#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน 2567
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดโดยทั่วไปกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนถึงร้อนจัด โดยหลีกเลี่ยงการทำงานหรือการประกอบกิจกรรมในที่โล่งแจ้งเป็นระยะเวลานานไว้ด้วย ในขณะที่ลมใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่งเกิดขึ้นได้ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย สำหรับลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ในขณะที่ลมตะวันตกเฉียงเหนือพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง อนึ่ง ในช่วงวันที่ 8?11 เม.ย. 67 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ประกอบกับในช่วงวันที่ 9 ? 11 เม.ย. 67 จะมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกเคลื่อนผ่านประเทศเมียนมาและผ่านภาคเหนือตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นในระยะแรก โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ โดยจะเริ่มมีผลกระทบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคอื่นๆ จะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป ฝุ่นละอองในระยะนี้: ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง มีการสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันอยู่ในเกณฑ์ปานกลางถึงสูง เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมในบริเวณดังกล่าวมีกำลังอ่อน กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อนโดยทั่วไป กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 28-30 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-39 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 6 ? 7 และ 12 เม.ย. 67 ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดโดยทั่วไปกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 8 ? 11 เม.ย. 67 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ประกอบกับมีลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นในระยะแรก โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก ฝนตกหนักบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ โดยจะเริ่มมีผลกระทบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคอื่นๆ จะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป สำหรับภาคใต้ในช่วงวันที่ 7 ? 9 เม.ย. 67 ลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ ส่วนลมตะวันตกเฉียงเหนือพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 10 ? 12 เม.ย. 67 ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้เริ่มมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง สำหรับบริเวณอ่าวไทยตอนล่าง ทะเลมีคลื่นสูง 1 ? 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามัน ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 7 ? 8 เม.ย. 67 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนถึงร้อนจัด โดยหลีกเลี่ยงการทำงานหรือกิจกรรมในที่โล่งแจ้งเป็นเวลานาน ส่วนในช่วงวันที่ 8 ? 11 เม.ย. 67 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยง ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย ****************************************************************************************************** ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 2 (69/2567) (มีผลกระทบในช่วงวันที่ 8 ? 11 เมษายน 2567) ในช่วงวันที่ 8 ? 11 เมษายน 2567 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ในขณะที่บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดโดยทั่วไป ประกอบกับในช่วงวันที่ 9 ? 11 เมษายน 2567 จะมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกเคลื่อนผ่านประเทศเมียนมาและผ่านภาคเหนือตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ โดยจะเริ่มมีผลกระทบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคอื่นๆ จะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป จึงขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่อาจจะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกร ควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงไว้ด้วย จังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ มีดังนี้ วันที่ 8 เมษายน 2567 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดบึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี วันที่ 9 เมษายน 2567 ภาคเหนือ: จังหวัดน่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย กำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และตาก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ยโสธร กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา มหาสารคาม ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี กาญจนบุรี นครปฐม สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด วันที่ 10 เมษายน 2567 ภาคเหนือ: จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ กำแพงเพชร และตาก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย และชัยภูมิ ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง วันที่ 11 เมษายน 2567 ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ และตาก
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
"เชียงใหม่" ประกาศเขตภัยพิบัติฉุกเฉิน 5 อำเภอ หลังไฟป่าผุดต่อเนื่อง ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ แจงหลังประกาศเขตภัยพิบัติฯ (อัคคีภัย) เผยพร้อมดูแลกลุ่มเปราะบางอย่างเต็มที่ เตรียมกำลังพลเสริมทดแทนเจ้าหน้าที่ที่เหนื่อยล้า และต้องการกำลังสนับสนุนมากกว่าที่เป็นอยู่ เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 67 นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้เปิดเผยหลังจากมีการประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย เขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน อัคคีภัย ไฟป่า ในพื้นที่ อ.เชียงดาว, อ.แม่แตง, อ.ไชยปราการ, อ.ฝาง และ อ.พร้าว เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีไฟไหม้ป่าเกิดขึ้นจำนวนมาก ติดต่อกันหลายวัน ทำให้การปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ โดยใช้กำลังหน่วยปฏิบัติปกติ ร่วมกับกำลังทหารที่มีอยู่ในชุดแรกเริ่มอ่อนล้า และต้องการกำลังสนับสนุนมากกว่าที่เป็นอยู่ จ.เชียงใหม่ จึงจำเป็นต้องบริหารสถานการณ์ให้เหมาะสมมากที่สุด ด้วยการประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย เขตการให้ความช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินอัคคีภัย ไฟป่า ในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อเพิ่มการใช้กำลังทหารให้เหมาะสมกับสภาพความรุนแรงของสถานการณ์ และเปิดโอกาสให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องสามารถใช้เงินทดรองราชการในส่วนของตัวเองได้ โดยมีระเบียบกระทรวงการคลัง รองรับหลังการประกาศ เพื่อการใช้จ่ายงบประมาณที่ถูกต้องเหมาะสมและเกิดประโยชน์ในทางการบริหารสถานการณ์มากที่สุด ขณะเดียวกัน จังหวัดเชียงใหม่ได้ประสานไปยังแม่ทัพภาคที่ 3 แล้ว เพื่อขอกำลังทหารเข้าไปช่วยเขตป่าอุทยานแห่งชาติและป่าสงวนแห่งชาติมากขึ้น อย่างไรก็ตาม จังหวัดเชียงใหม่ยังไม่สามารถประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยกรณีฉุกเฉิน กรณีฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ได้ เพราะเป็นภัยที่ไม่มีระเบียบกระทรวงการคลังรองรับการใช้จ่ายงบประมาณ จึงไม่เกิดประโยชน์ในทางการบริหารสถานการณ์ พร้อมกันนี้ เพื่อให้อำเภอและจังหวัดสามารถดูแลประชาชน กลุ่มเปราะบางในพื้นที่ประสบภัยได้อย่างเต็มที่ จังหวัดจึงได้เชิญส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันหารือถึงวิธีการปฏิบัติแล้ว https://www.thairath.co.th/news/local/north/2776596
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าวไทย
ชายหาดในซิดนีย์เต็มไปด้วยฟองโฟม เครดิตภาพ: Michelle Michael/@seeuthere2227 via X ซิดนีย์ 6 เม.ย.- ชายหาดในนครซิดนีย์ของออสเตรเลียถูกปกคลุมไปด้วยฟองโฟมสีขาวปริมาณมหาศาล สภาพของชายหาดในนครซิดนีย์ในวันนี้เต็มไปด้วยฟองโฟมสีขาวจนแน่นชายหาด และมีการแชร์ภาพจนกลายเป็นไวรัลในสื่อออนไลน์ รายงานระบุว่า ฟองโฟมเหล่านี้ไม่ใช่เหตุการณ์ผิดปกติสำหรับนครซิดนีย์ โดยเฉพาะบริเวณชายหากนอร์ธ โครนุลลา ผู้เชี่ยวชาญอธิบายว่า ฟองโฟมตามธรรมชาตินี้เกิดขึ้นจากการย่อยสลายของสสารต่าง ๆ เช่นเกลือ สารเคมี ซากสิ่งมีชีวิต และเมื่อสสารที่ย่อยสลายเหล่านี้ถูกคลื่นซัดเข้าฝั่งก็จะกลายสภาพเป็นฟองโฟมหนาทึบอย่างที่เห็น อย่างไรก็ดี ทางการออสเตรเลียไม่ได้มีคำเตือนให้ระวังอันตรายจากฟองโฟมเหล่านี้ และมีบางคนที่กล้าลงไปลุยอยู่ในฟองโฟมดังกล่าวด้วย.-816(814) https://tna.mcot.net/world-1346817
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก SpringNews
โลกร้อนรันทุกวงการ! วิจัยเผยน้ำแข็งขั้วโลกละลาย ส่งผลเวลาเดินช้าลง SHORT CUT - การรักษาเวลาอย่างเป็นทางการใช้นาฬิกาอะตอมที่มีความแม่นยำเป็นพิเศษประมาณ 450 เรือนเพื่อรักษาเวลาสากลเชิงพิกัด (UTC) - น้ำแข็งละลายในกรีนแลนด์และแอนตาร์กติกาอาจส่งผลกระทบต่อความเร็วเชิงมุมของโลก อัตราการหมุนของดาวเคราะห์ และทำให้กลางวันยาวนานขึ้น - ภาวะโลกร้อนส่งผลกระทบต่อการจับเวลาทั่วโลก น้ำแข็งละลายทำให้ความเร็วเชิงมุมของโลกลดลง อาจทำให้เวลาถอยออกไปหนึ่งวินาที โลกที่ร้อนขึ้นกำลังส่งผลกระทบกับสิ่งมีชีวิต ระบบนิเวศต่างๆ รวมถึงเวลา นี่เป็นสิ่งที่คนคาดไม่ถึงว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการละลายของน้ำแข็งขั้วโลกอาจส่งผลกระทบเวลาของโลกด้วย ปัจจุบันการรักษาเวลาอย่างเป็นทางการใช้นาฬิกาอะตอมที่มีความแม่นยำเป็นพิเศษประมาณ 450 เรือนเพื่อรักษาเวลาสากลเชิงพิกัด (UTC) ซึ่งกำหนดไว้ครั้งแรกในปี 1969 วิธีการรักษาเวลาตามประวัติศาสตร์แบบดั้งเดิมใช้การหมุนของโลก โลกร้อนรันทุกวงการ! วิจัยเผยน้ำแข็งขั้วโลกละลาย ส่งผลเวลาเดินช้าลง อย่างไรก็ตามงานวิจัยใหม่ของนักธรณีวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย Duncan Agnew ชี้ให้เห็นว่าน้ำแข็งละลายในกรีนแลนด์และแอนตาร์กติกาที่เกิดจากภาวะโลกร้อนอาจส่งผลกระทบต่อความเร็วเชิงมุมของโลก อัตราการหมุนของดาวเคราะห์ และทำให้กลางวันยาวนานขึ้น ซึ่งมนุษย์อาจไม่ได้สังเกตแต่ไม่ใช่สำหรับคอมพิวเตอร์ที่ต้องอาศัยการบอกเวลาที่แม่นยำ Duncan Agnew กล่าวว่า ภาวะโลกร้อนกำลังส่งผลกระทบต่อการจับเวลาทั่วโลกแล้วการละลายของน้ำแข็งทำให้ความเร็วเชิงมุมของโลกลดลงอย่างรวดเร็วกว่าเดิม ซึ่งอาจทำให้เวลาถอยออกไปหนึ่งวินาที ซึ่งเกิดขึ้นช้ากว่าที่นักวิทยาศาสตร์คาดไว้ 3 ปี ปัญหาคือกิจกรรมต่างๆ เช่น คอมพิวเตอร์เครือข่ายและตลาดการเงินจำเป็นต้องมีช่วงเวลาที่สอดคล้องกัน เป็นมาตรฐาน และแม่นยำตามที่ UTC มอบให้ และการเพิ่มวินาทีกระโดดเชิงลบนั้นไม่เคยมีการทดสอบมาก่อน ในปัจจุบันไม่จำเป็นต้องตัดวินาทีก้าวกระโดดที่เป็นลบออกจาก UTC แต่ในปี 2022 โลกประสบกับวันที่สั้นที่สุดเท่าที่เคยบันทึกไว้ ซึ่งนำไปสู่การคาดเดาและวางแผนสำหรับวินาทีก้าวกระโดดเชิงลบในปี 2026 เราไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยน'วินาทีกระโดด'ตั้งแต่ปี 2016 แต่แนวโน้มที่จะเกิด'วินาทีกระโดด'ติดลบทำให้บางคนกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อเทคโนโลยี ขณะนี้หลายระบบมีซอฟต์แวร์ที่สามารถรับวินาทีเพิ่มเติมได้ แต่มีเพียงไม่กี่ระบบเท่านั้นที่อนุญาตให้ลบวินาทีได้ ดังนั้นวินาทีกระโดดที่เป็นลบจะสร้างปัญหามากมาย เนื่องจากมีการพบว่าการหมุนของโลกดูแปลกไปเมื่อเร็วๆ นี้ จึงได้มีการตัดสินใจซูมออกเพื่อดูความเร็วเชิงมุมของมัน วิธีที่การหมุนของมันเปลี่ยนแปลงไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาและการกระจายตัวของมวลบนพื้นผิวของมัน แรงโน้มถ่วงของโลกได้รับการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องโดยดาวเทียมที่โคจรรอบโลก โดยวัดการเปลี่ยนแปลงระหว่างวงโคจรและระยะห่างระหว่างดาวเทียมเหล่านั้น เนื่องจากได้รับผลกระทบจากความแปรผันของแรงโน้มถ่วงบนพื้นผิวโลกในระดับภูมิภาค เนื่องจากแรงโน้มถ่วงเชื่อมโยงโดยตรงกับมวล จึงสามารถเปิดเผยได้ว่ามวลมีความเข้มข้นที่ใด https://www.springnews.co.th/keep-th...-change/849288
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#5
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก SpringNews
รับกรรม! 'ฉลามเสือทราย' กับครีบทั้ง 2 ข้าง ที่กำลังจะหายไป เพราะขยะจากมนุษย์ SHORT CUT - นักดำน้ำจากออสเตรเลีย เผยภาพ ฉลามเสือทราย ติดห่วง (จากมนุษย์) จนศีรษะเป็นแผลเหวอะหวะ และครีบทั้ง 2 ข้างใช้การไม่ได้ ต้องใช้หางในการว่ายน้ำ - ฉลามเสือทรายในรัฐนิวเซาท์เวลส์ร่อแร่เต็มที อนึ่งว่า เป็นผลจากอุณหภูมิน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้เจ้าฉลามจำต้องว่ายเข้าใกล้ชายฝั่งมากยิ่งขึ้น - รู้หรือไม่ว่า? 70% ของขยะไปจบลงที่ทะเล และในแต่ละปี มีขยะในทะเลประมาณ 8.3 ล้านตัน ฉลามเสือทรายที่ว่ายน้ำอยู่ดี ๆ ก็เข้าไปติดอยู่ในห่วงที่มนุษย์โยนทิ้งลงทะเลมา ทำให้เจ้าฉลามตัวนี้ติดแหง็กออกไปไหนไม่ได้ กระทั่งศีรษะเริ่มเป็นแผลลึก แถบครีบทั้ง 2 ข้างก็ถูกล็อกติดใช้การไม่ได้ ฉลามเสือทรายติดห่วงจนเป็นแผลเหวอะหวะ นักดำน้ำจากแดนจิงโจ้แชร์ภาพโลกใต้น้ำ เป็นภาพของ 'ฉลามเสือทราย' ในสภาพอิดโรย ครีบทั้ง 2 ข้างติดอยู่ในห่วงของเล่น (ซึ่งมาโผล่ในทะเลได้ยังไงก็ไม่รู้) จนเจ้าฉลามต้องใช้แค่หางในการว่ายน้ำ อย่างไรก็ดี ฉลามตัวนี้ก็พยายามดิ้นให้หลุดออกจากห่วงจนเนื้อตัวเริ่มเป็นแผลเหวอะหวะ แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ Amelie Chipeaux นักดำน้ำจากรัฐนิวเซาท์เวลส์ ออสเตรเลีย เผยว่า เธอมักชอบไปดำน้ำเล่นกับฉลามอยู่เป็นประจำ แต่ครั้งนี้ เธอเห็นฉลายตัวหนึ่งมีท่าทางแปลก ๆ เธอจึงว่ายปรี่เข้าไปดู "ฉันเห็นห่วงขนาดใหญ่ ไม่รู้เหมือนกันว่ามันไปติดได้ยังไง ไม่นาน ฉลามเสือทรายตัวนี้ก็ว่ายจากไป" Amelie Chipeaux กล่าว เบื้องต้นพบว่าเป็นฉลามเสือทรายเพศเมีย ความยาวเกือบ 2 เมตร มีรอยเฉือนลึกจากห่วงที่ค่อย ๆ เลื่อยเข้าไปในผิวหนังของมัน แถมครีบทั้ง 2 ข้างก็ถูกรัดแน่น เหมือนถูกใส่กุญแจมือ แต่หลังจากที่สปริงได้เปิดดูคลิปฉบับเต็มแล้ว เห็นได้ชัดเลยว่า ครีบ 1 ข้างฉีกออกจวนจะหลุดแล้ว สืบค้นเพิ่มเติมก็พบว่า ฉลามเสือทรายในรัฐนิวเซาท์เวลส์ร่อแร่เต็มที อนึ่งว่าเป็นผลจากอุณหภูมิน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้เจ้าฉลามจำต้องว่ายเข้าใกล้ชายฝั่งมากยิ่งขึ้น ผนวกกับความไม่รู้สำนึกของมนุษย์บางกลุ่ม ที่ทั้งตั้งใจหรือไม่ตั้งใจโยนพลาสติกลงไปในทะเล ทำให้มีโอกาสสูงที่จะเกิดอันตรายต่อสัตว์น้ำ เคสของเจ้าฉลามเสือทรายตัวนี้คือตัวอย่างที่ชัดเจน "ฉันรู้สึกเสียใจมาก ฉันไปดำน้ำกับฉลามทุกวัน ฉันพยายามให้ความรู้เกี่ยวกับความจริงที่ว่าพวกมันไม่เป็นอันตราย อีกทั้งยังมีความสำคัญต่อระบบนิเวศมาก พอเห็นแบบนี้แล้วฉันรับไม่ได้" Amelie Chipeaux กล่าว รู้หรือไม่ว่า? 70% ของขยะไปจบลงที่ทะเล และในแต่ละปี มีขยะในทะเลประมาณ 8.3 ล้านตัน สุดท้ายก็วนกลับไปที่มนุษย์ซึ่งเป็นต้นเรื่องของปัญหา ไม่ว่าจะการสร้างขยะ หรือความไม่รู้สำนึก ที่มา: Yahoo News https://www.springnews.co.th/keep-th...ronment/849300
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#6
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก SpringNews
หินพลาสติกบนเกาะของบราซิล เกิดจากมลพิษพลาสติกที่ฝังตัวส่งผลทางธรณีวิทยา SHORT CUT - นักวิจัยได้ค้นพบหินพลาสติกที่ก่อตัวขึ้นบนเกาะ Trindade ซึ่งเป็นเกาะภูเขาไฟแหล่งวางไข่ของเต่าตนุ - การเกิดพลาสติกเหล่านี้เป็นมลพิษทางทะเลประเภทหนึ่งที่เกิดขึ้นใหม่และเป็นแหล่งปนเปื้อนสำหรับสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่หรือกินเข้าไป - มลพิษ ขยะในทะเล และพลาสติกที่ถูกทิ้งอย่างไม่ถูกต้องในมหาสมุทรกำลังกลายเป็นวัสดุทางธรณีวิทยา สัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ว่ามลภาวะจากพลาสติกเป็นปัญหาใหญ่ระดับโลก เมื่อมีการพบหินที่หลอมรวมกับพลาสติกกลายเป็นหินพลาสติกที่บนเกาะห่างไกลของบราซิล ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าเป็นแหล่งวางไข่ของเต่าตนุ ก่อนหน้านี้หินพลาสติกถูกพบในส่วนต่างๆ ของโลก นักวิจัยบันทึกข้อมูลพลาสติโกลเมอเรต เช่น หิน ทราย และเศษอื่นๆ ที่หลอมรวมกันด้วยพลาสติกที่หลอมละลาย ในฮาวายเมื่อปี 2557 และไพโรพลาสติก ซึ่งเป็นก้อนกรวดคล้ายหินที่เกิดจากพลาสติกที่ถูกเผา บนชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษในปี 2562 Fernanda Avelar Santos นักธรณีวิทยาจาก Federal University of Paran? กล่าวว่าขณะนี้นักวิจัยได้ค้นพบหินอัคนีชนิดใหม่ คือหินพลาสติกที่ก่อตัวขึ้นบนเกาะ Trindade ซึ่งเป็นเกาะภูเขาไฟที่อยู่ห่างจาก Esp?rito Santo ไปทางตะวันออกมากกว่า 600 ไมล์ในบราซิล งานวิจัยของพวกเขาซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Marine Pollution Bulletin ค้นพบหินพลาสติกชนิดใหม่ พร้อมด้วยตัวอย่างไพโรพลาสติกบนชายหาดของเกาะ นอกจากนี้ยังพบสารไพโรพลาสติกบนแนวปะการังของเกาะอีกด้วย "การเกิดพลาสติกเหล่านี้เป็นมลพิษทางทะเลประเภทหนึ่งที่เกิดขึ้นใหม่และเป็นแหล่งปนเปื้อนสำหรับสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่หรือกินเข้าไป การค้นพบขยะทะเลประเภทนี้ในเขตอนุรักษ์ธรรมชาติถือเป็นการเตือนที่สำคัญถึงพฤติกรรมของมนุษย์ในปัจจุบัน" ซานโตส นักวิจัยกล่าว หินพลาสติกอาจเป็นการส่งสัญญาณถึงยุคทางธรณีวิทยาใหม่ มลพิษจากพลาสติกที่ลุกลามไปสู่การก่อตัวของหิน บ่งบอกว่ามนุษย์กำลังส่งผลกระทบต่อสิ่งที่ก่อนหน้านี้ถือว่าเป็นเหตุการณ์ตามธรรมชาติ ซานโตส ซึ่งพร้อมด้วยคนอื่นๆ กำลังวิจัยอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับมลพิษจากพลาสติกบนเกาะ Trindade กล่าว "นี่เป็นเรื่องใหม่และน่ากลัวในเวลาเดียวกัน เนื่องจากมลพิษได้เข้าถึงธรณีวิทยาแล้ว" ซานโตส ผู้เชี่ยวชาญบางคนกล่าวว่า การค้นพบหินพลาสติกยังชี้ให้เห็นว่ายุคทางธรณีวิทยาใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ยุคแอนโทรโปซีน หรือที่เรียกว่าเพราะว่า "anthro" และ "cene" เป็นคำภาษากรีกที่แปลว่า "มนุษย์" และ "ใหม่" ไปยังพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติในลอนดอน ปัจจุบันเราอยู่ในยุคโฮโลซีน ซึ่งเริ่มต้นเมื่อ 11,500 ปีก่อน ณ จุดสิ้นสุดของยุคน้ำแข็งครั้งสุดท้าย ไม่ว่าสิ่งนี้จะแสดงให้เห็นถึงยุคใหม่หรือไม่ "มลพิษ ขยะในทะเล และพลาสติกที่ถูกทิ้งอย่างไม่ถูกต้องในมหาสมุทรกำลังกลายเป็นวัสดุทางธรณีวิทยา ที่เก็บรักษาไว้ในบันทึกทางธรณีวิทยาของโลก" ที่มา : USA Today https://www.springnews.co.th/keep-th...ronment/849303
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|