เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 02-01-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอังคารที่ 2 มกราคม 2567

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่ลมฝ่ายตะวันตกในระดับบนพัดปกคลุมภาคเหนือ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกมีอากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า สำหรับบริเวณยอดดอยของภาคเหนือมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดกับมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 3-10 องศาเซลเซียส ส่วนยอดภูของภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-14 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ยังคงหนาวเย็นในตอนเช้า รวมทั้งเพิ่มระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกในระยะนี้ไว้ด้วย

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังปานกลางพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้ภาคใต้ตอนล่างยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองและห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย

ฝุ่นละอองในระยะนี้: ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีการสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันปานกลางถึงค่อนข้างมาก เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมมีกำลังอ่อนลง และมีการระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ดี


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีหมอกบางในตอนเช้า
อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 1 ? 2 ม.ค. 67 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงมีกำลังปานกลาง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า ส่วนภาคกลางและภาคตะวันออกมีอากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า

ส่วนในช่วงวันที่ 3 ? 7 ม.ค. 67 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนืออุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกอุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย

สำหรับในช่วงวันที่ 2 ? 3 ม.ค. 67 มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 4 ? 7 ม.ค. 67 มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร


ข้อควรระวัง

ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพที่ยังคงหนาวเย็นในตอนเช้าตลอดช่วง และในช่วง 1 ? 2 ม.ค. 67เพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย ส่วนในช่วงวันที่ 4 ? 7 ม.ค. 67 ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ตอนล่างระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม สำหรับชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองตลอดช่วง









__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 02-01-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


เตือนฝุ่น PM 2.5 ถล่มกรุงเทพฯ เปิดสถิติปีก่อน เพิ่มสูงเท่าสูบบุหรี่ 2 มวน/วัน



เตือนฝุ่น PM 2.5 เริ่มมีค่าสูงในพื้นที่กรุงเทพฯ ช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. มีแนวโน้มจะยาวนานขึ้น พบว่าในปีที่แล้วมีฝุ่นมากเทียบเท่ากับการสูบบุหรี่ 2 มวน/วัน ในคนที่ไม่ใส่เครื่องป้องกัน ส่วนจังหวัดน่าน และแม่ฮ่องสอน หนักสุด มีปริมาณฝุ่นสูงสุด เทียบเท่าการสูบบุหรี่ประมาณ 5.5-7.5 มวน/วัน ช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. ซึ่งเป็นช่วงมีค่าฝุ่นสูงสุดของปี

ดร.พีรดล สามะศิริ ผู้จัดการโครงการ Envi Link และนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลอาวุโส ฝ่ายบริการวิเคราะห์ข้อมูล สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า จากข้อมูลการตรวจวัดปริมาณฝุ่นในหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทย โดยกรมควบคุมมลพิษ สถาบันฯ นำมาวิเคราะห์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้สนใจได้นำไปใช้ตัดสินใจดำเนินนโยบายต่างๆ จากข้อมูลปริมาณฝุ่น PM 2.5 ในไทย ตั้งแต่ 2561-2565 ภาพรวมพบว่ามีปริมาณฝุ่นที่ลดลง แต่เริ่มกลับมามีปริมาณสูงขึ้นหลังสถานการณ์โควิดเบาบางลง เพราะประชาชนสามารถกลับมาทำกิจกรรมหลายอย่างได้เป็นปกติ โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดในภาคเหนือ และกรุงเทพฯ

จากข้อมูลดังกล่าว สถาบันฯ ได้นำมาวิเคราะห์แนวโน้มของฝุ่นทั่วประเทศ พบว่าค่าฝุ่นในแต่ละปีมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือน ต.ค. และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในกรุงเทพฯ ค่าฝุ่นจะเพิ่มขึ้นถึงจุดสูงสุดในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. ในขณะที่ในพื้นที่ภาคเหนือจะเพิ่มขึ้นถึงจุดสูงสุดในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. ห่างกันราว 1 เดือน

เมื่อวิเคราะห์วงจรของฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ จะพบว่า ฝุ่นเริ่มมีปริมาณสูงขึ้นตั้งแต่ เดือน ต.ค. และค่อยๆ เพิ่มอย่างต่อเนื่องจนถึงเดือน ก.พ. ก่อนจะลดลง อย่างไรก็ดี จากข้อมูลการวัดปริมาณฝุ่นในปี 2565 พบว่าช่วงเวลาที่ฝุ่นมีปริมาณสูงมีระยะยาวนานขึ้น คาบเกี่ยวช่วงเวลาตั้งแต่ ก.พ.-เม.ย. ซึ่งเป็นลักษณะที่เปลี่ยนไปเมื่อเทียบกับปี 2561-2564

ด้านเชียงใหม่ ถือเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่มีการเปลี่ยนแปลงที่น่าเป็นห่วง ข้อมูลจากสถานีตรวจวัดค่าฝุ่น พบว่าในปี 2561-2565 ฝุ่น PM 2.5 มีปริมาณสูงสุดในเดือน มี.ค. ก่อนจะลดปริมาณลง ในขณะที่ในปี 2566 ปริมาณฝุ่นยังคงเพิ่มสูงขึ้นจนแตะจุดสูงสุดในเดือน เม.ย. ก่อนจะค่อยลดปริมาณลง กล่าวคือช่วงเวลาที่ฝุ่นมีปริมาณสูงกินเวลายาวนานกว่าปีก่อนหน้า

แม้พื้นที่ทางภาคเหนือจะได้รับผลกระทบของฝุ่นในระดับที่สูงไล่เลี่ยกัน จากข้อมูลพบว่าหลายพื้นที่ในภาคเหนือมีแนวโน้มปริมาณฝุ่นลดลงในช่วงปี 2561-2565 และค่าฝุ่นกลับมามีค่าสูงขึ้นในปี 2566 สอดคล้องกับช่วงที่สถานการณ์โควิดมีความรุนแรง โดยพบว่าพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.น่าน มีค่าฝุ่นสูงสุดมากขึ้นกว่าปีก่อนหน้า 2-2.5 เท่า และมีช่วงเวลาที่ฝุ่นสูงลากยาวจนถึงเดือน เม.ย. ต่างจากพื้นที่แม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นจุดที่มีแนวโน้มค่าฝุ่นสูงขึ้นต่อเนื่องแทบจะทุกปี แม้แต่ในปีที่สถานการณ์โควิดมีความรุนแรง แต่สถานการณ์กลับมาดีขึ้นหลังเดือน มี.ค. ไวกว่าสถานการณ์ฝุ่นในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.น่าน


คนกรุงเทพฯ รับฝุ่น PM 2.5 เฉลี่ยประมาณสูบบุหรี่ 2 มวน/วัน

จากงานวิจัยโดยสถาบันวิจัยสภาพอากาศ Berkeley Earth มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ได้ประมาณการผลกระทบต่อสุขภาพ พบว่าการสูดอากาศที่มีความหนาแน่นฝุ่น 22 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เทียบเท่าได้กับการสูบบุหรี่ 1 มวน/วัน จากตัวเลขดังกล่าว ดร.พีรดล ประเมินว่า ม.ค.-เม.ย. ปี 2566 คนกรุงเทพฯ ที่ไม่มีผ้าปิดจมูกหรือป้องกัน จะได้รับฝุ่นโดยเฉลี่ยเทียบเท่าการสูบบุหรี่ 2 มวนต่อวัน ตลอดช่วงเวลาดังกล่าว

ดร.พีรดล สามะศิริ ผู้จัดการโครงการ Envi Link และนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลอาวุโส ฝ่ายบริการวิเคราะห์ข้อมูล สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน)
สำหรับพื้นที่เชียงใหม่ จากตัวเลขช่วง ม.ค.-เม.ย. ปี 2566 สามารถประเมินได้ว่าคนในพื้นที่ที่ไม่มีอุปกรณ์ป้องกัน ได้รับปริมาณฝุ่นเทียบเท่ากับการสูบบุหรี่ 2-4.5 มวนต่อวัน

ทั้งนี้ สำหรับพื้นที่ จ.น่าน และ จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งมีสถานการณ์ฝุ่นเพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อนอย่างน่าเป็นห่วง ตัวเลขเมื่อต้นปี 2566 ชี้ให้เห็นว่าคนในพื้นที่ที่ไม่ได้มีผ้าปิดจมูกหรือป้องกัน กำลังได้รับปริมาณฝุ่นสูงสุดที่ประมาณ 5.5-7.5 มวน ต่อวัน ในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. ซึ่งเป็นช่วงที่มีค่าฝุ่นสูงสุด


"บิ๊กดาต้า" สู่แนวทางแก้ไขปัญหาในพื้นที่ได้ชัดเจนมากขึ้น

ดร.พีรดล กล่าวถึงความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น ที่สามารถนำข้อมูลจากการรวบรวมและวิเคราะห์ของสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) นำไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ได้ในประเด็นของการพัฒนา เพราะข้อมูลจะทำให้เห็นปัญหาของปริมาณฝุ่นว่ามีความรุนแรงมากแค่ไหน และจากการร่วมประชุมกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็เริ่มออกแบบและบังคับใช้มาตรการเพื่อมุ่งแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด

บางพื้นที่มีการนำข้อมูลปริมาณฝุ่นที่ผ่านการวิเคราะห์แล้วไปหาถึงต้นกำเนิดของฝุ่น ซึ่งพบว่าฝุ่นส่วนหนึ่งมาจากการเผาไหม้ในพื้นที่เกษตรกรรม จึงมีการออกมาตรการควบคุมการเผาของเกษตรกร และมีมาตรการส่งเสริมเกษตรกรที่ไม่เผาวัชพืช หรือวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ให้ได้ราคารับซื้อผลผลิตที่สูงกว่าแปลงเกษตรที่มีการเผา

ขณะเดียวกัน สำหรับพื้นที่ที่มีไฟป่าซึ่งเป็นจุดกำเนิดฝุ่นอีกส่วนหนึ่ง ภาครัฐได้ผลักดันมาตรการเพื่อให้ชุมชนได้เข้ามามีส่วนร่วมกับการดูแลป่า หากชาวบ้านดูแลผืนป่าไม่ให้มีไฟไหม้ ก็สามารถที่จะมีรายได้จากคาร์บอนเครดิต ซึ่งบทบาทหนึ่งของสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ ก็จะทำหน้าที่ในการนำข้อมูลของประเด็นที่เกี่ยวข้อง ที่กระจายอยู่ในหลากหลายภาคส่วนมารวบรวม และบริการให้กับหน่วยงานและประชาชนที่สนใจได้นำไปใช้ประโยชน์ รวมถึงดำเนินการวิเคราะห์ในมุมมองที่ตอบความสนใจของประชาชนและผู้เกี่ยวข้อง สามารถเข้าไปสืบค้นได้แล้วที่ https://envilink.gbdi.cloud/


https://www.thairath.co.th/scoop/theissue/2751989

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 02-01-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยโพสต์


แพทย์พบสารแอมเฟตามีน 'กัปตันเรือ' สปีดโบ๊ท ชนเกาะไม้ท่อน



1 ม.ค. 2567 ? เภสัชกรสมสุข สัมพันธ์ประทีป รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงความคืบหน้าเหตุการณ์เรือสปีดโบ๊ท "อภิรักษ์ 89" นักท่องเที่ยวชาวรัสเซียเหมาลำไปเกาะพีพี และขากลับมาภูเก็ต ได้ชนหิน บริเวณเกาะไม้ท่อน อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ทำให้มีผู้บาดเจ็บ รวมทั้งสิ้นจำนวน 9 ราย เป็นนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียทั้งหมด 7 ราย และคนไทย 2 ราย คือ กัปตันเรือและช่างเครื่อง เข้าทำการรักษาตัว ใน 3 โรงพยาบาล ได้แก่ โรงพยาบาลดีบุก โรงพยาบาลฉลอง และโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2566 ในจำนวน 9 ราย มีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ราย เป็นเด็กชาวรัสเซีย อายุ 5 ปี ที่ รพ.วชิระภูเก็ต

"สปีดโบ๊ทลำดังกล่าว พุ่งเข้าชนโขดหินที่บริเวณเกาะไม้ท่อน ด้วยความเร็วค่อนข้างจะสูง ทำให้ผู้บาดเจ็บทั้งหมดเกิดแรงกระแทกอย่างรุนแรง ทำให้ผู้บาดเจ็บที่เข้ารักษาตัว ในโรงพยาบาล 3 แห่งนั้น ปัจจุบันต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตทั้งหมด เนื่องจากมีอาการสีแดงคือ ค่อนข้างจะอาการหนัก จำนวน 5 ราย ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยว 3 ราย และคนขับเรือและลูกเรือ" เภสัชกรสมสุข ระบุ

สำหรับกัปตันเรือชื่อ ณัฐรุจ วงศ์วิไล 41 ปี สัญญาณชีพยังปกติ ระบบของสมองกับไขสันหลังรอดูอาการ ส่วนใบหน้ามีบาดแผล หลายส่วน ทำให้ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ วันนี้ต้องเข้าห้องผ่าตัด

รายที่ 2 มาดามวิคตอเรีย ชาวรัสเซีย 45 ปี สัญญาณชีพดีแล้ว ให้ออกซิเจนสังเกตอาการ ส่วนเรื่องตับแตกให้รอการฟื้นฟู ส่วนกระดูกเชิงกรานให้พัก จะติดได้เองไม่ต้องเข้าห้องผ่าตัด

รายที่ 3 นายปรีชา สร้อยสน ลูกเรือหรือช่างเครื่อง รู้สึกตัวดี สัญญาณชีพปกติ ยังรอผลแอมเฟตามีน

ส่วนรายที่ 4, 5 และ 6 กลับบ้านได้

ขณะที่รายที่ 7 นายปาร์ค ปีเตอร์ รู้สึกตัวดีสัญญาณชีพปกติ มีลมรั่วในปอด 2 ข้าง มีเลือดอยู่นิดหน่อยในปอดข้างขวา ใส่ท่อระบายให้เรียบร้อยแล้วนอนพัก

รายที่ 8 เป็นเด็กอายุ 3 ขวบ รู้สึกตัวดีสัญญาณชีพปกติ แต่ยังงดน้ำ งดอาหารรอดูอาการทางศีรษะ ซึ่งเด็กร้องหิว รอสังเกตอาการกระแทกศีรษะ

รายที่ 9 เด็กอายุ 5 ปี ชาวรัสเซีย เสียชีวิต ฝากศพที่วชิระภูเก็ต รอชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตว่าเป็นการกระแทกศีรษะหรือหน้าอกกระแทก ซึ่งคงต้องหาสาเหตุในเชิงลึกเพื่อหาวิธีป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต

สรุป เสียชีวิต 1 ราย เป็นเด็กชาวรัสเซีย อายุ 5 ปี และมีผู้บาดเจ็บ 8 ราย โดยมีอาการสีแดงหรือสาหัส 5 ราย เป็นนักท่องเที่ยวรัสเซียและกัปตันเรือและลูกเรือ รักษาตัวที่ รพ.วชิระภูเก็ต ส่วนอีก 3 ราย เป็นนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย แพทย์ให้กลับบ้านแล้ว

ทั้งนี้ จากการตรวจสารเสพติดในผู้ขับเรือสปีดโบ๊ทลำดังกล่าว เท่าที่ได้รับรายงาน ตรวจเจอสารกลุ่มแอมเฟตามีนในร่างกายของกัปตันเรือ ซึ่งต้องยืนยันผลอีกครั้งหนึ่ง ส่วนลูกเรือมีการตรวจเช่นกัน แต่ผลตรวจยังไม่ออก.


https://www.thaipost.net/district-news/510845/

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 02-01-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ


โลกร้อน สัตว์เสี่ยงสูญพันธุ์ สิ่งมีชีวิตกว่าล้านชนิดถูกคุกคาม ............. โดย ปาริชาติ บุญเอก



ผลกระทบจาก "การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ" ไม่เพียงกระทบต่อการใช้ชีวิตของมนุษย์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงสัตว์หลายชนิดซึ่งเสี่ยงสูญพันธุ์ และกระทบความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งนับเป็นประเด็นเร่งด่วนและท้าทาย

สถิติต่าง ๆ ล้วนยืนยันว่า โลกของเรากำลังเข้าสู่ สภาวะโลกร้อน ที่รุนแรงมากขึ้น ขณะที่ความตกลงปารีสพยายามยับยั้งไม่ให้อุณหภูมิโลกสูงเกิน 1.5 องศาเซลเซียส จากระดับก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม แต่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา อุณหภูมิโลกได้เพิ่มไปกว่า 1.2 องศาเซลเซียสแล้ว สะท้อนถึงความรุนแรงของสถานการณ์ในปัจจุบัน


โลกร้อน กระทบสัตว์บก

ข้อมูลจาก มูลนิธิสืบนาคเสถียร เผยรายงานของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ซึ่งเป็นหน่วยงานของสหประชาชาติ คาดการณ์ความเสี่ยงสูญพันธุ์ของสัตว์บก ว่าหากอุณหภูมิโลกสูงขึ้น 1.5 องศาเซลเซียส อาจมีสัตว์บกเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์สูงถึง 14 % หากอุณหภูมิสูงขึ้นระดับ 2 องศาเซลเซียส ความเสี่ยงอยู่ที่ 18 % และความเสี่ยงเพิ่มขึ้นถึง 29 % หากโลกร้อนขึ้น 3 องศาเซลเซียส และเสี่ยงสูงถึง 39 % หากโลกร้อนขึ้น 4 องศาเซลเซียส และสูงถึง 48 % หากโลกร้อนขึ้น 5 องศาเซลเซียส


สัตว์ทะเล หนีร้อนไปพึ่งเย็น

ขณะเดียวกัน ในส่วนของสัตว์ทะเล กรีนพีซ ประเทศไทย เผยข้อมูลงานวิจัยที่ระบุว่า มหาสมุทรบริเวณรอบๆ เส้นศูนย์สูตรเริ่ม "ร้อน" เกินไปสำหรับสัตว์ทะเลหลายชนิด พวกมันจะไม่รอดหากอาศัยอยู่ในน้ำทะเลที่มีอุณหภูมิสูงเกินไป ซึ่งตัวการสำคัญของเหตุการณ์นี้คือ "ภาวะโลกร้อน" สภาพของโลกกำลังเปลี่ยนแปลง สัตว์หลายสายพันธุ์กำลังอพยพไปอาศัยอยู่ในบริเวณที่น้ำเย็นขึ้น ใกล้กับขั้วโลกมากขึ้น สถานการณ์นี้มีแนวโน้มว่าจะกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเลและวิถีชีวิตมนุษย์

ย้อนกลับไปเมื่อ 250 ล้านปีก่อนได้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น และในขณะนั้นมีสัตว์ทะเลกว่า 90 % จากสายพันธุ์ทั้งหมดตายลง จะเห็นว่า เมื่อมหาสมุทรอุ่นขึ้น สัตว์ทะเลจึงจำเป็นต้องอพยพเพื่อหาแหล่งที่อยู่อาศัยที่มีอุณหภูมิเหมาะสมกับการใช้ชีวิต พวกมันเริ่มย้ายขึ้นมาใกล้กับขั้วโลกมากขึ้นเรื่อยๆ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ทำให้จำนวนสัตว์ที่อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรลดลง


"หมีขั้วโลก-เพนกวิน" น่าห่วง

อีก ด้านของขั้วโลก ก็ถูกผลกระทบจากสภาวะโลกร้อนเช่นกัน รายงานขององค์กรอนุรักษ์ Polar Bears International เผยให้เห็นว่า "หมีขั้วโลก" ซึ่งต้องการ "แผ่นน้ำแข็ง" ที่สามารถเข้าถึงเหยื่อ แต่เมื่อน้ำแข็งในทะเลละลายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นตัวเร่ง หมีขั้วโลกจึงถูกบังคับให้ขึ้นบกโดยปราศจากอาหารและต้องอยู่รอดด้วยไขมันที่สะสมไว้ล่วงหน้า จนกระทั่งไขมันสะสมหมดสิ้น สิ่งนี้นำไปสู่การลดลงของประชากรในที่สุด นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า หมีขั้วโลก ส่วนใหญ่อาจสูญพันธุ์ได้ในช่วงปลายศตวรรษ เว้นแต่ภาวะโลกร้อนจะถูกจำกัดไว้

ทั้งนี้ ผลวิจัยที่เผยแพร่ผ่านวารสาร PLOS Biology ยังพบว่า แผ่นน้ำแข็งที่หายไป ส่งผลกระทบต่อเพนกวินจักรพรรดิ และ

เพนกวินอาเดลี ที่ต้องพึ่งพาน้ำแข็งในเดือน เม.ย.-ธ.ค. เพื่อสร้างรังสำหรับลูกน้อย หากน้ำแข็งละลายอย่างรวดเร็วหรือน้ำแข็งเกิดช้าในฤดูถัดไป เนื่องจากอุณหูมิสูงขึ้น เพนกวินอาจสืบพันธุ์ได้ยากลำบาก อีกทั้ง เพนกวินจักรพรรดิ เป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนไหวที่สุดในแอนตาร์กติกา ซึ่งสมมติฐานที่แย่ที่สุด ระบุว่า เพนกวินชนิดนี้อาจสูญพันธุ์ภายในปี 2100

และเมื่อไม่นานมานี้ มีการพบซาก "เพนกวินมาเจลลัน" กว่า 2,000 ตัว ถูกซัดมาเกยตื้นตายอยู่บริเวณชายหาดอุรุกวัย ในสภาพที่ซูบผอมผิดปกติ และจากการตรวจสอบพบว่ากว่า 90 % ของเพนกวินเหล่านั้น ไม่มีไขมันสำรองในร่างกายและไม่มีอาหารเหลืออยู่ในท้อง ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีเพนกวินตายเป็นจำนวนมาก แต่ปัญหานี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ในปี 2010 และอาจเป็นปัจจัยสำคัญทำให้ประชากรเพนกวินมาเจลลันมีจำนวนลดลง

รายงานจากบัญชีแดงของ IUCN ประเมินไว้ว่า มีเพนกวินมาเจลลันตายจากมลพิษน้ำมันไปแล้วถึง 20,000 ตัว นอกจากนี้ ยังมีปัญหาจากอุตสาหกรรมการประมงขนาดใหญ่ และปัญหาใหญ่ที่สุด คือ การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ เพราะนอกจากจะส่งผลให้ที่อยู่อาศัยของพวกมันเสียหายจากการโดนน้ำท่วมแล้ว ยังทำให้พวกมันไม่มีอาหารกินด้วย

ขณะเดียวกัน "พะยูน" ในแอฟริกาตะวันออก ยังลดลงเหลือน้อยกว่า 250 ตัว และมีน้อยกว่า 900 ตัว นิวแคลิโดเนีย ของฝรั่งเศส ด้าน "หอยเป๋าฮื้อ" ถูกจัดให้เป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์เป็นครั้งแรก โดยถูกจัดให้อยู่ในบัญชีสีแดง ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์อยูในระดับที่สอง ซึ่งนอกจากการที่ถูกชาวประมงงมเก็บโดยไม่มีการอนุรักษ์แล้ว การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ก็มีส่วนที่ทำให้เป๋าฮื้อตามธรรมชาติมีจำนวนลดลงด้วย

อนึ่ง บัญชีแดงไอยูซีเอ็น (IUCN หรือ International Union for Conservation of Nature Red List of Threatened Species) สถาบันหลักที่มีอำนาจในการระบุฐานะสถานภาพต่าง ๆ ของสปีชีส์พืชและสัตว์ทั่วโลก ระบุว่า สัตว์ป่าและพืชป่ามากกว่า 8,400 สายพันธุ์ อยู่ในสถานะกำลังใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง และอีกกว่า 30,000 สายพันธุ์ กำลังใกล้สูญพันธุ์หรือมีความเสี่ยงใกล้สูญพันธุ์ จากการประมาณการเหล่านี้ สรุปได้ว่า มีสิ่งมีชีวิตมากกว่า 1,000,000 ชนิดถูกคุกคามจากการสูญพันธุ์ และการสูญเสียแหล่งที่อยู่อาศัยและระบบนิเวศอย่างต่อเนื่อง จากฝีมือมนุษย์และภัยธรรมชาติ


https://www.bangkokbiznews.com/environment/1104711

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 02-01-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS


แผ่นดินไหวญี่ปุ่นพบตาย 4 คน ทางการลดระดับเตือนภัยสึนามิ

ทางการญี่ปุ่นลดระดับคำเตือนสึนามิ แต่ยังขอให้ประชาชนเฝ้าระวัง หลังเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงที่ จ.อิชิกาวะ เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิต 4 คน



วันนี้ (2 ม.ค.2567) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานความคืบหน้าเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 7.6 ศูนย์กลางในพื้นที่เขตโนโต จ.อิชิกาวะ ทางตอนกลางของญี่ปุ่น ห่างจากกรุงโตเกียว 526 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา

สำนักข่าวเกียวโด รายงานอ้างเจ้าหน้าที่ จ.อิชิกาวะ ว่ามีผู้เสียชีวิต 4 คน และโฆษกรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่าได้รับรายงานผู้บาดเจ็บที่ติดอยู่ใต้ซากอาคาร 6 คน แต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม

ขณะที่เวลา 01.15 น.วันนี้ (2 ม.ค.) กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นลดระดับประกาศเตือนภัยคลื่นสึนามิ เป็นขอให้เฝ้าระวังการเกิดคลื่นสึนามิในบริเวณพื้นที่ที่ได้ประกาศเตือนภัยไปก่อนหน้านี้ แต่ยังขอให้ประชาชนอย่าเข้าใกล้ชายฝั่งหรือปากแม่น้ำ จนกว่าจะมีประกาศยกเลิกสถานการณ์เตือนภัย

ก่อนหน้านี้หลังเกิดแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นประกาศเตือนภัยคลื่นสึนามิที่อาจสูง 3-5 เมตร ในหลายพื้นที่ทางตะวันตกของเกาะฮอนชู ทั้งที่ จ.อิชิคาวะ, โทยามะ, นีกาตะ, ฟูกูอิ, เฮียวโกะ และ จ.ยามากาตะ และประกาศเฝ้าระวังการเกิดคลื่นสึนามิที่ จ.ฮอกไกโด, อาโอโมริ, อะกิตะ, เกียวโต, ทตโตริ, ชิมาเนะ, ยามากูจิ, ฟูกูโอกะ, ซากะ และ จ.นางาซากิ

รวมถึงให้ระวังภัยคลื่นสึนามิและแผ่นดินไหวในจังหวัดใกล้เคียง ทั้งนี้มีรายงานเกิดสึนามิที่ท่าเรือเมืองวาจิมะ จ.อิชิกาวะ โดยคลื่นสูง 1.2 เมตรและมีรายงานคลื่นขนาดย่อมๆ ในอีกหลายจุด

เหตุแผ่นดินไหวสร้างความตื่นตกใจอย่างมากในวันขึ้นปีใหม่ ซึ่งมีผู้คนไปสักการะตามศาลเจ้าหลายแห่ง แรงสั่นสะเทือนทำให้ศาลเจ้าที่เมืองฮาคุอิ จ.อิชิกาวะ สั่นไหวอย่างชัดเจน โดยนับตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหวครั้งแรกเมื่อช่วงบ่าย ก็มีรายงานเกิดแรงสั่นสะเทือนตามมาแล้วราว 60 ครั้งตลอดช่วงเวลาหลายชั่วโมง

แรงสั่นสะเทือนทำให้ผู้คนที่จับจ่ายใช้สอยอยู่ตามห้างสรรพสินค้าต้องเกาะกลุ่มรวมกันท่ามกลางความตระหนก แม้แต่ในกรุงโตเกียวที่ห่างไปหลายร้อยกิโลเมตร สถานการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดคำสั่งอพยพ โดยประชาชนนับหมื่นคนต้องย้ายไปอาศัยที่ศูนย์พักพิงเพื่อความปลอดภัย

กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น ระบุว่า มีประชาชนประมาณ 1,000 คนต้องไปอาศัยในฐานทัพ และช่วงคืนที่ผ่านมาหลายพันคนไม่ได้กลับบ้าน ซึ่งทางการยังขอให้ประชาชนที่อพยพอยู่ที่ศูนย์อพยพจนกว่าสถานการณ์ต่างๆ จะคลี่คลาย

นอกจากนี้ บ้านเรือนราว 33,500 หลังรอบศูนย์กลางแผ่นดินไหวใน จ.โทยามะ, อิชิกาวะ และ จ.นีกาตะ ไม่มีไฟฟ้าใช้และยังพบเหตุขัดข้องเกี่ยวกับสัญญาณโทรศัพท์บางช่วง ถนนพังเสียหาย เช่นเดียวกับรถไฟความเร็วสูงชินคันเซนสาย Joetsu และ Hokuriku ยกเลิกการเดินรถทั้งหมดในพื้นที่ จ.อิชิกาวะ

ขณะเดียวกันแผ่นดินไหวครั้งนี้ยังส่งผลให้เกิดเพลิงไหม้ในเมืองวาจิมะ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถประเมินความเสียหายได้ และความพยายามเข้าดับเพลิงเผชิญอุุปสรรคจากเศษซากอาคารที่พังถล่มกีดขวางรถดับเพลิง


https://www.thaipbs.or.th/news/content/335529

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 20:00


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger