#1
|
||||
|
||||
ปะการังวิกฤติ น้ำทะเลร้อน 'หอยมือเสือ' ฟอกขาว
ปะการังวิกฤติ น้ำทะเลร้อน 'หอยมือเสือ' ฟอกขาว ภาวะโลกร้อนส่งผลให้อุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้นทำแนวปะการังวิกฤติ พบมีปะการังฟอกขาวเพิ่มมากขึ้น 50-70% ตามชายฝั่งอันดามัน-อ่าวไทย โดย "หอยมือเสือ" ก็กลายเป็นสัตว์ฟอกขาวเช่นกัน... เมื่อวันที่ 26 พ.ค. ผศ.ดร.สุชนา ชวนิชย์ ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่สำรวจแนวปะการังในบริเวณอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรีว่า พบปะการังมีการฟอกขาวจำนวนมากประมาณ 50-70% ของแนวปะการังทั้งหมด ซึ่งนับเป็นการเกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวที่กินพื้นที่มากที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในทะเลฝั่งอ่าวไทย และว่าทีมวิจัยได้มีการศึกษาและติดตามสถานการณ์ปรากฏการณ์ฟอกขาวของปะการังอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เริ่มเกิดปะการังฟอกขาวขึ้นที่แนวปะการังฝั่งอันดามัน และติดตามมาด้วยพื้นที่ในทะเลฝั่งอ่าวไทยเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และจากการเดินทางไปสำรวจครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 22พ.ค. ที่ผ่านมา พบว่าการฟอกขาวของปะการังในบริเวณอำเภอสัตหีบ มีการขยายพื้นที่มากขึ้น และเกิดขึ้นกับแนวปะการังทุกแห่งในบริเวณดังกล่าว จากเดิมที่มักจะมีการฟอกขาวเป็นหย่อมๆเท่านั้น นอกจากนี้ ยังเกิดการฟอกขาวขึ้นในหอยมือเสืออีกด้วย ผศ.ดร. สุชนา กล่าวต่อว่า จากการวิเคราะห์ปัจจัยการเกิดปรากฏการณ์ดังกล่าว คาดว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากอุณหภูมิของน้ำทะเลที่ขึ้นสูงกว่าปกติ จากเดิมที่มีอุณหภูมิ 30-31 องศาเซลเซียส ขณะนี้เพิ่มขึ้นเป็น 32-33 องศาเซลเซียส โดยอาจจะเป็นผลมาจากอากาศที่ค่อนข้างร้อนจัดในช่วงที่ผ่านมา หรืออาจมีกระแสน้ำอุ่นพัดเข้ามาในอ่าวไทย ซึ่งเป็นสาเหตุเดียวกับการเกิดปรากฏการณ์ฟอกขาวในทะเลฝั่งอันดามัน ซึ่งอุณหภูมิน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นนี้ส่งผลให้สาหร่ายซูแซนเทลลีที่อาศัยอยู่ ในปะการังและทำให้ปะการังมีสีสันหนีออกมาจากปะการัง ทำให้ปะการังกลายเป็นสีขาว เช่นเดียวกับกรณีของหอยมือเสือ ซึ่งเป็นหอยที่มีสาหร่ายซูแซนเทลลีฝังตัวอยู่ในเนื้อเยื่อของหอย เมื่ออุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น สาหร่ายชนิดนี้จะทนอยู่ไม่ได้และหนีออกมาจากเนื้อเยื่อหอย ทำให้เนื้อเยื่อหอยกลายเป็นสีขาว อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดการฟอกขาวแล้ว ปะการังจะยังไม่ตายทันที แต่จะอ่อนแอและมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียง 2-3 สัปดาห์ หากอุณหภูมิน้ำทะเลหรือสภาพแวดล้อมกลับคืนสู่สภาพปกติ ปะการังอาจจะสามารถปรับสภาพและฟื้นตัวได้ ดังนั้น หากในช่วง 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า อากาศมีอุณหภูมิลดลง หรือ มีฝนตกลงมาเล็กน้อย จะช่วยให้อุณหภูมิน้ำทะเลลดลง และมีโอกาสที่ปะการังจะกลับมามีชีวิตและสีสันได้อีกครั้ง สำหรับพื้นที่ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ควรลดหรืองดกิจกรรมท่องเที่ยวทางทะเล เพื่อช่วยลดมลพิษที่จะถูกปล่อยลงสู่ทะเล และให้เวลาปะการังในการฟื้นตัวกลับคืนสู่สภาพเดิม. จาก : ไทยรัฐ วันที่ 27 พฤษภาคม 2553
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
เมื่อตอนต้นเดือนพฤษภาคม....สองสายไปดำน้ำที่เกาะสากและเกาะไผ่ พัทยา เรายังไม่พบการฟอกขาวของปะการัง หอยมือเสือ หรือ ดอกไม้ทะเล แต่เสาร์-อาทิตย์ ที่ผ่านมา (22-23 พฤษภาคม) ที่เกาะสาก เราเริ่มเห็นมีการฟอกขาวของปะการังแข็งประเภทปะการังกิ่ง และปะการังเห็ด บ้างแล้ว แต่ยังไม่มากนัก ส่วนที่เกาะไผ่ เริ่มเห็นหอยมือเสือที่เรานำไปปล่อยไว้ มีอาการสีซีดลง ไม่สวยงามเหมือนเคย แต่ปะการังยังสวยงามและสมบูรณ์ดี นอกจากอุณหภูมิของน้ำที่สูงผิดปกติ คือ 90-91 องศาเซลเซียสแล้ว สภาพน้ำยังมีตะกอนลอยฟ่อง น้ำขุ่นมาก ทัศนวิสัยมองได้ไกลเพียง 3 - 4 ฟุตเท่านั้น ตามแนวปะการังและพื้นทรายมีตะกอนตกทับถมมากผิดปกติค่ะ
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 27-05-2010 เมื่อ 08:56 |
#3
|
||||
|
||||
แล้วนักดำน้ำหรือประชาชนทั่วไปอย่างเราๆจะช่วยอย่างไรได้บ้างมั๊ยค่ะ
.......การอยู่เฉยๆ มันรู้สึกไม่ดีเลยค่ะ....เผื่อจะช่วยอะไรน้องหอยได้บ้าง?????? |
#4
|
||||
|
||||
คงช่วยอะไรตรงๆไม่ได้ค่ะ ต้องปล่อยให้ธรรมชาติเยียวยาตัวมันเอง ถ้าอุณหภูมิน้ำลดลงก็จะช่วยให้ปะการัง หอยมือเสือ หรือดอกไม้ทะเล ฟื้นตัวได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม....เราอาจช่วยได้ในทางอ้อม คือไม่ควรไปซ้ำเติมให้สภาพธรรมชาติเลวร้ายลงไปอีก ด้วยการทำให้โลกร้อนมากขึ้น หรือเข้าไปรบกวนแนวปะการัง ที่ทั้งปะการัง หอยมือเสือ และดอกไม้ทะเลกำลังอ่อนแออยู่ในขณะนี้...
__________________
Saaychol |
#5
|
||||
|
||||
ความเปลี่ยนแปลงที่สังเกตได้ หลังจากที่ไม่ได้ไปดำน้ำที่พัทยาหลายเดือน คือ ..... น้ำขุ่นมาก ไม่ใช่แค่แถวเกาะล้าน เกาะสากเท่านั้น แม้แต่เกาะไผ่ก็เลวร้ายไม่แพ้กัน สาเหตุอาจจะมาจาก ... 1. เรือเดินสมุทรที่วิ่งเข้า-ออกท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง ที่เดิมเคยวิ่งเส้นนอก คือ เลยเกาะไผ่เกาะเหลือมออกไปด้านนอก แต่ปัจจุบันวิ่งปาดเข้ามาร่องในระหว่างเกาะไผ่กับเกาะัล้านเกาะสาก อาจจะเพื่อย่นระยะทาง จำได้ว่าเคยอ่านข่าว ที่มีเรือเดินสมุทรวิ่งผ่านสัตหีบ เข้ามาร่องในระหว่างแผ่นดินกับเกาะคราม ขนาดยืนอยู่ที่หาดสอก็สามารถเห็นได้อย่างใกล้ชิด และเพื่อความปลอดภัยของฐานทัพเรือ กองทัพเรือเคยยื่นฟ้อง แต่แพ้ครับ ศาลท่านตีว่า เป็นน่านน้ำสาธารณะ เรือไม่ผิด เรือพวกนี้ กินน้ำลึก ใบจักรใหญ่ยักษ์ เครื่องยนต์มีกำลังมหาศาล แล้วเข้ามาวิ่งในร่องน้ำตื้น วิ่งผ่านที่ไหนก็ตีตะกอนฟุ้งขึ้นมาเต็มไปหมด และแถวพัทยา ลองคิดดูสิครับ วิ่งปาดเข้ามาใกล้เกาะ อะไรมันจะเหลือ 2. ทุ่นผูกเรือรุ่นใหม่ที่เมืองพัทยาติดตั้งไว้ทั่วไปบริเวณเกาะล้านและเกาะสาก .... ทุ่นเหล่านี้เป็นทุ่นเหล็ก จึงต้องล่ามด้วยโซ่เหล็ก .... เวลาที่น้ำลงต่ำ โซ่จะห้อยลงไปกวาดทราย ตะกุยตะกอนฟุ้งขึ้นมา ถ้ามีก้อนปะการังอยู่แถวนั้นด้วย ก็คงจะถูกกวาดแหลก แต่ที่เราพบคือ Seamoth ตายเพราะถูกโซ่กวาดครับ ส่วนสาเหตุที่ทำให้ปะการังแถวพัทยาฟอกขาวได้ น่าจะมาจาก 1. น้ำขุ่นมาก ทำให้ปะการังได้รับแสงไม่พอเพียง 2. อุณหภูมิของน้ำที่เกาะล้าน เกาะสาก สูงขึ้นจนรู้สึกได้จากสัมผัส 3. ช่วงนี้ น้ำลงค่อนข้างต่ำ อาจจะทำให้อุณหภูมิจากแสงอาทิตย์สูงเกินไปสำหรับปะการังน้ำตื้น สรุปคือ น่าจะมาจาก 3 ปัจจัยข้างต้นผสมกันครับ ....
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#6
|
||||
|
||||
"ควรลดหรืองดกิจกรรมท่องเที่ยวทางทะเล เพื่อช่วยลดมลพิษที่จะถูกปล่อยลงสู่ทะเล และให้เวลาปะการังในการฟื้นตัวกลับคืนสู่สภาพเดิม" โค้ดมาจากข่าวข้างบน
เคยคิดอยู่เหมือนกันว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่า การดำน้ำก็น่ามีส่วนกระทบกับระบบนิเวศน์เหมือนกัน พอจะมีแนวทางไหนที่พอจะเจอกันครึ่งทางบ้างครับ เรือใช้น้ำมันที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การใช้ห้องน้ำ การอาบน้ำ แทนที่จะปล่อยน้ำลงสู่ทะเลโดยตรง ก็อาจจะต้องใช้ระบบกรองพวกแชมพู สบู่และสารต่างๆก่อน จะมีส่วนช่วยได้หรือเปล่า.......... |
#7
|
||||
|
||||
ช่วยได้แน่นอนค่ะน้องก้อย..... แต่หากจะขอร้องให้เรือทุกลำทำเครื่องกรอง เห็นที่จะยาก นอกเสียจากต้องออกกฎหมายบังคับกันเท่านั้น
__________________
Saaychol |
#8
|
||||
|
||||
พูดง่ายทำยากคั๊บพี่ก้อย....ดูแค่เรื่องการทิ้งขยะลงทะเลของเรือแต่ละลำก็คุมยากแล้ว
ล่าสุด กระดาษชำระ ขวดน้ำ ....... เห็นกันจะๆ บอกเขาเขาก็หัวเราะ แต่ก็ยังคงทิ้ง(แต่ทิ้งลับหลังเราแทน....เฮ่อ!!!!) .....ทำให้ดูโดยให้น้องว่ายไปเก็บขวดน้ำ พวกเราปรบมือชื่นชมน้องเขา แต่คนที่อาศัยทะเลทำมาหากิน นั่งหัวเราะขำการกระทำของเรา อยากให้มีกิจกรรมหรือโครงการฯหรืออะไรสักอย่างที่ทำให้คนเหล่านี้เห็นคุณค่าของทะเลที่เขาใช้ทำมาหากิน และช่วยกันดูแล (แบบที่เราเห็นแล้วแอบชื่นชมที่ฟิลิปปินส์.......)เฮ่อ!!!!จะได้มีโอกาสเห็นกับเขามั๊ยน๊าาาาาา |
#9
|
|||
|
|||
ได้แต่เฮ้อ เฮ้อ แล้วก็เฮ้อ...
แค่คำๆ เดียวเองที่ท่านพุทธทาสภิกขุ บอกไว้...อย่าเห็นแก่ตัว หากคนเราทุกคน ทำเพื่อส่วนรวมแม้เพียงเล็กน้อยเท่าที่พอทำได้ โลกคงน่าอยู่กว่านี้แยะเลยเชียว
__________________
คิดดี ทำดี ชีวีเป็นสุข |
#10
|
|||
|
|||
ปกติเราดำน้ำอุณหภูมิปกติก่อนหน้านี้จะอยู่ที่ 27-28 ไม่เคยเจอสูงขนาด 30-31ในประเทศไทย(หรือก่อนหน้านี้ปีสองปีมันเย็นผิดปกติคะ เพราะยังจำชั้นน้ำเย็นๆเป็นวุ้นที่เคยเจอตอนดำน้ำทั้งอ่าวไทยและอันดามันได้อยู่เลย) แต่ตอนนี้เจอ 31 ประจำ แสดงว่าอุณหภูมิสูงขึ้นกว่า 3-4 องศา แถมแถวผิวน้ำน่าจะร้อนกว่านี้ เพราะบางครั้งยังรู้สึกได้ว่า ขึ้นผิวน้ำแล้วร้อนวูบกว่าด้านใต้ๆ ซึ่งก็อุ่นอยู่แล้วค่ะ
ส่วนเรื่องคนที่ทำมาหากินกับทะเล (โดยเฉพาะทางอ่าวไทย)แล้วไม่รักทะเล ก็พูดยากค่ะ คนทำดีก็มี คนทำไม่ดีก็มาก การจะเปลี่ยนนทัศนคติมันต้องใช้เวลา และบางทีเค้าก็คิดแบบง่ายๆว่าทะเลไม่ใช่ของเค้า จนกว่าวันที่เค้าหากินไม่ได้นั่นแหละค่ะ ถึงจะสำนึก เราคงทำได้ตอนนี้แค่ส่วนของเราก่อนค่ะ แล้วค่อยๆขยายวงไปยังคนรอบๆตัว แล้วสอนเด็กๆรุ่นใหม่ให้ดี เพราะเค้าเป็นคนที่จะมาดูแลต่อไปค่ะ |
|
|