เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 06-04-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันเสาร์ที่ 6 เมษายน 2567

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดโดยทั่วไปกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนถึงร้อนจัด โดยหลีกเลี่ยงการทำงานหรือการประกอบกิจกรรมในที่โล่งแจ้งเป็นระยะเวลานานไว้ด้วย ในขณะที่ลมใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งเกิดขึ้นได้ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย สำหรับลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ในขณะที่ลมตะวันตกเฉียงเหนือพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

อนึ่ง ในช่วงวันที่ 8?11 เม.ย. 67 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ประกอบกับมีลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นในระยะแรก โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ โดยจะเริ่มมีผลกระทบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคอื่นๆ จะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป

ฝุ่นละอองในระยะนี้: ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง มีการสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันอยู่ในเกณฑ์ปานกลางถึงสูง เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมในบริเวณดังกล่าวมีกำลังอ่อน


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศร้อนโดยทั่วไป กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเล็กน้อยบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 27-29 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส
ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 6 ? 7 เม.ย. 67 ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดโดยทั่วไปกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง

ส่วนในช่วงวันที่ 8 ? 11 เม.ย. 67 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ประกอบกับมีลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นในระยะแรก โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ โดยจะเริ่มมีผลกระทบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคอื่นๆ จะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป

ในช่วงวันที่ 6 ? 9 เม.ย. 67 ลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ ส่วนลมตะวันตกเฉียงเหนือพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

ส่วนในช่วงวันที่ 10 ? 11 เม.ย. 67 ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้เริ่มมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง สำหรับบริเวณอ่าวไทยตอนล่าง ทะเลมีคลื่นสูง 1 ? 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามัน ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร


ข้อควรระวัง

ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนถึงร้อนจัด โดยหลีกเลี่ยงการทำงานหรือกิจกรรมในที่โล่งแจ้งเป็นเวลานาน ตลอดช่วง ส่วนในช่วงวันที่ 8 ? 11 เม.ย. 67 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยง ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย












__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 06-04-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


ขนลุก ซากแมงกะพรุนนับพัน ตายเกลื่อนหาดเกาะผักเบี้ย กระบี่

พบซากแมงกะพรุนลอดช่องนับพัน ตายเกลื่อนหาดเกาะผักเบี้ย และลอยในทะเล เขตอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี จ.กระบี่ ชี้ไม่มีพิษ แต่ไม่ควรไปสัมผัส อาจมีอาการแพ้ได้



ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.กระบี่ วันที่ 4 เม.ย. ภาพของฝูงแมงกะพรุนหลายพันตัวที่ถูกคลื่นซัดเข้าไปตามเกาะต่างๆ ในเขตอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี จ.กระบี่ ทำให้มีแมงกะพรุนลอยเต็มทะเล จนทางอุทยานฯ ต้องออกมาประกาศเตือนให้นักท่องเที่ยวระมัดระวังขณะลงเล่นน้ำ อย่าไปสัมผัสเพราะเกรงจะแพ้พิษ

ล่าสุด เช้าวันเดียวกัน บริเวณชายหาดบนเกาะผักเบี้ย ในเขตอุทยานฯ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ พบซากแมงกะพรุนนับพันตัว ถูกคลื่นซัดมากองเรียงรายเต็มแนวชายหาด โดยเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ถ่ายไว้ขณะนำเรือตรวจการณ์ออกสำรวจความเรียบร้อยในพื้นที่ ซึ่งแมงกะพรุนดังกล่าวเรียกว่า แมงกะพรุนลอดช่อง ลักษณะเป็นวุ้นใส ขนาดตั้งแต่ 3-5 นิ้ว กองเรียงรายตามริมชายหาด ระยะทาง 200-300 เมตร โดยเช้านี้พบมากที่เกาะผักเบี้ยหลังน้ำทะเลลด ขณะตามจุดเล่นน้ำที่เกาะเหลาลาดิง และเกาะห้อง ยังมีแมงกะพรุนจำนวนมากเช่นกัน ทางอุทยานฯ ต้องคอยประชาสัมพันธ์เตือนนักท่องเที่ยวเพื่อความปลอดภัย ขณะที่บางส่วนเลี่ยงที่จะลงเล่นน้ำ แต่นอนอาบแดดตามชายหาดแทน เพราะกลัวจะไปสัมผัสแมงกะพรุนแล้วเกิดอาการแพ้

นายศิริวัฒน์ สืบสาย หน.อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี เผยว่า ภาพซากแมงกะพรุนดังกล่าว ตรวจพบเช้าวันนี้ที่เกาะผักเบี้ย ซึ่งเป็นช่วงที่น้ำทะเลลด เจ้าหน้าที่ต้องเร่งจัดเก็บนำไปฝังกลบ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้จะส่งกลิ่นเหม็นเน่า คาดว่าในช่วงบ่ายแมงกะพรุนจำนวนมากจะเปลี่ยนทิศทางไปตามกระแสน้ำไปเข้าที่เกาะห้อง แม้แมงกะพรุนลอดช่องชนิดนี้ไม่มีพิษรุนแรง แต่ก็ไม่ควรไปสัมผัสหรือจับเล่น เพราะบางคนอาจเกิดอาการแพ้ได้ ช่วงนี้จึงยังไม่เหมาะจะลงเล่นน้ำ เพราะยังมีแมงกะพรุนลอยเข้ามาอีกจำนวนมาก สถานการณ์น่าจะดีขึ้นเมื่อกระแสลมเปลี่ยนทิศ.


https://www.thairath.co.th/news/local/south/2775983

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 06-04-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์


ผลศึกษาประเมิน "ขยะพลาสติก" เกลื่อนพื้นมหาสมุทรมากถึง 11 ล้านตัน



การศึกษาของทีมจากองค์การวิจัยวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมแห่งเครือจักรภพ (ซีเอสไออาร์โอ) ซึ่งเป็นหน่วยงานวิทยาศาสตร์ของออสเตรเลีย และมหาวิทยาลัยโทรอนโตของแคนาดา คาดว่า มีขยะพลาสติกมากถึง 11 ล้านตันอยู่บนพื้นมหาสมุทร จากการใช้แบบจำลองคาดการณ์สองแบบ เพื่อประเมินปริมาณและการกระจายตัวของพลาสติกบริเวณพื้นมหาสมุทร

สำนักข่าวซินหัวรายงานจากกรุงแคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 5 เม.ย. ว่านายเดนิส ฮาร์เดสตี นักวิจัยอาวุโสประจำซีเอสไออาร์โอ กล่าวว่า ตัวเลขดังกล่าวเป็นการประเมินจำนวนขยะพลาสติกที่จมลงสู่พื้นมหาสมุทร และตำแหน่งที่ขยะกองรวมกันครั้งแรกของโลก พร้อมทั้งเสริมว่า เรารู้ว่ามีขยะพลาสติกหลายล้านตันถูกทิ้งลงสู่มหาสมุทรทุกปี แต่ไม่เคยทราบว่า จำนวนขยะที่จมลงสู่พื้นมหาสมุทรนั้นมีมากเท่าใด

ฮาร์เดสตีกล่าวว่า พื้นมหาสมุทรได้กลายมาเป็นแหล่งกักเก็บขยะพลาสติกส่วนใหญ่ โดยคาดว่ามีพลาสติก 3-11 ล้านตันจมลงสู่พื้นมหาสมุทร ซึ่งการคาดการณ์ดังกล่าว อ้างอิงข้อมูลจากยานยนต์ใต้น้ำควบคุมระยะไกล และการตรวจสอบบริเวณด้านล่างพื้นมหาสมุทร

ข้อมูลจากยานยนต์ใต้น้ำควบคุมระยะไกล ระบุว่า มวลพลาสติกบนพื้นมหาสมุทรกระจุกตัวอยู่ตามทวีปต่าง ๆ โดยร้อยละ 46 กองอยู่ที่ระดับความลึกไม่ถึง 200 เมตร ส่วนอีกร้อยละ 54 อยู่ที่ระดับความลึกระหว่าง 200-11,000 เมตร

ทั้งนี้ การวิจัยดังกล่าวคาดการณ์ว่า ทะเลภายในแผ่นดินซึ่งครอบคลุมร้อยละ 11 ของพื้นผิวโลก มีมวลพลาสติกมากเทียบเท่ากับมหาสมุทร ซึ่งครอบคลุมร้อยละ 56 ของพื้นที่ผิวโลก.

ข้อมูล : XINHUA


https://www.dailynews.co.th/news/3320523/

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 06-04-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ


ประมงรุดตรวจคุณภาพน้ำโขงหลังรถสารเคมีคว่ำในลาว พบปลอดภัยไม่มีสารเคมีตกค้าง



หนองคาย-ประมงจังหวัดหนองคาย นำเจ้าหน้าที่รุดตรวจสอบคุณภาพน้ำในแม่น้ำโขง หลังเกิดเหตุรถบรรทุกสารเคมีพลิกคว่ำในลาว ทำกรดซัลฟิวริกไหลลงแม่น้ำโขง ผลตรวจปลอดภัยดี ไม่มีสารเคมีตกค้าง แจ้งประชาชนสบายใจ เหตุระยะทางกว่าจะมาถึงหนองคาย 400 กิโลเมตร น้ำโขงระดับต่ำสารเคมีตกตะกอนก่อนและเจือจางแล้ว น้ำโขงยังใช้ประโยชน์ในทุกด้านตามปกติ

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ได้ออกประกาศแจ้งเตือนเฝ้าระวังผลกระทบจากคุณภาพน้ำในแม่น้ำโขง จากการที่ สปป.ลาว แจ้งเตือนประชาชนเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2567 กรณีรถบรรทุกสารเคมีพลิกคว่ำ ทำให้กรดซัลฟิวริกไหลลงสู่แม่น้ำคาน บริเวณแขวงหลวงพระบาง สปป.ลาว เหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 เม.ย.2567 ซึ่งระยะทางจากจุดเกิดเหตุห่างจาก อ.เชียงคาน จ.เลย ประมาณ 293 กิโลเมตร

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามสถานการณ์น้ำโขงพบว่าสารเคมีจะเคลื่อนตัวผ่านเขื่อนไชยะบุรี วันที่ 5 เมษายน 2567 ซึ่งจะทำให้สารเคมีเจือจางลง จากนั้นจะเคลื่อนตัวลงสู่ประเทศไทย ด้าน จ.เลย ช่วงวันที่ 8-10 เม.ย.2567 จากการประเมินเบื้องต้นคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพน้ำแม่น้ำโขงในประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม วันนี้ (5 เม.ย.67) ดร.สุทัศน์ เผือกจีน ประมงจังหวัดหนองคาย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดหนองคาย, ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดหนองคาย, ทหารชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือน กองกำลังสุรศักดิ์มนตรีที่ 205 และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เกษตรกรผู้เลี้ยงปลากระชังในแม่น้ำโขง และชาวบ้านในพื้นที่ ได้ร่วมกันติดตามสถานการณ์น้ำโขง

ดร.สุทัศน์ เผือกจีน ประมงจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดหนองคาย ได้ทำการตรวจสอบคุณภาพน้ำในแม่น้ำโขง โดยการเก็บตัวอย่างและนำมาวิเคราะห์คุณภาพของน้ำ ด้านเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ด้านประมง ตัวที่บ่งบอกสารเคมีกรดซัลฟิวริกจะมีค่าเป็นกรดสูง ค่าpH (ค่าความเป็นกรดด่าง) ประมาณ 3-4 แต่ค่า pH ในแหล่งน้ำทั่วไปในแม่น้ำโขงจะอยู่ที่ 7-9 เป็นตัวเลขปกติ

ผลการวิเคราะห์ในวันนี้พบว่า ค่าpH อยู่ที่ 8 เป็นค่าปานกลาง ปกติ ส่วนคุณภาพน้ำตัวอื่น เช่น ค่าออกซิเจน ค่าแอมโมเนีย ค่าไนไตรไนเตรท ซึ่งเป็นค่าตัวเลขเหมาะสมกับการเลี้ยงสัตว์น้ำมีค่าเป็นศูนย์ คือไม่มีสารพิษ ส่วนค่าความเป็นกรดอัลทิลิตี้ อยู่ในค่าเหมาะสม ดังนั้นภาพรวมคุณภาพน้ำแม่น้ำโขงปกติ ยังปลอดภัยดี จุดที่เกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ มีระยะทางห่างจาก จ.หนองคาย ประมาณ 400 กม. และมีเขื่อนกั้นอีก

ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนได้สบายใจ เพราะระยะทางห่างไกล สารเคมีที่ไหลลงจะตกตะกอนจากตอนบนหมดแล้ว เมื่อน้ำไหลมาถึงหนองคายแทบจะไม่มีสารเคมีหลงเหลือหรือถ้ามีก็เล็กน้อยมากซึ่งไม่มีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิต อีกประการหนึ่งคือช่วงนี้หน้าแล้ง น้ำโขงจะน้อย น้ำไหลช้า สารเคมีจะตกตะกอน ไหลช้า โอกาสมาถึงหนองคายแทบไม่มีเลย ดังนั้นจึงไม่น่าเป็นห่วง

กระนั้นก็ตาม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจังหวัดหนองคายไม่ได้นิ่งนอนใจ จะเร่งทำความเข้าใจกับประชาชนถึงความปลอดภัยและจะยังคงเฝ้าติดตามประมาณ 1 สัปดาห์ ตอนนี้ปลอดภัยและมั่นใจว่าจะไม่มีผลกระทบต่อประชาชนลุ่มน้ำโขงที่หนองคายแต่อย่างใด.


https://mgronline.com/local/detail/9670000030193

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 06-04-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ


"ปะการังฟอกขาว" ขยายคุกคามแนวปะการังหลักในเขตร้อน NOAA ชี้โอกาสเกิด 90%


เครดิตภาพ : รอยเตอร์

องค์การบริหารมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา หรือ NOAA ส่งสัญญาณเตือนมาตั้งแต่ต้นมี.ค.ที่ผ่านมาว่า โลกจวนจะเกิดเหตุการณ์ปะการังฟอกขาวครั้งใหญ่เป็นรอบที่ 4 อาจส่งผลต่อแนวปะการังเขตร้อนตายเป็นวงกว้าง นั่นรวมถึงบางส่วนของแนวปะการังใหญ่ที่สุดในโลก "เกรตแบร์ริเออร์รีฟ" ด้วย

พร้อมกับคาดการณ์ว่าการฟอกขาวของปะการังจะยังคงดำเนินต่อไปในบริเวณแนวปะการังหลักๆ หลายแห่ง เนื่องจากคลื่นความร้อนในทะเลที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีระบบนิเวศแนวปะการังที่ใหญ่ที่สุดในโลก คือ Great Barrier Reef ของออสเตรเลีย ก็เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบหนักที่สุด

ตามการคาดการณ์ของ NOAA ระบุพื้นที่แนวปะการังในเส้นศูนย์สูตรตอนกลางและแปซิฟิกตะวันตกเฉียงใต้ และมหาสมุทรอินเดียตะวันตก อยู่ในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบเลวร้ายที่สุด นั่นรวมถึงแนวโน้มของแนวปะการัง Great Barrier Reef ในออสเตรเลีย ซึ่งภายในระยะ 4 เดือนข้างหน้า (มี.ค.-มิ.ย.2024) มีโอกาสเกิดการฟอกขาวสูงถึง 90%

เหตุใดจึงสำคัญ : แนวปะการังมีอยู่ในกว่า 100 ประเทศและดินแดน และสนับสนุนพันธุ์สัตว์ทะเลอย่างน้อย 25% ทำให้เกิดความมั่นคงด้านอาหารและเศรษฐกิจสำหรับผู้คนหลายร้อยล้านคน

ระดับภัยคุกคาม : "เรามั่นใจที่จะบอกว่าเหตุการณ์ปะการังฟอกขาวขนาดใหญ่ที่แพร่หลายกำลังเกิดขึ้น" เดเร็ก แมนเซลโล นักนิเวศวิทยา ผู้ประสานงานโครงการ Coral Reef Watch (CRW) ของ NOAA กล่าวในแถลงการณ์

แนวโน้มในระยะ 4 เดือนข้างหน้า (มี.ค.-มิ.ย.2024) ของ CRW : ชี้ให้เห็นว่าสภาพแวดล้อมแนวปะการังเกือบทั้งหมดในซีกโลกใต้มีแนวโน้มที่จะเผชิญกับความเครียดจากความร้อนในระดับการฟอกขาว

"หากสิ่งนี้เกิดขึ้น มีเพียงหมู่เกาะออสตราล (ในเฟรนช์โปลินีเซีย) เท่านั้นที่มีแนวโน้มที่จะรอดพ้นจากความเครียดจากความร้อนในระดับการฟอกขาวในปีนี้" แมนเซลโลกล่าว

"หากสภาวะปัจจุบันยังคงมีอยู่และรุนแรงขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ CRW คาดการณ์ไว้ในช่วง 4 เดือนข้างหน้า เราอาจจะได้เห็นเหตุการณ์ฟอกขาวทั่วโลกในอีกไม่กี่สัปดาห์หรือหลายเดือนข้างหน้านี้"

สถิติอันน่าทึ่ง: จากการค้นพบใหม่จาก Copernicus Climate Change Service ก็คือเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ที่ผ่านมามีอุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลเฉลี่ยทั่วโลกร้อนที่สุด เท่าที่บันทึกไว้ในข้อมูลย้อนหลังไปถึงปี 1940


"เกรทแบร์ริเออร์รีฟ" ก็ยากที่จะรอด

ในออสเตรเลีย เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานอุทยานทางทะเลเกรทแบร์ริเออร์รีฟ ได้ออกมายืนยัน (เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา) ว่า "เหตุการณ์ปะการังฟอกขาวที่แพร่หลายเป็นวงกว้างกำลังเกิดขึ้นทั่วแนวปะการังแห่งนี้แล้ว"

หน่วยงานได้รับการแจ้งเตือนเรื่องการฟอกขาวจากบริเวณแนวปะการังอื่นๆ ทั้งหมด และนักวิจัยยังคงดำเนินการสำรวจใต้น้ำทั่วทั้งระบบนิเวศ ซึ่งทอดยาวประมาณ 1,400 ไมล์

นี่เป็นเหตุการณ์ฟอกขาวครั้งที่ 5 ในรอบ 8 ปีที่ผ่านมา และกำลังเกิดเป็นครั้งที่ 7 นับตั้งแต่ปี 1998 (เหตุการณ์ฟอกขาวครั้งใหญ่เกิดขึ้น ปี 1998, 2002, 2016, 2017, 2020 และ 2022)

เทอร์รี ฮิวจ์ ศาสตราจารย์ด้านชีววิทยาทางทะเลที่มหาวิทยาลัยเจมส์ คุกของออสเตรเลีย กล่าวว่าความเครียดจากความร้อนที่สะสมตามแนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา (มีนาคม 2024)

"หากสิ่งนี้ดำเนินต่อไปอีกหนึ่งหรือสองสัปดาห์ มันจะเกินระดับความร้อนเช่นเดียวกับ 6 เหตุการณ์ก่อนหน้านี้" เขากล่าว

กรณีตัวอย่าง: แนวปะการังของรัฐฟลอริดา "น่าเสียดายที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยที่สร้างความเครียดหลายอย่าง โดยความเครียดจากความร้อนที่สร้างสถิติล่าสุดคือผลกระทบล่าสุด? แมนเซลโล กล่าว

NOAA ได้ดำเนินโครงการฟื้นฟูแนวปะการังเพื่อตอบสนองต่อการใช้ "เทคนิคการฟื้นฟูที่ล้ำสมัยเพื่อให้แน่ใจว่าปะการังสายพันธุ์หลักยังคงมีส่วนสำคัญต่อไป" ต่อระบบนิเวศและเศรษฐกิจของฟลอริดา เขากล่าว

วิธีการทำงาน: โดยเฉพาะปะการังน้ำอุ่นถือเป็นสายพันธุ์แนวหน้าที่กำลังเผชิญกับภาวะโลกร้อน เนื่องจากมีช่วงอุณหภูมิที่แคบมากซึ่งพวกมันสามารถดำรงชีวิตและอยู่รอดได้

เมื่อน้ำอุ่นเกินไป ปะการังจะไล่สาหร่ายที่อาศัยอยู่ในเนื้อเยื่อออกมา ซึ่งทำให้พวกมันกลายเป็นสีขาวน่ากลัวในกรณีที่เรียกว่า "การฟอกขาวของปะการัง"

ทั้งนี้ปะการังฟอกขาวมีความเสี่ยงต่อโรคและการตาย NOAA ระบุว่าสิ่งนี้สามารถนำไปสู่การเสียชีวิตได้ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ผู้สังเกตการณ์ของสหประชาชาติได้พิจารณาให้แนวปะการังเกรทแบร์ริเออร์รีฟเป็นสถานที่ขึ้นทะเบียนมรดกโลกแห่งแรกที่ถูกเพิ่มเข้าใน "รายชื่อที่ตกอยู่ในอันตราย" เนื่องจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศภายหลังเหตุการณ์การฟอกขาวครั้งใหญ่

เมื่อปีที่แล้วตัดสินใจไม่ทำเช่นนั้น แต่เตือนว่าแนวปะการังอันโด่งดังแห่งนี้ยังอยู่ภายใต้ ?ภัยคุกคามร้ายแรง? เนื่องจากน้ำทะเลที่ร้อนจัดบางแห่งทั่วโลกเกิดจากเหตุการณ์เอลนีโญที่รุนแรงในมหาสมุทรแปซิฟิกเขตร้อนบริเวณเส้นศูนย์สูตร แต่เหตุการณ์นั้นเริ่มลดลงแล้ว

อย่างไรก็ตาม NOAA คาดการณ์ถึงความเป็นไปได้ที่เหตุการณ์ลานีญา จะก่อตัวขึ้นในช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วง เหตุการณ์นี้มีน้ำเย็นกว่าปกติในเขตร้อนแปซิฟิกตะวันออก และหากเกิดเหตุการณ์ใหม่ขึ้น ก็สามารถช่วยลดความเครียดจากความร้อนในมหาสมุทรสำหรับบางส่วนได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด สำหรับแนวปะการังที่มีความร้อนสูงเกินไป ณ ปัจจุบัน

อ้างอิง
-https://www.axios.com/2024/03/07/coral-reef-bleaching-great-barrier-ocean-warming-noaa
-https://www.reuters.com/business/environment/world-brink-fourth-mass-coral-reef-bleaching-event-noaa-says-2024-03-05/



https://mgronline.com/greeninnovatio.../9670000029972
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 20:53


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger