เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 15-10-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม 2563

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออก เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ยังคงมีกำลังแรง ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณภาคตะวันออก และภาคใต้ ขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณดังกล่าว ระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดการเดินเรือในระยะนี้

อนึ่ง เมื่อเวลา 01.00 น. วันนี้ (15 ตุลาคม 2563) พายุระดับ 2 (ดีเปรสชัน) ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุระดับ 1 หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงแล้ว บริเวณแขวงหัวพัน ประเทศลาว โดยพายุนี้จะทำให้บริเวณภาคเหนือด้านตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีฝนเพิ่มขึ้น ในช่วงวันที่ 15 - 17 ต.ค. 63 พายุระดับ 1 หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง บริเวณประเทศฟิลิปปินส์ คาดว่าจะเคลื่อนตัวลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนกลาง และมีแนวโน้มทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุระดับ 2 (ดีเปรสชัน) ในระยะต่อไป


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

เมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 15 - 20 ต.ค. 63 ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออก ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยยังคงกำลังแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ยังคงมีฝนฟ้าคะนองอย่างต่อเนื่องและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง และ

ขณะที่ในช่วงวันที่ 17-20 ต.ค. 63 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนลดลง และอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส กับมีอากาศเย็นในภาคเหนือ

อนึ่ง ในช่วงวันที่ 16 - 17 ต.ค. 63 พายุระดับ 2 (ดีเปรสชัน) บริเวณชายฝั่งประเทศฟิลิปปินส์ตอนล่าง คาดว่าจะเคลื่อนผ่านประเทศฟิลิปปินส์ลงทะเลจีนใต้ตอนกลาง และมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุระดับ 3 (โซนร้อน) ในระยะต่อไป หลังจากนั้นจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลางในช่วงวันที่ 17-18 ต.ค. 63


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 16 - 19 ต.ค. 63 ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยของภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากได้ สำหรับชาวเรือในบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย ควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง โดยหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง



*********************************************************************************************************************************************************



ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "พายุระดับ 1 (หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง) (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 15 ? 16 ต.ค. 2563)" ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 15 ตุลาคม 2563

เมื่อเวลา 01.00 น. วันนี้ (15 ตุลาคม 2563) พายุระดับ 2 (ดีเปรสชัน) ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุระดับ 1 หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงแล้ว บริเวณแขวงหัวพัน ประเทศลาว โดยพายุนี้จะทำให้บริเวณภาคเหนือด้านตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น

อนึ่ง ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออก เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ยังคงมีกำลังแรง ทำให้ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและควรงดการเดินเรือในระยะนี้









__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 15-10-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


สุดกังวล ปะการัง 'เกรต แบร์ริเออร์รีฟ' หายไปแล้วกว่าครึ่ง ในช่วง 25 ปี

บรรดานักวิทย์ทางทะเลวิตกกังวล ผลการศึกษาพบปะการังในเกรต แบร์ริเออร์รีฟ ที่ออสเตรเลีย หายไปแล้วกว่าครึ่ง นับตั้งแต่ปี 2538 หลังเกิดภาวะฟอกขาวครั้งใหญ่เนื่องมาจากน้ำทะเลอุ่นขึ้น



เมื่อ 14 ต.ค.63 สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานผลการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ทางทะเล ที่ศูนย์ศึกษาปะการัง ARC Centre of Excellence for Coral Reef Studies ในออสเตรเลีย พบ ?เกรต แบร์ริเออร์รีฟ? เป็นแนวหินปะการังที่ยาวที่สุดในโลก ได้สูญเสียแนวปะการังไปแล้วกว่าครึ่งนับตั้งแต่ปี 2538 หรือ 25 ปีที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากน้ำทะเลอุ่นขึ้น หลังจากที่ผ่านมา เกรต แบร์ริเออร์รีฟ เคยมีความยาวของแนวปะการังกว่า 2,000 กิโลเมตร และครอบคลุมพื้นที่ถึง 3.45 แสนตารางกิโลเมตร

บรรดานักวิทยาศาสตร์ทางทะเลกำลังมีความกังวลว่าปะการังในเกรต แบร์ริเออร์รีฟ ที่หายไปเนื่องจากเกิดปะการังฟอกขาวบ่อยครั้ง จากอุณหภูมิของน้ำทะเลที่สูงขึ้นชนิดทำลายสถิติในปี 2559-2560 นั้นจะทำให้ปะการังสูญเสียความสามารถในการฟื้นตัว ที่น่าวิตกคือ ปะการังที่ลดน้อยลงหลังเกิดการฟอกขาวครั้งใหญ่ในปี 2559-2560 กำลังเกิดการฟอกขาวครั้งใหญ่อีกครั้งในปีนี้ โดยนักวิทยาศาสตร์ได้เรียกร้องให้นานาประเทศทั่วโลกรีบหยุดยั้งการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ก่อให้เกิดภาวะเรือนกระจกอันเป็นสาเหตุทำให้โลกร้อนขึ้น



ศาสตราจารย์เทอร์รีย์ ฮิวจ์ ประจำศูนย์ ARC Centre of Excellence for Coral Reef Studies ชี้ว่า ปะการังทุกชนิดได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงที่สุดจากการฟอกขาวครั้งใหญ่ ซึ่งทำให้สูญเสียปะการังไปแล้วถึง 2 ใน 3 โดยปะการังสามารถฟื้นตัวได้ถ้าสภาพแวดล้อมในธรรมชาติกลับคื่นสู่ภาวะปกติ แต่มันอาจต้องใช้เวลาหลายสิบปี โดยผลการศึกษาในปี 2562 พบว่า แนวปะการังที่ได้รับความเสียหายได้พยายามจะฟื้นตัวหรืองอกใหม่ เนื่องจากปะการังในวัยผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ได้ตายไปแล้ว

ทั้งนี้ ตามข้อมูลของ nstda ระบุว่า ปะการังฟอกขาว คือ ภาวะที่ปะการังมีสีซีดจางลง จนมองเห็นเป็นสีขาว ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะการสูญเสียสาหร่ายขนาดเล็กที่เรียกว่า ?ซูแซนเทลลี? ที่อาศัยอยู่ในเนื้อเยื่อของปะการังที่มีการดำรงชีวิตแบบพึ่งพากัน โดยสาหร่ายจะทำหน้าที่สังเคราะห์แสงเพื่อสร้างอาหาร ช่วยเร่งกระบวนการสร้างหินปูน รวมถึงการสร้างสีสันให้แก่ตัวปะการัง ในขณะที่ปะการังก็ให้ที่อยู่แก่สาหร่าย โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แนวปะการังทั่วโลกต้องเผชิญกับภาวะฟอกขาวที่นับวันจะทวีความรุนแรง และมีความถี่ในการเกิดบ่อยขึ้น แม้ขณะนี้ยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัดถึงสาเหตุการฟอกขาว แต่นักวิชาการส่วนใหญ่เชื่อว่า น่าจะเป็นผลมาจากความปรวนแปรของสภาพอากาศภูมิอากาศ อันเนื่องจากภาวะโลกร้อน.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/1952456

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 15-10-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


อันซีนพังงา "หาดนางทอง" ธรรมชาติสุดแปลกตา หาดทรายสีดำพบไม่กี่แห่งในโลก



เผยแหล่งท่องเที่ยวอันซีนแห่งใหม่ "หาดนางทอง" ย่านเขาหลัก เป็นหาดทรายสีดำที่มีไม่กี่แห่งในโลก อีกทั้งยังเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์ยุคเหมืองแร่รุ่งโรจน์ในพังงา

จังหวัดพังงาเผยแหล่งท่องเที่ยวอันซีนแห่งใหม่ "หาดนางทอง" ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เป็นหนึ่งในชายหาดที่สวยงามในแหล่งท่องเที่ยวย่านเขาหลัก

หาดนางทอง เป็นแหล่งท่องเที่ยวน้องใหม่ที่มีความสวยงามแปลกตาจนถูกยกให้เป็นอันซีนพังงา เนื่องจากชายหาดแห่งนี้มีลักษณะพิเศษแตกต่างไปจากชายหาดอื่น ๆ เนื่องจากผืนทรายบนชายหาดนางทองเป็นสีดำละเอียด ที่พบไม่กี่แห่งในโลก

ยามเมื่อน้ำทะเลลดลงต่ำสุดก็จะมองเห็นหาดทรายสีดำเป็นบริเวณกว้าง ทำให้เป็นที่กล่าวขานถึงความแปลกของหาดทรายที่นี่และขนานนามว่า "หาดทรายสีดำ"



สำหรับทรายสีดำดังกล่าว คือ "แร่ดีบุก" ที่มีอยู่มากในบริเวณนี้ยาวไปตลอดแนวชายหาดของอำเภอตะกั่วป่า ซึ่งในอดีตอำเภอแห่งนี้ เคยเป็นแหล่งอุตสาหกรรมทำเหมืองแร่ริมชายฝั่งสำคัญแห่งหนึ่งของเมืองไทย ดังปรากฏอยู่ในคำขวัญของจังหวัดพังงาว่า "แร่หมื่นล้าน"

ในอดีตหาดทรายแห่งนี้จะมีคลื่นซัดแร่ดีบุกขึ้นมาชาวบ้านจะตักมากองรวมกันก่อนจะนำใส่รางและล้างน้ำเพื่อแยกเอาทรายทะเลที่มีน้ำหนักเบากว่าออกให้เหลือเพียงแต่สีดำ ก่อนจะนำไปแยกเอาแร่ดีบุกออกมาขายอีกที

หลังจากหมดยุคเหมืองแร่ จังหวัดพังงาก็เริ่มเข้าสู่ยุคท่องเที่ยว แต่คลื่นทะเลตามธรรมชาติก็ยังคงซัดเอาแร่ขึ้นบนชายหาดดังกล่าวอยู่เป็นระยะ และดึงกลับลงไปในทะเล สลับกันไปมาอยู่เรื่อย ๆ จนกลายเป็นหาดทรายสีดำ อันซีนพังงากับธรรมชาติแปลกตาที่มีเพียงจุดเดียว

สำหรับผู้มาเที่ยวเขาหลัก หาดนางทองถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวอันโดดเด่น สวยงามแปลกตา ที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

https://mgronline.com/travel/detail/9630000104903


*********************************************************************************************************************************************************


กรมเจ้าท่าจ่อถกเอกชนเปิดเดินเรือเฟอร์รี "สัตหีบ-บางสะพาน" เชื่อมสองฝั่งอ่าวไทยในปี 64



กรมเจ้าท่าเตรียมถก "ซีฮอร์ส เฟอร์รี่" เคาะแผนเดินเรือเส้นทาง "สัตหีบ-บางสะพาน" เชื่อมอ่าวไทยฝั่งตะวันออก-ตะวันตก ขนทั้งคนและสินค้า หนุนนโยบายโลจิสติกส์ทางน้ำและแก้รถติด "พระราม 2 และเพชรเกษม" คาดเริ่มบริการได้ปี 64

นายวิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) เปิดเผยว่า กรมฯ ได้เดินหน้าแผนพัฒนาเส้นทางเดินเรือเชื่อมอ่าวไทยตอนบนฝั่งตะวันออก-ตะวันตก เพื่อการท่องเที่ยวและส่งเสริมโลจิสติกส์ โดยเตรียมจะเปิดเดินเรือเพิ่มในเส้นทางสัตหีบ-บางสะพาน ซึ่งขณะนี้ในส่วนของท่าเรือนั้นมีความพร้อมแล้ว โดยท่าเรือสัตหีบ อยู่ในความรับผิดชอบของกองทัพเรือ (ทร.) ส่วนท่าเรือบางสะพานเป็นท่าเรือเอกชนที่บริหารและประกอบการโดย บริษัท ท่าเรือประจวบ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ บริษัท สหวิริยา สตีลอินดัสตรี จำกัด

โดยขณะนี้ บริษัท ซีฮอร์ส เฟอร์รี่ สนใจที่จะเข้ามาดำเนินการเดินเรือเฟอร์รี่ในเส้นทางนี้ โดยในวันที่ 16 ต.ค.นี้บริษัทจะประชุมร่วมกับกรมฯ พร้อมเสนอรายละเอียดแผนการดำเนินงานแผนการจัดหาเรือเฟอร์รีขนาดใหญ่ จากนั้นกรมฯ จะนำแผนทั้งหมดไปพิจารณาในเรื่องมาตรฐานด้านความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับการเดินเรือทั้งระบบ

"ตอนนี้ตัวท่าเรือทั้งสองฝั่งพร้อมแล้ว เหลือแค่จัดหาเรือ ซึ่งทางบริษัท ซีฮอร์สจะประชุมกับกรมฯ ในเดือน ต.ค.นี้ จะทราบว่าจะใช้เรือขนาดเท่าไร จำนวนกี่ลำ เท่าที่ทราบเป็นเรือขนาดใหญ่ รองรับทั้งผู้โดยสารและบรรทุกรถยนต์กว่า 100 คัน หากแผนจัดหาเรือชัดเจนกรมฯ ตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยเรียบร้อยสามารถเปิดให้บริการได้ คาดว่าภายในปี 2564 โดยเริ่มจากการทดลองให้บริการไปก่อน จากนั้นจะปรับเป็นเส้นทางเดินเรือประจำต่อไป"

การเดินเรือในเส้นทางดังกล่าวจะรองรับสินค้าจากภาคใต้ ขนส่งไปยังภาคตะวันออก โดยไม่ผ่านถนนเพชรเกษมและถนนพระราม 2 ช่วยย่นระยะทาง ช่วยประหยัดเวลาในการเดินทาง และช่วยลดปริมาณจราจรแนวเส้นทางถนนดังกล่าว ทำให้เกิดความสะดวกคล่องตัวมากขึ้น

สำหรับเส้นทางเดินเรือ จากท่าเรือแหลมฉบัง-บางสะพาน ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัท ซีฮอร์ส สนใจด้วยนั้น จะมีการดำเนินการหารือในความชัดเจนต่อไป

สำหรับโครงการเดินเรือและพัฒนาท่าเรือเฟอร์รีเชื่อมอ่าวไทยฝั่งตะวันออก-ตะวันตก เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและด้านโลจิสติกส์นั้น ที่ผ่านมาได้เปิดให้บริการเรือเฟอร์รีเส้นทางพัทยา จังหวัดชลบุรี-หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ไปแล้ว ซึ่งได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยว แต่เนื่องจากเป็นเรือท่องเที่ยว มีขนาดเล็ก ทำให้ต้องหยุดให้บริการในช่วงที่เกิดคลื่นลมแรงบ้าง


https://mgronline.com/business/detail/9630000104787


*********************************************************************************************************************************************************


เหตุนำเสนอ "อุทยานแห่งชาติเขาสก" เป็นอุทยานมรดกแห่งอาเซียนแห่งที่ 7 ของไทย



เมื่อเร็วๆ นี้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โดยสำนักอุทยานแห่งชาติ จัดประชุมการนำเสนออุทยานแห่งชาติเขาสก จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นอุทยานมรดกแห่งอาเซียน

โดยมีนายจงคล้าย วรพงศธร รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ นายสุทธิพงษ์ คล้ายอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายดำรัส โพธิ์ประสิทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ นายบรรณรักษ์ เสริมทอง ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4 (สุราษฎร์ธานี) นายวิโรจน์ โรจนจินดา หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาสก ตัวแทนหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ประชาชน คณะผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์อาเซียนว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ผู้ประกอบการท่องเที่ยว สื่อมวลชน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ เข้าร่วมประชุม ระหว่างวันที่ 12 - 14 ตุลาคม 2563 ณ อุทยานแห่งชาติแห่งชาติ จังหวัดสุราษฎร์ธานี

นายดำรัส โพธิ์ประสิทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2563 เห็นชอบการนำเสนอพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาสก จังหวัดสุราษฎร์ธานี และพื้นที่อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง ? ขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย ให้เป็นพื้นที่อุทยานมรดกแห่งอาเซียน โดยจะต้องรับการประเมินจากคณะผู้เชี่ยวชาญของศูนย์อาเซียนว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ (ASEAN Centre for Biodiversity : ABC) อุทยานมรดกแห่งอาเซียน เป็นโปรแกรมนำร่องของกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ ในการจัดการพื้นที่คุ้มครองของประเทศและของเครือข่าย เพื่อให้เกิดการอนุรักษ์พื้นที่คุ้มครองของประเทศและของเครือข่าย ร่วมกันสงวนและรักษาให้สมบูรณ์เพื่อเป็นตัวแทนของระบบนิเวศของภูมิอากาศอาเซียน

การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อให้เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ โดยสำนักอุทยานแห่งชาติ ได้ทำความเข้าใจและรับฟังความคิดเห็นกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ในกรณีข้อดีของการที่อุทยานแห่งชาติเขาสกเป็นอุทยานมรดกแห่งอาเซียน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการนำเสนอเป็นอุทยานมรดกแห่งอาเซียน ทั้งนี้ อุทยานแห่งชาติเขาสก เป็นหนึ่งในอุทยานที่มีความสวยงามโดดเด่น เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เดินทางมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนกว่าสามแสนคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี อีกทั้งสภาพป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสวยงาม โดยเฉพาะเขื่อนรัชชประภา จนได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 8 อุทยานแห่งชาติที่สวยที่สุดในโลก จากโว๊ค (Vogue) นิตยสารชื่อดังระดับโลก ซึ่งการนำเสนออุทยาแห่งชาติเขาสกให้เป็นอุทยานมรดกแห่งอาเซียน จึงเป็นก้าวสำคัญของประเทศไทยและอาเซียน เนื่องจากจะมีพื้นที่กว่า 738.74 ตารางกิโลเมตร ที่จะได้รับการปกป้องดูแลรักษาให้คงความเป็นธรรมชาติที่สมบูรณ์ เป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่ประชากรของประเทศไทย ภูมิภาคอาเซียนและของโลก

สำหรับ 10 เกณฑ์การพิจารณาเพื่อนำเสนอพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาสกเป็นอุทยานมรดกแห่งอาเซียน ประกอบด้วย

1.ความสมบูรณ์ทางระบบนิเวศ
2.ความเป็นตัวแทนของภูมิภาค
3.ความเป็นธรรมชาติ
4.มีความสำคัญต่อการอนุรักษ์อย่างสูง
5.พื้นที่ที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย
6.แผนการบริหารจัดการที่ได้รับการเห็นชอบ
7.ลักษณะการเชื่อมต่อข้ามพรมแดน
8.ความเป็นเอกลักษณ์
9.ความเชื่อมโยงที่สำคัญระหว่างชนชั้นเมืองและระบบนิเวศ
10.ความสำคัญด้านความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตที่มีค่า หายาก และใกล้สูญพันธุ์

ซึ่งปัจจุบันในภูมิภาคอาเซียน มีอุทยานมรดกแห่งอาเซียน จำนวน 49 แห่ง เป็นของประเทศไทย 6 แห่ง ประกอบด้วย 1.อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ 2.อุทยานแห่งชาติตะรุเตา 3.กลุ่มอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ? หมู่เกาะสิมิลัน ? อ่าวพังงา 4.กลุ่มป่าแก่งกระจาน 5. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง 6.อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม-เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง

ทั้งนี้ อุทยานแห่งชาติเขาสก ได้ดำเนินการบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติใน 4 ด้าน คือ
1.ด้านการป้องกันและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
2.ด้านการท่องเที่ยวและนันทนาการ
3.ด้านการศึกษาวิจัย
4.ด้านการบูรณาการการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน

ซึ่งจากการดำเนินการพัฒนาในทุกๆด้าน ทำให้ปัจจุบันพบว่าสถิติคดีการทำลายทรัพยากรธรรมชาติลดลงจากการลาดตระเวนอย่างเข้มข้น สถิติเงินรายได้และนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นทุกปี ผลงานการศึกษาวิจัยต่างๆ ที่ได้ร่วมกับสถานศึกษา การจัดตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานแห่งชาติ และอาสาสมัครพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่ทุกหน่วยงาน ทั้งภาครัฐ เอกชน ผู้ประกอบการท่องเที่ยว เข้ามามีบทบาทในการจัดการอุทยานแห่งชาติเขาสกมากขึ้น ล้วนเป็นปัจจัยบวกที่ทางอุทยานแห่งชาติเขาสกได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง


https://mgronline.com/greeninnovatio.../9630000104965
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:22


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger