#1
|
|||
|
|||
ดอกไม้ริมทาง
ข้อคิดจากดอกไม้ริมทาง
คนนิยมตัดดอกไม้มาจัดวางในแจกันให้ดูสวยงาม จัดเป็นช่อให้กับคนที่รัก หรือมอบให้ในโอกาสพิเศษ เช่นรับปริญญา เลื่อนตำแหน่ง และนำมาไหว้พระ น่าดีใจแทนดอกไม้ที่ได้รับโอกาสเช่นนี้ แต่หากมีใครถูกเปรียบเทียบเป็นดอกไม้ริมทาง ก็คงจะไม่ยินดีนัก เพราะจะไม่เป็นที่สนใจแก่ผู้คนที่ผ่านไปมา ไม่มีความหมายในสายตาของคนทั่วไป เราลองมาคิดกันว่าดอกไม้ริมทางมีข้อเสียหายอย่างไร ดอกไม้ที่เกิดตามธรรมชาติ มีวิถีชีวิตของตนเอง บ้างก็ผลิบานในหน้าร้อน หน้าฝน หน้าหนาว บนยอดเขาที่สูงเทียมเมฆ หรือที่ชายน้ำต่ำเตี้ยเรี่ยดิน แม้แต่ใต้น้ำอย่าง ดอกบัวก็ผลิดอกออกมาให้สวยงามต่างๆ กัน มีชีวิตอยู่โดยไม่ออกไปเบียดเบียนชีวิตใคร ไม่เคยเลือกจะกินหูฉลามน้ำแดง หรือตับห่านเลิศรส ไม่ขับถ่ายของเสียหรือทิ้งขยะสารพิษให้แม่น้ำลำคลอง เน่าเสีย ไม่เคยโลภคิดจะสร้างตึกใหญ่ๆ หรือหารถยนต์ไว้สะสมเป็นของตัวเองหลายๆคัน ไม่เคยสร้างควันพิษออกมาให้สิ่งมีชีวิตร่วมโลกต้องเดือดร้อน ไม่เคยเข่นฆ่าแย่งกันเป็นใหญ่ในสนามรบ หรือแม้แต่ชกต่อยกันในสภาให้เป็นที่เสื่อมเสีย อับอายกันในหมู่ดอกไม้ข้างทางเลย จะเป็นศีล 5 ศีล 8 หรือบัญญัติ 10 ประการ ก็ไม่เคยเห็นดอกหญ้าริมทาง หรือดอกบัวในบึงจะเคยละเมิดสักข้อ ความสวยงามที่ดอกไม้มอบให้กับโลกก็เป็นความงาม ตามสีสันสดใสที่ติดตัวมา ไม่เคยต้องเสริมจมูก เสริมอก ต่อผมยาว ตัดผมสั้น ย้อมขาวให้ดำ ย้อมดำให้แดง นำเอาสารเคมีมาใส่ตัว ที่หอมก็หอมธรรมชาติ ที่ไม่หอมต้องกิเลศคนก็ไม่บ่นไม่ว่า มีชีวิตอย่างเบิกบานรับวันใหม่ไปทุกๆวัน ไม่เห็นจะเศร้าสร้อยบ่นอยากฆ่าตัวตาย ดอกไม้ยังเสียสละตนเองมอบน้ำหวานให้สัตว์โลกได้ดื่มกิน ดำรงชีวิตด้วยคุณความดีโดยไม่ต้องรอให้ใครมาสั่งสอน อบรมเรื่องความเสียสละ หรือเรื่องคุณธรรม สละตนให้สัตว์โลกนำมาเป็นอาหารบ้าง เป็นยาบ้าง นำมาประดับตกแต่ง มอบให้แก่กันและกัน หรือนำมาไหว้พระ แม้กระทั่งวันสุดท้ายที่จะต้องจากไป ก็เสียสละตนสร้างความอุดมสมบูรณ์แก่แผ่นดินโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนอะไร ที่ฝากไว้ให้กับแผ่นดินก็คือเมล็ดพันธ์ที่จะมาทำหน้าที่เสียสละแก่โลกนี้รุ่นแล้วรุ่นเล่า ไม่เคยบริจาคออกทีวีช่องไหนสักช่อง วันนี้ ลองถามตัวเองว่า เราได้ทำคุณความดี อะไรให้กับโลกนี้บ้างหรือยัง ก่อนที่ทุกคนจะต้องจากโลกนี้ไปเช่นเดียวกับดอกไม้ริมทางทั้งที่อาจยังไม่มีโอกาสได้ทำความดีเท่าดอกไม้ริมทางเลย แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย nudie : 27-06-2009 เมื่อ 15:53 |
#2
|
|||
|
|||
ผึ้ง หรือแมลงวัน
คนบนโลกนี้ มีหลายแบบ บางคนก็รักแต่ตัวเอง แต่ไม่รู้จักรักคนอื่น บางคน รักตัวเอง และก็รู้จักรัก เสียสละให้คนอื่นบ้าง บางคนนอกจากจะรักคนอื่นไม่เป็นแล้ว ยังรักตัวเองไม่เป็น เมื่อผิดหวังจากสิ่งที่ไม่มีแก่นสารในชีวิต ก็พร้อมที่จะทำร้ายตนเอง และคนที่รัก หวังดีกับตน หากสอบถามคนสักสิบสักร้อยคนให้เลือกระหว่าง จะให้เลือกเป็นผึ้งหรือเป็นแมลงวัน คนส่วนใหญ่คงเลือกจะเป็นผึ้ง มากกว่าเป็นแมลงวัน เพราะผึ้งทำงานอยู่กับดอกไม้ ที่คนเห็นว่าเป็นสิ่งสวยงาม แต่ในความจริง ผึ้งทำหน้าที่เก็บน้ำหวานจากดอกไม้เป็นระยะทางไกลๆ มาเก็บรวบรวมไว้เป็นน้ำผึ้ง แม้ว่าจะมีคนหรือสัตว์มาขโมยน้ำผึ้งไป และในหลายต่อหลายครั้งนอกจากถูกขโมยน้ำผึ้ง แย่งตีเอารังแล้ว ผึ้งยังต้องถูกทำร้าย แต่ผึ้งก็ไม่เคยย่อท้อ ลงมือสร้างรังใหม่ เก็บรวบรวมน้ำหวานจากดอกไม้มาสร้างน้ำผึ้งอีก แต่หากคนคิดจะทำความดี แล้วไม่ได้รับการสรรเสริญโดยทันที หรือเกรงว่าอาจถูกแย่งความดีไป เหมือนที่ผึ้งถูกขโมยน้ำผึ้ง เปรียบเป็นการปิดทองหลังองค์พระ ก็จะท้อและเลิกทำความดี คงไม่มีใครอยากเป็นแมลงวันเพราะหากินเกลือกกลั้วอยู่ในอาจมและสิ่งเน่าเหม็นตลอดเวลา ทั้งที่แสนจะสบาย ไม่ค่อยจะมีใครคิดจะแย่งของเน่าเหม็นไปจากแมลงวัน และไม่ต้องออกไปหากินไกลๆ ให้ลำบาก เฝ้าอยู่แค่ในกองอาจมก็อิ่มเอมได้ทุกวัน การเป็นแมลงวันจึงง่ายสบายกว่าเป็นผึ้ง แต่คนส่วนใหญ่คงเลือกอยากเป็นผึ้งมากกว่า เพราะดูดีมีสกุลกว่า บอกใครๆก็ยินดี ในชีวิตจริง จะมีสักกี่คนที่ยอมทำความดี เพื่อให้คนอื่นมาชุบมือเปิบ หรือทำความดีแล้วไม่ได้หน้าทันที แบบปิดทองข้างหลังองค์พระ เป็นการยากที่จะให้คนที่อ้างว่ารักตัวเอง รักครอบครัว หยุดทำร้ายตัวเองและทำร้ายคนที่รักโดยการเลิกเหล้า เลิกบุหรี่ เลิกเล่นหวย การพนัน เลิกเอาเปรียบเพื่อนมนุษย์ หรือทำร้ายธรรมชาติ เป็นพฤติกรรมที่เหมือนแมลงวันตอมอาจม แม้จะเห็นเพลิงไหม้สถานบันเทิงจนมีคนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ก็ไม่มีใครจะกลัว อีกไม่นานก็กลับไปอีก แต่การเข้าวัด เข้าโบสถ์เพื่อรับฟังข้อคิดดีๆ และคำสอนของศาสดาในศาสนาต่างๆ ที่มีคุณค่าสำหรับชีวิต กลับไม่ค่อยมีใครอยากไป หมายความว่าสิ่งที่ศาสดาทุกศาสนาสอน กลับมีคนสนใจรับฟังและนำไปประพฤติปฏิบัติน้อยกว่าคำโฆษณาของเจ้ามือบ่อน เจ้ามือหวยและบริษัทขายเหล้าเสียอีก หากเป็นจริงก็หมายความว่าคนที่คนส่วนใหญ่บอกว่าชอบผึ้งมากกว่าแมลงวัน แต่ในชีวิตจริงกลับทำตัวเหมือนแมลงวันที่หากินในอาจม แล้ววันนี้เราจะเลือกใช้ชีวิตแบบผึ้งหรือแมลงวัน แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย nudie : 27-06-2009 เมื่อ 15:59 |
#3
|
|||
|
|||
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย nudie : 26-06-2009 เมื่อ 12:30 |
#4
|
|||
|
|||
สุขุมวิท อัมพวา ลงเรือลำเดียวกันเดียว
อัมพวา พ.ศ. ๒๕๕๒ ในวันเสาร์อาทิตย์ มีนักท่องเที่ยวมาชมความงามของสายน้ำกันล้นหลาม แออัด ยัดทะนาน บนสะพาน ผู้คนไหลไปมาเหมือนสายน้ำใต้สะพาน ยามน้ำขึ้นท้นฝั่งไหลบ่าฝ่าทุกสิ่งที่ขวางกั้น เรือหางยาววิ่งกันจนกระเพื่อมไปทั้งลำน้ำ เสียงเพลงใสเย็นของวงสุนทราภรณ์ สลับกับคาราโอเกะที่เสียงดนตรี กับเสียงร้องต่างฝ่ายต่างวิ่งเป็นคู่ขนานคู่ที่ ๔ บ้างคู่ ๗ บ้าง แฟลตบ้าง ฟังดูโหยหวน เหมือนสายน้ำยามลมกรรโชค ดูน่าตื่นเต้นเร้าใจ ทิ้งกองขยะไว้ให้ดูต่างหน้าเต็มข้างทาง เป็นการผจญภัยในตอนบ่ายของวันหยุดอย่างแท้จริง เมื่อแดดคล้อย เรือบางส่วนที่แอบนิ่งใต้สะพานเริ่มออกวิ่งรวมพลังเสียงก้องท้องน้ำร่วมกับเรือหางยาวที่วิ่งตีฟองให้ออกซิเจนในน้ำ แถมควันพิษในอากาศ มาตลอดวัน การต้อนคนไปเผชิญหน้ากับหิ่งห้อยเริ่มเปิดฉากขึ้น เสียงเรือประสานกับเสียงคลื่นส่งสัญญาณให้หิ่งห้อยกล้าตายออกมาเต้นร๊อค ให้เป็นขวัญตาของกลุ่มชะโงกทัวร์ ได้ถ่ายรูป ชูนิ้วแสดงพลังแห่งชัยชนะ ว่าเราคือผู้พิชิตสายน้ำรายวันของแท้ต้องมีรูปเป็นหลักฐาน แล้วค่อยโบกมือลา ปล่อยให้เจ้าของต้นลำพูได้มีเวลาไตร่ตรองว่าจะตัดต้นลำพูทิ้งดี หรือจะขายบ้านทิ้งไปตายเอาดาบหน้าดี สุขุมวิท พ.ศ. ๒๕๕๒ วันที่จราจรหนาแน่นอาทิตย์ละ ๘ วัน เครนยักษ์ยังแบกยกวัสดุก่อสร้างวันแล้ว วันเล่า เพื่อเพิ่มความสูงให้กับตึกสูงเสียดฟ้าเพื่อทำลายสถิติใหม่ๆ ทุกวัน ไม่ว่าวันฟองสบู่ลอยฟ่องเต็มฟ้า หรือวันที่ฟองสบู่เหนื่อยหน่าย แกล้งทำแตกประชดโลกสักใบสองใบพอให้เซียนหุ้นออกมาสำแดงฝีมือทำนายทายทักแบบ แทงไฮโลเปิดฝา วันไหนที่เครนยักษ์เกิดเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าก็แกล้งทำของหลุดมือลงมาให้ชาวสุขุมวิทที่ขายที่ไม่ทัน หรือยังไม่อยากจะขายที่ได้ตื่นเต้นพอให้หัวใจได้สูบฉีดแก้เหงาไปตามประสาคนรวยมีทุกข์ วันที่เสาเข็มมาลงใกล้บ้านก็ไม่ต้องเปิดสเตริโอฟังเพลงให้เปลืองไฟ เพราะจังหวะตอกเสาเข็มจะมาพร้อมกับฝุ่น ผง เถ้าธุลีให้บรรลุสัจธรรมแบบโฮมดิลิเวอรี่ว่า อันคนเรานี้ มาจากดิน ก็ต้องกลับเป็นดิน มารไม่มีบารมีไม่เกิด เมื่อบารมีแก่กล้าพอแล้ว ค่อยหันมาเผชิญกับความจริงบนท้องถนนว่า ไม่ว่าฝนจะตก หรือไม่ น้ำจะท่วมหรือยัง รถบนถนนสายนี้ก็ติดถึงขีดสุดเท่าที่มนุษย์ พ.ศ. นี้จะมีความสามารถทำได้แล้ว คงต้องมาช่วยกันคิดแบบนอกกรอบแบบว่าจะตัดสินใจขายบ้านที่อัมพวา แล้วย้ายมาสุขุมวิทดี หรือขายบ้านที่สุขุมวิท ใว้สร้างคอนโด แล้วค่อยย้ายไปอยู่อัมพวาจะดีกว่า หรือจะทนกันไปเพื่อทดสอบทฤษฏีวิวัฒนาการว่า ผู้แข็งแรงและอดทนกว่าเท่านั้นที่จะเป็นผู้อยู่รอด แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย nudie : 27-06-2009 เมื่อ 16:05 |
#5
|
||||
|
||||
This great quote, may i copy to post another place too na...^_^
__________________
Humanlity Come From Understanding The Obsracles Infront Of You Never Going To Go Aways |
#6
|
|||
|
|||
คุณ Base ครับ
ผมจัดพิมพ์ เป็นหนังสือเล่มเล็กๆ แทรกรูป เพื่อส่งให้ห้องสมุดต่างๆ หากเห็นว่าเป็นประโยชน์ กรุณาแจ้งที่อยู่ แล้วจะส่งไปให้ ยินดีให้เผยแพร่ครับ เป็นการแบ่งปันข้อคิดกัน แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย nudie : 02-07-2009 เมื่อ 08:28 |
|
|