#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพุธที่ 19 สิงหาคม 2563
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป ร่องมรสุมยังคงพาดผ่านประเทศเมียนมา ลาว และเวียดนามตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำ บริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามันตอนบน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณดังกล่าว ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย อนึ่ง ร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศเมียนมา ลาว และเวียดนามตอนบน จะเคลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ในช่วงวันที่ 20-23 สิงหาคม 2563 กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 18 - 19 ส.ค. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทย ในขณะที่ร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ทำให้ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีการกระจายของฝนมากกว่าภาคอื่นๆ ส่วนในช่วงวันที่ 20 - 24 ส.ค. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทย ประกอบกับมีร่องมรสุม ยังคงพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง บริเวณประเทศลาว และเวียดนามตอนบนลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อน อนึ่ง พายุระดับ 3 (โซนร้อน "ฮีโกส") บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีนตอนใต้ ในช่วงวันที่ 19-20 สิงหาคม 2563 ทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 20 ? 23 ส.ค. 63 ขอให้ประชาชนในบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ระวังอันตรายจากฝนตกหนักซึ่งอาจทำให้เกิดน้ท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้ไว้ด้วย ********************************************************************************************************************************************************* ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "พายุระดับ 4 (โซนร้อนกำลังแรง) "ฮีโกส" บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน" ฉบับที่ 5 ลงวันที่ 19 สิงหาคม 2563 เมื่อเวลา 01.00 น. วันนี้ (19 ส.ค. 63) พายุระดับ 3 (โซนร้อน) "ฮีโกส" บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุระดับ4 (โซนร้อนกำลังแรง) "ฮีโกส" แล้ว และเมื่อเวลา 04.00 น. มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 21.8 องศาเหนือ ลองจิจูด 113.5 องศาตะวันออก พายุนี้ยังคงเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อย ด้วยความเร็วประมาณ 15 กม./ชม. มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 100 กม./ชม. และคาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีนตอนใต้ ในเช้าวันนี้ (19 ส.ค. 63) โดยพายุนี้อยู่ห่างจากเกาะมาเก๊า ประเทศจีน ไปทางใต้ประมาณ 35 กิโลเมตร สำหรับร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศเมียนมา ลาว และเวียดนามตอนบน จะเคลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนในช่วงวันที่ 20-23 สิงหาคม 2563
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
เศร้า! พบซากโลมากระโดดลอยเกยตื้นหาดท้ายเหมือง พังงา - พบซากโลมากระโดด เพศเมีย ถูกคลื่นซัดเกยชายหาดท้ายเหมือง พบมีบาดแผลที่ลำตัว เจ้าหน้าผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตายอีกครั้ง วันนี้ (18 ส.ค.) นายปรารพ แปลงงาน หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ 2 จังหวัดภูเก็ต ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบซากโลมาตายเกยตื้น บริเวณปากน้ำท้ายเหมือง หาดท้ายเหมือง เขตหมู่ที่ 3 บ้านพอแดง ต.ท้ายเหมือง อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา จึงได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอท้ายเหมือง กำนันตำบลท้ายเหมือง เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง เข้าตรวจสอบ พบว่า เป็นซากโลมากระโดด 1 ตัว ขนาดความยาว 107 ซม. สภาพเริ่มเน่าเปื่อยส่งกลิ่นเหม็น ตรวจพบมีบาดแผลเป็นรอยกัดบริเวณด้านหลังค่อนมาทางหาง จึงขนย้ายซากโลมานำส่งสัตวแพทย์เพื่อหาสาเหตุการตาย เบื้องต้น คาดว่าบาดแผลที่พบเกิดจากถูกฉลามกัด เพราะรอยบาดแผลเรียบคล้ายของมีคมตัด ทั้งนี้ ต้องรอผลการผ่าพิสูจน์ซากต่อไป ล่าสุด ทีมสัตวแพทย์จากศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งผ่าพิสูจน์ พบว่า เป็นโลมากระโดด เพศเมีย น้ำหนักประมาณ 15 กก. มีฟันบน 46 ซี่ ฟันล่างซ้าย 45 ซี่ ฟันล่างขวา 43 ซี่ สำหรับสาเหตุการตายนั้นยังไม่สามารถระบุได้ ส่วนบาดแผลที่เป็นรอยกัดนั้น อาจเกิดภายหลังการตายจากการตัดครีบออกด้วยวัตถุมีคม ทางเจ้าหน้าที่ได้เก็บชิ้นเนื้อนำไปเข้าห้องแล็บเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้งหนึ่ง https://mgronline.com/south/detail/9630000084672
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด
ฉลามวาฬว่ายเข้ามาใกล้เรือ หนุ่มกระโดดขี่หลัง-ล่องทะเลแดง ฉลามวาฬว่ายเข้ามาใกล้เรือ - วันที่ 18 ส.ค. เดลี่เมล์ เผยแพร่คลิปหนุ่มกระโดดขึ้นฉลามวาฬและเกาะครีบหลังเพื่อพยายามขี่ หลังเห็นสัตว์ทะเลตัวนี้ว่ายน้ำเข้ามา ใกล้ท่าเรือเมืองยันบูของซาอุดีอาระเบีย ซากี อัล-ซาบาฮี หนุ่มในคลิป กำลังนั่งอยู่บนหัวเรือยอชต์ เห็นฉลามวาฬว่ายเข้ามาใกล้เรืออย่างช้าๆ นายอัล-ซาบาฮีจึงกระโจนขึ้นหลังและจับครีบหลังและเอาขาทั้งสองข้างพาดรอบกระบังลมฉลามวาฬ นายอัลซาบาฮีอยู่กับอยู่กับเพื่อนอีกสองคนที่อัดคลิปและอัพโหลดโซเชี่ยลมีเดีย เผยได้ยินเสียงเพื่อนคนหนึ่งพูดเตือน "ระวังมันเขมือบนายนะ" ขณะที่นายอัล-ซาบาฮีจับครีบหลังฉลามวาฬ เนื่องจากฉลามเป็นสัตว์หายากยิ่งในทะเลแดง ชาวเน็ตจึงขนานนามนายอัล-บาซาฮีเป็น สตันต์แมน ด้วยความกล้าหาญ และขอให้พระเจ้าทรงคุ้มครอง แต่มีเสียงตำหนิถึงความประมาทและทำให้สัตว์หวาดกลัวได้เช่นกัน ขณะที่ทางการซาอุดีอาระเบียยังไม่มีออกมาชี้แจงใดๆ ทั้งนี้ แม้ว่าฉลามวาฬจะเป็นปลาขนาดใหญ่ที่สุดในโลกแต่กลับไม่ดุร้าย แถมลูกฉลามวาฬยังชอบเล่นกับนักดำน้ำด้วย ขณะเดียวกัน เป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ตามบัญชีแดง IUCN เนื่องจากผลกระทบต่างๆ ตทั้งการทำประมงทั้งตั้งใจหรือไม่ตั้งใจจับ เรือชน รวมถึงอายุขัยยาวนานและเติบโตช้า https://www.khaosod.co.th/around-the...s/news_4734359
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า
เมื่อไร้มนุษย์รบกวน ธรรมชาติกลับฟื้นตัว !! เที่ยวอุทยานฯ สุขใจทำอย่างไร เมื่อเจอสัตว์ป่า 18 ส.ค.2563นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยถึงแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติว่า หลังจากกรมฯได้ปิดให้บริการแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาตินานกว่า 3 เดือนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของ "การติดเชื้อไวรัสโควิด-19" ปรากฎว่าอุทยานฯ ,เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า หลายแห่ง ธรรมชาติกลับมาฟื้นตัว ระบบนิเวศอุดมสมบูรณ์อย่างเห็นได้ชัด ตลอดจนสัตว์ป่าหายาก ปรากฏตัวให้เห็นมากขึ้นเวลานี้ไปที่ไหนนักท่องเที่ยวมีโอกาสพบสัตว์ป่าสูงมาก ดังนั้นข้อระมัดระวังเมื่อพบเจอสัตว์ป่าคือต้องไม่บีบแตรหรือเปิดไฟส่องโดยเด็ดขาด ควรค่อยๆ ถอย หรือจอดรถ เพราะหากไม่ทำตามข้อระมัดระวังอาจจะทำให้สัตว์แตกตื่นตกใจได้ และต้องเว้นระยะห่างจากสัตว์ป่าอย่างน้อย 50 เมตร แต่หากเป็นสัตว์นักล่า เช่น เสือ ต้องเว้นระยะห่างอย่างน้อย 150 เมตรเพื่อความปลอดภัย อย่างไรก็ตามนักท่องเที่ยวต้องไม่ประมาท อย่าทำอะไรที่ทำให้สัตว์ป่าเกิดอาการตกใจ มีสัญชาตญาณป้องกันตัวจนทำร้ายเราได้ "ถ้าเจอสัตว์พลัดหลง แจ้งเจ้าหน้าที่ โทร. 1362 เจ้าหน้าที่จะมาช่วยหรืออำนวยความสะดวก ทั้งนี้ ควรไปที่ทำการอุทยานฯ ก่อน เจ้าหน้าที่จะให้คำแนะนำว่าเจอสัตว์ป่าจะต้องปฏิบัติตนอย่างไร หรือจุดเสี่ยงต้องให้เจ้าหน้าที่นำไป อย่าไปโดยพลการ ต้องเชื่อฟังคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่" นายธัญญา กล่าวต่อไปว่า วันนี้สัตว์ที่หายากเริ่มกลับมา เริ่มวางไข่ ดังนั้นนักท่องเที่ยวต้องไม่ทำให้สัตว์เกิดความหวาดกลัวตื่นตระหนก อย่าหวังแต่ต้องการถ่ายภาพอยู่ใกล้กับสัตว์ในระยะประชิด เมื่อสัตว์หวาดกลัวอาจจะหนีไปเจอสัตว์นักล่าได้ ก็จะทำให้เกิดปัญหาได้ นักท่องเที่ยวต้องมีจิตสำนึกเข้าใจชีวิตสัตว์ ไม่รบกวน ส่วนเรื่องการให้อาหารสัตว์เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ เพราะอุทยานฯ จะกำหนดจุดให้อาหารสัตว์ "กรณีนักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ โทร. 1362 เจ้าหน้าที่อุทยานฯ จะสามารถช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้นนักท่องเที่ยวได้ หากบาดเจ็บร้ายแรงจะประสานเฮลิคอปเตอร์มารับผู้บาดเจ็บได้ทันท่วงที อุทยานฯ แต่ละแห่งจะมีอุปกรณ์กู้ชีพช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้ เรายังได้เก็บเงินค่าบริการเป็นเงินประกันชีวิตให้กับนักท่องเที่ยว 10 บาท เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการท่องเที่ยวอุทยานฯ ด้วยความปลอดภัย" "ผมขอย้ำว่านักท่องเที่ยวควรปฏิบัติตามกฎระเบียบและเชื่อฟังคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะทำให้ทุกท่านสามารถท่องเที่ยวอย่างมีความสุข และปลอดภัย" สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวในอุทยานฯ จะเปิดให้มีจองล่วงหน้าเป็นเวลา 15 วัน ผ่านแอพพลิเคชั่น QueQ โดยเข้าไปจองที่พักได้ทุกอุทยานทั่วประเทศ สามารถทราบผลได้ทันทีว่ามีที่พักว่างในช่วงเวลาที่ต้องการเดินทางหรือไม่ ทั้งนี้จะเปิดให้จองล่วงหน้าผ่านแอพฯ ร้อยละ 70 ส่วนที่เหลือร้อยละ 30 จะรองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาที่อุทยานฯ พร้อมแล้วไปกัน! ท่องเที่ยววิถีใหม่แบบนิว นอร์มอล สัมผัสความงดงามของธรรมชาติและสัตว์ป่า ท่ามกลางระบบนิเวศที่สมบูรณ์ตื่นตาตื่นใจ หลังจากทุกสรรพสิ่งในผืนป่า ท้องทะเลไทย ได้รับการพักฟื้น เพราะอานิสงส์จากโควิดอย่าเที่ยวเพลิน จนลืมใส่ใจธรรมชาติ และหากพบเจอสัตว์ป่าที่ใด ทั้งในป่า นอกป่า หรือในเส้นทางที่บรรดาสัตว์ป่าลงมาหากิน หรือเดินข้ามเพื่อไปแหล่งอาหารยังอีกฝั่งหนึ่งของป่า ก็ควรปฏิบัติตามข้อบังคับของอุทยานแห่งชาติ อย่างเคร่งครัดเพราะการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ พาตัวเองหลีกหนีชีวิตเมืองเข้าสู่ป่า จะเป็นสิ่งงดงาม ถ้าเราช่วยกันดูแล ใส่ใจ และรักษาบ้านของสัตว์ป่าให้อุดมสมบูรณ์ดังเดิม https://www.naewna.com/local/512366 ********************************************************************************************************************************************************* สุดเศร้า! พบซากโลมาเกยตื้นที่หาดท้ายเหมือง วันที่ 18 สิงหาคม 2563 นายปรารพ แปลงงาน หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ 2 จังหวัดภูเก็ต ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน พบซากโลมาตายเกยตื้น บริเวณปากน้ำท้ายเหมือง หาดท้ายเหมือง เขตหมู่ที่ 3 บ้านพอแดง ต.ท้ายเหมือง อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา จึงได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอท้ายเหมือง กำนันตำบลท้ายเหมือง เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง เข้าตรวจสอบ พบว่าเป็นซากโลมากระโดด 1 ตัว ขนาดความยาว 107 เซนติเมตร สภาพเริ่มเน่าเปื่อยส่งกลิ่นเหม็น ตรวจพบมีบาดแผลเป็นรอยกัดบริเวณด้านหลังค่อนมาทางหาง จึงขนย้ายซากโลมานำส่งสัตวแพทย์เพื่อหาสาเหตุการตาย เบื้องต้นคาดว่าบาดแผลที่พบเกิดจากถูกฉลามกัด เพราะรอยบาดแผลเรียบคล้ายของมีคมตัด ทั้งนี้ต้องรอผลการผ่าพิสูจน์ซากต่อไป ซึ่งล่าสุดทีมสัตว์แพทย์จากศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งผ่าพิสูจน์ พบว่าเป็นโลมากระโดเพศเมีย น้ำหนักประมาณ 15 กก มีฟันบน 46 ซี่ ฟันล่างซ้าย 45 ซี่ ฟันล่างขวา 43 ซี่ สำหรับสาเหตุการตายนั้นยังไม่สามารถระบุได้ ส่วนบาดแผลที่เป็นรอยตัดนั้น อาจเกิดภายหลังการตายจากการตัดครีบออกด้วยวัตถุมีคม ทางเจ้าหน้าที่ได้เก็บชิ้นเนื้อนำไปเข้าห้องแลป เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้งหนึ่ง https://www.naewna.com/likesara/512505
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#5
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
กรมประมง เร่งผลักดันให้ปลิงทะเลเป็นสัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่ของประเทศไทย หลังเป็นที่นิยมของตลาด กิโลกรัมละ 7,000 บาท นายถาวร จิระโสภณรักษ์ รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีการนำปลิงทะเลขึ้นมาใช้ประโยชน์เพื่อการบริโภค ทั้งเพื่อการบริโภคภายในประเทศและส่งออกต่างประเทศ เป็นที่ต้องการของตลาด โดยราคาขายปลิงทะเลสด จะขายอยู่ที่ ราคา 300 ? 500 บาท/กิโลกรัม ส่วนแบบตากแห้ง ราคาจะยิ่งสูงขึ้นไปถึง 3,000 ? 7,000 บาท/กิโลกรัม ซึ่งเป็นเหตุให้ปลิงทะเลถูกจับขึ้นมาจำนวนมากจนไม่สามารถเกิดทดแทนได้ทัน ด้วยเหตุนี้ กรมประมง จึงมุ่งผลักดันโครงการเพาะเลี้ยงปลิงทะเลขยายผลสู่เกษตรกร พร้อมปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ ควบคู่กันไป โดยศึกษาพัฒนาเทคนิคการอนุบาลลูกปลิงทะเลอย่างต่อเนื่อง เพิ่มผลผลิตเพื่อนำปล่อยคืนสู่ธรรมชาติและทดลองเลี้ยงในบ่อดินเพื่อเป็นแนวทางในการส่งเสริมให้เป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจชนิดใหม่ต่อไป http://thainews.prd.go.th/th/news/de...00818140917017
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#6
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS
ลักลอบขุด "ไม้เทียนทะเล" จำคุก 1 ปี ปรับ 1 แสนบาท ราชกิจจานุเบกษา ประกาศมาตรการคุ้มครอง "ไม้เทียนทะเล" ตามที่ทช.ออกคำสั่งภายใต้พ.ร.บ.ทรัพยากรทางทะเล โดยมีผลบังคับใช้แล้ว หลังพบปัญหาลักลอบขุดไปขายทำบอนไซจนเสี่ยงสูญพันธุ์ โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ วันนี้ (18 ส.ค.2563) นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวว่า จากปัญหาลักลอบขุดไม้เทียนทะเล ในพื้นที่ป่าชายเลนในธรรมชาติ เพื่อนำไปเป็นต้นบอนไซ มีความต้องการสูงและราคาแพงมากทำให้พบลักลอบขุดออกจากพื้นที่ แต่เนื่องจากไม้เทียนทะเล ไม่ได้อยู่ในบัญชีไม้หวงห้ามตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการกำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. 2530 ทำให้ไม้เทียนทะเลไม่ได้มีกฎหมายคุ้มครอง ทช.ดำเนินการได้เพียงแจ้งข้อหาที่เกี่ยวข้องกับการบุกรุก ทำลายป่าเท่านั้นทั้งที่เป็นไม้ที่มีคุณค่าต่อระบบนิเวศ นายโสภณ กล่าวว่า เรื่องนี้นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้มอบนโยบายให้ออกคำสั่ง และมาตรการคุ้มครองไม้เทียนทะเล ทช.จึงทำหนังสือขอให้กรมป่าไม้ ได้พิจารณาเสนอไม้เทียนทะเลที่ขึ้นในป่า ตามพ.ร.บ.ป่าไม้ (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2562 เป็นไม้หวงห้ามประเภท ก ในบัญชีไม้หวงห้าม ซึ่งอาจจะต้องใช้ระยะเวลายาวนาน กว่าจะผ่านออกมาเป็นกฎหมายได้ ดังนั้นเพื่อเป็นการระงับการกระทำที่ทำให้ไม้ชนิดนี้ ที่มีจำนวนน้อยอยู่แล้วในธรรมชาติไม่ให้ลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว ทช.จึงออกคำสั่งกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ที่ 977/2563 เรื่องมาตรการคุ้มครองทรัพยากรไม้เทียนทะเล เพื่อเป็นการกำหนดมาตรการคุ้มครองทรัพยากรไม้เทียนทะเล ไม่ให้ได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงจากการลักลอบขุดล้อมไม้เทียนทะเล เพื่อการค้าไม้บอนไซ และนำไปเพื่อประโยชน์ส่วนตนอื่นใด โดยได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค.นี้ หากผู้ใดฝ่าฝืนจะได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากผู้ใดพบเห็นผู้กระทำความผิดขอให้แจ้งกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้ในทุกช่องทางตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อจะได้เร่งรัดดำเนินการทางกฎหมายขั้นเด็ดขาด https://news.thaipbs.or.th/content/295587
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|