เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 01-10-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอาทิตย์ที่ 1 ตุลาคม 2566

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้มีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองและหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรงไว้ด้วย

สำหรับทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 1 ? 2 ต.ค. 66 ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง และอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1 - 2 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 3 ? 6 ต.ค. 66 ร่องมรสุมจะพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออก ในขณะที่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลางมีแนวโน้มจะเคลื่อนผ่านปลายแหลมญวณเข้าสู่อ่าวไทยตามแนวร่องมรสุม ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง และอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 3 ? 6 ต.ค. 66 ขอให้ประชาชนบริเวณภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและลมกระโชกแรงบางแห่ง ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรงไว้ด้วย ส่วนชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง









__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 01-10-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


สุดสลด หนุ่มออสเตรเลียดับกลางทะเลหลังถูกวาฬชนเรือคว่ำ

เกิดอุบัติเหตุไม่คาดคิดกลางทะเลออสเตรเลีย หลังหนุ่มเคราะห์ร้ายล่องเรือออกไปสำรวจปลา แต่ไปชนกับวาฬทำให้เรือพลิกคว่ำ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ศพ บาดเจ็บอีก 1 ราย



อุบัติเหตุสลดที่เกิดขึ้นได้ยากในครั้งนี้ เกิดขึ้นบริเวณอ่าวโบตานี นอกชายฝั่งของนครซิดนีย์ รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย โดยในขณะที่ชายหนุ่มสองคนกำลังล่องเรือออกสำรวจปลา จู่ๆ เรือก็ไปชนเข้ากับวาฬจนทำให้เรือพลิกคว่ำ จนทั้งสองตกลงไปในทะเล หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่สามารถดึงตัวของชายคนหนึ่งที่หมดสติขี้นมาได้ แต่เขาเสียชีวิตในเวลาต่อมา ขณะที่ผู้ชายอีกคนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล และอาการทรงตัวแล้ว

ยาสมิน แคทลีย์ รัฐมนตรีกิจการตำรวจรัฐนิวเซาท์เวลส์ระบุว่า เหตุการณ์ครั้งนี้มีวาฬมาเกี่ยวข้องด้วยจริง แม้ว่าจะแทบไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น นับเป็นเรื่องที่น่าเศร้าอย่างยิ่ง ขณะที่จิฮัด ซาอิด รัฐมนตรีกระทรวงบริการฉุกเฉินรัฐนิวเซาท์เวลส์ยอมรับว่า นี่เป็นอุบัติเหตุที่แปลกประหลาด

ก่อนหน้านี้ตำรวจเคยได้รับรายงานว่ามีวาฬว่ายเข้ามาประชิดหรือใกล้กับเรืออยู่บ้าง แต่ยังไม่เคยเกิดอุบัติเหตุในลักษณะนี้มาก่อน โดยไม่แน่ชัดว่าวาฬที่ชอบเข้าหาเรือเป็นวาฬชนิดใด โดยชายฝั่งของออสเตรเลีย มีวาฬสายพันธุ์ขนาดใหญ่อาศัยอยู่ราว 10 สายพันธุ์ และมีวาฬขนาดเล็กอีกราว 20 สายพันธุ์ โดยที่ผ่านมาแทบจะยังไม่เคยมีมนุษย์ที่เสียชีวิตจากวาฬในพื้นที่นี้มาก่อน จะมีเพียงรายงานวาฬมาเกยตื้นบ่อยครั้งทั้งในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์

ขณะที่เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มีชาวเดนมาร์ก 8 คน ที่ได้รับการช่วยเหลือขึ้นมาจากทะเล หลังจากที่เรือของพวกเขาที่ล่องอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกเกิดพลิกคว่ำจากการชนเข้ากับวาฬ 1-2 ตัว แต่ไม่มีใครเสียชีวิต.

ที่มา : แชนแนลนิวส์เอเชีย


https://www.thairath.co.th/news/foreign/2729207

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 01-10-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ


'ดอกไม้บาน' ใน 'แอนตาร์กติกา' สัญญาณเตือนหายนะครั้งใหญ่ของโลก ................. โดย กฤตพล สุธีภัทรกุล



วิจัยเผย พืชใน "แอนตาร์กติกา" กำลังขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว ส่วนภาพถ่ายดาวเทียมแสดงให้เห็น "น้ำแข็งขั้วโลก" มีปริมาณต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และละลายอย่างรวดเร็วจาก "ภาวะโลกร้อน" ผู้เชี่ยวชาญชี้เป็นสัญญาณเตือนหายนะครั้งใหญ่ของโลก

ภาพดอกไม้สีสันสดใสบานสะพรั่งอยู่บนโขดหินในทวีปแอนตาร์กติกา กลายเป็นไวรัลในโลกออนไลน์ ชื่นชมถึงความสวยงาม แถมรู้สึกแปลกใจที่เห็นดอกไม้ไปโผล่อยู่บนทวีปที่หนาวเหน็บเต็มไปด้วยน้ำแข็ง

แม้จะสวยงามแต่การที่มีต้นไม้ออกดอกที่นี่ไม่ใช่เรื่องนี่น่ายินดี นักวิทยาศาสตร์เผยว่าเป็นเรื่องที่น่ากังวล แสดงให้เห็นว่าน้ำแข็งทั่วโลกกำลังละลายอย่างรวดเร็ว

ปรกติแล้วส่วนใหญ่ของทวีปแอนตาร์กติกาปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งและหิมะ ก่อนหน้านี้จึงไม่มีพื้นที่เหลือให้พืชเติบโตมากนัก ไม่มีต้นไม้หรือพุ่มไม้ และพืชที่มีอยู่นั้นจำกัดอยู่เพียงหมู่เกาะเซาท์ออร์กนีย์ หมู่เกาะเซาท์เช็ตแลนด์ และตลอดแนวคาบสมุทรแอนตาร์กติกตะวันตก แต่ในปัจจุบันมีพืชขึ้นอยู่ในหลายพื้นที่ของแอนตาร์กติกา


พืชพันธุ์เติบโตอย่างรวดเร็วในแอนตาร์กติกา

ผลการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยอินซูเบรีย ในอิตาลี ที่เผยแพร่ในปี 2022 ที่ทำการศึกษาจำนวนพืชพื้นถิ่นของแอนตาร์กติกา 2 ชนิด คือ หญ้าขนแอนตาร์กติก (Deschampsia Antarctica) และ เพิร์ลเวิร์ตแอนตาร์กติก (Antarctic Pearlwort) บนเกาะซิกนีย์ ระหว่างปี 2009-2019 พบว่า มีจำนวนเพิ่มขึ้นและขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว เมื่อเทียบกับช่วง 50 ปีก่อนหน้านี้ (1960-2009)

ทีมวิจัยพบว่าจำนวนของพื้นทั้งสองชนิดที่เพิ่มขึ้นเป็นเพราะอุณหภูมิที่สูงขึ้น จนทำให้น้ำแข็งขั้วโลกละลายอย่างรวดเร็ว และทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ฤดูร้อนปี 2012 รวมถึงศัตรูทางธรรมชาติอย่าง ?แมวน้ำขน? (Fur Seals) มีจำนวนลดลง จนไม่มีใครคอยเหยียบย่ำส่งผลให้ต้นไม้ทั้ง 2 สายพันธุ์สามารถเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว

อุณหภูมิในทวีปแอนตาร์กติกามีแนวโน้มที่จะขึ้นสูงและได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างต่อเนื่อง เมื่อปี 2565 พื้นที่แอนตาร์กติกาตะวันออกเผชิญหน้ากับคลื่นความร้อนที่รุนแรงที่สุดจนถึงปัจจุบัน ทำให้อุ่นขึ้นประมาณ 2 องศาเซลเซียส จนนักวิจัยในพื้นที่สามารถสวมกางเกงขาสั้น และถอดเสื้อเพื่ออาบแดดได้

ปีเตอร์ คอนเวย์ จากสำนักสำรวจแอนตาร์กติกแห่งอังกฤษ ระบุว่า การเติบโตของพืชในแอนตาร์กติกาทำให้เราเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หรือจุดเปลี่ยนของโลกใบนี้

นอกจากนี้ อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นยังอาจทำให้สายพันธุ์ต่างถิ่นเข้ามารุกรานและแย่งพื้นที่เติบโตของพืชพื้นเมือง อาจทำให้ระบบนิเวศในท้องถิ่นและความหลากหลายทางชีวภาพหายไป

นิโคเล็ตตา แคนนอน หนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ผู้ทำการวิจัยดังกล่าวเปิดเผยว่า ?ถ้าหากพืชสามารถเติบโตได้ดีบนเกาะซิกนีย์ แสดงว่าพื้นที่อื่น ๆ ในทวีปแอนตาร์กติกาก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน หมายความว่าภูมิทัศน์และความหลากหลายทางชีวภาพของแอนตาร์กติกสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว?


ปริมาณน้ำแข็งลดลงเป็นประวัติการณ์

ข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียมแสดงให้เห็นว่า น้ำแข็งทะเลรอบทวีปแอนตาร์กติกากำลังลดต่ำลงเป็นประวัติการณ์ แผ่นน้ำแข็งที่ลอยอยู่บนพื้นผิวของแอนตาร์กติกา มีปริมาณเหลือไม่ถึง 17 ล้านตารางกิโลเมตร ซึ่งเป็นปริมาณที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปริมาณแผ่นน้ำแข็งในเดือน ก.ย. ถึง 1.5 ล้านตารางกิโลเมตร

ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับพื้นที่ขั้วโลก ออกโรงเตือน ความไม่เสถียรของทวีปแอนตาร์กติกาอาจส่งผลกระทบตามมาในวงกว้าง เนื่องจาก แผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่ของทวีปแอนตาร์กติกาเป็นตัวกำหนดระดับอุณหภูมิโลก โดยพื้นผิวน้ำแข็งสีขาวของทวีปทำหน้าที่สะท้อนพลังงานจากดวงอาทิตย์กลับไปยังชั้นบรรยากาศ และยังช่วยทำให้โลกเย็นลง

แต่เมื่อเราสูญเสียน้ำแข็งปกคลุมในทะเล มหาสมุทรก็เข้ามาแทนที่ โดยดูดซับความร้อนจากดวงอาทิตย์ถึง 90% ซึ่งในที่สุดก็จะทะลักเข้าสู่ชั้นบรรยากาศและทำให้ภาวะโลกร้อนเกินเร็วขึ้นอีก

ในช่วงมี.ค.-ก.ย. 2566 อาร์กติกสูญเสียน้ำแข็งในทะเลขนาดใหญ่กว่า 3 เท่าของประเทศอินเดีย หรือประมาณ 9.86 ล้านตารางกิโลเมตร ส่วนแอนตาร์กติกามีพื้นที่น้ำแข็งไปเท่ากับ 5 เท่าของพื้นที่สหราชอาณาจักร คิดเป็นพื้นที่ประมาณ 1.22 ล้านตารางกิโลเมตร

อาจจะดูเหมือนสถานการณ์ของแอนตาร์กติกาจะดูดีกว่าอาร์กติก แต่น้ำแข็งของแอนตาร์กติกาก็ยังละลายเร็วกว่าที่ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ไว้อยู่ดี โดยในช่วงเวลานี้ควรมีน้ำแข็งอย่างน้อย 18.71 ล้านตารางกิโลเมตร

ดร.วอลเตอร์ ไมเออร์ ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับขั้วโลก ไม่คิดว่าน้ำแข็งในทะเลจะฟื้นคืนกลับมาอยู่ในระดับเดิมได้อีกแล้ว เนื่องจากฤดูละลายเริ่มเร็วขึ้นและยาวนานกว่าปกติมาก อาร์กติกและแอนตาร์กติกาจึงแทบไม่มีเวลาสะสมน้ำแข็งทะเลคุณภาพดี ตอนนี้มีแต่น้ำแข็งเป็นแพเล็ก ๆ มีความเข้มข้นต่ำกว่าเดิม

ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าสถานการณ์จะเลวร้ายลงอีก คลื่นความร้อนในแอนตาร์กติกคาดว่าจะสูงขึ้นอีกประมาณ 5 - 6 องศาเซลเซียสภายในสิ้นศตวรรษนี้ และส่งผลกระทบที่จะกลายเป็นหายนะไปทั่วโลก

ที่มา: BBC, Mashable, Plants Craze, Unilad, Washington Post, Weather


https://www.bangkokbiznews.com/environment/1091233

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 15:08


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger