#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพฤหัสบดีที่ 22 เมษายน 2564
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป บริเวณประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง กับมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดในตอนกลางวัน เนื่องจากมีความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับลมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดนำความชื้นจากทะเลอันดามันและอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคใต้ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น "ซูรีแค" บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกหรือทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศฟิลิปปินส์มีแนวโน้มเคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือโดยจะออกห่างจากประเทศฟิลิปปินส์มากยิ่งขึ้น พายุนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดพังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร คาดหมาย ในช่วงวันที่ 22 - 25 เม.ย. 64 บริเวณประเทศไทยมีฟ้าหลัวในตอนกลางวันกับมีอากาศร้อนในหลายพื้นที่ และมีอากาศร้อนจัด ในภาคเหนือ โดยมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงเกิดขึ้นบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ทั้งนี้เนื่องจากความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน กับยังคงมีลมตะวันตกและลมตะวันตกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลอันดามันและอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมบริเวณดังกล่าว ส่วนในช่วงวันที่ 26 - 27 เม.ย. 64 บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงระลอกใหม่จากประเทศจีน จะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ทำให้มีลมตะวันออกเฉียงใต้และลมตะวันตกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้ อ่าวไทย และทะเลอันดามัน เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามัน อ่าวไทย และภาคใต้ มีลมตะวันตกพัดปกคลุมตลอดช่วง ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น "ซูรีแค" บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกหรือทางด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์มีแนวโน้มเคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือ โดยจะออกห่างจากประเทศฟิลิปปินส์มากยิ่งขึ้น พายุนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 22 ? 25 เม.ย. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนถึงร้อนจัด ส่วนในช่วงวันที่ 26 ? 27 เม.ย. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบน ระมัดระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
นักวิจัย ม.สงขลานครินทร์ค้นพบ "แมลงสาบทะเล" สกุลไซโรลานา 2 ชนิดใหม่ในอ่าวไทย ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - นักวิจัย ม.อ.ค้นพบ "ไอโซพอดทะเล" หรือแมลงสาบทะเลชนิดใหม่ ในสกุลไซโรลานา (genus Cirolana) 2 ชนิด บริเวณชายฝั่งทะเล อ.เทพา จ.สงขลา และชายฝั่งทะเลอ่าวไทยตอนบน ชี้ให้เห็นถึงความหลากหลายทางชีวภาพ และความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเลอ่าวไทย ดร.เอกนรินทร์ รอดเจริญ อาจารย์ประจำสาขาวิชาวาริชศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) เปิดเผยว่า จากการศึกษาวิจัยความหลากหลายของแมลงสาบทะเลในประเทศไทย ทั้งชายฝั่งทะเลด้านอ่าวไทย และอันดามัน ได้ค้นพบ "ไอโซพอดทะเล" หรือแมลงสาบทะเลชนิดใหม่ สกุลไซโรลานา 2 ชนิด ในแนวปะการังบริเวณชายฝั่งทะเล อ.เทพา จ.สงขลา และชายฝั่งทะเลอ่าวไทยตอนบน ซึ่งได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่อย่างเป็นทางการในวารสารวิชาการ Zootaxa ในวันที่ 31 มีนาคม 2564 โดยไอโซพอดชนิดแรกมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Cirolana parawongat sp. nov. (ตั้งชื่อตามลักษณะสัณฐานวิทยาที่คล้ายกับ C.wongat Bruce, 1994 ซึ่งพบที่ปาปัวนิวกินี) มีการแพร่กระจายตั้งแต่ชายฝั่งทะเลทะเลอ่าวไทยตอนบน ตั้งแต่ จ.ชลบุรี ลงมาถึงเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และอีกหนึ่งชนิดมีชื่อว่า Cirolana khamensis sp.nov. (ตั้งชื่อตามสถานที่ค้นพบ) ซึ่งมีการแพร่กระจายอยู่แห่งเดียว คือบริเวณเกาะขาม อ.เทพา จ.สงขลา เท่านั้น ดร.เอกนรินทร์ กล่าวอีกว่า ไอโซพอด หรือแมลงสาบทะเล เป็นสัตว์กลุ่มเดียวกับพวกกุ้ง ปู (crustacean) แต่มีขนาดเล็กกว่า ความยาวของลำตัวส่วนใหญ่อยู่ในช่วง 0.5-2 เซนติเมตร มีบทบาทสำคัญในแง่ของการเป็นอาหารให้แก่สัตว์น้ำชนิดอื่น เป็นตัวย่อยสลายในระบบนิเวศ และเป็นตัวบ่งชี้คุณภาพของแหล่งน้ำตามธรรมชาติ ซึ่งการค้นพบแมลงสาบทะเลชนิดใหม่ 2 ชนิดในอ่าวไทยครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายทางชีวภาพทะเล และความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเลในบริเวณอ่าวไทยได้เป็นอย่างดี https://mgronline.com/south/detail/9640000037873 ********************************************************************************************************************************************************* ทช.ลุยถนนเลียบทะเล "ไทยแลนด์ริเวียร่า" 250 กม. เปิดฟังความเห็นเร่งออกแบบ ทางหลวงชนบทจัด 10 เวทีรับฟังความคิดเห็นประชาชนชาวเพชรบุรีและประจวบฯ ในโครงการสำรวจออกแบบเส้นทางท่องเที่ยวเลียบชายฝั่งทะเลภาคใต้ หรือไทยแลนด์ริเวียร่า ด้านตะวันตก (ตะนาวศรี) กว่า 250 กม. ให้เป็นเส้นทางท่องเที่ยว หนุนเพิ่มรายได้ชุมชน นายปฐม เฉลยวาเรศ อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) กล่าวว่า ทช.ได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็น โครงการสำรวจออกแบบเส้นทางท่องเที่ยวเลียบชายฝั่งทะเลภาคใต้ (Thailand Riviera) ด้านตะวันตก (ตะนาวศรี) เพื่อให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบข้อมูล ข้อเท็จจริง และขั้นตอนการดำเนินงานของโครงการ รวมถึงเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นเพื่อนำไปประกอบแผนการดำเนินงานในอนาคต ทั้งนี้ ทช.มีแผนที่จะเพิ่มศักยภาพของโครงข่ายสายทางในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรีและจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อพัฒนาให้เป็นเส้นทางท่องเที่ยวเลียบชายฝั่งทะเลภาคใต้ (Thailand Riviera) ด้านตะวันตก ตามแนวเทือกเขาตะนาวศรี เป็นการยกระดับถนนให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น สนับสนุนให้เกิดการขยายตัวด้านการท่องเที่ยว การค้า การลงทุนในพื้นที่ นำไปสู่การสร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่ประชาชนอย่างยั่งยืน รวมทั้งยังเป็นเส้นทางเลี่ยงถนนเพชรเกษม (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4) ซึ่งมีปัญหาการจราจรติดขัดในช่วงเทศกาลได้อีกทางหนึ่ง โดยการดำเนินงานนี้อยู่ภายใต้กรอบของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (2561-2580) สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของจังหวัด โดยได้ดำเนินการจัดทำโครงการสำรวจออกแบบเส้นทางท่องเที่ยวเลียบชายฝั่งทะเลภาคใต้ (Thailand Riviera) ด้านตะวันตก (ตะนาวศรี) โดยมีภารกิจหลัก ได้แก่ การสำรวจออกแบบรายละเอียดเส้นทางท่องเที่ยวเลียบชายฝั่งทะเลภาคใต้ (Thailand Riviera) ด้านตะวันตก ตามแนวเทือกเขาตะนาวศรี ระยะทางไม่น้อยกว่า 250 กิโลเมตร และจัดทำเอกสารประกวดราคา การศึกษาและจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) รวมทั้งการจัดกิจกรรมเพื่อรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยเส้นทางดังกล่าวจะมีจุดเริ่มต้นอยู่ที่บริเวณอำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี และมีจุดสิ้นสุดอยู่ที่บริเวณอำเภอปราณบุรี ประกอบด้วย 1. แนวเส้นทางหลัก เพื่อเชื่อมต่อแนวเส้นทางการท่องเที่ยว 2. แนวเส้นทางที่แยกออกไปยังแหล่งท่องเที่ยว และ 3. แนวเส้นทางที่แยกออกจากแนวเส้นทางหลักเพื่อให้สามารถเชื่อมกับถนนเพชรเกษม (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4) ที่ผ่านมา ทช.ได้จัดประชุมการมีส่วนร่วมของประชาชน ครั้งที่ 1 (ปฐมนิเทศ) ไปแล้ว โดยได้เชิญกลุ่มเป้าหมาย ประชาชน หน่วยงานภาครัฐ และเอกชนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ แบ่งเป็น จังหวัดเพชรบุรี 6 อำเภอ (หนองหญ้าปล้อง ท่ายาง ชะอำ เขาย้อย บ้านลาด แก่งกระจาน) และในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 2 อำเภอ (หัวหิน ปราณบุรี) ซึ่งได้อธิบายถึงความเป็นมา วัตถุประสงค์ พื้นที่ศึกษา ขอบเขตการศึกษา แนวคิดการออกแบบเบื้องต้น ตลอดจนแผนดำเนินการ พร้อมกับเปิดเวทีให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้แนะนำและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับโครงการดังกล่าว ส่วนการประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชน ครั้งที่ 2 (กลุ่มย่อย) จำนวน 10 เวที ในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรีและจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีผู้เข้าร่วมประชุมรวม 830 คน เพื่อนำเสนอรายละเอียดของแนวสายทาง รูปแบบ แนวคิดในการพัฒนาโครงการ รวมทั้งการศึกษาและการเก็บข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม ตลอดจนรับฟังข้อมูล ข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น รวมถึงข้อเสนอแนะจากประชาชนผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว ผู้นำชุมชน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ซึ่งแนวคิดการออกแบบเบื้องต้นทั้งหมดอยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากประชาชน รวมทั้งบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หลังจากนั้นจะนำข้อมูลที่ได้ไปประกอบการดำเนินงานของโครงการ และจะจัดการประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นการมีส่วนร่วมของประชาชน ครั้งที่ 3 (กลุ่มย่อย) จำนวน 10 เวที และครั้งที่ 4 (ปัจฉิมนิเทศโครงการ) ต่อไป https://mgronline.com/business/detail/9640000037949 ********************************************************************************************************************************************************* "เรือดำน้ำกองทัพอิเหนา" สูญหายนอกชายฝั่งเกาะบาหลีระหว่างฝึกซ้อมยิงตอร์ปิโด 53 ลูกเรือยังคงไร้ร่องรอย รอยเตอร์ ? ทีมผู้เชี่ยวชาญนักประดาน้ำอินโดนีเซียยังคงตามหาเรือดำน้ำที่บรรทุกลูกเรือทั้งหมด 53 คน หลังเกิดสูญหายระหว่างฝึกซ้อมยิงตอร์ปิโดนอกเกาะบาหลีชื่อดังวันพุธ(21 เม.ย) รอยเตอร์รายงานวันนี้(21 เม.ย)ว่า เรือดำน้ำกองทัพอินโดนีเซียอายุ 44 ปี ครี นังกาลา-402(KRI Nanggala-402) เกิดสูญหายไร้ร่องรอยระหว่างการฝึกซ้อมยิงตอร์ปิโดทางเหนือนอกชายฝั่งเกาะบาหลีวันพุธ(21) ซึ่งเป็นการฝึกซ้อมที่ยังไม่สามารถยิงเข้าเป้าหมายได้ โฆษกกองทัพเรืออินโดนีเซียกล่าวผ่านแถลงการณ์ ทั้งนี้พบว่าเรือดำน้ำของกองทัพดังกล่าวมีลูกเรืออยู่ด้านในทั้งหมด 53 นายขณะเกิดเหตุ ซึ่งการตามหาทางอากาศพบเพียงคราบน้ำมันในจุดที่เรือได้ดำลงไป และได้มีการส่งเรือกองทัพเรืออินโดนีเซียที่ติดอุปกรณ์โซนาร์เพื่อช่วยการค้นหาอีกแรง อ้างอิงจากแถลงการณ์กระทรวงกลาโหมอินโดนีเซีย และทั้งนี้พบว่าทางจาการ์ตาได้ร้องขอความช่วยเหลือไปยังออสเตรเลีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย สำหรับการสนับสนุนในการตามหาและคำขอได้รับการตอบสนอง แถลงการณ์ระบุ สถานีโทรทัศน์ CNN ภาคภาษาอินโดนีเซียอ้างคำแถลงจากเจ้าหน้าที่กองทัพเรืออินโดนีเซีย จูเลียส วิโจโจโน (Julius Widjojono) ว่า เขาสงสัยว่าเรือดำน้ำจะดำดิ่งลงไปในความลึกระดับ 600 ? 700 เมตร "พวกเรายังคงกำลังค้นหาในบริเวณน่านน้ำเกาะบาหลีโดยห่างจากฝั่งราว 96 กิโลเมตรสำหรับลูกเรือ 53 คน" ผู้บัญชาการทหารสูงสุดอินโดนีเซีย ฮาร์ดี ทยาห์ยันโต (Hadi Tjahjanto) กล่าวผ่านแถลงการณ์กับรอยเตอร์ และชี้ว่า เหตุการณ์ที่เรือดำน้ำหายจากการติดต่อสื่อสารในเวลา 16.30 น. ของวันพุธ(21) ซึ่งทางผู้เชี่ยวชาญนักวิเคราะห์ทางการทหาร โซเลมาน ปอนโต(Soleman Ponto) ออกมาเตือนว่ายังเร็วเกินไปที่จะสามารถคาดการณ์ถึงชะตากรรมของเรือดำน้ำครี นังกาลา-402 ลำที่สูญหายได้อย่างครอบคลุมในเวลานี้ รอยเตอร์ชี้ว่า เรือดำน้ำลำนี้ถูกสร้างขึ้นในเยอรมันเมื่อปี 1977 มีขนาด 1,395 ตัน และเข้าประจำการในกองทัพเรืออินโดนีเซียเมื่อปี 1981 และเรือถูกปรับปรุงให้มีความทันสมัยเป็นเวลา 2 ปีที่เกาหลีใต้ โดยเสร็จสิ้นการปรับปรุงในปี 2012 ซึ่งในอดีตอินโดนีเซียเคยมีฝูงเรือดำน้ำถึง 12 ลำที่ซื้อมาจากอดีตสหภาพโซเวียตเพื่อลาดตระเวนเขตน่านน้ำของตัวเอง แต่ในปัจจุบันมีอยู่แค่ 5 ลำเท่านั้นโดย 2 ลำเป็นเรือดำน้ำที่ถูกสร้างในเยอรมันรุ่น 209 ส่วนอีก 3 ลำที่ใหม่กว่าถูกต่อขึ้นในเกาหลีใต้ https://mgronline.com/around/detail/9640000038006
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|