#1
|
||||
|
||||
ปลาแมงป่อง
ปลาแมงป่อง (Scorpionfish) ......................... โดย วินิจ รังผึ้ง แม้นปลาส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ตามแนวปะการังจะว่ายน้ำไปมาอย่างคล่องแคล่วว่องไว เพื่อหลบหนีเอาตัวรอดจากศัตรูผู้ล่า แต่ปลาในตระกูลปลาแมงป่อง กลับชอบที่จะนอนหมอบอยู่นิ่งๆใต้ผืนน้ำ หรือเคลื่อนไหวไปมาอย่างช้าๆ มันไม่จำเป็นต้องใช้ความว่องไวในการหลบหนี เพราะปลาในตระกูลนี้จะมีเงี่ยงพิษที่บริเวณปลายครีบไว้เป็นอาวุธป้องกันตัวจากศัตรูผู้ล่า ปลาแมงป่องแต่ละชนิดล้วนเป็นนักชุ่มพรางที่ร้ายกาจ มันพัฒนารูปร่างหน้าตาและสีสันให้ดูกลมกลืนกับก้อนหิน โขดปะการัง หรือแม้แต่สาหร่ายทะเล มันพัฒนาติ่งเนื้อรอบๆปาก และครีบให้ดูคล้ายกับเศษสาหร่าย และใช้ความสงบนิ่งหมอบซุ่มรอคอย เพื่อให้ปลาขนาดเล็กที่ไม่ทันได้ระวังตัวว่ายเวียนเข้ามาใกล้ ซึ่งปลาขนาดเล็กที่ไม่ได้ทันสังเกตอาจจะมองว่าปลาแมงป่องเป็นก้อนหินที่มีสาหร่ายเกาะอยู่ มันจึงมักจะว่ายเข้าไปใกล้เพื่อจะอาศัยเป็นที่หลบภัย แต่ก็หารู้ไม่ว่าสถานที่ที่มันคิดว่าปลอดภัยที่สุดกลับเป็นพื้นที่อันตรายที่สุด เพราะเมื่อมันเข้าไปใกล้ส่วนหัวและปากของปลาแมงป่องจนได้ระยะ เจ้าปลาแมงป่องก็จะฮุบเหยื่ออย่างรวดเร็ว จนเหยื่ออาจจะไม่ทันได้รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น ด้วยรูปร่างหน้าตาและสีสันของปลาแมงป่องที่มองดูคล้ายก้อนหินใต้น้ำนั้นทำให้นักดำน้ำหลายๆคนมักเข้าใจผิดและเรียกมันอีกชื่อหนึ่งว่า “ปลาหิน” ทั้งที่ความจริงปลาหิน (Stone fish) นั้นเป็นปลาอีกชนิดหนึ่งซึ่งอยู่ในกลุ่มเดียวกับปลาแมงป่องเช่นกัน ปลาหินนั้นอยู่ในสกุล Synanceidae ในขณะที่ปลาแมงป่องนั้นอยู่ในสกุล Scorpaenidae ปลาหินมีลักษณะหัวโตลำตัวป้อมๆ มีปากกว้างรูปทรงของปากจะมีลักษณะงุ้มตั้งขึ้นด้านบน ในขณะที่ปลาแมงป่องนั้นจะมีปากกว้างแบนๆ แนวนอนขนานกับพื้น ปลาหินนั้นมีรูปร่างหน้าตาเป็นปุ่มป่ำเหมือนก้อนหินหรือเศษฟองน้ำโทรมๆ สีสันของลำตัวก็มีสีน้ำตาลดำมอๆ ชนิดที่เรียกว่าหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวมากกว่าปลาแมงป่องเสียอีก เรียกว่าถ้าจับปลาทั้งสองชนิดนี้มาเทียบกันแล้ว ปลาแมงป่องที่ว่าหน้าตาขี้เหร่นั้น จะหน้าตาหล่อเหล่าขึ้นมามากเลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่ายิ่งลักษณะรูปร่างหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเป็นเสมือนสัญลักษณ์ประกาศให้รู้ว่าพิษที่มีอยู่ในตัวของมันนั้นยิ่งมีมากมายร้ายกาจยิ่งขึ้นเท่านั้น โดยปลาหินนั้นได้ชื่อว่ามีพิษร้ายแรงที่สุดในบรรดาญาติพี่น้องในตระกูลเลยทีเดียว ซึ่งเมื่อมันพรางตัวจนกลมกลืนกับพื้นหิน ลานปะการัง และเกาะตัวอยู่นิ่งๆ นักดำน้ำมือใหม่ๆจึงมักจะมองไม่ค่อยเห็นหรือไม่ทันได้สังเกต เมื่อดำน้ำไปเจอกระแสน้ำ หรือต้องการจะเกาะยึดจับก้อนหินจึงอาจจะไปคว้าเจ้าปลาแมงป่องหรือปลาหินเข้าเต็มไม้เต็มมือ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นก็ไม่อยากจะคิดว่าผลจะเป็นเช่นใด เพราะทั้งปลาหินและปลาแมงป่องนั้นจะมีพิษร้ายแรงอยู่ที่ก้านครีบโดยเฉพาะครีบแหลมที่บนหลัง ครีบข้างลำตัว ครีบพิษเหล่านี้ไม่ได้มีไว้สำหรับการทิ่มแทงเหยื่อ แต่เพื่อป้องกันตัวจากการถูกรุกราน เพราะเมื่อตกใจมันจะสะบัดครีบทิ่มแทงผู้รุกราน เมื่อครีบทิ่มแทงเข้าไปในเนื้อ หนังหุ้มครีบจะลอกออก ต่อมพิษก็จะทำการฉีดพิษเข้าไปในบาดแผลผู้รุกราน พิษร้ายแรงนี้จะสร้างความเจ็บปวดให้กับผู้เคราะห์ร้ายอย่างแสนสาหัส ถ้าผู้เคราะห์ร้ายเกิดอาการแพ้ก็ยิ่งจะมีอาการเจ็บปวดและอาจทำให้ระบบต่างๆของร่างกาย เช่นระบบประสาท ระบบการเต้นของหัวใจล้มเหลวซึ่งจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ในส่วนของผู้บาดเจ็บทั่วไปอาจจะมีอาการเจ็บปวดนานราว 24 ชั่วโมงแล้วอาการก็จะทุเลาลง ในขณะที่บางรายอาจจะมีอาการเจ็บปวดนานหลายวัน สำหรับการรักษาพยาบาลเบื้องต้นนั้น จะต้องรีบนำผู้ป่วยขึ้นจากน้ำอย่างรวดเร็ว จากนั้นรีบชำระล้างทำความสะอาดบาดแผล แล้วใช้น้ำอุ่นที่ค่อนข้างร้อนเท่าที่ผู้ป่วยจะทนได้ ประคบหรือแช่เพื่อทำลายพิษ หรืออาจจะใช้ไดเป่าผมเป่าลมร้อนที่บาดแผลเพื่อสลายพิษ เพราะพิษของปลาชนิดนี้เป็นสารประกอบโปรตีนที่จะสลายตัวเมื่อถูกความร้อน ขณะรักษาพยาบาลอาจให้ผู้ป่วยกินยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการปวดควบคู่ไปด้วย ปลาแมงป่องและปลาหินในท้องทะเลไทยนั้นสามารถจะพบเห็นได้ทั้งฝั่งอ่าวไทยและฝั่งทะเลอันดามัน เพียงแต่ฝั่งอาวไทยนั้นพบเห็นไม่มากนัก และไม่มีความหลากหลายของชนิดพันธุ์มากเท่าทางฝั่งทะเลอันดามัน โดยปลาแมงป่องนั้นจะสามารถพบได้ง่ายและมีจำนวนชนิดมากมายกว่าปลาหิน สามารถแยกย่อยตามลักษณะเฉพาะได้หลายชนิด เช่นปลาแมงป่องธรรมดา (Common Scorpionfish) ปลาแมงป่องหลังค่อม (Humpbacked Scorpionfish) ปลาแมงป่องปีศาจ (Devil Scorpionfish) ปลาแมงป่องสาหร่าย (Weed Scorpionfish) ซึ่งแต่ละชนิดจะมีรูปร่างหน้าตาและสีสันลวดลายบนลำตัวแปลกแตกต่างกันออกไป ปลาในตระกูลปลาแมงป่องที่นักดำน้ำรู้จักกันดีอีกชนิดก็คือปลาสิงโต (Lionfish) ที่มีครีบยาวเด่นมีสีสันสวยงาม ซึ่งเป็นปลาที่มีพิษร้ายแรงและมีความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้อย่างดียิ่ง ซึ่งปลาสิงโตนั้นชอบว่ายน้ำไปมาอยู่ตามแนวปะการังหรือใกล้ๆกับพื้นทราย มันพัฒนาก้านครีบให้ยื่นยาวโดดเด่นออกมาจากลำตัวเป็นเสมือนการพัฒนาอาวุธป้องกันตัวให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในขณะที่ปลาแมงป่องสาหร่าย (Weed Scorpionfish) พัฒนารูปร่างหน้าตาให้มีขนรุงรังคล้ายกับกิ่งก้านสาหร่ายทะเลที่ปลาขนาดเล็กชอบว่ายเข้ามาอาศัยอยู่ ซึ่งหากปลาตัวใดหลงกลว่ายเข้ามาใกล้ ก็จะตกเป็นเหยื่อของมันอย่างง่ายดาย เรียกว่านอนอยู่เฉยๆก็มีอาหารว่ายมาบริการ ว่ายเข้ามาเสริพถึงปากเลยทีเดียว แม้ปลาแมงป่องจะมีเงี่ยงพิษร้ายแรง และดูเหมือนจะไม่ค่อยมีศัตรูผู้ล่า แต่มันก็กลับถูกล่าจากชาวประมง โดยชาวญี่ปุ่น ชาวจีน และชาวฮ่องกงนั้น นิยมบริโภคเนื้อปลาแมงป่อง เพราะมีเนื้อแน่น รสชาติดี แต่สำหรับปลาแมงป่องในบ้านเราอาจจะโชคดีสักหน่อยตรงที่บ้านเรานั้นไม่นิยมกินปลาชนิดนี้ มันจึงสามารถจะอยู่รอดปลอดภัยจากการล่าของชาวประมงไปได้ แม้นปลาแมงป่องจะมีเงี่ยงพิษเป็นอาวุธแต่มันก็มีไว้เพื่อป้องกันตัวให้ชีวิตอยู่รอดเท่านั้น ยามที่นักดำน้ำมองไม่เห็นหรือเผลอตัวเข้าไปใกล้ มันก็มักจะเลือกเป็นฝ่ายว่ายน้ำหลบหนีจากไปมากกว่าที่จะเลือกสะบัดเงี่ยงพิษเข้าจู่โจม แต่ทางที่ดีก็ควรระมัดระวังที่จะไม่เข้าไปใกล้ชิดหรือทำให้มันตื่นตกใจ จาก ....................... ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 2 พฤศจิกายน 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|