เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 18-07-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม 2567

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ อ่าวไทย ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีกำลังค่อนข้างแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักมากบางแห่งในบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มในระยะนี้ไว้ด้วย

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 18 ? 19 ก.ค. 67 ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ อ่าวไทย ภาคกลาง และภาคตะวันออกมีกำลังค่อนข้างแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักมากบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2 ? 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองและห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 20 ? 23 ก.ค. 67 ร่องมรสุมจะเลื่อนขึ้นไปพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่าง มีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองและห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 18 ? 19 ก.ค. 67 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่ง



******************************************************************************************************



ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย และคลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย ฉบับที่ 12 (137/2567) (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 18?19 กรกฎาคม 2567)


ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ อ่าวไทย
ภาคกลาง และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักมากบางแห่งขอให้ประชาชนในบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย

จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง มีดังนี้


ในวันที่ 18 กรกฎาคม 2567

ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย พิษณุโลก กำแพงเพชร พิจิตร และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย ชัยภูมิ หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี และราชบุรี รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

ภาคใต้: จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา และภูเก็ต


ในวันที่ 19 กรกฎาคม 2567

ภาคเหนือ: จังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน ตาก พิษณุโลก และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดหนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี

ภาคกลาง: จังหวัดกาญจนบุรี

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด

ภาคใต้: จังหวัดระนอง และพังงา


สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่าง ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 18-19 ก.ค. 67












__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 18-07-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


อ.ธรณ์ เผยอุณหภูมิน้ำทะเลกลับสู่ภาวะปกติ สิ้นสุดปะการังฟอกขาว

อ.ธรณ์ เผยสิ้นสุดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว หลังอุณหภูมิน้ำทะเลกลับสู่ภาวะปกติ แนะต่อจากนี้คือการประเมินความเสียหายและวางแผนรับมือ



วันที่ 17 กรกฎาคม 2567 มีรายงานว่า ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิทยาศาสตร์ทางทะเลและอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ผ่านแฟนเพจ Thon Thamrongnawasawat โดยระบุว่า อุณหภูมิน้ำทะเลกลับสู่ภาวะปรกติ สิ้นสุดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว ต่อจากนี้คือการประเมินความเสียหายและวางแผนรับมือสำหรับคราวหน้า

หากเพื่อนธรณ์ดูกราฟอุณหภูมิน้ำทะเลทั้ง 2 ฝั่ง จะเห็นว่าตอนนี้ลดต่ำลงมาเท่ากับปี 23 และอยู่ต่ำกว่าเส้นวิกฤตปะการังฟอกขาว หมายถึงเราผ่านทะเลเดือดมาแล้ว ปะการังที่ฟอกขาวอยู่ตอนนี้ อีกไม่นานคงจะฟื้น แต่ย่อมมีปะการังตายจากการฟอกขาว จะเยอะจะน้อย ต้องรอการประเมินอีกครั้ง แต่ละที่ไม่เท่ากัน

เมื่อประเมินเสร็จ เราจะรู้ว่าตรงไหนหนักสุด การอนุรักษ์ฟื้นฟูแต่ละพื้นที่ควรเป็นอย่างไร นั่นเป็นอีกงานหนัก แต่จำเป็นมาก เพราะเราจะได้รู้ว่าการตายกับการฟอกขาวสัมพันธ์กันไหม?

จุดที่ฟอกขาวเยอะคือตายเยอะหรือเปล่า อาจมีปัจจัยอื่นๆ มาทำให้ฟอกเยอะแต่ตายน้อย หรือฟอกน้อยแต่ % ตายสูง ฯลฯ

ยังรวมถึงความทนทานของปะการัง (resilience) สัมพันธ์กับการฟอกขาวหรืออัตรารอด/ตายหรือไม่ เพราะเรื่องนั้นจะเกี่ยวโดยตรงกับแผนอนุรักษ์ในอนาคต อีกอย่างที่ต้องตามดูคือความเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศหลังจากนี้ แนวปะการังจะโทรมลงไหม จะมีอะไรเข้ามาแทน การฟื้นคืนของปะการังจะใช้เวลากี่เดือนกี่ปี ฯลฯ

ทั้งหมดที่เล่ามาจะเห็นเลยว่า เรามีงานยักษ์รออยู่ ปัญหาคือเราจะมีเงินทำไหม? เพราะตอนนี้อะไรก็เดือดร้อนไปหมด ก็คงได้แต่บอกว่า ต้องพยายามให้ดีที่สุด เพราะทุกเรื่องที่ทำในวันนี้ หมายถึงความอยู่รอดของปะการังในวันหน้า เพราะทะเลเดือดจะกลับมาพร้อมกับเอลนีโญอีกครั้ง ในอนาคตอันใกล้ ตราบใดที่โลกยังร้อนขึ้นเช่นนี้ครับ

ข้อมูลน้ำ - กรมทะเล


https://www.thairath.co.th/futureper...XPWDa-YNLQxloA

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 18-07-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


ฟิลิปปินส์ประกาศยกระดับเตือนภัยปรากฏการณ์ลานีญา



ทางการฟิลิปปินส์ประกาศยกระดับการเตือนภัยจากปรากฏการณ์ลานีญา ทำให้มีความเสี่ยงสูงที่จะเผชิญสภาพอากาศแบบพาความร้อนพายุหมุนเขตร้อนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักกว่าปกติในบางพื้นที่ของประเทศ

เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2567 หน่วยงานสภาพอากาศของฟิลิปปินส์ยกระดับการเตือนภัยจากปรากฏการณ์ลานีญา (La Nina) โดยระบุว่า ร้อยละ 70 ของปรากฏการณ์นี้จะเริ่มต้นในเดือนสิงหาคม และมีแนวโน้มลากยาวจนถึงไตรมาสแรก หรือช่วงระหว่างเดือนมกราคม-มีนาคม ของปี 2568

โดยระบุว่า ผลการเฝ้าติดตามสภาพอากาศพบอุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนกลางและตะวันออกแถบเส้นศูนย์สูตรลดลงกว่าเดิม ทำให้ฟิลิปปินส์เสี่ยงสูงที่จะเผชิญสภาพอากาศแบบพาความร้อนและพายุหมุนเขตร้อนเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจทำให้มีฝนตกหนักกว่าปกติในบางพื้นที่ของประเทศ

หน่วยงานสภาพอากาศของฟิลิปปินส์ยังเตือนถึงผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นหลายระดับในพื้นที่เสี่ยงภัย ทั้งน้ำท่วมและดินถล่ม พร้อมเน้นย้ำความสำคัญของการเฝ้าติดตามอย่างต่อเนื่อง และดำเนินมาตรการเฝ้าระวังผลกระทบของหน่วยงานรัฐทั้งหมดและสาธารณชน.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/2800948

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 18-07-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด


ข่าวดี! 'อ.ธรณ์' เผยทะเลกลับสู่สภาพปกติ สิ้นสุดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว

อ.ธรณ์ แจ้งข่าวดี ทะเลกลับสู่สภาพปกติ สิ้นสุดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว เตรียมรับมือทะเลเดือดเอลนีโญครั้งหน้า



จากสถานการณ์ทะเลไทยวิกฤต พบ 'ปะการังฟอกขาว' เกือบ 100% ผลพวงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระยะเวลาอันยาวนานและต่อเนื่อง จนนักวิชาการ และสังคมรู้สึกเป็นห่วงทะเลไทยตามที่เสนอข่าวไปนั้น

ล่าสุด เกี่ยวกับเรื่องนี้ "ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์" นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ออกมาประกาศข่าวดี ผ่านแฟนเพจ "Thon Thamrongnawasawat" ว่า
?

"อุณหภูมิน้ำทะเลกลับสู่ภาวะปรกติ สิ้นสุดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว ต่อจากนี้คือการประเมินความเสียหายและวางแผนรับมือสำหรับคราวหน้า

หากเพื่อนธรณ์ดูกราฟอุณหภูมิน้ำทะเลทั้ง 2 ฝั่ง จะเห็นว่าตอนนี้ลดต่ำลงมาเท่ากับปี 23 และอยู่ต่ำกว่าเส้นวิกฤตปะการังฟอกขาว หมายถึงเราผ่านทะเลเดือดมาแล้ว ปะการังที่ฟอกขาวอยู่ตอนนี้ อีกไม่นานคงจะฟื้น

แต่ย่อมมีปะการังตายจากการฟอกขาว จะเยอะจะน้อย ต้องรอการประเมินอีกครั้ง แต่ละที่ไม่เท่ากันเมื่อประเมินเสร็จ เราจะรู้ว่าตรงไหนหนักสุด การอนุรักษ์ฟื้นฟูแต่ละพื้นที่ควรเป็นอย่างไร

นั่นเป็นอีกงานหนัก แต่จำเป็นมสก เพราะเราจะได้รู้ว่าการตายกับการฟอกขาวสัมพันธ์กันไหม ?

จุดที่ฟอกขาวเยอะคือตายเยอะหรือเปล่า อาจมีปัจจัยอื่นๆ มาทำให้ฟอกเยอะแต่ตายน้อย หรือฟอกน้อยแต่ % ตายสูง ฯลฯ

ยังรวมถึงความทนทานของปะการัง (resilience) สัมพันธ์กับการฟอกขาวหรืออัตรารอด/ตายหรือไม่ เพราะเรื่องนั้นจะเกี่ยวโดยตรงกับแผนอนุรักษ์ในอนาคต

อีกอย่างที่ต้องตามดูคือความเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศหลังจากนี้ แนวปะการังจะโทรมลงไหม จะมีอะไรเข้ามาแทน การฟื้นคืนของปะการังจะใช้เวลากี่เดือนกี่ปี ฯลฯ

ทั้งหมดที่เล่ามา จะเห็นเลยว่า เรามีงานยักษ์รออยู่ ปัญหาคือเราจะมีเงินทำไหม ? เพราะตอนนี้อะไรก็เดือดร้อนไปหมด

ก็คงได้แต่บอกว่า ต้องพยายามให้ดีที่สุด เพราะทุกเรื่องที่ทำในวันนี้ หมายถึงความอยู่รอดของปะการังในวันหน้า

เพราะทะเลเดือดจะกลับมาพร้อมกับเอลนีโญอีกครั้ง ในอนาคตอันใกล้ ตราบใดที่โลกยังร้อนขึ้นเช่นนี้ครับ"


https://www.khaosod.co.th/special-st...s_777777838614

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 18-07-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก Greennews


4 แนวโน้ม-คาดการณ์ "วิกฤต-ความผันผวน" สภาพภูมิอากาศไทยปลายปี
.......... โดย กองบรรณาธิการ GREENNEWS



"ร้อนกว่าปกติถึง ต.ค. ? ลานีญามาช้า เริ่ม ก.ย. ? ฝนทิ้งช่วง ส.ค. ? ฝนหนัก ก.ย.-พ.ย. เกือบทุกภาค" รศ. วิษณุ อรรถวานิช นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์สิ่งแวดล้อม และอาจารย์ประจำภาควิชาเศรษฐศาสตร์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผย อัพเดทน้ำท่วมน้ำแล้ง วันนี้ (17 ก.ค. 67)


1. ร้อนกว่าปกติถึง ต.ค.

"ช่วง ม.ค. ? มิ.ย. 67 ร้อนเดือดทุบสถิติโลกใหม่ในรอบ 175 ปี และจะร้อนกว่าปกติถึง ต.ค. 67 ขณะที่ลานีญาจะเกิดขึ้นช้ากว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือนที่ผ่านมา น่าจะเริ่ม ก.ย. 67 และเดือน ส.ค. 67 ระวังฝนขาดช่วงในภาคเหนือฝั่งตะวันตก ตะวันตก ตะวันออก กลาง และอีสานตอนล่าง นอกจากนั้น ทุกภูมิภาคต้องระวังฝนมากและน้ำท่วมช่วง ก.ย.-ต.ค. 67 และภาคใต้ระวังฝนมากและน้ำท่วมช่วง ต.ค.-ธ.ค. 67

องค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (NOAA) รายงานล่าสุดว่า อุณหภูมิช่วง ม.ค. ? มิ.ย. 67 ทำสถิติสูงสุดในรอบ 175 ปี เมื่อกับช่วงเวลาเดียวกัน โดยอุณหภูมิภาคพื้นดิน (Land Temperature) สูงกว่าค่าเฉลี่ยก่อนยุคอุตสาหกรรมถึง 1.91 องศาเซลเซียส นอกจากนั้น ทะเลก็เดือดขึ้น โดยอุณหภูมิในมหาสมุทร (Ocean Temperature) ช่วง ม.ค. ? มิ.ย. 67 สูงกว่าค่าเฉลี่ยก่อนยุคอุตสาหกรรมถึง 1.01 องศาเซลเซียส"


2. ลานีญามาช้า เริ่ม ก.ย.

"NOAA รายงานว่าเราได้เข้าสู่เฟสกลาง (Neutral Phase) หรือภาวะปกติเต็มตัวตั้งแต่เดือน มิ.ย. 67 และคาดว่าจะต่อเนื่องไปถึง ส.ค. 67 (ภาพซ้ายแท่งสีเทา) โดยปรากฎการณ์ลานีญาจะเกิดขึ้นช้ากว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือนที่ผ่านมา

โดยลานีญาน่าจะเริ่มเดือน ก.ย. 67 (ภาพซ้ายแท่งสีน้ำเงิน) และคาดว่าจะเพิ่มกำลังถึงจุดสูงสุดช่วง พ.ย. 67 ? ม.ค. 68 โดยกำลังลานีญามีโอกาสอยู่ในระดับอ่อน?ปานกลางมากที่สุด ขณะที่กำลังลานีญาระดับรุนแรงมีโอกาสเกิดราว 19% ลดลงจากเดิมที่ 27%"


3. ฝนทิ้งช่วง ส.ค.

"ภาพที่ 3 บ่งชี้ว่า เดือน ส.ค. 67 ค่าเฉลี่ยผลพยากรณ์ของสำนักอุตุนิยมวิทยา 13 สำนักทั่วโลกบ่งชี้ว่าปริมาณฝนอาจต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปกติในเดือน ส.ค. 67 ซึ่งผลพยากรณ์ต่างไปจากเดือนที่ผ่านมา ดังนั้น ต้องระวังฝนขาดช่วงในพื้นที่แถบสีส้มซึ่งได้แก่ ภาคเหนือฝั่งตะวันตก ตะวันตก ตะวันออก กลาง และอีสานตอนล่าง ขณะที่ภาคใต้คาดว่าจะมีปริมาณฝนมากกว่าค่าเฉลี่ยปกติ และเดือน ก.ย. 67 ปริมาณฝนจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติทั่วประเทศ ซึ่งต้องระวังน้ำท่วมให้มากในเดือนนี้ในภูมิภาคต่างๆ (ยกเว้นภาคใต้) เนื่องจากเป็นเดือนที่มีปริมาณสูงที่สุดในรอบปี"


4. ฝนหนัก ก.ย.-พ.ย. เกือบทุกภาค

"ภาพที่ 4 บ่งชี้ว่า เดือน ก.ย. 67 ต.ค. 67 ปริมาณฝนจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยเกือบทั่วประเทศต่อเนื่องจากเดือน ก.ย. 67 ยกเว้นภาคเหนือตอนบนที่ปริมาณฝนจะมีแนวโน้มกลับเข้าสู่ค่าเฉลี่ยปกติ โดยภาคใต้ต้องระวังฝนที่จะมากและระวังน้ำท่วม เนื่องจากเป็นเดือนที่ภาคใต้จะมีปริมาณฝนมากในรอบปี และเดือน พ.ย. 67 ปริมาณฝนมีแนวโน้มกลับเข้าสู่ค่าเฉลี่ยปกติในเกือบทุกภูมิภาคยกเว้นภาคใต้ที่จะยังคงมีปริมาณฝนที่มากกว่าค่าเฉลี่ยปกติ (พื้นที่สีเขียว) และยังคงต้องระวังน้ำท่วมเพราะยังเป็นเดือนที่ปริมาณฝนสูงในรอบปี โดยภาคใต้ตอนล่างต้องระวังปริมาณฝนมากกว่าภาคใต้ตอนบน

ภาพที่ 5 บ่งชี้ว่า เดือน ธ.ค. 67 ทุกภูมิภาคปริมาณฝนมีแนวโน้มเข้าสู่ค่าเฉลี่ยปกติ ยกเว้นภาคใต้ตอนล่าง (พื้นที่สีเขียวอ่อน) ที่อาจจะยังคงมีปริมาณฝนที่มากกว่าค่าเฉลี่ยปกติและยังคงต้องระวังน้ำท่วมต่อเนื่องจากเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา ขณะที่เดือน ม.ค. 68 รูปแบบฝนคล้ายกับเดือน ธ.ค. 67 ปริมาณฝนจะกลับสู่ภาวะปกติในทุกภูมิภาค ยกเว้นภาคใต้ตอนล่างที่คาดว่าจะมีปริมาณฝนมากกว่าค่าเฉลี่ยปกติเล็กน้อย"

ภาพที่ 6 IRI มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย สหรัฐอเมริกา พยากรณ์ว่าตั้งแต่ ส.ค. 67 เป็นต้นไป ปริมาณฝนจะเริ่มสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติตั้งแต่ ก.ย. 67 และต้องเริ่มระวังฝนที่จะมากตั้งแต่ ก.ย.-พ.ย. 67 ในเกือบทุกภูมิภาค (ยกเว้นภาคใต้) และช่วง ต.ค.-ธ.ค. 67 ปริมาณฝนจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติทุกภูมิภาค ปริมาณฝนคาดว่าจะมามากกว่าเดิมที่เคยพยากรณ์ไว้ ภาคใต้ต้องระวังให้มาก รวมถึงภาคอีสาน (พื้นที่สีฟ้าและสีน้ำเงิน) ต้องระวังน้ำท่วมให้มากเช่นกัน"


เตือนรับมือ

"เตรียมกับมือกับฝนที่อาจจะขาดช่วงในเดือน ส.ค. 67 และปริมาณฝนที่จะมากกว่าค่าเฉลี่ยปกติตั้งแต่ ก.ย.-ธ.ค. 67

เตรียมทางระบายน้ำให้ดีเพื่อป้องกันน้ำท่วม ระวังขยะอุดตันทางระบายน้ำ ต้องเร่งขุดลอกคูคลองที่ตื้นเขินเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำ และต้องหาทางเก็บน้ำฝนไว้ใช้ในฤดูแล้งปีหน้ากันด้วยนะครับ อย่าปล่อยให้ไหลลงทะเลไปจนหมด ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่สูงต้องระวังดินถล่มกันด้วยนะครับ

เกษตรกรผู้ปลูกข้าวต้องระวังข้าวล้มช่วงใกล้ฤดูเก็บเกี่ยว สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนต้องระวังผลทุเรียนเน่าเสียและลมแรง นอกจากนั้น การทำทวายนอกฤดูยากขึ้น สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราการกรีดยางอาจทำได้ยากขึ้น และต้องระวังหัวเน่าในมันสำปะหลัง ฝนที่มากอาจทำให้เลี้ยงสัตว์แฉะและสภาพแวดล้อมไม่สะอาดซึ่งเป็นสาเหตุของการแพร่กระจายโรคในสัตว์ สำหรับการทำประมง ฝนตกหนักทำให้เกิดน้ำจืดไหลลงทะเลส่งผลต่อความเค็มและสภาพแวดล้อมของแหล่งน้ำซึ่งอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตของสัตว์น้ำ รักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ #ClimateChange #Flood #Drought #NewNormal" รศ. วิษณุ เปิดเผย


https://greennews.agency/?p=38423

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:15


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger