
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและฝนตกหนักที่อาจจะเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย ทั้งนี้เนื่องจากคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันออกเคลื่อนผ่านอ่าวไทย ภาคกลาง และภาคใต้ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองในระยะนี้ไว้ด้วย กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 28-30 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยตลอดช่วง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศเวียดนามตอนบน ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้และมีฝนตกหนักบางแห่ง ในขณะที่ในช่วงวันที่ 8 ? 9 ก.ค. 66 จะมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันออกเคลื่อนผ่านภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคใต้ ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตลอดช่วง ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 8 - 9 ก.ค. 66 ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วยตลอดช่วง
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
วิกฤติ ผู้เชี่ยวชาญชี้ 'อุณหภูมิ' ทั่วโลก จ่อสูงทุบสถิติต่อเนื่อง ผู้เชี่ยวชาญชี้ 'อุณหภูมิ' ทั่วโลก จ่อสูงทุบสถิติต่อเนื่อง เหตุการณ์สภาพอากาศที่เคยถูกมองว่าผิดธรรมดากำลังเกิดขึ้นเป็นประจำในปัจจุบัน สำนักบริการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโคเปอร์นิคัสแห่งสหภาพยุโรป รายงานว่าอุณหภูมิของเดือนมิถุนายน 2023 สูงเกินสถิติก่อนหน้านี้ในเดือนมิถุนายน 2019 อย่างมาก โดยอุณหภูมิของเดือนมิถุนายนปีนี้สูงกว่าอุณหภูมิเฉลี่ยของเดือนเดียวกันระหว่างปี 1991-2020 ราว 0.5 องศาเซลเซียส มารีอากราเซีย มิดุลลา หัวหน้าส่วนภูมิอากาศและพลังงาน สังกัดองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) ในอิตาลี ซึ่งเป็นประเทศที่ต้องเผชิญสภาพอากาศเลวร้ายในปีก่อน กล่าวว่าเหตุการณ์สภาพอากาศที่เคยถูกมองว่าผิดธรรมดากำลังเกิดขึ้นเป็นประจำในปัจจุบัน มิดุลลากล่าวกับสำนักข่าวซินหัวว่า กรณีเช่นนี้เป็นเรื่องน่าหวาดกลัวและมีแนวโน้มเกิดขึ้นต่อไป โดยคาดว่าจะเกิดคลื่นความร้อน ภัยแล้ง และอุทกภัยบ่อยขึ้น ขณะระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจและสังคมโลก รายงานระบุว่าอุณหภูมิสูงในปีนี้เกิดจากการบรรจบกันของปัจจัยต่างๆ นอกเหนือจากการเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปของก๊าซเรือนกระจก รวมถึงการเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญ ด้าน โจเอริ โรเกลจ์ ศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์ภูมิอากาศ สังกัดสถาบันวิจัยแกรนแธม คาดว่าอุณหภูมิทั่วโลกจะสูงเกินสถิติที่เคยมีมามากขึ้น ขณะปรากฏการณ์เอลนีโญขยายผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในช่วงหลายเดือนข้างหน้า และถึงแม้ไม่มีปรากฏการณ์เอลนีโญ แต่แนวโน้มอุณหภูมิยังคงน่ากังวลมาก https://www.thairath.co.th/news/foreign/2707982
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์
เมนูมหาภัย! เตือนเปิบ 'ปลาหมึกดิบ' หนวดยึด-เกาะไม่หลุด เสี่ยงตายได้ เตือนภัย กินปลาหมึกสดเมนูยอดนิยม เสี่ยงติดหลอดลมอาจตายได้ เผยสถิติเสียชีวิตเฉลี่ยปีละ 6 คน ชี้ถึงจะเหลือแต่หนวด ยังสามารถยึด-เกาะ ได้ไม่หลุด เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจ "World Forum ข่าวสารต่างประเทศ" โพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุว่า "ทานปลาหมึกสดๆ ระวัง สิงคโปร์ : ชายวัย 55 ปีเข้าโรงพยาบาล เขามีอาการอาเจียน คลื่นไส้ หายใจไม่ออก หลังทานอาหารทะเลสด ปลาหมึกสด ช่วงมื้ออาหาร เขาคิดว่าอาหารไม่สดพออาจส่งผลจากอาการที่เกิดขึ้น แพทย์ได้สแกนหลอดอาหารตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ พบก้อนบางอย่างติดอยู่หลอดอาหาร ใกล้กระเพาะอาหารประมาณ 5 ซม. แพทย์พยายามคีบออก หรือดันลงไปแต่ไม่สำเร็จ ทีมแพทย์ได้ส่งชายคนดังกล่าวไปที่ห้องผ่าตัดอย่างเร่งด่วน และทำการผ่าตัด อย่างระมัดระวังผ่านกล้อง และสามารถดึงปลาหมึกออกมาสำเร็จ ชายคนดังกล่าว พักฟื้น 2 วันก่อนไปพักต่อที่บ้าน ปลาหมึกสดนิยมทานสดในเกาหลีใต้ สถิติปลาหมึก ติดหลอดลม หลอดอาหาร เสียชีวิตทั้งโลกปีละ 6 คน แพทย์ยังเตือนการทานปลาหมึกสด บางชนิดเสี่ยงติดหลอดลม เพราะปลาหมึกบางชนิดถึงแม้ เหลือแต่หนวดพวกมันยังสามารถยึด หรือ เกาะจานได้ไม่หลุด เป็นข่าวในสิงคโปร์ 5/07/2023 และสื่อหลายสื่อกำลังลงข่าวเตือน" https://www.dailynews.co.th/news/2514829/
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ
'อาหารทะเล' ญี่ปุ่น ส่อกระทบหนัก เซ่นแผนปล่อยน้ำเสียโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 'อาหารทะเล' ญี่ปุ่น ส่อกระทบหนัก เซ่นแผนปล่อยน้ำเสียโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ สินค้าส่งออกสำคัญของญี่ปุ่นตั้งแต่ "อาหารทะเล" ไปจนถึง "เครื่องสำอาง" ตกอยู่ในความเสี่ยง จากการที่ญี่ปุ่นเตรียมปล่อยน้ำจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ลงสู่ท้องทะเล แม้จะได้รับการรับรองจาก IAEA แล้ว แต่ทำให้ทั้งจีนและเกาหลีใต้ไม่สบายใจและประท้วง จากกรณีญี่ปุ่นเตรียมปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสี "ที่ผ่านการบำบัดแล้ว" จากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะลงสู่มหาสมุทรซิฟิกในเดือน ส.ค.นี้ หลังได้รับไฟเขียวจากทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) การได้รับการรับรองจาก IAEA เกิดขึ้นหลังจากญี่ปุ่นเผชิญกับวิกฤตการณ์การรั่วไหลของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะเมื่อปี 2554 ที่เป็นผลกระทบโดยตรงจากภัยพิบัติสึนามิครั้งใหญ่ในปีเดียวกัน วิกฤติโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะถือเป็นมหาภัยพิบัติที่ร้ายแรงที่สุดนับตั้งแต่ภัยพิบัติโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลของรัสเซียระเบิด ล่าสุด เกิดกระแสต่อต้านการปล่อยน้ำของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์นี้จากจีนและเกาหลีใต้ เพราะหวั่นเกรงว่าจะทำให้อาหารทะเลไปจนถึงเครื่องสำอางที่ใช้ทรัพยากรจากบริเวณดังกล่าว ได้รับการปนเปื้อนไปด้วย จีนและฮ่องกง ผู้นำเข้าหลักของสินค้าญี่ปุ่น แสดงความกังวลต่อแผนการปล่อยน้ำดังกล่าว แม้ว่าองค์การ IAEA จะยืนยันด้วยผลสังเกตการณ์ 2 ปีว่า "ปลอดภัยและเป็นไปตามมาตรฐานโลก" แล้วก็ตาม ทางการฮ่องกง แถลงเมื่อวันอังคาร (4 ก.ค.) ที่ผ่านมาว่า รู้สึกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากน้ำของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่กระทบต่อความปลอดภัยทางอาหาร และได้เตรียมแผนจำกัดการนำเข้าอาหารทะเลจากพื้นที่ความเสี่ยงสูงดังกล่าว หากญี่ปุ่นปล่อยน้ำจากโรงไฟฟ้าออกมา ถึงแม้บางประเทศยังใช้มาตรการจำกัดผลิตภัณฑ์อาหารบางประเภทที่เกี่ยวข้องกับการรั่วไหลของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะเมื่อปี 2554 แต่ยอดการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารทะเลญี่ปุ่นกลับเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีที่แล้ว โดยเป็นยอดสั่งซื้อจากจีนรวม 1,900 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 67,000 ล้านบาท ซึ่ง 1 ใน 3 เป็นสินค้าประเภทอาหารทะเล สำหรับแผนการปล่อยน้ำจากโรงไฟฟ้าของบริษัท Tokyo Electric Power ซึ่งเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ น้ำดังกล่าวมีปริมาณเท่ากับสระว่ายน้ำขนาดสนามโอลิมปิก 500 สระ ไม่เพียงเฉพาะจีน ทางเกาหลีใต้ก็กังวลเช่นกันถึงผลกระทบทางสุขภาพ ส่งผลให้ราคา "เกลือทะเล" ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักของกิมจิ มีราคาพุ่งสูงขึ้น กระทรวงมหาสมุทรและการประมงแห่งเกาหลีใต้จึงมีแผนระบายเกลือทะเล 120,000 ตันจากคลังสำรองตลอดวันที่ 11 ก.ค. และจะเพิ่มอุปทานเกลือสู่ตลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อชะลอความร้อนแรงของราคาเกลือทะเล อีกทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของเกาหลีใต้ได้จัดการชุมนุมประท้วงญี่ปุ่นถึงกรณีนี้ด้วย ขณะที่ในจีน การคว่ำบาตรเครื่องสำอางญี่ปุ่นซึ่งยังไม่ได้รับการพิสูจน์ถึงการได้รับผลกระทบจากน้ำของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ได้ส่งผลกระทบถึงราคาหุ้นผู้ผลิตเครื่องสำอาง สัญชาติญี่ปุ่นอย่างบริษัท Shiseido แล้ว ด้านกระทรวงระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมของจีน เตือนญี่ปุ่นให้หยุดการปล่อยน้ำจากโรงไฟฟ้า ญี่ปุ่นควรรับฟังข้อกังวลที่สมเหตุสมผลจากทุกฝ่ายและปรับเปลี่ยนแผนการ สำนักข่าวโยมิอุริรายงานว่า โยชิมาสะ ฮายาชิ รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่นจะเข้าพบรัฐมนตรีต่างประเทศจากจีนและเกาหลีใต้ในเดือนนี้ เพื่อขอให้ทั้งสองประเทศสนับสนุนแผนการปล่อยน้ำจากโรงไฟฟ้า https://www.bangkokbiznews.com/world/1077559
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#5
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก Nation TV
อึ้ง! น้ำแข็งในแอนตาร์กติกาละลายหายไปกว่า 2.6 ล้าน ตร.กม. หรือมากกว่าไทยอินโดนีเซียรวมกัน NOAA รายงานเกี่ยวกับความผิดปกติของปริมาณน้ำแข็งในขั้วโลกใต้ ซึ่งเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาน้ำแข็งในขั้วโลกใต้มีปริมาณขอบเขตต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยน้ำแข็งในมหาสมุทรแอนตาร์กติกาหายไปมากกว่า 2.6 ล้านตารางกิโลเมตร อีกหนึ่งความเคลื่อนไหว The National Oceanic and Atmospheric Administration (NOAA) หรือ หน่วยงานด้านชั้นบรรยากาศและมหาสมุทรศาสตร์ รายงานเกี่ยวกับความผิดปกติของปริมาณน้ำแข็งในขั้วโลกใต้ ซึ่งเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาน้ำแข็งในขั้วโลกใต้มีปริมาณขอบเขตต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยน้ำแข็งในมหาสมุทรแอนตาร์กติกาหายไปมากกว่า 2.6 ล้านตารางกิโลเมตร หรือเทียบเท่าพื้นที่มากกว่าครึ่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รายงานของ NOAA ยังเผยอีกว่า นักวิทยาศาสตร์วิตกกังวล เกี่ยวกับการละลายของน้ำแข็งในขั้วโลกใต้เป็นอย่างมาก ทั้งๆ ที่ช่วงนี้เป็นช่วงของการเติบโตของน้ำแข็งซึ่งจะเริ่มขยายตัวจนถึงขีดสุด 18.4 ล้านตารางกิโลเมตรในช่วงกลางเดือนกันยายน แต่ปริมาณน้ำแข็งมันหายไปในปริมาณมหาศาล นี่อาจเป็นสัญญาณบางอย่างจากโลกหรือเปล่า? หน่วยงานด้านชั้นบรรยากาศและมหาสมุทรศาสตร์ หรือ NOAA เผยถึงปริมาณน้ำแข็งในขั้วโลกใต้หายไปมากมหาศาลถึง 1 ล้านตารางไมล์ หรือ 2.6 ล้านตารางกิโลเมตร เทียบให้เห็นภาพง่ายๆ คือมากกว่าประไทยและอินโดเซียรวมกันเสียอีก เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงปี 1981-2010 นักวิทยาศาสตร์กังวลว่า นี่อาจเป็นสัญญาณของภาวะโลกรวน ซึ่งถือว่าปรากฎการณ์นี้ผิดปกติเป็นอย่างมาก เนื่องจากช่วงเวลานี้ทวีปแอนตาร์กติกาเป็นฤดูหนาวเป็นช่วงที่มีการสะสมของน้ำแข็งในปริมาณมาก แต่กลับกลายเป็นว่าปริมาณน้ำแข็งมันหายไปอย่างน่าตกใจ จากพฤติกรรมอันไม่ปกติของน้ำแข็งในขั้วโลกใต้ การสูญเสียน้ำแข็งในขั้วโลกใต้อย่างรวดเร็ว อาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อลักษณะภูมิประเทศของทวีปแอนตาร์กติก ระบบนิเวศบริเวณขั้วโลกใต้ รวมถึงส่งผลกระทบกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้น ทั้งนี้นักวิทยาศาสตร์ยังต้องทำการศึกษาภูมิภาคนี้อีกมาก เนื่องจากขั้วโลกใต้อยู่ห่างไกลทำให้งานศึกษาวิจัยยังมีไม่มากนัก https://www.nationtv.tv/gogreen/378922524 ****************************************************************************************************** สุดทึ่ง สภาวะโลกรวน ส่งผลกระทบอาหารทะเลกว่า 90% บนโลกหายไป จับตา กระแสร้อน จากสภาวะโลกรวนกำลังจะทำให้อาหารทะเลกว่า 90% บนโลกหายไป วารสาร Nature Sustainability เผยผลกระทบปัญหาสิ่งแวดล้อม ทั้งน้ำทะเลที่สูงขึ้นตามระดับอุณหภูมิโลก ฝนตกไม่ตรงตามฤดูทำให้แหล่งอาหารที่สำคัญเริ่มลดลง ล่าสุด วารสาร Nature Sustainability นำเสนอผลการศึกษาโดยระบุว่า ผลกระทบจากปัญหาทางสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นตามระดับอุณหภูมิโลก ความเป็นกรดที่เพิ่มขึ้นในทะเล ฝนตกไม่ตรงตามฤดู สาหร่ายบูม รวมถึงมลพิษจากสารปรอท ยาฆ่าแมลง และยาปฏิชีวนะ สิ่งดังกล่าวเหล่านี้ล้วนทำให้แหล่งอาหารที่สำคัญเริ่มลดลงแล้ว โดยผู้ผลิตชั้นนำอย่างจีน นอร์เวย์ และสหรัฐอเมริกา กำลังเผชิญกับภัยคุกคามครั้งใหญ่ที่สุด สำหรับ Blue food หรือแหล่งอาหารของมนุษย์ที่จะได้รับผลกระทบนั้น หมายรวมถึงปลาทะเลกว่า 2,190 สายพันธุ์ สัตว์ชนิดมีเปลือกอย่างกุ้งและหอย พืชใต้น้ำและสาหร่ายทะเล รวมถึง ปลาน้ำจืด ที่เลี้ยงในฟาร์มกว่า 540 สายพันธุ์ ซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญนี้คอยหล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนบนโลกกว่า 3.2 พันล้านคน โดยนอกจากปัญหาที่กล่าวมา การประมงที่มากเกินไปยังทำลายระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำ และเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้คุณภาพและปริมาณอาหารลดลงอีกด้วย ทางด้าน Rebecca Short นักวิจัยได้แสดงความคิดเห็นว่า แม้ว่าประเทศทั่วโลกจะมีความพยายามแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ แต่ในด้านการปกป้องแหล่งอาหารนั้น ยังด้อยพัฒนาและจำเป็นต้องได้รับการเอาใจใส่อย่างเร่งด่วน นอกจากนี้ งานวิจัยยังเปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจอีกว่า สภาวะโลกรวน ส่งผลกระทบให้ อาหารทะเลกว่า 90% บนโลกกำลังจะหายไป เรื่องดังกล่าวนี้บรรดาประเทศที่จะได้รับผลกระทบก่อนใคร คือประเทศที่พึ่งพาอาหารทะเลเป็นหลัก อย่างเช่น จีน ญี่ปุ่น อินเดีย เวียดนาม และประเทศเกาะเล็กๆ โดยยังมีความหวังว่าการร่างสนธิสัญญาทะเลหลวงเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จะช่วยกระตุ้นให้แต่ละประเทศสมาชิกพูดคุยกันเรื่องนี้มากขึ้น ทางด้าน หลิง เฉา ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยเซียะเหมินของจีน ผู้ร่วมเขียนรายงาน กล่าวว่า ความเปราะบางที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมที่มนุษย์ชักนำ ทำให้การผลิตอาหารทะเลอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างมาก จากความต้องการของมนุษย์ที่ไม่สิ้นสุด อาทิ กรณีที่ ประเทศนาอูรู พยายามจะทำเหมืองในมหาสมุทรเพื่อเก็บแร่เหล็ก หรือกรณีประเทศนอร์เวย์ ที่มีโครงการจะทำเหมืองใต้ทะเลเช่นกัน ทำให้นักสิ่งแวดล้อมได้แสดงความกังวลอย่างยิ่งว่ามันจะสร้างความเสียหายให้กับสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลอย่างมหาศาล โดยนักวิทยาศาสตร์หลายคนก็พยายามเตือนรัฐบาลให้คิดดทบทวนก่อนจะทำเหมืองเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น https://www.nationtv.tv/gogreen/378922552
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|