เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 10-11-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2566

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังอ่อนยังคงปกคลุมภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทย ทำให้บริเวณดังกล่าวมีหมอกในตอนเช้า ในขณะที่มีลมตะวันออกพัดปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคกลางตอนล่าง และภาคใต้ ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณชายฝั่งประเทศมาเลเซีย ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคใต้ตอนล่าง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

สำหรับบริเวณอ่าวไทย และทะเลอันดามัน ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองในระยะนี้ไว้ด้วย

อนึ่ง ในช่วงวันที่ 11 ? 14 พ.ย. 66 ภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ตอนล่าง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณชายฝั่งประเทศมาเลเซีย ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 10 ? 11 พ.ย. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้มีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีหมอกในตอนเช้า ในขณะที่มีคลื่นกระลมฝ่ายตะวันออกพัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้ และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่ง

ส่วนในช่วงวันที่ 12 ? 15 พ.ย. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนจะมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และมีฝนตกหนักบางแห่งเกิดขึ้นได้ในระยะแรก หลังจากนั้นฝนจะลดลง โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิจะลดลง 1 - 3 องศาเซลเซียส ส่วนภาคเหนือ อุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย

สำหรับในช่วงวันที่ 10 - 11 พ.ย. 66 คลื่นลมบริเวณอ่าวไทย และทะเลอันดามันมีกำลังอ่อน โดยมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 12 - 15 พ.ย. 66 บริเวณอ่าวไทยทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร


ข้อควรระวัง

ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงที่อาจจะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้งใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย สำหรับประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม สำหรับชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วยตลอดช่วง






__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 10-11-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์


หาดูยาก! คลิปภูเขาไฟใต้น้ำปะทุ พ่นลาวา-ขี้เถ้า กลายเป็นเกาะเกิดใหม่

เกาะแห่งใหม่ล่าสุดในท้องทะเล เพิ่งถือกำเนิดนอกชายฝั่งประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากการปะทุของภูเขาไฟใต้น้ำที่พ่นลาวาและขี้เถ้าออกมาเป็นจำนวนมาก



ภูเขาไฟใต้ทะเลแปซิฟิกนอกชายฝั่งของญี่ปุ่น บริเวณหมู่เกาะโบนิน หรือในชื่อญี่ปุ่นว่าหมู่เกาะโองะซะวะระ เริ่มปะทุมาตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค. 2566 และพ่นทั้งขี้เถ้าและลาวา ออกมาเป็นจำนวนมาก?

องค์ประกอบของดินจำนวนมหาศาล ที่ภูเขาไฟใต้น้ำลูกนี้ปล่อยออกมา ได้ก่อตัวกลายเป็นต้นกำเนิดของเกาะแห่งใหม่ล่าสุดของโลก

เซตซึยะ นาคาดะ นักภูเขาไฟวิทยาจากมหาวิทยาลัยโตเกียว ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์เจแปนไทมส์ว่า การปะทุขึ้นมาของภูเขาไฟใต้น้ำ ซึ่งก่อให้เกิดเกาะกลางทะเลแห่งใหม่นี้ เริ่มจากการพ่นแมกมาหรือหินเหลวร้อน ๆ ที่มีลักษณะข้นหนืดออกมาในแนวตั้ง และพุ่งทะลุขึ้นมาเหนือผิวน้ำ?

หลังจากนั้น การปะทุของภูเขาไฟก็ดำเนินต่อไปพร้อมกับการระเบิดออกอย่างต่อเนื่อง แมกมาที่ถูกพ่นออกมา จะตกลงสู่ทะเล กลายเป็นลาวา ซึ่งจะเข้าไปรวมตัวกับเศษชิ้นส่วนของหินภูเขาไฟ และก่อตัวตั้งยอดขึ้นมาเหนือผิวน้ำ

เมื่อมาถึงวันที่ 3 พ.ย. 2566 ภูเขาไฟใต้น้ำลูกนี้ ก็เปลี่ยนจากการพ่นลาวา มาเป็นการพ่นขี้เถ้าออกมาแทน

เกาะใหม่แห่งนี้ ตั้งโดดเด่นเห็นชัดได้จากเกาะอิโวจิมะ ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงโตเกียวไปทางใต้ราว 1,200 กม. เกาะอิโวจิมะเคยเป็นสมรภูมิรบที่สำคัญระหว่างกองทัพสหรัฐและกองทัพญี่ปุ่น ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ปัจจุบันไม่มีผู้อยู่อาศัย มีเพียงกองกำลังป้องกันประเทศญี่ปุ่นประจำการอยู่?

เกาะใหม่อยู่ห่างจากชายฝั่งราว 1 กม. วัดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ได้ประมาณ 2 กม. ขณะที่การปะทุของภูเขาไฟต้นกำเนิดเกาะ ก็ยังคงดำเนินต่อไป แม้ว่าดูเหมือนมันจะผ่านจุดปะทุสูงสุดไปแล้ว และเริ่มสงบลง

นาคาดะ กล่าว่า ปกติแล้ว การปะทุของภูเขาไฟใต้น้ำในภูมิภาคนี้ มักจะกินระยะเวลาราว 1 เดือนขึ้นไป

ข้อมูลจากการประเมินของทีมนักวิทยาศาสตร์ระบุว่า มีภูเขาไฟใต้น้ำทั่วโลกอยู่มากกว่า 1 ล้านแห่ง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นภูเขาไฟที่ดับแล้ว และบางส่วนก็อยู่ลึกมาก จนไม่สามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่าเมื่อมีการปะทุ?

มนุษย์เพิ่งสามารถตรวจพบการปะทุของภูเขาไฟใต้น้ำได้ เมื่อไม่กี่สิบปีมานี้เอง ส่วนโอกาสที่จะได้เห็นเกาะแห่งใหม่ถือกำเนิดจากการปะทุของภูเขาไฟใต้น้ำนั้น มีน้อยยิ่งกว่าน้อย?

ตัวอย่างเกาะที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟใต้น้ำที่เก่าแก่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง ก็คือหมู่เกาะฮาวาย ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อหลายล้านปีก่อน

ในปี 2558 เคยมีเกาะแห่งใหม่ถือกำเนิดในทางตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิกจากการปะทุของภูเขาไฟใต้น้ำ และได้กลายเป็นแหล่งศึกษาที่สำคัญของนักธรณีวิทยา, นักภูเขาไฟวิทยา, นักชีววิทยา และนักนิเวศวิทยา

แต่ในปี 2565 เกาะแห่งนี้ก็หายไป เนื่องจากมีการปะทุรอบใหม่ของภูเขาไฟใต้น้ำ ที่กลายเป็นตัวการทำลายเกาะ

ส่วนเกาะน้องใหม่ใกล้เกาะอิโวจิมะนี้ นาคาดะ มีความเห็นว่า ถ้าหากการปะทุของภูเขาไฟใต้น้ำยังคงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ก็เป็นไปได้อย่างมาก ที่มันจะรวมตัวเข้ากับเกาะอิโวจิมะในที่สุด ซึ่งต้องเฝ้าสังเกตกันต่อไป

ที่มา : sciencealert.com


https://www.dailynews.co.th/news/2883657/


******************************************************************************************************


ไทยพลาดจัดการนํ้าไม่เต็มที่ ทั่วโลกเสียนํ้าสะอาดต้องเร่งรับมือ



ในรายงานบริหารจัดการการขาดแคลนนํ้าในเอเชียแปซิฟิก ขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือเอฟเอโอ ระบุว่า ประเทศไทยประสบปัญหาความผันแปรที่สูงขึ้นของปริมาณนํ้าในทุกภาค รูปแบบของฝนตกในฤดูมรสุมที่ไม่แน่นอนทำให้มีนํ้าน้อยลงในช่วงหน้าแล้ง

นํ้าฝนอาจจะลดลงในช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่มีการปลูกข้าวมาก ทำให้ภาคกลาง เหนือ และตะวันออกเฉียงเหนือมีปัญหานํ้าไม่พอใช้ ในขณะที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกมีความต้องการใช้นํ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ในด้านคุณภาพของนํ้าประเทศไทยมีปัญหาการปนเปื้อนนํ้าจากภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม และประชากรที่อยู่อาศัยหนาแน่นในพื้นที่ โดยพื้นที่นอกกรุงเทพฯ มีอัตราการบำบัดนํ้าเสียตํ่า นอกจากนี้ความแล้งที่เกิดบ่อยขึ้นทำให้นํ้าเค็มรุกรานแหล่งนํ้าจืดสำคัญเช่น แม่นํ้าเจ้าพระยา ซึ่งปัญหาด้านนํ้าจะส่งผลกระทบต่อภาคเกษตรกรรมของประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้ใช้นํ้าสูงถึง 90.4% ของปริมาณการใช้นํ้าจืดทั้งหมด เทียบกับเวียดนาม 94.8% ลาว 95.9% กัมพูชา 94% และเมียนมา 88.6% เทียบกับค่าเฉลี่ย 70% ทั่วโลก

รายงานยังระบุว่า ประเทศไทยได้ออกพระราชบัญญัติทรัพยากรนํ้า พ.ศ. 2561 ช่วยเชื่อมโยงการบริหารจัดการนํ้าระหว่างหน่วยงานรัฐบาล 48 แห่ง แต่เดิมมีการทำงานและเป้าหมายที่ซํ้าซ้อน และมีการมองบริบทการบริหารจัดการนํ้าที่แตกต่างกัน ต่อมาคณะรัฐมนตรีใด้อนุมัติแผนแม่บทในการบริหารจัดการนํ้าปี 2561-2580 มีเป้าหมายสร้างความมั่นคงทางนํ้า บนการคาดการณ์ที่ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชียจัดทำร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในประเทศไทย


เปิดจุดอ่อน-จุดแข็งไทย

การวางกลยุทธ์และนโยบายอย่างเป็นระบบ และการปฏิรูปสถาบันที่เกี่ยวข้องในการบริหารนํ้าเป็นจุดแข็งของประเทศไทย แผนวิสัยทัศน์ด้านนํ้าที่เริ่มนำมาใช้ในปี 2543 ทำให้การทำงานระหว่าง 7 กระทรวงที่เกี่ยวข้องกับนํ้าไปในทิศทางเดียวกัน อีกทั้งประเทศไทยมีการตอบสนองอย่างดีต่อภัยแล้งที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน

แต่จุดอ่อนคือผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ยังมีส่วนร่วมได้ไม่ทั่วถึงในกระบวนการปฏิรูปการใช้นํ้าของประเทศ และการวางแผนในระดับลุ่มนํ้ายังกระจัดกระจาย เนื่องจากขาดอำนาจและงบประมาณที่มีไม่เพียงพอ และการประเมินผลของการดำเนินนโยบายอย่างเป็นระบบยังไม่มีคุณภาพพอ

รายงานเสนอแนะให้เพิ่มการสนับสนุนทั้งในด้านการปฏิบัติงานและการเงินแก่คณะกรรมการลุ่มนํ้าซึ่งมีการทำงานที่ยังขาดความเชื่อมโยง ในสถานการณ์ที่มีการแก่งแย่งใช้นํ้าจากภาคส่วนต่าง ๆ ตลอดจนปรับปรุงความร่วมมือระหว่างสถาบัน เพื่อลดการทับซ้อน พัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรและประชาชนเข้าถึงนํ้าได้เพียงพอในฤดูแล้ง

ประเทศในเอเชียแปซิฟิกต้องเร่งปรับปรุงการบริหารนํ้า ผ่านความร่วมมือของภาครัฐ ภาคเอกชน และเกษตรกร เพราะคาดว่าภูมิภาคนี้จะประสบการขาดแคลนนํ้าเพิ่มขึ้น โดยความต้องการนํ้าจะเพิ่มขึ้นมาตามการเติบโตของจำนวนประชากร เศรษฐกิจ และการขยายของเมือง รวมถึงการบริโภคสินค้าทางการเกษตรที่ต้องใช้นํ้ามากในการผลิต เช่น เนื้อสัตว์ และการใช้นํ้าจากภาคบริการในเขตเมือง


นํ้าจืดน้อยปนเปื้อนเยอะ

ฤดูฝนที่สั้นลง หรือมีฝนตกอย่างรุนแรงซึ่งนำไปสู่นํ้าท่วม การปนเปื้อนของระบบสุขอนามัย พืชผลเสียหาย และการเติบโตอย่างรวดเร็วของแพลงก์ตอน บางพื้นที่เกิดฤดูแล้งที่ยาวนานขึ้น นำมาสู่ภัยแล้ง อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นทำให้เกิดการระเหยของนํ้าที่รวดเร็วขึ้น ทำให้มีนํ้าจืดน้อยลงสำหรับการเพาะปลูก การชลประทาน และการบริโภค การเพิ่มขึ้นของระดับนํ้าทะเลทำให้นํ้าเกลือรุกลํ้าเข้ามายังแหล่งนํ้าใต้ดิน

ตามคาดการณ์ของเอฟเอโอ ระบุว่า ทั่วโลกจะมีความต้องการนํ้าจืดที่มากกว่าปริมาณถึง 40% ภายในปี พ.ศ. 2573 สำหรับเอเชีย จากการเพิ่มขึ้นของประชากรและการขยายตัวของเมือง เอฟเอโอประมาณการประชากรมากกว่า 55% จะอาศัยอยู่ในเขตเมือง ทำให้ความต้องการนํ้าเพิ่มขึ้นประมาณ 55% การใช้นํ้าในการผลิตอาหารที่จำเป็นต่อประชากรแต่ละคนเท่ากับ 3,000 ลิตรต่อวัน เทียบกับการดื่มอย่างเดียว 2 ลิตรต่อวัน

99% ของนํ้าจืดบนโลกนี้เป็นนํ้าใต้ดิน ในภูมิภาคเอเชียคุณภาพนํ้าคาดว่าจะเสื่อมโทรมลงอย่างรุนแรง จากการใช้ปุ๋ย และยาฆ่าแมลงอย่างไม่ระมัดระวัง และการขาดการบำบัดนํ้าเสียที่ดีเพียงพอ


หัวใจหาจุดสมดุลภาคเกษตร-อุตฯ

"ฉู ดองหยู" ผู้อำนวยการใหญ่ เอฟเอโอ กล่าวว่า ประเทศต่าง ๆ ควรสร้างธรรมาภิบาลในการใช้นํ้า การกำหนดต้นทุนนํ้า กฎเกณฑ์สำหรับการจัดสรรทรัพยากรนํ้าให้ภาคส่วนต่าง ๆ อย่างเหมาะสม และมีมาตรการจูงใจสำหรับการใช้นํ้าอย่างยั่งยืน เราต้องมีการบริหารจัดการนํ้าที่เชื่อมโยงกัน โดยสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่บริหารจัดการนํ้า ที่ดิน และทรัพยากรอื่น ๆ ทั้งในระดับชาติและระดับภูมิภาค ประเทศต่าง ๆ ควรลงทุนเพื่อสร้างกลไกบริหารจัดการนํ้าที่มีประสิทธิภาพ นวัตกรรม ซึ่งรวมถึงเทคโนโลยีการชลประทาน และการกักเก็บนํ้าสมัยใหม่ การแก้ปัญหาบนพื้นฐานของวิทยาศาสตร์ เพื่อตอบสนองต่อการแย่งชิงนํ้าจากภาคผลิต ภาคอาหาร และภาคพลังงาน

"หัวใจของการทำงานในด้านนี้คือการหาจุดสมดุล ระหว่างปริมาณนํ้าที่ใช้ในภาคการเกษตรและภาคอื่น ๆ ที่มาจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่งการขยายตัวของเมืองที่รวดเร็วขึ้น"


โลกสูญเสียนํ้าจืดครั้งใหญ่

?ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ทรัพยากรนํ้าจืดบนโลกสูญเสียไปประมาณ 1 ใน 5 ของนํ้าจืดทั้งหมด ในบางภูมิภาคการสูญเสียนํ้าจืดอยู่สูงถึง 1 ใน 3 นอกจากนี้ยังมีความท้าทายจากการปนเปื้อนของแหล่งนํ้า การขุดเจาะนํ้ามาใช้มากเกินไป และการขาดความร่วมมือในการบริหารจัดการ เพราะฉะนั้นการรับมือกับวิกฤติสภาพอากาศด้วยการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ ทำให้เกิดผลกระทบอันใหญ่หลวงกับสิ่งแวดล้อม และสังคม

เอฟเอโอแนะนำให้ประเทศต่าง ๆ พิจารณาทางออกที่เป็นธรรมชาติในการบริหารจัดการนํ้า เช่นโครงการระบายนํ้าขนาดเล็ก

นอกจากนี้รัฐบาลต่าง ๆ ต้องเร่งดำเนินการให้การผลิตอาหารและสินค้าโภคภัณฑ์ทางการเกษตรใช้นํ้าน้อยลง อนุรักษ์ระบบที่เกี่ยวกับดินและนํ้า มีการลงทุนด้านเทคโนโลยี การชลประทาน การกำจัดนํ้าเสีย และการนำนํ้ากลับมาใช้ใหม่


ทุกภาคต้องได้ความมั่นคงนํ้าเท่าเทียม

เอฟเอโอแนะนำให้ประเทศต่าง ๆ ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างประชากรแต่ละกลุ่มต่อการใช้นํ้า ไม่ว่าจะเป็นการใช้ตามกรอบกฎหมายทางการ หรือไม่เป็นทางการ เพื่อให้กลุ่มต่าง ๆ รวมถึงคนในชนบท และกลุ่มชาติพันธุ์ได้มีความมั่นคงทางนํ้าเท่าเทียมกัน ภาคเอกชนสามารถนำการเปลี่ยนแปลง โดยกระตุ้นให้มีการใช้นํ้าอย่างยั่งยืน ลดการปนเปื้อนด้วยมลพิษของนํ้าตลอดห่วงโซ่อาหาร และปรับปรุงธรรมาภิบาลด้านนํ้าในทุกระดับ

ชาวนาจะต้องมีข้อมูลและเครื่องมือที่ถูกต้องในการบริหารนํ้าอย่างยั่งยืน เนื่องจากต้องพึ่งพานํ้า ในขณะที่ประชาชนทั่วไปควรเลือกบริโภคสินค้าอาหารด้วยความตระหนักถึงทรัพยากรนํ้า เช่นเลือกอาหารที่ผลิตในประเทศ ตามฤดูกาลและใช้นํ้าน้อย รวมถึงการลดการสูญเสียอาหาร และป้องกันการปนเปื้อนของสารพิษในนํ้า


https://www.dailynews.co.th/news/2878309/

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 10-11-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ


ลงเสาเอกแล้ว! ระเบียงกระจก หาดสุรินทร์ ต้นปี 68 ภูเก็ตมีแลนด์มาร์คแห่งใหม่

ศูนย์ข่าวภูเก็ต ? อบจ.ภูเก็ต ทำพิธีลงเสาเอกโครงการก่อสร้างระเบียงกระจก หาดสุรินทร์แล้ววันนี้ ใช้งบก่อสร้าง 196 ล้านบาท รออีก 18 เดือน หรือต้นปี 68 ภูเก็ตจะมีแลนด์มาร์คและสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ ที่จะดึงนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติเข้ามาเที่ยวเพิ่มขึ้น



เมื่อเวลา 09.09 น. วันนี้ (9 พ.ย. 66 ) องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต จัดให้มีพิธีลงเสาเอกโครงการก่อสร้างโครงการระเบียงกระจก หาดสุรินทร์ จ.ภูเก็ต โดยมี นายอำนวย พิณสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธาน และมีนายเรวัต อารีรอบ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ผู้บริหาร สมาชิกสภา อบจ.ภูเก็ต หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่เชิงทะเล เข้าร่วม ณ พื้นที่โครงการก่อสร้างระเบียงกระจก หาดสุรินทร์ (แหลมตาหมา) ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต

โครงการระเบียงกระจก หาดสุรินทร์ นั้น เป็นหนึ่งในโครงการที่ อบจ.ภูเก็ต โดยการนำของนายเรวัต อารีรอบ ต้องการที่จะให้เกิดขึ้นในภูเก็ต เพื่อให้เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่บนเกาะภูเก็ต รวมทั้งเพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ที่จะเป็นแม่เหล็กในการดึงนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและชาวคนต่างชาติ ให้เดินทางมาท่องเที่ยวและชื่นชมกับความสวยงามของธรรมชาติของหาดสุรินทร์ ผ่านทางระเบียงกระจกแห่งนี้ รวมไปถึงเพื่อต้องการให้คนในพื้นที่เชิงทะเลและภูเก็ตมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการท่องเที่ยว

ระเบียงกระจก หาดสุรินทร์ นั้น ตั้งอยู่บนเชิงเขาลาดชัน "แหลมตาหมา" บนเนื้อที่ประมาณ 9 ไร่ ที่สามารถมองเห็นวิวทะเลอันดามันและหาดสุรินทร์ได้อย่างสวยงาม ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 196 ล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 18 เดือน ตามสัญญาจะแล้วเสร็จภายในเดือน ก.พ.25468 ภายในโครงการ

โครงการ ระเบียงกระจก หาดสุรนทร์ ออกแบบโดย บริษัท พิสุทธิ์ เทคโนโลยี จำกัด ภายใต้แนวคิดหลัก คือ ?ท้องทะเลและวิถีชีวิตชาวภูเก็ต? โดยมุ่งเน้นให้พื้นที่ออกแบบเป็นพื้นที่ของเมืองและแหล่งท่องเที่ยว โดยนำท้องทะเลกับอัตลักษณ์ของพื้นที่และวิถีชุมชนของชาวภูเก็ตเข้ามาผสมผสาน ประกอบด้วย จุดชมวิวระเบียงกระจก 2 จุด ขนาดกว้างไม่น้อยกว่า 8.30 เมตร ยาวไม่น้อยกว่า 33.90 เมตร ,หอชมวิว สูง 3 ชั้น ขนาดกว้างไม่น้อยกว่า 11.00 เมตร ยาวไม่น้อยกว่า 13.00 เมตร สูงไม่น้อยกว่า 12.45 เมตร พร้อมด้วยอาคารบริการและห้องน้ำสาธารณะ และปรับปรุงภูมิทัศน์ ก่อสร้างทางเดิน ลานกิจกรรม กำแพงกันดิน และปลูกไม้ยืนต้นไม้พุ่มไม้คลุมดิน

อย่างไรก็ตาม อบจ.ภูเก็ต ยังมีโครงการที่จะก่อสร้างสะพานกระจก หรือ สกายวอล์ก ที่บริเวณเขาแดง ใกล้ๆ กับสนามฟุตบอลตำบลราไวย์ อ.เมือง จ.เก็ต เพื่อให้เป็นแลนด์มาร์คและแหล่งท่องเที่ยวใหม่ของภูเก็ต ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างได้ในเร็วๆ นี้ เช่นกัน


https://mgronline.com/south/detail/9660000100844

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 10-11-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยโพสต์


อินโดนีเซียเปิดตัวโซลาร์ฟาร์มลอยน้ำที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน

อินโดนีเซียเปิดตัวโซลาร์ฟาร์มลอยน้ำมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นฟาร์มที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อแสวงหาโอกาสมากขึ้นในการเปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม



โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ลอยน้ำที่สร้างขึ้นใหม่บนอ่างเก็บน้ำด้วยกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าสูงสุด 192 เมกะวัตต์ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลอินโดนีเซียและหน่วยงานจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่อ่างเก็บน้ำซิราตาในจังหวัดชวาตะวันตก เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน (Photo by BAY ISMOYO / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 พฤศจิกายน 2566 กล่าวว่า รัฐบาลอินโดนีเซียเปิดตัวโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ลอยน้ำ หรือโซลาร์ฟาร์มลอยน้ำ มูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3,550 ล้านบาท) ซึ่งจะเป็นฟาร์มที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อเพิ่มทางเลือกมากขึ้นในการเปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ฟาร์มโซลาร์ลอยน้ำ "ซิราตา (Cirata)" สร้างขึ้นบนอ่างเก็บน้ำขนาด 200 เฮกตาร์ (ประมาณ 1,250 ไร่) ในจังหวัดชวาตะวันตก ห่างจากเมืองหลวงจาการ์ตาประมาณ 130 กิโลเมตร โดยคาดว่าจะผลิตกระแสไฟฟ้าได้เพียงพอสำหรับแจกจ่ายให้ 50,000 ครัวเรือน

ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ของอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประธานในงานเปิดตัว กล่าวสุนทรพจน์ว่า "วันนี้เป็นวันประวัติศาสตร์ เพราะในที่สุดความฝันอันยิ่งใหญ่ของเราในการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนขนาดใหญ่ก็บรรลุผลสำเร็จแล้ว"

"เราสามารถสร้างโซลาร์ฟาร์มลอยน้ำที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก" วิโดโดกล่าว

โครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่างบริษัทไฟฟ้าแห่งชาติ Perusahaan Listrik Negara (PLN) และบริษัทพลังงานหมุนเวียน "Masdar" ในอาบูดาบี โดยใช้เวลาดำเนินการสร้างกว่า 3 ปี

โซลาร์ฟาร์มดังกล่าวประกอบด้วยแผง 340,000 แผง และตั้งอยู่ในพื้นที่เขียวชอุ่มที่ล้อมรอบด้วยนาข้าว โดยได้รับทุนสนับสนุนจากธนาคาร Sumitomo Mitsui Banking Corporation, Societe Generale และStandard Chartered

ปัจจุบันฟาร์มมีกำลังการผลิตไฟฟ้าสูงสุด 192 เมกะวัตต์ (MWp) และผลิตไฟฟ้าได้เพียงพอสำหรับจ่ายไฟฟ้าให้กับพื้นที่เมืองซิราตา

วิโดโดกล่าวว่า โครงการจะขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าสูงสุดให้เป็น 500 เมกะวัตต์ ในขณะที่เจ้าของโครงการมั่นใจว่าจะสร้างได้มากถึง 1,000 เมกะวัตต์

นอกจากนี้ ยังพยายามที่จะบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ภายในปี 2593 เพื่อแลกกับการจัดหาเงินทุนภายใต้โครงการ Just Energy Transition Partnership (JETP) มูลค่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์

ภายใต้แผนดังกล่าว อินโดนีเซียให้คำมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในภาคพลังงานให้เหลือระดับสูงสุด 250 ล้านเมตริกตันภายในปี 2573 ซึ่งจะลดลงจากระดับสูงสุดก่อนหน้านี้ที่ 290 ล้านเมตริกตัน

"เราหวังว่าจะมีการสร้างพลังงานหมุนเวียนมากขึ้นในประเทศของเรา เช่น พลังงานแสงอาทิตย์, พลังงานน้ำ, พลังงานลม และพลังความร้อนใต้พิภพ" วิโดโดกล่าว

แต่พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมแต่ละแห่งมีสัดส่วนไม่ถึงร้อยละ 1 ของพลังงานผสมในอินโดนีเซีย โดยที่ประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ยังคงพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าเป็นหลัก

อินโดนีเซียตั้งเป้าหมายที่จะขยายพลังงานหมุนเวียนเป็นร้อยละ 23 ของพลังงานผสมภายในปี 2568 แต่ก็ออกตัวว่าอาจไม่บรรลุเป้าหมายนั้นได้เนื่องจากความล่าช้าที่เกิดจากการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลได้ให้คำมั่นที่จะหยุดสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งใหม่ แต่ในทางปฎิบัติกลับเดินหน้าการก่อสร้างตามที่วางแผนไว้แล้ว แม้จะมีเสียงทักท้วงจากนักเคลื่อนไหวก็ตาม

อินโดนีเซียยังพยายามวางตำแหน่งตัวเองเป็นผู้เล่นหลักในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในฐานะผู้ผลิตนิกเกิลรายใหญ่ที่สุดของโลก

อย่างไรก็ตาม การได้มาซึ่งนิกเกิลอันเป็นส่วนประกอบสำคัญของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน กลับต้องใช้พลังงานมหาศาลจากถ่านหินในการถลุง ซึ่งจะทำให้เป้าหมายการลดมลพิษสวนทางกับเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจ.


https://www.thaipost.net/abroad-news/481664/

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 10-11-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก Nation TV


PFAS สารเคมีอมตะในเครื่องสำอางกันน้ำ ไม่เป็นมิตรทั้งสุขภาพและสิ่งแวดล้อม



การศึกษาฉบับใหม่ล่าสุด ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Environmental Science & Technology พบมีสารเคมีอมตะ PFAS ในเครื่องสำอางกันน้ำ และไม่เขียนชื่อสารนี้ในส่วนประกอบ ทำให้หลายประเทศในยุโรปห้ามขายเครื่องสำอางประเภทที่อาจเป็นภัยต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม

สำหรับสารเคมี PFAS คือกลุ่มสารเคมีกว่า 14,000 ชนิดที่ถูกเรียกรวมๆ ว่า สารเคมีตลอดกาล (Forever Chemicals) มีคุณสมบัติกันน้ำ กันคราบสกปรก และทนความร้อน มักใช้ในการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่ได้รับความนิยมจำนวนมาก และบ่อยครั้งก็รั่วไหลลงสู่น้ำดื่มและพื้นดินจากโรงงานอุตสาหกรรม โรงบำบัดน้ำเสีย หลุมฝังกลบ หรือโฟมดับเพลิงบางชนิด ด้วยความที่สารเคมีพวกนี้จะไม่สลายตัวตามธรรมชาติ มันจึงถูกเรียกว่า "สารเคมีตลอดกาล" และยังอยู่คงในร่างกายของสัตว์และคนด้วย อีกทั้งยังเชื่อมโยงกับปัญหาสุขภาพ เช่น มะเร็ง ภาวะเจริญพันธุ์ลดลง และโรคไต

University of Notre Dame ทำการวิจัยนี้ด้วยการตรวจสอบเครื่องสำอางกว่าหลายร้อยชิ้น ผลการวิจัยพบว่าโดยรวมแล้ว ประมาณครึ่งหนึ่งของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง 231 ชิ้น ที่ทดสอบมีส่วนผสมของฟลูออรีน (Fluorine) ที่เป็นตัวบ่งชี้ว่าในเครื่องสำอางเหล่านี้มีสารกลุ่ม PFAS อยู่

โดยพบในมาสคาร่าแบบกันน้ำประมาณ 80%

ในลิปสติกแบบน้ำ อายไลเนอร์ และรองพื้นประมาณ 60%

รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น คอนซีลเลอร์ อายไลเนอร์ และผลิตภัณฑ์เขียนคิ้วด้วย


งานวิจัยยังพบอีกด้วยว่า เครื่องสำอางที่มีสารนี้ส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องสำอางที่เขียนว่ากันน้ำ หรือติดทน เพราะ PFAS มีคุณสมบัติเรื่องนี้โดยเฉพาะ และเครื่องสำอางที่มีสารนี้สูงกว่าตัวอื่นๆ ก็จะเป็นมาสคาร่า รองพื้น และลิปสติกแบบน้ำ

ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์มีความกังวลเกี่ยวกับสารเคมีอมตะ PFAS ว่าสารพิษที่มีพันธะเคมีที่แข็งแกร่งหล่านี้จะไม่สามารถสลายตัวได้ตามธรรมชาติ ซึ่งสาร PFAS อย่างสารโพลีและเพอร์ฟลูออโรอัลคิลนั้นเป็นพิษกับสิ่งแวดล้อม สามารถสะสมในแม่น้ำและดินได้ในขณะที่เราล้างเครื่องสำอาง

ล่าสุด หลายประเทศในยุโรปมีการห้ามขายเครื่องสำอางประเภทนี้ ซึ่งปัจจุบันมีหลายแบรนด์ที่ปลอดสาร PFAS และได้ติดฉลากคำว่า ?PFAS-free? เพื่อเป็นเครื่องหมายแสดงว่าเครื่องสำอางตัวนี้ปราศจากสารเคมีอมตะ PFAS เนื่องจากมีหลักฐานเพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของสารเคมีเหล่านี้

อย่างไรก็ตาม ยังมีเครื่องสำอางอีกหลายตัวจำหน่ายในสหราชอาณาจักรที่ยังคงมีสารเคมีอมตะอยู่ตามคำร้องขอ Freedom of Information ที่ส่งไปยังสำนักงานสิ่งแวดล้อม


https://www.nationtv.tv/gogreen/378935274

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 16:57


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger