#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ในขณะที่ลมตะวันตกในระดับบนพัดพาความหนาวเย็นจากเทือกเขาหิมาลัยผ่านประเทศเมียนมาเข้ามาปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้ภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนลมตะวันออกกำลังอ่อนยังคงพัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทย ทำให้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังอ่อน อนึ่ง ในช่วงวันที่ 1-4 มี.ค. 64 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ประกอบกับมีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ รวมถึงฟ้าผ่า โดยจะเริ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออกก่อน ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะได้รับผลกระทบในวันถัดไป จึงขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อน กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 28 ก.พ. - 5 มี.ค. 64 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ประกอบกับมีลมตะวันออกเฉียงใต้และลมใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อน ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกเกิดขึ้น สำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้นทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 1 - 5 มี.ค. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณาและสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก BBCThai
กระแสน้ำอุ่น "กัลฟ์สตรีม" อ่อนกำลังที่สุดในรอบพันปี ชี้เข้าใกล้จุดวิกฤตหยุดไหลถาวรหลังสิ้นศตวรรษนี้ แบบจำลองกระแสน้ำ AMOC หรือกระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีมในมหาสมุทรแอตแลนติก รายงานวิจัยล่าสุด 2 ฉบับ ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Geoscience และ PNAS ระบุว่ากระแสน้ำ Atlantic Meridional Overturning Circulation (AMOC) หรือกระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม ซึ่งเป็นสายธารหลักสายหนึ่งของโลกในมหาสมุทรแอตแลนติก ขณะนี้อ่อนกำลังลงถึงระดับต่ำสุดในรอบกว่าหนึ่งพันปี ทั้งยังเสี่ยงเข้าใกล้จุดวิกฤตที่จะทำให้มันหยุดไหลเวียนอย่างถาวรเร็วขึ้น ซึ่งอาจเป็นภายในช่วงสิ้นศตวรรษนี้ ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกนของเดนมาร์ก และสถาบันพอตสดัมเพื่อการวิจัยผลกระทบทางภูมิอากาศของเยอรมนี ชี้ว่ากระแสน้ำดังกล่าวซึ่งเป็น "สายพานลำเลียง" อากาศอบอุ่น แร่ธาตุ และสารอาหารต่าง ๆ จากเขตร้อนบริเวณอ่าวเม็กซิโกไปยังยุโรปตะวันตก กำลังเคลื่อนตัวช้าลงไปอีกในอัตราการชะลอความเร็วสูงกว่าที่เคยคาดกันไว้ บรรดานักวิทยาศาสตร์หวั่นเกรงกันว่า สภาพการณ์ดังกล่าวจะไปถึงจุดวิกฤต (tipping point) ภายในปี 2100 ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นแล้วจะไม่สามารถแก้ไขให้กระแสน้ำกลับมาไหลเวียนดังเดิมได้ ภาพแสดงทิศทางของกระแสน้ำสายต่าง ๆ ในซีกโลกเหนือ ซึ่งไหลเวียนอยู่ที่ส่วนบนของมหาสมุทร การที่กระแสน้ำอุ่น AMOC ไหลช้าลงนั้น เป็นผลมาจากภาวะโลกร้อนที่เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก โดยอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นและการละลายของแผ่นน้ำแข็งที่กรีนแลนด์ ทำให้น้ำจืดปริมาณมหาศาลลงสู่มหาสมุทร รบกวนการไหลเวียนของกระแสน้ำที่ขับเคลื่อนด้วยแรงดันเกลือ ส่งผลให้กระแสน้ำอ่อนแรงและไหลช้าลง จนเป็นเหตุให้อุณหภูมิของผิวน้ำและมวลอากาศข้างบนเย็นตัวได้ หากภาวะโลกร้อนยังคงดำเนินต่อไปโดยไม่หยุดยั้งในอัตราที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน กระแสน้ำอุ่น AMOC จะยิ่งอ่อนกำลังลงไปอีก 34% - 45% ในช่วงสิ้นศตวรรษนี้ และอาจหยุดนิ่งไปอย่างถาวรในช่วงของศตวรรษถัดไป ภูมิอากาศของยุโรปจะหนาวเย็นลงอีก หากกระแสน้ำอุ่นในมหาสมุทรหยุดไหลเวียน เหมือนที่กรีซเผชิญเหตุหิมะตกหนักผิดปกติในปีนี้ กระแสน้ำอุ่นที่ไหลช้าจนหยุดนิ่งและเย็นตัวลง จะทำให้ภูมิภาคยุโรปเผชิญอากาศหนาวเหน็บและความแห้งแล้ง รวมทั้งคลื่นความร้อนที่รุนแรงยิ่งกว่าเดิม ส่วนชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ ด้านที่ติดกับมหาสมุทรแอตแลนติก จะมีน้ำทะเลหนุนสูงรวมทั้งเกิดพายุใหญ่ที่รุนแรงบ่อยครั้งขึ้น นอกจากนี้ การที่กระแสน้ำอุ่นซึ่งนำพาแร่ธาตุและสารอาหารจากเขตร้อนไปสู่ซีกโลกเหนือหยุดนิ่ง จะทำให้เกิดหายนะต่อระบบนิเวศและสิ่งมีชีวิตในมหาสมุทรแอตแลนติกอย่างใหญ่หลวงติดตามมาด้วย https://www.bbc.com/thai/international-56215058
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|