#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันศุกร์ 16 ตุลาคม 2563
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคกลาง ภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออก เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศกัมพูชา ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ยังคงมีกำลังแรง ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดการเดินเรือในระยะนี้ อนึ่ง พายุดีเปรสชัน (ระดับ 2) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลางในช่วงวันที่ 17-18 ต.ค. 63 โดยจะทำให้บริเวณ ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง กับมีลมแรง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 16 - 21 ต.ค. 63 ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออก ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยยังคงกำลังแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ยังคงมีฝนฟ้าคะนองอย่างต่อเนื่องและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง และขณะที่ในช่วงวันที่ 17-21 ต.ค. 63 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนลดลง และอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส กับมีอากาศเย็นในภาคเหนือ อนึ่ง พายุดีเปรสชัน บริเวณชายฝั่งประเทศฟิลิปปินส์ตอนล่าง คาดว่าจะเคลื่อนผ่านประเทศฟิลิปปินส์ลงทะเลจีนใต้ตอนกลาง และมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน ในระยะต่อไป หลังจากนั้นจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลางในช่วงวันที่ 17-18 ต.ค. 63 ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 16 - 19 ต.ค. 63 ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยของภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากได้ สำหรับชาวเรือในบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย ควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง โดยหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง ********************************************************************************************************************************************************* ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "พายุดีเปรสชัน (ระดับ2) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 16?18 ต.ค. 2563)" ฉบับที่ 4 ลงวันที่ 16 ตุลาคม 2563 เมื่อเวลา 04.00 น. ของวันนี้ (16 ต.ค. 63) พายุดีเปรสชัน (ระดับ 2) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง หรือมีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 15.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 115.0 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วประมาณ 18 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลางในช่วงวันที่ 17-18 ต.ค. 63 โดยจะทำให้บริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง กับมีลมแรง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง มีดังนี้ ในช่วงวันที่ 16-17 ตุลาคม 2563 ภาคเหนือ: จังหวัดกำแพงเพชร สุโขทัย อุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ และตาก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร มุกดาหาร นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี และอำนาจเจริญ ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง สระบุรี พระนครศรีอยุธยา ราชบุรี และนครปฐม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้: จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ในวันที่ 18 ตุลาคม 2563 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดชัยภูมิ ขอนแก่น นครราชสีมา และบุรีรัมย์ ภาคกลาง: จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี และนครปฐม ภาคตะวันออก: จังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้: จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ และตรัง อนึ่ง ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคกลาง ภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออกเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศกัมพูชา ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยยังคงมีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกและภาคตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งไว้ด้วย ส่วนชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดการเดินเรือในระยะนี้
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
ปิดไม่มีกำหนดเกาะสิมิลัน จนกว่าคลื่นลมจะสงบ เผยแพร่: 15 ต.ค. 2563 13:45 โดย: ผู้จัดการออนไลน์ พังงา - อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ประกาศปิดการท่องเที่ยวเกาะสิมิลันชั่วคราว หลังคลื่นลมแรง ทำนักท่องเที่ยวผิดหวังกว่า 500 คน วันนี้ (15 ต.ค.) นายทัศเนศวร์ เพชรคง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา เปิดเผยว่า ทางอุทยานฯ ได้ออกประกาศด่วน เรื่องปิดการท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันเป็นการชั่วคราว เนื่องจากได้รับรายงานจากหน่วยงานในสังกัดดูแลพื้นที่ท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน บริเวณเกาะเมียง หรือเกาะ 4 ว่า ขณะนี้สภาพภูมิอากาศผันแปร พบมีคลื่นลมแรง ความสูงของคลื่น 1-2 เมตร และได้ตรวจสอบประสานงานกลุ่มเรือประมงตามเส้นทางเดินเรือในพื้นที่ท่องเที่ยวบริเวณเกาะ พบว่าคลื่นมีความสูง 2-3 เมตร สุ่มเสี่ยงต่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ประกอบกับได้นำข้อเท็จจริงหารือกลุ่มตัวแทนผู้ประกอบการนำท่องเที่ยวแล้วมีความเห็นสอดคล้องกัน ให้อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ออกประกาศปิดการท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันเป็นการชั่วคราว จึงมีประกาศปิดการท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป และจะได้ติดตามสถานการณ์ดังกล่วอย่างใกล้ชิด หากสถานการณ์ดังกล่าวกลับสู่ภาวะปกติ จะได้มีประกาศเปิดการท่องเที่ยวตามปกติต่อไป ขณะที่ท่าเรือบ้านทับละมุ ต.ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา มีนักท่องเที่ยวบางกลุ่มที่จองเข้าท่องเที่ยวในวันนี้ ซึ่งเป็นวันแรกของการเปิดการท่องเที่ยวในพื้นที่หมู่เกาะสิมิลัน ซึ่งต่างก็รู้สึกผิดหวังที่จะได้เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มแรกที่จะได้เข้าสัมผัสกับความสวยงามทางธรรมชาติของทะเล ชายหาด และความหลากหลายทางชีวภาพ หลังจากปิดการท่องเที่ยวไปนาน 7 เดือน ซึ่งพบว่ามีการจองเข้าท่องเที่ยวในวันแรกกว่า 500 คน มีรายได้จากค่าธรรมเนียมกว่า 120,000 บาท ทางกรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศเตือนมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย ยังคงมีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน มีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองจะมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และงดการเดินเรือในระยะนี้ https://mgronline.com/south/detail/9630000105141
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด
ลูกฉลามสองหัวติดอวน ตังเกอินเดียตะลึงแต่ไม่เก็บ ถ่ายรูปเสร็จโยนกลับลงน้ำ ลูกฉลามสองหัวติดอวน - เพ็นนิวส์ รายงานวันที่ 14 ต.ค. ว่า ชาวประมงค้นพบ ลูกฉลามสองหัว ที่ติดมากับอวน ในสภาพมีชีวิตอยู่ ขณะลากขึ้นเรือระหว่างออกหาปลา น่านน้ำนอกรัฐมหาราษฏระ ตอนกลางของอินเดีย แต่สุดท้ายตัดสินใจโยนกลับลงน้ำไป นิทิน พาทิล ชาวหมู่ประมงจากหมู่บ้านสัตพาที อำเภอพัลการ์ ผู้ค้นพบสัตว์น้ำผ่าเหล่า แม้จะแปลกตาสุดท้ายเพียงถ่ายภาพเล็กน้อย ก่อนโยนกลับลงน้ำไป ด้วยเหตุผลที่ไม่กินปลาตัวเล็กเช่นนี้ ยิ่งเฉพาะฉลาม แต่เพิ่งมารู้ทีหลังว่า ลูกฉลามแรกเกิดแบบนี้หายากแค่ไหน ดร.เควี อคีเลช แห่งสภาวิจัยเกษตรกรรมอินเดีย สถาบันวิจัยประมงกลางอินเดีย กล่าวว่า ที่ผ่านมาอินเดียมีรายงานการค้นพบฉลามสองหัวอย่างน้อยเพียง 2 ครั้ง ครั้งแรกเป็น ฉลามหนู เมื่อปี 2510 ในรัฐคุชราต ทางตะวันออก และอีกครั้งเป็น ฉลามหนูใหญ่ เมื่อปี 2534 ในรัฐกรณาฏกะ ทางใต้ ที่จริงอาจมีการค้นพบมากกว่านี้ แต่ไม่มีการถ่ายภาพเป็นหลักฐาน ต้องยกเครดิตให้สื่อสังคมออนไลน์ที่ช่วยทราบถึงการค้นพบฉลามสองหัวอีกครั้ง ด้าน สวัพนิล ทันเดล นักชีววิทยาทะเล อธิบายว่า ลูกฉลามสองหัวที่มีการค้นพบเป็น ฉลามหนูใหญ่ ส่วนารผ่าเหล่าของฉลามเกิดขึ้นยากยิ่งที่จะค้นหาสาเหตุความผิดปกตินี้ แต่เชื่อว่า หลายปัจจัยที่เป็นไปได้ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งความผิดปกติพันธุกรรมหรือการเผาผลาญ (เมตาบอลิซึม) ไวรัส มลพิษ หรือแม้แต่การจับปลามากเกินไป https://www.khaosod.co.th/around-the...s/news_5119919
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า
นทท.คอตก! ประกาศปิดหมู่เกาะสิมิลันชั่วคราว พบคลื่นลมแรงหวั่นอันตราย วันที่ 15 ตุลาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก "อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน - Mu Ko Similan National park" ได้ประกาศปิดการท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันชั่วคราว เนื่องจากสภาพภูมิกาศผันแปร มีคลื่อนแรง เสี่ยงต่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว โดยข้อความระบุว่า "ประกาศ ปิดการท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันชั่วคราว เนื่องจากสภาพภูมิอากาศผันแปร มีคลื่นลมแรง คลื่นบริเวณแหล่งท่องเที่ยวสูงถึง 2 - 3 เมตร ซึ่งเสี่ยงต่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว จึงขอประกาศปิดการท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ หากมีการเปลี่ยนแปลงใด อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง" https://www.naewna.com/likesara/525341 ********************************************************************************************************************************************************* เพื่อสุขภาพ! ฝัง'ทรายบำบัด' รักษาโรค 'ความดัน เบาหวาน' ผู้สูงอายุ ฝังทรายด้วย'ทรายบำบัด'รักษาโรคผู้สูงอายุหนึ่งในหลักสูตรโรงเรียนผู้สูงอายุ เทศบาลเมืองเขารูปช้าง จังหวัดสงขลา ที่บริเวณชายหาดหน้าสำนักงานเทศบาลเมืองเขารูปช้าง (หลังเก่า) ถนนเลียบชายทะเลสงขลา- นาทับ ต.เขารูปช้าง อ.เมือง จ.สงขลา เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (15 ต.ค.63) นายประสงค์ บริรักษ์ นายกเทศมนตรีเมืองเขารูปช้าง พร้อมด้วยนายพิทักษ์ สุวรรณโณ รองนายกเทศมนตรีเมืองเขารูปช้าง และสมาชิกสภาเทศบาลเมืองเขารูปช้าง เดินทางไปให้กำลังใจพบปะพูดคุยกับผู้สูงอายุที่เข้าร่วมกิจกรรมฝังทรายใช้ "ทรายบำบัด" บริเวณชายหาดหน้าสำนักงานเทศบาลเมืองเขารูปช้าง (หลังเก่า) ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมของโรงเรียนผู้สูงอายุ เทศบาลเมืองเขารูปช้าง โดยได้รับความร่วมมือจากวิทยากรโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ม่วงงาม ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือข่ายของโรงเรียนผู้สูงอายุร่วมให้คำปรึกษากิจกรรมดังกล่าว สำหรับเมืองเขารูปช้างถือเป็นเมืองที่มีทรัพยากรธรรมชาติที่หลากหลาย ทั้งแม่น้ำ ภูเขา และทะเล ดังนั้น การใช้ "ทรายบำบัด" เป็นการทรัพยากรธรรมชาติซึ่งมีในท้องถิ่นมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในการเยียวยารักษาผู้สูงอายุและผู้ป่วย LTC โดยเชื่อว่า การฝังทรายจะช่วยปรับสมดุลร่างกาย ทำให้โลหิตไหลเวียนดี ช่วยสร้างเซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์ที่ถูกขับออก อีกทั้งยังช่วยให้ผ่อนคลาย ผู้ที่เป็นภูมิแพ้ ปวดข้อ ข้ออักเสบ หอบหืด เครียด นอนไม่หลับ สามารถฝังทรายบำบัดเพื่อช่วยบรรเทาอาการได้ นอกจากนี้ยังเหมาะกับที่มีป่วยเป็นโรค อาทิ ความดัน เบาหวาน หรือโรคที่ความเสี่ยงที่จะเป็นโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต กลายเป็นผู้ป่วยนอนติดเตียง กิจกรรม "ทรายบำบัด" จะจัดขึ้นเวลา 05.30 น. เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ทรายมีอุณหภูมิที่พอเหมาะไม่ร้อนจนเกินไป โดยในวันนี้มีผู้สูงอายุเข้าร่วม จำนวน 22 คน และมีญาติคอยให้ความช่วยเหลืออยู่บริเวณใกล้เคียง ซึ่งการฝังทรายทำได้ไม่ยาก โดยการขุดทรายเท่าตัวผู้ฝัง ลึกพอประมาณ และกลบให้มิดตั้งแต่บริเวณใต้ทรวงอกลงไปให้ปลายเท้าหันไปทางทะเล ใช้เวลาฝังทรายประมาณ 30 นาที แต่ก็ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของผู้บำบัดด้วย หลังจากฝังทรายเสร็จแล้ว ก็จะเดินออกกำลังกายริมชายหาด ระยะ 1-2 กม.ไป-กลับ เสร็จแล้วก็ลงทะเลให้วารีบำบัดอีกครั้งหนึ่งเพื่อล้างทรายออกจากร่างกาย ที่ผ่านมาผู้สูงอายุที่มาร่วมกิจกรรม "ทรายบำบัด" ที่เป็นภูมิแพ้ ปวดข้อ ข้ออักเสบ หอบหืด เครียด นอนไม่หลับ ฝังทรายบำบัดช่วยบรรเทาอาการของโรคต่างๆ ให้ดีขึ้น https://www.naewna.com/likesara/525205
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|