#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤษภาคม 2564
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางพื้นที่ ทั้งนี้เนื่องจากมีแนวลมพัดสอบของลมตะวันตกเฉียงใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ส่วนลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมภาคใต้ อ่าวไทย และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่งในระยะนี้ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อนในตอนกลางวัน กับมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 27-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 13 - 14 พ.ค. 64 แนวสอบของลมตะวันตกเฉียงใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง สำหรับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองในระยะนี้ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 15 - 18 พ.ค. 64 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 13 - 14 พ.ค. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงไว้ด้วย ส่วนในช่วงวันที่ 15 - 18 พ.ค. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
สยอง แอฟริกาใต้พบ "ปรสิตกินลิ้นปลา" ดูดเลือดจนลิ้นปลาหลุดแล้วเกาะแทนที่ นักชีววิทยาทางทะเลที่แอฟริกาใต้ พบตัวปรสิตชนิดหนึ่งที่จะเข้าไปเกาะในปากปลา ดูดเลือดที่ลิ้นปลาจนโคนลิ้นหลุดออกแล้วเข้าเกาะแทนที่ ใช้ชีวิตอยู่กับปลาตัวนั้นจนกว่าจะตายไปด้วยกัน เมื่อวันที่ 11 พ.ค. เว็บไซต์ข่า The Sun รายงานว่ามีปลาตัวหนึ่งถูกจับขึ้นมาได้จากทะเลบริเวณนอกชายฝั่งแหลมอะกะลัส ในแอฟริกาใต้ ดูสภาพภายนอกมันเหมือนปลาทั่วไป แต่พอเปิดปากออกดู พบว่ามีสิ่งมีชีวิตตัวสีขาวตาสีฟ้าเกาะอยู่ข้างในตรงส่วนที่ควรจะเป็นลิ้นของปลา รายงานข่าวระบุว่า คนที่ถ่ายภาพนี้คือ นายดอน มาร์กซ์ นักชีววิทยาทางทะเล วัย 27 ปี ซึ่งเขาเล่าว่าเจอปลาตัวนี้ระหว่างออกไปตกปลาเพื่อศึกษาเกี่ยวกับชีวิตของปลาและสัตว์ทะเลเมื่อเดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว และได้ถ่ายรูปเก็บไว้ จากนั้นเขานำปลาตัวนี้ไปให้ผู้เชี่ยวชาญที่มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสต์ตรวจสอบดู ก็ได้ทราบว่า เจ้าสิ่งมีชีวิตในปากปลาคือ "ปรสิตกินลิ้นปลา" หรือ "แมงกินลิ้นไคโมธัว" (Cymothoa springbok) ปรสิตชนิดนี้จะเข้าไปทางเหงือกปลา แล้วตรงไปที่ลิ้น ดูดกินเลือดจากเส้นเลือดบริเวณโคนลิ้นปลา เกาะอยู่นานจนลิ้นปลาฝ่อแล้วหลุดออก จากนั้นตัวมันจะไปเกาะแทนที่ลิ้น ทำหน้าที่เหมือนเป็นลิ้นปลา โดยที่ตัวปลาก็จะใช้ชีวิตอยู่ได้ตามปกติ ส่วนปรสิตก็จะกินเลือดปลา อยู่ด้วยกันแบบนี้ไปจนกว่าจะตายไปพร้อมกัน ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ตอนที่เข้ามาทางเหงือกปลาปรสิตจะเป็นเพศผู้ แต่พอได้เป็นลิ้นปลาแล้ว มันจะเปลี่ยนเป็นเพศเมีย มีขนาดลำตัวใหญ่ขึ้น แม้จะนักชีววิทยาทางทะเลจะรู้จักปรสิตชนิดนี้มานานแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มีการถ่ายภาพมันได้อย่างชัดเจน. https://www.thairath.co.th/news/foreign/2089911
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
ผวาสารพิษ! ประมงพื้นบ้านเมืองระยองพบตะกอนสีชมพูเกลื่อนใต้ทะเลซ้ำกลิ่นเหม็นรุนแรง ระยอง - ชาวประมงพื้นบ้านเมืองระยอง ตื่นตระหนกหลังพบตะกอนสีเทาเกาะติดอวนปูแต่เมื่อถูกอากาศกลับกลายเป็นสีชมพู ซ้ำมีกลิ่นเหม็นฉุนหวั่นเป็นสารพิษกระจายใต้ท้องทะเล ด้านประมงจังหวัดเร่งเก็บตัวอย่างน้ำตรวจสอบ วันนี้ ( 12 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก น.ส.ประไพ สาธิตวิทยา ประธานกลุ่มอนุรักษ์ประมงสามัคคีบ้านพลา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ว่ากลุ่มประมงพื้นบ้านได้พากันตื่นตระหนกกับตะกอนประหลาดสีชมพูที่กระจายอยู่ใต้ท้องทะเลโดยหวั่นว่าจะเป็นสารพิษเนื่องจากมีกลิ่นเหม็นและฉุน จนเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อสัตว์ทะเลโดยเฉพาะปูและสัตว์ที่หากินหน้าดิน นอกจากนี้ยังเกรงจะเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคอาหารทะเล พร้อมยังบอกอีกว่าเมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมาขณะที่ นายสมภพ นุชสมบัติ พร้อมด้วยนายมนัส บุญหอม ,นายวัลลภ เกตุสาคร และกลุ่มประมงพื้นบ้านอีกหลายคนได้พากันออกไปกู้อวนปูกลางทะเลซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งด้านทิศตะวันตกและอยู่ห่างจากรันเวย์สนามบินอู่ตะเภา ประมาณ 2-3 ไมล์ทะเล โดยได้สังเกตว่าพปริมาณปูที่ติดอวนมีจำนวนลดน้อยลง นอกจากนั้นยังพบตะกอนสีเทาเกาะติดอวนปูขึ้นมาแต่เมื่อสัมผัสอากาศและน้ำเค็มด้านบน ตะกอนดังกล่าวได้เปลี่ยนจากสีเทาเป็นสีชมพู และยังมีกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรง ทั้งนี้ชาวบ้านเกรงว่าอาจมีการลักลอบนำสารพิษมาทิ้งลงทะเล งประสานไปยังสำนักงานประมงจังหวัดระยอง เพื่อให้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ โดยในเบื้องต้นได้เก็บตัวอย่างน้ำสีชมพูส่งไปยังศูนย์วิจัยประมงระยอง เพื่อตรวจพิสูจน์ว่าเป็นสารเคมีหรือแพลงก์ตอนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและคาดว่าจะได้คำตอบในเร็วๆ นี้ https://mgronline.com/local/detail/9640000045787
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก มติชน
1ใน5 ของพื้นผิวโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ปี 1960 แฟ้มภาพ ป่าแอมะซอน เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ปี 2020 (เอเอฟพี) สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า จากการศึกษาของเนเชอร์ คอมมูนิเคชั่น วารสารออนไลน์ ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมพบว่า ราว 17% ของพื้นผิวโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงประเภทของพื้นที่อย่างน้อย 1 ครั้งนับตั้งแต่ปี 1960 แต่บางครั้งในพื้นที่เดิมเกิดการเปลี่ยนแปลงมากกว่า 1 ครั้ง หากนับการเปลี่ยนแปลงทุกประเภทที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1960 จะมีพื้นที่ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงมากถึง 43 ล้านตารางกิโลเมตร มากกว่าการคาดการณ์เมื่อครั้งก่อนถึง 4 เท่า พืชและดินมีความสำคัญต่อโลกอย่างยิ่ง โดยเฉพาะป่าฝนเขตร้อนที่ช่วยดูดซับคาร์บอนที่มนุษย์สร้างขึ้นได้ราว 30% ฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่บนผิวดินสามารถกำหนดความสำเร็จหรือความล้มเหลวของเป้าหมายในข้อตกลงปารีส โดยตั้งแต่ปี 1960 พื้นที่ป่าทั่วโลกลดลงเกือบ 1 ล้านตารางกิโลเมตร ขณะที่พื้นที่ทำการเกษตรและทุ่งหญ้าเพิ่มขึ้น แต่หากดูเป็นภูมิภาคจะพบว่าพื้นที่ป่าในซีกโลกเหนืออย่างรัสเซีย ยุโรป เอเชียตะวันออกและอเมริกาเหนือเพิ่มขึ้นในช่วง 60 ปีมานี้ ในขณะที่ผืนป่าในประเทศกำลังพัฒนาทางซีกโลกใต้ลดน้อยลงมาก ซึ่งมีสาเหตุจากการผลิตเนื้อวัว น้ำตาลอ้อย และถั่วเหลืองในแถบแอมะซอนและผลิตน้ำมันปาล์มในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ https://www.matichon.co.th/foreign/news_2719780
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#5
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด
สั่งขยายคลองสุเอซ ทั้งกว้างและลึก ให้เสร็จใน2ปี เข็ดแล้วเรือเกยตื้น สั่งขยายคลองสุเอซ ? เอพี รายงานเมื่อ 12 พ.ค. ว่า สำนักงานการท่าเรือคลองสุเอซ (SCA) ประเทศอียิปต์ ประกาศโครงการขุดขยาย และเพิ่มความลึกให้คลองสุเอซ ขยายความกว้างของคลองอีก 40 เมตร และเพิ่มความลึกเป็น 22 เมตร จากเดิม 20 เมตร รวมถึงการเพิ่มระยะทางเลนที่สองอีก 10 กิโลเมตร ส่งผลให้คลองสุเอซมี 2 เลน รวมระยะทางยาว 82 ก.ม. เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุเรือเกยตื้นขวางคลองอีก พลเอกอับเดล ฟัตตาห์ เอล-ซิซี ประธานาธิบดีอียิปต์ อนุมัติแผนดังกล่าวของ SCA ที่มุ่งขยายและขุดช่วงใต้ของคลองสุเอซให้กว้างและลึกกว่าเดิม รวมถึงจุดที่เรือขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ เอฟเวอร์กิฟเวน ความยาว 440 เมตร เกยตื้น และปิดกั้นการสัญจรเป็นเวลา 6 วัน เมื่อเดือนมีนาคม "เหตุการณ์เรือเอฟเวอร์ กิฟเวนเกยตื้นเมื่อวันที่ 23 มี.ค. สะท้อนความเร่งด่วนของการขยายลำคลองอันเป็นทางน้ำระหว่างประเทศสายนี้ และโครงการนี้ควรเสร็จสิ้นภายใน 2 ปี" พลเอกอัลซิซีกล่าว ด้านพลโท โอซามา เรบี ประธานองค์การ SCA กล่าวว่า คลองสุเอซช่วงระหว่างเมืองสุเอซและทะเลสาบเดอะ บิตเทอร์ เลก ระยะทาง 30 กิโลเมตร จะขยายให้กว้างเป็น 40 เมตร และขุดเพิ่มความลึกจาก 20 เมตรเป็น 21.9 เมตร เหตุการณ์เรือขวางคลอง 6 วัน ทำให้เรือส่งสินค้ารอติดอยู่ในแถวยาวหลายร้อยฃำ หลายลำตัดสินใจไปใช้เส้นทางอ้อมแหลมกู๊ดโฮป ทางใต้ของทวีปแอฟริกา เพิ่มค่าน้ำมันและค่าใช้จ่ายอื่นๆ สำหรับเส้นทางขนส่งสินค้าผ่านคลองสุเอซมีสัดส่วนร้อยละ 10 ของโลก ปีก่อนมีเรือผ่านเข้าออกคลองที่มนุษย์สร้างขึ้นนี้ 19,000 ลำ https://www.khaosod.co.th/around-the...s/news_6394508
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|