#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกเคลื่อนเข้าปกคลุมประเทศเมียนมา และภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย ประกอบกับบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้มีกำลังอ่อน ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนอง กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในระยะนี้ไว้ด้วย สำหรับลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมบริเวณอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้มีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคใต้ฝั่งตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนอีกระลอกหนึ่งได้แผ่ลงมาปกคลุมบริเวณประเทศจีนตอนใต้แล้ว คาดว่าจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ในวันพรุ่งนี้(19 ก.พ. 2565) ในขณะที่มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนจะมีลักษณะอากาศแปรปรวน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่งเกิดขึ้นได้ในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 17-18 ก.พ. 65 บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้ มีกำลังอ่อนลง ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง สำหรับลมตะวันออกยังคงพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่ง หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 19 - 23 ก.พ. 65 บริเวณความกดอากาศสูงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ส่งผลทำให้มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง ในระยะแรก หลังจากนั้น อุณหภูมิจะลดลง สำหรับภาคใต้ ลมตะวันออกยังคงพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ทำให้ภาคใต้มียังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 17 -18 ก.พ. 65 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทย ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสมที่จะเกิดขึ้นไว้ด้วย ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือและหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนในช่วงวันที่ 19 ? 21 ก.พ. 65 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบน ระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย ********************************************************************************************************************************************************* ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "อากาศแปรปรวนบริเวณประเทศไทยตอนบน (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 18-21 กุมภาพันธ์ 2565)" ฉบับที่ 1 ลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 ในช่วงวันที่ 18-21 กุมภาพันธ์ 2565 คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทย ประกอบกับในช่วงวันที่ 19 ? 21 กุมภาพันธ์ 2565 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ในขณะที่มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนจะมีลักษณะอากาศแปรปรวน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่งเกิดขึ้นในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง โดยภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิจะลดลง 4-6 องศาเซลเซียส ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตก รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
แหลมแม่พิมพ์ไม่รอด คราบน้ำมันสีดำโผล่ทั่วชายหาดแล้วหลังเกิดรอยรั่วใหม่ท่อใต้ทะเล SPRC ระยอง - คราบน้ำมันสีดำโผล่ทั่วหาดแหลมแม่พิมพ์ อ.แกลง จ.ระยอง แล้ว หลังพบรอยรั่วใหม่เพิ่มอีกจุดบริเวณท่อใต้ทะเล SPRC ซึ่งในครั้งนี้มีกลิ่นเหม็นร่วมด้วย ด้านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเร่งลงพื้นที่ตรวจสอบ จากกรณีที่บริษัทสตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นหนังสือลงวันที่ 15 ก.พ.65 ถึงสถานีตำรวจมาบตาพุด จ.ระยอง เพื่อแจ้งเรื่องขอปฏิบัติงานพันท่อป้องกันการรั่วไหลของน้ำมัน โดยแนบหนังสือขั้นตอนหยุดการซึมของน้ำมันและพันปิดรอยรั่วที่ท่ออ่อนใต้ทะเล หลังพบความเสียหายของท่อส่งน้ำมันใต้ทะเลอีกจุดเป็นจุดที่ 2 ซึ่งอยู่ด้านบนของจุดที่ 1 และยังพบว่ามีน้ำมันรั่วไหลออกมาเป็นครั้งคราว และหากมีน้ำมันค้างอยู่ในท่ออ่อนก็มีความเสี่ยงที่น้ำมันจะรั่วไหลออกมาเมื่อเกิดคลื่นลมรุนแรง หรือในระหว่างถอดท่อที่เสียหายนั้น ล่าสุด เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (17 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายคเชนท์ แจ่มใส นายกเทศมนตรีตำบลสุนทรภู่ ต.กร่ำ อ.แกลง จ.ระยอง ได้นำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณชายหาดแหลมแม่พิมพ์ หลังได้รับแจ้งว่า พบผงสีดำถูกคลื่นพัดเข้าชายหาดปะปนกับทรายจนกลายเป็นคราบสีดำเกาะอยู่กับผืนทรายเป็นทางยาว ประมาณ 500 เมตร นายมนัส สิมชาติ อายุ 55 ปี ประธานชมรมล้อเลื่อนหาดแหลมแม่พิมพ์ บอกว่า เพิ่งพบคราบน้ำมันสีดำถูกคลื่นพัดเกยชายหาดในวันนี้ และหลังจากที่ได้ใช้มือกำทรายพบว่ามีคราบสีดำเกาะติดอยู่จำนวนมาก เมื่อนำมาดมปรากฏว่ามีกลิ่นฉุนคล้ายกลิ่นน้ำมัน "เมื่อลองขยี้ดูปรากฏว่า ผงสีดำมีความลื่นและเหนียวติดมือ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำตัวอย่างไปตรวจสอบ และเร่งเก็บคราบดังกล่าวออกจากชายหาดก่อนที่น้ำทะเลจะพัดกลับคืนทะเลอีกครั้ง" ประธานชมรมล้อเลื่อนหาดแหลมแม่พิมพ์ กล่าว เช่นเดียวกับ นายคเชนท์ แจ่มใส นายกเทศมนตรีตำบลสุนทรภู่ เผยว่า หลังจากตรวจสอบตลอดแนวชายหาดพบคราบสีดำเกิดขึ้นจริงแต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นคราบอะไร เนื่องจากคราบในลักษณะนี้ไม่เคยปรากฏบนชายหาดแหลมแม่พิมพ์มาก่อน เบื้องต้น จึงได้รายงานให้ น.ส.กานต์จรัส เอียดทองใส นายอำเภอแกลง รับทราบ ก่อนประสานเจ้าหน้าที่ลงเก็บตัวอย่างคราบสีดำส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ และเตรียมเกณฑ์เจ้าหน้าที่ลงเก็บและกำจัดคราบออกจากชายหาดต่อไป https://mgronline.com/local/detail/9650000016326 ********************************************************************************************************************************************************* กรมอุทยานฯ เอาจริง ขับรถชนช้างป่า ฝ่าฝืนป้ายเตือนเจอคุก 10 ปี ปรับ 1 ล้าน กาญจนบุรี - กรมอุทยานฯ เอาจริง ขับรถชนช้างป่าฝ่าฝืนป้ายเตือนเจอคุก 10 ปี ปรับ 1 ล้าน หลังเกิดกรณี รถยนต์พุ่งชนช้างป่าสลักพระบนท้องถนนสาย 3199 กาญจนบุรี-ศรีสวัสดิ์ เสียชีวิต 1 ตัวและบาดเจ็บ 1 ตัว จากกรณีเกิดอุบัติเหตุรถยนต์พุ่งชนช้างป่าสลักพระ บนถนนสาย 3199 กาญจนบุรี-ศรีสวัสดิ์ เป็นเหตุทำให้ช้างป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระเสียชีวิต 1 ตัว และบาดเจ็บ 1 ตัว ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น ล่าสุด วันนี้ (17 ก.พ.) นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำเนินการยกระดับแก้ไขปัญหาช้างป่า ในกรณีช้างป่าถูกรถยนต์ชน ทำให้เกิดการบาดเจ็บทั้งคน และช้างป่าในเส้นทางถนนหมายเลข 1399 ต.วังด้ง ต.ช่องสะเดา อ.เมือง จ.กาญจนบุรี วันนี้ ตนเองพร้อมด้วยนายสิขกพงษ์ กระแจะจันทร์ ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า ได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามความคืบหน้าการติดป้ายประกาศเตือน ป้ายที่นำมาติดตั้งระบุข้อความเอาไว้ว่า "ระวังช้างป่าข้ามถนน ขับรถชนช้างป่ามีโทษจำคุกและปรับ" "โปรดระวังช้างป่า ห้ามขับรถเร็วเกิน 60 กม./ชม." ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการติดตั้งป้ายตั้งแต่ ต.วังด้ง ไปจนถึง ต.ช่องสะเดา ผู้ใช้รถใช้ถนนจะมองเห็นทั้งขาไปและกลับ เป็นระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร มีป้ายทั้งหมด จำนวน 35 ป้าย การติดตามความคืบหน้าในครั้งมีนายไพฑูรย์ อินทรบุตร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ เป็นผู้นำในการตรวจสอบ นายนิพนธ์ กล่าวว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการติดตั้งป้ายดังกล่าวแล้วเสร็จ หลังจากนี้ขอฝากเตือนไปถึงผู้ที่ใช้รถใช้ถนนตามเส้นทางถนนสาย 3199 ที่อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ เริ่มตั้งแต่ ต.วังด้ง ถึง ต.ช่องสะเดา อ.เมือง จ.กาญจนบุรี จะต้องขับไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เนื่องจากอาจจะมีช้างป่าออกมาข้ามถนนในบริเวณดังกล่าวได้ตลอดเวลาโดยเฉพาะในเวลาเช้า และยามค่ำคืน หากยังฝ่าฝืนขับด้วยความเร็วแล้วเกิดอุบัติเหตุไปชนช้างป่าที่กำลังข้ามถนนทำให้ช้างได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตขึ้นมาอีก จะถูกดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดชนช้างป่าในทุกกรณีทันทีไม่มีข้อยกเว้น ตามมาตรา 12 พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า 2562 ฐานกระทำอันตรายด้วยประการใดๆ โดยการขับขี่รถชนช้างป่าได้รับอันตรายบาดเจ็บหรือตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และต้องชดใช้ค่าเสียหายตามมูลค่าของช้างป่าแต่ละตัวที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตเป็นเงินจำนวนหลายแสนบาท และไม่ว่าจะเป็นการจงใจหรือประมาทเลินเล่อก็ตาม จะต้องมีความผิดตามมาตรา 87 มาตรา 88 พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 อีกด้วย นายนิพนธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หากผู้ใดขับรถชนช้างป่าแล้วหลบหนีจะมีโทษตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 78 ผู้ใดขับรถในทางซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล หรือทรัพย์สิน จะต้องหยุดรถเพื่อให้ความช่วยเหลือพร้อมทั้งแสดงตัว และแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่อยู่ใกล้เคียงทันที ไม่ว่าจะเป็นความผิดของคนขับเองหรือไม่ก็ตาม ถ้าไม่ดำเนินการจะต้องถูกระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับตั้งแต่ 2,000-10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับอีกกระทงหนึ่งด้วย การดำเนินการติดป้ายเตือนให้ระวังช้างป่าตลอดสองข้างทางจำนวนหลายป้าย และเอาผิดกับผู้ขับรถยนต์ชนช้างป่าในครั้งนี้คาดว่าน่าจะช่วยแก้ไขปัญหาการเกิดอุบัติเหตุรถยนต์พุ่งชนช้างป่า ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระได้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งได้มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนบริเวณดังกล่าวได้รับทราบแล้วตามสื่อออนไลน์ https://mgronline.com/local/detail/9650000016151 ********************************************************************************************************************************************************* ความจริงอีกด้าน! โลมาแสนน่ารัก ที่แท้แล้วเป็นจอมหื่น? โลกโซเชียลแชร์คลิปโลมาทำท่าคล้ายจะปล้ำมนุษย์ผู้หญิง ขณะที่กำลังโชว์ให้อาหารโลมา ทำให้หลายๆ คนช็อกไม่น้อยที่สัตว์น่ารักแสนรู้และมีใบหน้าที่คล้ายกับยิ้มอยู่ตลอดเวลาอย่างโลมามีพฤติกรรมแปลกๆ เช่นนี้ ทั้งนี้เมื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมและสำรวจข่าวเก่าดูกลับพบว่า พฤติกรรมเช่นนี้ของโลมาไม่ใช่ครั้งแรก แต่เป็นข่าวให้ได้ยินมาหลายครั้งแล้ว อาทิ ที่แคว้นเบรอตาญ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศฝรั่งเศส ได้ประกาศห้ามนักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำ หลังจากโลมาตัวหนึ่งแสดงพฤติกรรมเข้าข่ายลวนลามทางเพศ และสร้างความปั่นป่วนไปทั่วทั้งเมือง ในข่าวยังได้ระบุว่า โลมาเป็นหนึ่งในสัตว์ไม่กี่ชนิดที่มีความคล้ายคลึงกับมนุุษย์ โดยเฉพาะด้านพฤติกรรมทางเพศ เพราะโลมาไม่ได้มีเพศสัมพันธ์เพื่อขยายเผ่าพันธุ์เท่านั้น แต่ยังทำเพื่อความพึงพอใจ ซึ่งมีหลักฐานการบันทึกพฤติกรรมเข้าข่ายหื่นของโลมาผ่านคลิปวิดีโอจำนวนมาก รวมถึงคลิปที่โลมาเพศผู้ตัวหนึ่งสอดใส่อวัยวะเพศเข้าไปในซากปลาหัวขาด อีกทั้งยังมีรายงานจากนักดำน้ำอยู่บ่อยครั้งว่า พวกเขามักโดนโลมาเข้ามาทำท่าหื่นใส่บ่อยๆ โดยพวกมันมักเอาตัวและอวัยวะเพศเข้ามาถูกับมนุษย์ โดยไม่เลือกว่าเป็นชายหรือหญิง นอกจากความหื่นแล้ว ยังมีข้อมูลจากสารคดีที่ถ่ายทำจากใต้ท้องทะเลพบว่า พวกโลมายังสามารถใช้พิษจากปลาปักเป้าในการทำให้ตัวเองเมาได้ ด้วยการขบปลาปักเป้าเบาๆ เพื่อรับพิษที่มีผลต่อระบบประสาทเข้ามาในปริมาณที่ไม่มากเกิน พอให้มึนเมาได้ นับเป็นความฉลาดแสนรู้ของโลมาในอีกแบบหนึ่ง ที่อาจลบภาพน่ารักๆ ของโลมาในสวนสัตว์ที่เราคุ้นเคยกันไปเลย https://mgronline.com/travel/detail/9650000016338
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายน้ำ : 18-02-2022 เมื่อ 03:41 |
|
|