เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 27-06-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน 2564

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

หย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวและเวียดนามตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นในระยะนี้ ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 ของพื้นที่ ในระหว่างบ่ายถึงค่ำ อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 26 - 27 มิย. หย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศลาวและเวียดนามตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง

ส่วนในวันที่ 28 มิ.ย. - 2 ก.ค. 64 หย่อมความกดอากาศต่ำยังคงปกคลุมบริเวณประเทศลาวและเวียดนามตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังอ่อน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้มีฝนลดลง ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกยังคงมีฝนน้อย









__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 27-06-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


แม่เต่ากระลูกดก! "แม่เทียนทะเล" ขึ้นวางไข่รอบที่ 3 เป็นรังที่ 10 ในพื้นที่ อช.อ่าวสยาม


ไข่รัวๆ 124 ฟอง เป็นรังที่ 3 ของแม่เทียนทะเล

วันนี้ (26 มิถุนายน 2564) นายพิชัย วัชรวงษ์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี รายงานว่า เมื่อคืนนี้เวลาประมาณ 00.45 น. เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติอ่าวสยาม (เตรียมการ) ร่วมกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิฟื้นฟูทรัพยากรทะเล สยาม ลาดตระเวนการขึ้นวางไข่ของเต่ากระในพื้นที่เกาะทะลุ อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์

ขณะลาดตระเวนได้พบกับ "แม่เทียนทะเล" แม่เต่ากระขึ้นวางไข่บริเวณอ่าวในหุบ ซึ่งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติอ่าวสยาม (เตรียมการ) จากการตรวจสอบเบื้องต้น ไม่พบร่องรอยบาดแผลที่เกิดจากเครื่องมือการทำประมงแต่อย่างใด

นับเป็นรังที่ 10 ที่มีเต่ากระขึ้นมาวางไข่ที่อุทยานแห่งชาติอ่าวสยาม และเป็นรังที่ 3 ของแม่เทียนทะเล ซึ่งครั้งนี้มีจำนวนไข่ทั้งหมด 124 ฟอง เป็นไข่ที่สมบูรณ์ จำนวน 123 ฟอง และไข่ไม่สมบูรณ์/ไม่พัฒนา เพียง 1 ฟองเท่านั้น

จากนั้นเจ้าหน้าที่วัดลำตัวของแม่เต่ายาว 87 เซนติเมตร กว้าง 78 เซนติเมตร และวัดความกว้างของพาย 65 เซนติเมตร ขนาดหลุมวางไข่ ความกว้าง 25 เซนติเมตร ความลึก 40 เซนติเมตร ทั้งนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเฝ้าระวังและเก็บข้อมูลตลอด 24 ชั่วโมง


https://mgronline.com/greeninnovatio.../9640000061895


*********************************************************************************************************************************************************


ยูเนสโก ส่งสัญญาณลดเกรด! แนวปะการัง Great Barrier Reef มรดกโลกอยู่ใน "ภาวะอันตราย"



'ยูเนสโก' เร่งทางการออสเตรเลียแก้ไขปัญหาแนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟ (Great Barrier Reef) หลังเกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวครั้งใหญ่ถึง 3 ครั้งในเวลาไม่ถึง 10 ปี ทั้งพบว่าปะการังหายไปแล้วกว่าครึ่งในช่วง 25 ปี จึงต้องลุ้นมติคณะกรรมการมรดกโลก ที่จะมีการประชุม 16 ก.ค.นี้ที่ประเทศจีน

ตามร่างรายงานคณะกรรมการมรดกโลกแห่งสหประชาชาติ ที่ออกเมื่อวันจันทร์ที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา แนวปะการัง Great Barrier Reef ของออสเตรเลียรวมอยู่ในรายชื่อมรดกโลกที่ตกอยู่ในอันตราย ซึ่งได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากรัฐบาลออสเตรเลีย

คณะกรรมการมรดกโลกประกอบด้วยตัวแทนจาก 21 ประเทศ ได้ประชุมกันภายใต้องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ระบุว่า ประเทศนี้ไม่ได้ดำเนินการมากพอที่จะปกป้องแนวปะการังที่ใหญ่ที่สุดในโลกเนื่องจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change)

"สรุปได้ว่าแม้รัฐภาคีจะประสบความสำเร็จในเชิงบวกมากมาย แต่ความคืบหน้ายังไม่เพียงพอในการบรรลุเป้าหมายสำคัญของแผนแนวปะการังปี 2050"

"แผนดังกล่าวต้องการคำมั่นที่เข้มแข็งและชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการรับมือผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างเร่งด่วน แต่ยังรวมถึงการเร่งปรับปรุงคุณภาพน้ำและมาตรการจัดการที่ดินด้วย"

"ผลกระทบอย่างกว้างขวางจากเหตุการณ์การฟอกสีปะการังที่ต่อเนื่องกันทำให้เกิดความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับอนาคตของมรดกโลกแห่งนี้"

ยูเนสโกส่งสัญญาณลดระดับเกรตแบร์ริเออร์รีฟสู่รายชื่อแหล่งมรดกโลกที่กำลังตกอยู่ในอันตราย โดยให้เหตุผลเกี่ยวกับการปรับปรุงคุณภาพน้ำ และเเนะนำให้ทางการออสเตรเลียแก้ไขนโยบายเกี่ยวกับการฟื้นฟูปะการังยาวไปจนถึงปี พ.ศ. 2593 (หรือ The Reef 2050 Plan) ในขณะที่ทางการออสเตรเลียเตรียมทำเรื่องคัดค้านข้อเรียกร้องนี้ของยูเนสโก โดยระบุว่า การลดระดับเกรตแบร์ริเออร์รีฟเป็นเรื่อง ?ทางการเมือง? เนื่องจากหนึ่งใน 12 ประเทศที่ทำหน้าที่เป็นสมาชิกคณะกรรมการมรดกโลกนั้น มีประเทศจีน ซึ่งมีความสัมพันธ์ทางการทูตไม่ลงรอยกันนักในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
.
หากคณะกรรมการมรดกโลกมีมติเห็นชอบลดระดับเกรตแบร์ริเออร์รีฟในวันที่ 16 กรกฎาคมที่ประเทศจีนเป็นเจ้าภาพจัดประชุมก็จะเป็นครั้งแรกที่มีการจัดแหล่งมรดกธรรมชาติให้อยู่ใน 'ภาวะอันตราย' จากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และอาจกระทบต่ออัตราการจ้างงานหลายพันตำแหน่งซึ่งเกิดจากแหล่งท่องเที่ยวสำคัญทางธรรมชาติแห่งนี้

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า สถานการณ์ปัจจุบันของแนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟ (Great Barrier Reef) ซึ่งทอดยาวเป็นระยะทางประมาณ 2,300 กิโลเมตร ตกอยู่สถานการณ์น่าเป็นห่วง เพราะตั้งแต่ปี พ.ศ.2558 จนถึงปัจจุบัน ได้เกิดเหตุการณ์ปะการังฟอกขาวครั้งใหญ่ถึง 3 ครั้ง ในครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ปี พ.ศ.2563 ถือเป็นการฟอกขาวครั้งใหญ่ที่สุด ซ้ำร้ายกว่านั้น เกรตแบร์ริเออร์รีฟต้องเผชิญกับอุณหภูมิน้ำทะเลสูงที่สุด ตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2533 ซึ่งทั้งหมดเป็นผลพวงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศรุนแรงฉับพลัน


https://mgronline.com/greeninnovatio.../9640000061968

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 27-06-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก มติชน


ทช.แจง เห็นชอบให้ฉลามหัวค้อนเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองแล้ว รอประกาศเป็นกฏกระทรวง

กรณีที่เป็นข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พบมีลูกฉลามขายอยู่หลายตัวในตลาดใกล้กรุง ราคาเพียงกิโลละ 100 บาท แต่ตัวที่สำคัญมากคือลูกฉลามหัวค้อน ซึ่งเป็นปลาใกล้สูญพันธุ์ และปัจจุบันอยู่ระหว่างการผลักดันเป็นสัตว์คุ้มครอง



วันที่ 26 มิถุนายน นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันฉลามทั่วโลกถูกจับได้จากการประมงมากกว่า 100 ล้านตัว หรือเฉลี่ยที่ 190 ตัวต่อนาที ในจำนวนทั้งหมดนี้มากกว่า 70 ล้านตัว หรือประมาณร้อยละ 75 เป็น ฉลามที่ถูกจับเพื่อตัดเอาครีบไปขาย

อธิบดีทช. กล่าวว่า สำหรับประเทศไทยไม่ได้มีการทำประมงปลาฉลามโดยตรง เนื่องจากปลากลุ่มนี้ไม่ใช่สัตว์น้ำเป้าหมาย และถูกจัดเป็นเพียงสัตว์น้ำพลอยจับได้ (bycatch) โดยมีสัดส่วนที่จับได้ น้อยกว่าร้อยละ 1 เมื่อเทียบกับผลจับสัตว์น้ำทั้งหมดที่ได้จากการประมงทะเล และส่วนใหญ่ถูกจับได้โดยเครื่องมืออวนลาก โดยเฉพาะอวนลากแผ่นตะเฆ่

"การสำรวจรวบรวมข้อมูลชนิดพันธุ์ของฉลามในน่านน้ำไทยโดยกรมประมง ในปี 2563 พบว่า มีทั้งหมด 87 ชนิด มากกว่า 75% เป็นชนิดพันธุ์ที่หายาก (Rare species) หรือชนิดพันธุ์ที่ใกล้สูญพันธุ์ (Endangered species) โดยพบในทะเลอันดามันมากถึง 80 ชนิด ส่วนอ่าวไทยพบเพียง 53 ชนิด มีการแพร่กระจายตามแหล่งที่อยู่อาศัยตั้งแต่ในแม่น้ำไปจนถึงเขตทะเลลึก และมีบางชนิดที่มีรายงานว่าไม่พบในเขตทะเลไทยมานานแล้ว ได้แก่ ปลาฉลามหนู(Carcharhinus obsolerus) และปลาฉลามหัวค้อนยาว (Eusphyra blochii)
กลุ่มปลาฉลามที่อยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อประกาศเป็นสัตว์คุ้มครอง ได้แก่ กลุ่มปลาฉลามหัวค้อน และฉลามเสือดาว กลุ่มปลาฉลามหัวค้อน 4 ชนิด ได้แก่ ปลาฉลามหัวค้อนยาว (Eusphyra blochii) (Thailand Red Data) ปลาฉลามหัวค้อนสีน้ำเงิน (Sphyrna lewini) ปลาฉลามหัวค้อนยักษ์ (Sphyrna mokarran) และปลาฉลามหัวค้อนเรียบ/ปลาฉลามหัวค้อนดำ (Sphyrna zygaena)"นายโสภณ กล่าว

อธิบดีทช. กล่าวว่า ทช. ได้เสนอขึ้นบัญชีสัตว์คุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ผ่านกรมประมง และคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ (ตาม พ.ร.บ. สงวนฯ พ.ศ. 2535) โดยมี นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นประธาน ซึ่งได้พิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว แต่ยังไม่ได้ประกาศเป็นกฎกระทรวง เนื่องจากอยู่ในช่วงรอยต่อระหว่างพระราชบัญญัติฉบับเดิม (พ.ร.บ. สงวนฯ พ.ศ. 2535) กับพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าฉบับใหม่ (พ.ร.บ. สงวนฯ พ.ศ. 2562)

"ท่านรัฐมนตรี เร่งรัดและสั่งการเรื่องนี้มาโดยตลอด เพราะเห็นความสำคัญอย่างมาก หากมีการประชุมคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติครั้งหน้า คิดว่าเรื่องนี้จะมีความคืบหน้าแน่นอน" นายโสภณ กล่าว

ขณะนี้บัญชีรายชื่อกลุ่มฉลามหัวค้อนดังกล่าว รอดำเนินการผ่านทางกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (อส.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าสำหรับฉลามเสือดาว (Stegostoma fasciatum) คณะกรรมการฝ่ายวิชาการพิจารณาสถานภาพสัตว์ป่าที่เป็นสัตว์น้ำ ตาม พ.ร.บ. สงวนฯ พ.ศ. 2535 ของกรมประมง ขอให้เพิ่มเติมข้อมูล เนื่องจากฉลามชนิดนี้มักพบติดเครื่องมือประมงแบบสัตว์น้ำพลอยจับได้ (Bycatch) การพิจารณาต้องมีการหารือทุกภาคส่วนอย่างรอบคอบ เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

"สำหรับฉลามหัวค้อนตัวที่เป็นข่าวคือ ปลาฉลามหัวค้อนสีน้ำเงิน Sphyrna lewini (kidney-head shark) ซึ่งเป็นชนิดที่อยู่ในบัญชีที่กำลังจะประกาศเป็นสัตว์คุ้มครอง พบได้น้อย ในเขตน้ำตื้นถึงไหล่ทวีป เป็นบัญชี 2 ของอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ หรือ ไซเตส สถานภาพใกล้สูญพันธุ์ ใน IUCN Red List" อธิบดีทช. กล่าว


https://www.matichon.co.th/local/qua...e/news_2797097

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 27-06-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด


'กรมทะเล' เผยผลชันสูตร โลมาเกยตื้นตาย 8 ตัวชายหาดพังงา



กรมทะเล เผยผลชันสูตรโลมาเกยตื้นตาย 8 ตัวชายหาดพังงา ติดเชื้อในกระแสเลือดภายในฝูงตามธรรมชาติ ไม่เกี่ยวเครื่องมือประมงทุกชนิด

กรณีพบโลมากระโดด 8 ตัว เกยตื้นตาย บริเวณเกาะทุ่งนางดำ อ. คุระบุรี จ. พังงา และอีก 5 ตัว ว่ายติดอยู่บริเวณน้ำตื้น ในวานนี้(25มิ.ย.) เบื้องต้นไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายและบาดแผลจากเครื่องมือประมง ผลชันสูตรชี้เกิดการติดเชื้อมาหลายวันจนร่างกายอ่อนแอ ประกอบกับคลื่นแรงทำให้เกยตื้นตาย นั้น

เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) กล่าวว่า วานนี้ (25มิ.ย.) ตนได้รับรายงานจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) แล้ว พร้อมสั่งเร่งตรวจสอบสาเหตุการตายและช่วยเหลือโลมาที่ยังมีชีวิตอยู่ทันที

สำหรับเรื่องนี้ ตนถือเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจาก ไม่เคยพบเห็นการเกยตื้นตายพร้อมกันในจำนวนมากขนาดนี้ อีกทั้งโลมากระโดดยังจัดอยู่ในสัตว์คุ้มครองตามบัญชีไซเตส หมายเลข 2 ซึ่งต้องอนุรักษ์ดูแลมิให้ลดจำนวนลงและควบคุมการส่งออก

นอกจากนี้ ยังอยู่ในบัญชีสัตว์คุ้มครองตามพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 และอยู่ระหว่างจัดทำบัญชีแนบท้าย พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ซึ่งหากพบการตายผิดธรรมชาติ จะต้องเร่งหาสาเหตุและแนวทางการป้องกันแก้ไขมิให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก ซึ่งตนได้สั่งการให้จัดทีมลาดตระเวนเฉพาะกิจ เพื่อสำรวจในพื้นที่โดยรอบ ซึ่งอาจจะมีโลมาฝูงอื่นบริเวณใกล้เคียง

สุดท้าย ตนอยากฝากพี่น้องประชาชนและชาวประมงทุกคนว่า "การทำกิจกรรมใดๆ ในทะเล จะต้องคำนึงถึงอันตรายที่อาจเกิดกับโลมาและสัตว์ทะเลอื่นๆ การทำประมงในพื้นที่ที่พบสัตว์ทะเลหายาก ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เครื่องมือประมงต้องไม่ส่งผลกระทบ โดยเฉพาะต่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเล หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งหามาตรการคุมเข้มทุกกิจกรรม เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรและสร้างความเชื่อมั่นในระดับสากล ซึ่งตนจะได้กำชับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งให้เร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องโดยด่วนต่อไป



ด้านนายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เปิดเผยผลการชันสูตรการตายของโลมาทั้ง 8 ตัว ว่า จากการตรวจสอบของทีมสัตวแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ ที่เพิ่งเสร็จสิ้นเมื่อเวลา17.00น.ในวันนี้ว่า สภาพโลมาที่เสียชีวิตไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย หรือจากคราบน้ำมัน และไม่มีบาดแผลบนตัวและในช่องปาก เบื้องต้นสรุปได้ว่าไม่ได้เกิดจากเครื่องมือประมงหรือการล่าแต่อย่างใด ตนได้มอบหมายให้นางสุมนา ขจรวัฒนากุล ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กำกับทีมสัตวแพทย์ชันสูตรอย่างละเอียด โดยใช้เวลากว่า 10 ชั่วโมง

พบว่า โลมากระโดดทั้ง 8 ตัว เป็นเพศผู้ทั้งหมด ทุกตัวอยู่ในเกณฑ์ผอม ผลการชันสูตรซากพบว่าทุกตัวมีการติดเชื้อในกระแสเลือด ทำให้เกิดการอักเสบรุนแรงของอวัยวะภายในหลายแห่ง พบซิสต์ของพยาธิในชั้นไขมันและบริเวณระบบสืบพันธุ์ สันนิษฐานสาเหตุการเสียชีวิตมาจากการป่วยด้วยโรคที่ติดเชื้อภายในฝูงตามธรรมชาติเป็นเวลานานหลายวัน ทำให้ร่างกายอ่อนแอไม่สามารถรวมฝูงกับตัวอื่นได้ ประกอบกับสภาพคลื่นลมแรงทำให้เกิดการเกยตื้นดังกล่าว

สำหรับโลมากระโดดอีก 5 ตัว ที่ยังมีชีวิต ทีมเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครพิทักษ์ทะเลได้ช่วยกันนำออกไปยังบริเวณน้ำลึกอย่างปลอดภัยแล้ว ทั้งนี้ ตนได้รับข้อสั่งการจากนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ประสานจังหวัด กรมประมง ทหารเรือ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแผนในการลาดตะเวนและแนวทางการป้องกันการใช้เครื่องมือประมงที่อาจส่งผลกระทบต่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเล ต่อไป

ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงค์นาวาสวัสดิ์ รองคณบดี คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า โลมากระโดดสามารถพบได้ทั้งในฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน พฤติกรรมโลมากระโดด ว่าเป็นสัตว์สังคมอยู่รวมกันเป็นฝูง ส่วนมากไม่ค่อยเข้ามาในพื้นที่อ่าว และมักออกหากินเวลากลางคืน ภัยคุกคามหลักของโลมากระโดด คือ การล่าตามธรรมชาติ และมักมีปรสิตที่เกาะบริเวณผิวหนังและปรสิตที่เข้าไปในตัว สำหรับกิจกรรมมนุษย์ที่ส่งผลกระทบ ส่วนมากมาจากเครื่องมือประมงและคราบน้ำมันในทะเล ซึ่งเป็นสิ่งที่ควบคุมและจัดการได้ แต่ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งในด้านกฎหมาย นโยบาย และการมีส่วนร่วมของประชาชนและชาวประมงด้วยเช่นกัน


https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_6475835

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 27-06-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS


จับตา! อุณหภูมิน้ำทะเลภาคตะวันออกอุ่น ห่วง "ปะการังฟอกขาว"

กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ชี้ยังต้องเฝ้าระวังปะการังทะเลอ่าวไทยฝั่งตะวันออกอีก 1-4 สัปดาห์ เสี่ยงฟอกขาว แม้แนวโน้มคลื่นลมเปลี่ยน ส่งผลอุณหภูมิน้ำทะเลลดลงเหลือ 30 องศาเซลเซียสอาจช่วยคลี่คลายปัญหา



วันนี้ (26 มิ.ย.2564) ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบนฝั่งตะวันออก กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) รายงานว่า ทีมนักดำน้ำทช. ติดตามการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิน้ำทะเลโดยใช้อุปกรณ์วัดอุณหภูมิน้ำทะเล บริเวณสถานีสำรวจท่าเรือเกาะมันใน และอ่าวต้นเลียบ เกาะมันใน อ.แกลง จ.ระยอง พบว่าอุณหภูมิของน้ำทะเลทั้ง 2 จุด มีอุณหภูมิเฉลี่ยต่ำกว่า 31 องศาเซลเซียส

โดยอุณหภูมิเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากอิทธิพลของมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ โดยสถานีท่าเรือเกาะมันใน ช่วงวันที่ 16-25 มิ.ย.นี้ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 30.7 องศาเซลเซียส และสถานีอ่าวต้นเลียบ ระหว่างวันที่ 4-25 มิ.ย.นี้ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 30.69 องศาเซลเซียส

ทั้งนี้ ผลที่ได้สอดคล้องกับข้อมูลภาพจากดาวเทียม ที่แสดงแนวโน้มอุณหภูมิของน้ำทะเลและการแจ้งเตือนปะการังฟอกขาว (NOAA Satellite and Information Service, Coral Reef Watch) ในช่วงวันที่ 23 มิ.ย.นี้ พบว่าพื้นที่บริเวณชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออกของประเทศไทย อยู่ในระดับการเตือนที่ 1 หรือ "watch" จึงควรเฝ้าระวังปะการังฟอกขาวบริเวณเกาะมันใน ในอีก 1-4 สัปดาห์ข้างหน้า


https://news.thaipbs.or.th/content/305543

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 15:33


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger