เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 09-09-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพุธที่ 9 กันยายน 2563

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนตกต่อเนื่อง กับมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยของภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม อาจจะเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้ไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

เมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 9 - 11 ก.ย. 63 ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบน และและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เข้าสู่หย่อมควากดาอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออก และภาคใต้

ส่วนในช่วงวันที่ 12 - 14 ก.ย. 63 ร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 9 - 11 ก.ย. 63 ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือ ตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ส่วนในช่วงวันที่ 12 - 14 ก.ย. 63 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสมที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก






__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 09-09-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


เช็กอิน "หาดทรายสีดำ" สถานที่สุดชิคในโซเชียล ไม่ต้องบินไกลถึงเมืองนอก



ประเทศไทยมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามมากมายรอให้คนไปเยี่ยมชม ยิ่งช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้หลายคนไม่ได้แพ็กกระเป๋าไปเที่ยวต่างประเทศ ประกอบกับเป็นช่วงฤดูฝน จะออกไปไหนก็เฉอะแฉะ แต่จะให้อยู่บ้านก็เหงา เพราะหลายเดือนที่ผ่านมากักตัวนานเกินไปแล้ว J. Mashare ขอแนะนำ "ทรายสีดำ" แห่งทะเลอันดามัน ณ หาดนางทอง เขาหลัก ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา หนึ่งในอันซีนประเทศไทย ที่อยากให้ลองไปสักครั้ง


หาดทรายสีดำ ไม่ต้องไปไกลถึงเมืองนอก

ทรายสีดำ ที่หาดนางทอง ไม่ได้เกิดจากคราบน้ำมัน หรือน้ำทะเลน้ำเสียแต่อย่างใด แต่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เป็นขี้แร่จากการทำเหมืองแร่ในอดีต ถูกน้ำทะเลซัดขึ้นมาปะปนกับทราย ทำให้เห็นว่าทรายเป็นสีดำ เนื้อละเอียด ซึ่งทรายสีดำดังกล่าวจะเห็นเพียงมุมเล็กๆ ของหาดนางทองเท่านั้น ไม่ได้เป็นสีดำตลอดทั้งหาด


เหมืองแร่หมื่นล้าน ตะกั่วป่า

แต่เดิม "ตะกั่วป่า" มีชื่อว่า เมืองตกโกล แปลว่า กระวาน ต่อมาแผลงเป็น ตะโกลา (Takola) ก่อนจะกลายเป็น ตะกั่วป่า ในสมัยก่อน ตั้งแต่ต้นรัตนโกสินทร์ คนที่นี่ทำเหมืองแร่ดีบุกกันมาก ซึ่งแร่ดีบุกนั้นก็เป็นที่ต้องการ เพราะสามารถนำไปหลอมทำเครื่องมือต่างๆ ได้ ประกอบกับการที่เป็นเมืองท่าสำคัญ จึงมีการติดต่อค้าขายกับชาวต่างชาติ จึงเรียกได้ว่า การผลิตแร่ดีบุก สามารถสร้างเม็ดเงินได้อย่างมหาศาล

ดังคำขวัญประจำจังหวัดพังงา "แร่หมื่นล้าน บ้านกลางน้ำ ถ้ำงามตา ภูผาแปลก แมกไม้จำปูน บริบูรณ์ด้วยทรัพยากร" แต่เมื่อเวลาผ่านไป ช่วงปี 2520 กิจการเหมืองแร่เร่ิมซบเซา หลายแห่งทยอยปิดตัว แต่สิ่งที่ยังหลงเหลือไว้คือ วิถีชีวิตของคนในพื้นที่ที่ผสมผสานวัฒนธรรมของทั้งชาวไทย จีน อินเดีย และอาหรับ ไว้ด้วยกัน ทำให้มีหลายสถานที่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่น่าไปเยี่ยมชม

รวมไปถึงแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอย่าง หาดนางทอง ที่ซุกซ่อนทรายสีดำเอาไว้มานาน ซึ่งที่ผ่านมามีทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติต่างแวะเวียนมาเช็กอิน ถ่ายรูป



จากการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ ทราบว่า เวลาที่จะเกิดทรายสีดำนั้นไม่แน่นอน ในช่วงที่มีมรสุม คลื่นลมแรงจะพัดเอาขี้แร่ขึ้นมา แต่หากมาเที่ยวในช่วงน้ำขึ้นสูง จะเห็นทรายสีดำน้อย ถ่ายรูปไม่สวย แนะนำให้เช็กช่วงเวลาน้ำขึ้นน้ำลงก่อน สำหรับช่วงไฮซีซั่นจะอยู่ประมาณเดือนตุลาคม-สิงหาคม จะเห็นทรายสีดำสะท้อนแสงจากดวงอาทิตย์เป็นประกายสวยงาม

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการไปชมความสวยงามของทรายสีดำ ต้องบอกก่อนว่า จุดที่เป็นทรายสีดำนั้นเป็นเพียงจุดเล็กๆ มุมหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้ทอดยาวตลอดทั้งหาด แนะนำจุดสังเกตง่ายๆ ให้มองไปที่ประภาคารเขาหลัก จุดที่เป็นทรายสีดำจะอยู่บริเวณทางขวาของชายหาด

ทั้งนี้ ทุกคนรู้ ธรรมชาติที่สวยงาม จะอยู่กับพวกเราไม่นาน หากไม่ช่วยกันรักษา ซึ่งวิธีที่ง่ายที่สุดคือ การไม่ทิ้งขยะ เชื่อว่าทุกคนทำได้ ลองดู.


https://www.thairath.co.th/news/local/1922081

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 09-09-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


ฮือฮา! พบ "นิ้วหิน" คล้ายนิ้วมือคน มหัศจรรย์ธรรมชาติบนเกาะคอเขา


Cr:Mongkhol Lunsopha

เมื่อวันที่ 5 กันยายน ที่ผ่านมา เพจ ตนข่าว แปลงยาว คนข่าวจิตอาสา โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กว่าได้พบ "นิ้วหิน" หินที่มีลักษณะคล้ายนิ้วคน บริเวณเกาะคอเขา ต.เกาะคอเขา อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา

โดยมีเนื้อความว่า ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ #นิ้วหิน บนเกาะคอเขา เนื่องจาก มีคนไปตกปลาที่เกาะคอเขา บริเวณที่ชาวบ้านเรียกว่า "หัวเขา" ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเกาะ อยู่ในพื้นที่ หมู่ 2 บ้านนอกนา ตรงข้ามกับ เกาะพระทอง พบเห็นหินมีลักษณะคล้ายกับนิ้วคน โผล่ขึ้นมา และได้ถ่ายภาพนำมาโพสลงในกลุ่ม "ตะกั่วป่าบ้านเรา" ผมจึงตามไปพิสูจน์เพื่อให้เห็นกับตาตัวเอง จากที่ดูในโพสดังกล่าว แล้วเทียบเคียงกับสถานที่จริง หาอยู่นานกว่าจะเจอก็ใกล้ค่ำพอดี พบว่า เป็นเรื่องจริงครับ ตามภาพที่เห็น หินโดนน้ำกัดเซาะจนมีลักษณะคล้ายนิ้วคน ชี้ไปทางทิศเหนือ ใครมาเที่ยวเกาะคอเขา อย่าลืมไปดูกันนะครับ บางทีอาจพบเจออย่างอื่น ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ก็ได้ แล้วจะทยอยนำมาเล่าสู่กันฟังครับ

ทางด้าน นายมงคล ลุนโสภา เจ้าของโพสต์ กล่าวว่า จากครั้งแรกมีการนำภาพไปแชร์ว่าพบนิ้วบริเวณโขดหินตนเองจึงได้เดินทางลงมาตรวจสอบจึงพบว่าเป็นจริงว่าบริเวณโขดหินมีนิ้วมือออกมาเหมือนกับนิ้วคนจริงๆ โดยตนเองได้ลงมาตรวจสอบใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมงจึงพบ และได้มีการนำไปโพสต์ลงโซเชียลจนหลายคนตั้งข้อสงสัยและกล่าวต่างๆ นานาที่ว่าเป็นนิ้วคนที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ หรือเป็นนิ้วยางที่ทำขึ้นมา จึงเข้ามาหาความจริงได้ซึ่งจากที่เห็นคิดว่าเกิดจากธรรมชาติ เนื่องจากน้ำทะเลกัดเซาะหินจนมีลักษณะเหมือนนิ้ว แต่อย่างไรก็ตาม ต้องรอให้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง


https://mgronline.com/travel/detail/9630000091888


*********************************************************************************************************************************************************


คอหวยไร้สำนึก! สั่งปิด "ถ้ำนาคา" อุทยานฯ ภูลังกา แห่หาเลขเด็ดเละไม่พอ แจกกล้วยบนหินอีก

อุทยานแห่งชาติภูลังกา จ.บึงกาฬ ประกาศปิดการท่องเที่ยวถ้ำนาคา หลังพบคอหวยแห่แหนเข้าไปสัมผัส ปักธูป ขูดขัดขีดหิน โรยแป้งขอเลขขอหวย โยนเหรียญอธิษฐาน หนักสุดคือเขียนข้อความแจกกล้วย "วราวุธ" ลั่น มาเที่ยวดีๆ ไม่ได้ ก็อย่ามาเลยดีกว่า



จากกรณีที่ "ถ้ำนาคา" อุทยานแห่งชาติภูลังกา จ.บึงกาฬ ถูกบรรดานักเสี่ยงโชคเข้าไปจุดธูปขอหวย ขอพร ขอโชคลาภจาก "พ่อปู่อือลือ" และ "หินหัวพญานาค" กันเป็นจำนวนมาก มีการไปจับสัมผัส ปักธูป ขูดขัดขีดหิน โรยแป้งขอเลขขอหวย รวมถึงมีการโยนเหรียญอธิษฐาน หนักที่สุดคือไปขีดหินเขียนคำหยาบคายบนหิน ทำให้ธรรมชาติเสียหาย เนื่องจากเป็นหินทรายที่มีความเปราะบาง ตามที่ได้นำเสนอไปก่อนหน้านี้

ล่าสุด วันนี้ (8 ก.ย.) นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุว่า "ขอปิดให้บริการท่องเที่ยวถ้ำนาคา จนกว่าจะมีมาตรการป้องกันที่ได้ผล และขออภัยพี่น้องชาวไทย ที่ก่อนหน้านี้ เราขาดมาตรการรองรับ จนทำให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพยากรธรณีที่สำคัญของประเทศ ขอฝากถึงคนมือบอนที่ทำให้เกิดความเสียหายในครั้งนี้ ว่า ถ้าท่านมาเที่ยวดีๆ ไม่ได้ ก็โปรดอย่ามาเลยดีกว่า"

ขณะที่ นายพันธ์ยศ กีรติพงศ์ศักดา หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูลังกา ได้ออกประกาศ เรื่อง ปิดการท่องเที่ยว "ถ้ำนาคา" พื้นที่อุทยานแห่งชาติภูลังกา ระบุว่า ด้วยปรากฏว่า ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวบางกลุ่มที่ขึ้นชมถ้ำนาคา ได้ละเมิดกฎที่ทางอุทยานแห่งชาติกำหนดไว้ คือ ห้ามแตะต้องกลุ่มหินต่างๆ ภายในถ้ำ และห้ามขีดเขียน ขูดลบ ขีดฆ่า ทา หรือพ่นสีและแป้ง อันเป็นการกระทำผิดตามมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562



อุทยานแห่งชาติภูลังกา พิจารณาแล้ว เพื่อเป็นการป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ในทำนองเดียวกันนี้เกิดขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 20 และมาตรา 62 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ประกอบระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ว่าด้วยการปฏิบัติการของพนักงานเจ้าหน้าที่ในเขตอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2549 ข้อ 4(11) จึงให้ปิดการท่องเที่ยว "ถ้ำนาคา" ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูลังกา เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน 2563 เป็นต้นไป จนกว่าทางอุทยานแห่งชาติจะดำเนินการกำหนดมาตรการปกป้องมิให้มีการทำลายทรัพยากรชาติอันเกิดจากกลุ่มคนดังกล่าวข้างต้นได้ ทั้งนี้ การฝ่าฝืนคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือการไม่ปฏิบัติตามประกาศนี้ จะเป็นความผิดและได้รับโทษตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562

อนึ่ง การปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูลังกา และการสัญจรผ่านเส้นทางตามปกติในพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูลังกาของบุคคลโดยทั่วไป ให้กระทำได้ตามปกติ หากมีกรณีที่หน่วยงาน หรือเจ้าหน้าที่อื่นใด มีความจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติภารกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูลังกา ให้แจ้งหัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูลังกา เพื่อทราบและพิจารณาโดยตรงทางโทรศัพท์หมายเลข 081-725-2684 จึงประกาศมาเพื่อทราบและขอความร่วมมือในการปฏิบัติโดยทั่วกัน


https://mgronline.com/onlinesection/.../9630000092094

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 09-09-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด


คุ้ยขยะพลาสติกหาอาหาร ชะตากรรมช้างอินเดีย นักท่องเที่ยวมักง่ายแห่มาทิ้ง


CATERS

คุ้ยขยะพลาสติกหาอาหาร - วันที่ 8 ก.ย. มิร์เรอร์ รายงานชะตากรรมน่าสงสารของช้างที่ต้องลุยขยะพลาสติกกองใหญ่ที่บรรดานักท่องเที่ยวมักง่ายเอามาทิ้ง ในรัฐเบงกอลตะวันตกของอินเดีย

นายปรณพ ดัส นักข่าวท้องถิ่น ถ่ายภาพช้างตัวหนึ่งที่มีขยะบนหัวของมันขณะคุ้ยกองขยะพลาสติกเพื่อมองหาอาหาร สะท้อนความเสี่ยงตายจากการกินพลาสติก ซึ่งเป็นขยะมีพิษและคร่าชีวิตช้างได้ภายในไม่กี่วัน

นักข่าวท้องถิ่นคนนี้เผยเห็นช้างตัวหนึ่งกินพลาสติกเข้าไป ทั้งที่อาหารปกติของมันคือ หญ้าธรรมดา ผัก และผลไม้ และเตือนให้ผู้คนต้องดูแลสิ่งแวดล้อมมากกว่านี้

"ผมหวังว่าภาพถ่ายเหล่านี้จะทำให้คนหยุดทิ้งขยะที่มีรถตู้หลายคันขนมาเทเป็นกอง ช้างกำลังกินพลาสติกเป็นภาพถ่ายน่าเจ็บปวดสำหรับผม" นายดัสกล่าว

ภาพถ่ายดังกล่าวยังเผยแพร่ทางทวิตเตอร์ ทำให้หลายคนต่างตำหนิบรรดาคนเพิกเฉยทิ้งขยะตามอำเภอใจ และความคิดเห็นหนึ่งระบุว่า "นี่เป็นสิ่งน่ารังเกียจอย่างสิ้นเชิง มนุษย์อยู่ร่วมกับคนแบบนี้ได้อย่างไร"


https://www.khaosod.co.th/update-news/news_4869486


*********************************************************************************************************************************************************


แม่วาฬที่เคยพยุงซากลูก ครึ่งเดือน มีลูกน้อยตัวใหม่ คลายเศร้าแล้ว



แม่วาฬที่เคยพยุงซากลูก - เดอะ การ์เดียน รายงานว่า แม่วาฬเพชฌฆาตที่มีผู้พบเห็นภาพสะเทือนใจเมื่อสองปีก่อน ขณะมันพยายามพยุงซากลูกน้อยไว้ให้ลอยน้ำใกล้ๆ ตัวอยู่นาน 17 วันแสดงถึงอาการโศกเศร้า ล่าสุด ให้กำเนิดลูกน้อยสุขภาพแข็งแรงแล้ว เป็นเรื่องที่ทำให้มนุษย์ดีใจไปด้วย

ศูนย์วิจัยวาฬ องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร เห็นวาฬน้อย ที่มีรหัสว่า เจ-57 ว่ายน้ำอยู่ใกล้ๆ แม่วาฬชื่อ Tahlequah - ทาห์เลควาห์ เมื่อวันเสาร์ที่ 5 ก.ย. ที่ทะเลชายแดนระหว่างรัฐวอชิงตันของสหรัฐอเมริกา และรัฐบริติชโคลัมเบียของแคนาดา คาดว่าลูกวาฬอาจคลอดเมื่อวันศุกร์ที่ 4 ก.ย.

ศูนย์วิจัยวาฬรายงานว่า เมื่อวันที่ 5 ก.ย. มีนักดูวาฬสังเกตเห็นลูกวาฬตัวเล็กๆ ส่วนทาห์เลควาห์ว่ายน้ำห่างจากวาฬตัวอื่นๆ และว่ายน้ำข้ามฝั่งไปแคนาดา จึงยุติการสังเกตและหวังว่าวาฬแม่ลูกคงจะไปได้ดี

ทาห์เลควาห์ มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกในปี 2561 จากการพาซากลูกที่คลอดออกมาตายพาไปไปมาไหนด้วยกันอยู่ 17 วันในทะเลซาลิช ใกล้ๆ รัฐวอชิงตันและรัฐบริติช โคลัมเบีย ส่วนลูกวาฬอีก 3 ตัวรอดชีวิต เรื่องราวของแม่วาฬตัวนี้ได้รับการถ่ายทอดผ่านสื่อมวลชนและสะเทือนใจผู้คนอย่างยิ่ง

อเลนา อีบีลิง-ชูลด์ ช่างภาพสัตว์ป่าและวาฬ กล่าวว่าเรื่องราวของวาฬทาห์เลควาห์มากกว่าการกระทบใจ แต่บอกเล่าให้คนรู้ถึงชะตากรรมของวาฬเพชฌฆาตและความรู้สึกที่ซับซ้อนของสัตว์ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่สนใจนัก



วาฬเพชรฆาตแบ่งออกเป็น 3 ฝูงใหญ่ๆ กระจายกันอยู่ในช่องแคบจอร์เจีย ช่องแคบไปแวนคูเวอร์ และน่านน้ำโดยรอบ ซึ่งได้รับผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมหรือได้สารอาหารไม่เพียงพอเพราะอาหารหลักของวาฬเพชรฆาต คือ ปลาแซลมอนชินุคที่ใกล้สูญพันธุ์ซึ่งลดจำนวนลงมากในช่วงไม่กี่ปีมานี้

เมื่ออาหารน้อยลงย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อการตั้งท้องของวาฬ

การวิจัยเมื่อปี 2560 ที่ตีพิมพ์ในวารสาร PLOS ONE พบว่าระหว่างปี 2551-2557 แม่วาฬเพชรฆาตกว่า 2 ใน 3 ตั้งท้องไม่สำเร็จ เนื่องจากปลาแซลมอนชินุคน้อยลง ซึ่งเป็นอาหารหลักของวาฬกินปลาและเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้การตั้งท้องไม่สำเร็จ ดังนั้น จึงต้องเร่งเพิ่มจำนวนปลาแซลมอน ชินุคเพื่อให้วาฬเพชรฆาตมีประชากรมากขึ้น

นักวิจัยพบว่าอัตราการตายของลูกโลมาแรกเกิดสูงขึ้น ปริมาณสารอาหารลดลงในช่วงไม่กี่ปีนี้ ทำให้เปอร์เซ็นต์การให้ตกลูกล้มเหลวมากขึ้นหรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 40

ดร.ฮอลลี เฟิร์นบาค จากองค์กรอนุรักษ์ซีไลฟ์ เรสปอนส์ รีฮาบิเทชัน แอนด์ รีเสิร์จ หรือ เอสอาร์3 สังเกตเห็นว่าทาห์เลควาห์ตั้งท้องเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนจากภาพที่ถ่ายจากกล้องโดรน และจากการเปรียบเทียบภาพถ่ายทางอากาศจากที่ผ่านมา ทำให้เห็นว่าจำนวนวาฬตั้งท้องลดน้อยลงในฝูงวาฬทั้ง 3 กลุ่ม ดังนั้น การถือกำเนิดลูกวาฬทุกตัวจึงมีความสำคัญต่อการเพิ่มจำนวนวาฬอย่างยิ่ง

ขณะนี้ ยังไม่อาจคาดเดาได้ว่าทาห์เลควาหจะพาลูกน้อยกลับมาให้เห็นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าหรือไม่เพราะวาฬมักว่ายน้ำไปไกล

อีบีลิง-ชูลด์ ได้แต่หวังว่าทาห์เลควาห์และลูกน้อยจะเป็นความหวังใหม่สำหรับพวกเราทุกคน


https://www.khaosod.co.th/around-the...s/news_4869777
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:07


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger