#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม 2564
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป บริเวณความกดอากาศสูงระลอกใหม่อีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบนและทะเลจีนใต้ตอนบนแล้ว คาดว่าจะแผ่ลงมาปกคลุมบริเวณภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนในวันนี้ (22 ตุลาคม 2564) ประกอบกับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น โดยมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ในระยะแรก และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ขอให้ประชาชนในบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่อาจจะเกิดขึ้น รวมถึงระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้ไว้ด้วย กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักและมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 22 ? 23 ต.ค. 64 บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนอีกระลอกหนึ่งจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองและมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ประกอบกับมีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดเข้ามาปกคลุมภาคใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น ส่วนในช่วงวันที่ 23 - 27 ต.ค. 64 บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ มีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนลดลง ในขณะที่ร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณภาคใต้ตอนกลาง ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง ข้อควรระวัง ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ สำหรับประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนขอให้ดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในระยะนี้ไว้ด้วย และระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 22 ? 23 ต.ค. 64
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก โพสต์ทูเดย์
เตือนอีก 20 ปีธารน้ำแข็งในแอฟริกาจะละลายหมด น้ำท่วมจะทวีความรุนแรง ภูเขาน้ำแข็ง 3 แห่งสุดท้ายในแอฟริกาอาจละลายหายไปภายใน 2 ทศวรรษ ผู้คนนับพันล้านต้องเผชิญกับภัยพิบัติที่รุนแรงยิ่งขึ้น Photo by Matthieu RONDEL / AFP องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) หน่วยงานด้านสภาพอากาศของสหประชาชาติ (UN) เตือนว่าปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศขณะนี้กำลังจะทำให้ภูเขาน้ำแข็ง 3 แห่งสุดท้ายในแอฟริกาละลายหายไปภายใน 20 ปีข้างหน้า รายงานจาก WMO ชี้ว่าการหดตัวอย่างรวดเร็วของธารน้ำแข็งแห่งสุดท้ายที่เหลืออยู่ในแอฟริกาตะวันออก ซึ่งคาดว่าจะละลายหายไปในอนาคตอันใกล้นี้ เป็นสัญญาณของภัยคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของโลกที่ไม่อาจย้อนกลับได้ นอกจากนี้ยังคาดว่าภายในปี 2030 จะมีผู้คนมากถึง 118 ล้านคนต้องเผชิญกับน้ำท่วม ภัยแล้ง หรืออุณหภูมิที่ร้อนระอุมากยิ่งขึ้น และอาจทำให้เศรษฐกิจของทวีปหดตัวลงถึง 3% ตลอดจนเผชิญกับความยากไร้หากไม่มีมาตรการรับมือที่เพียงพอ รายงานได้กล่าวถึงสถานการณ์ด้านภูมิอากาศในแอฟริกา โดยระบุว่าในปีที่แล้วแอฟริกาเผชิญกับอุณหภูมิที่ร้อนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ตลอดจนภัยพิบัติทางสภาพอากาศ อาทิ น้ำท่วม และภัยแล้ง เพิ่มความถี่และทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยในปีที่แล้วนอกเหนือจากความแห้งแล้งที่ทวีความรุนแรงขึ้นในทวีปที่ต้องพึ่งพาการเกษตรอย่างหนักแล้ว ยังมีน้ำท่วมอย่างกว้างขวางในแอฟริกาตะวันออกและแอฟริกาตะวันตก นอกจากนี้ในปี 2020 มีผู้คนประมาณ 1,200 ล้านคนต้องพลัดถิ่นเนื่องจากพายุและน้ำท่วม ขณะที่ชาติต่างๆ ในแอฟริกามีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวมกันไม่ถึง 4% ของก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก แต่ประชากรกว่าพันล้านคนต้องเผชิญกับวิกฤตน้ำท่วม ภัยแล้ง ที่รุนแรงและยาวนานขึ้น รวมถึงอุณหภูมิที่ร้อนขึ้นอย่างต่อเนื่อง เดวิด บีสลีย์ หัวหน้าโครงการอาหารโลกของสหประชาชาติ กล่าวว่า ทวีปแอปริกาคือพื้นที่ที่ไม่ได้มีส่วนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก แต่ตอนนี้พวกเขาเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักที่สุด https://www.posttoday.com/world/666096
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|