เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 12-09-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันจันทร์ ที่ 12 กันยายน 2565

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออก เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนใต้ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันออก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มในระยะนี้ไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 12 - 13 ก.ย. 65 ร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนใต้ ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ สำหรับบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 14 - 17 ก.ย. 65 ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาว และเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร


ข้อควรระวัง

ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทย ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสมที่จะทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก สำหรับในช่วงวันที่ 14 - 17 ก.ย. 65 ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง






__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 12-09-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


จับเรือเวียดนามรุกน่านน้ำ ดันเกิดไฟไหม้ จนท.ไทยติดอยู่ รุดช่วยระทึก

"เรือหลวงศรีราชา" จับกุมเรือประมงเวียดนาม 1 ลำ รุกน่านน้ำ-รวบลูกเรือ 5 คน ส่งเจ้าหน้าที่ไทย 3 นาย ไว้ตรวจเรือ จากนั้นแล่นต่อไปจับเรืออีกลำที่ยังหลบหนี แต่ดันเกิดไฟไหม้กับเรือเวียดนามลำแรก จึงรีบหันหัวเรือกลับรุดมาช่วยชีวิต จนท.ทั้ง 3



เมื่อวันที่ 11 ก.ย.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เรือหลวงศรีราชา ซึ่งมี นาวาตรี ภูมิธรรม จุนเจือจาน ผู้บังคับการเรือหลวงศรีราชา ออกปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนตามเส้นทาง จ.นราธิวาส-เกาะโลซิน-จ.สงขลา เมื่อช่วงเวลา 08.00 น.วันนี้ (11 ก.ย.) และพบเรือประมงต่างชาติต้องสงสัย จำนวน 2 ลำ มีทิศทางวิ่งห่างออกจากกัน จึงได้ทำการติดตาม จนเรือดังกล่าวยอมมอบตัวและให้เข้าจับกุมจำนวน 1 ลำ ส่วนอีกลำยังหลบหนีอยู่

จากนั้น เจ้าหน้าที่จึงนำตัวลูกเรือทั้งหมด 5 คน ขึ้นจากเรือและส่งชุดตรวจค้น จำนวน 3 นาย ลงไปตรวจสอบภายเรือดังกล่าว และทดลองข่ายวิทยุมดดำ จนสามารถติดต่อประสานงานกันได้ โดยจากการตรวจสอบพบว่าเป็นเรือสัญชาติเวียดนาม จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงทำการไล่ติดตามเรืออีกลำ แต่ภายเดินเรือไปได้ไม่นานนัก เจ้าหน้าที่บนเรือก็ได้รับแจ้งจากชุดตรวจค้นบนเรือประมงเวียดนามว่า พบควันสีขาวออกมาจากเครื่องจักรใหญ่ภายในห้องเครื่อง และเกิดไฟลุกไหม้ขึ้นในเวลาต่อมา

จากนั้น เรือหลวงศรีราชาจึงตัดสินใจกลับเข้าไปช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 นาย ที่ยังติดอยู่บนเรือประมงเวียดนามลำแรก โดยนำเรือยางออกไปรับกลับขึ้นมาบนเรือได้อย่างปลอดภัย แต่เนื่องจากในเรือประมงเวียดนามมีถังแก๊สอยู่ในเรือ 3 ถัง รวมทั้งถังน้ำมันด้วย เรือหลวงศรีราชาจึงไม่กล้าเสี่ยงที่จะนำเรือเข้าไปใกล้ๆ ขณะที่ไฟกำลังลุกไหม้ เพราะกลัวว่าถังแก๊สอาจจะระเบิด และสร้างความเสียหายให้กับเรือหลวงศรีราชา จนเวลาผ่านไปกระทั่งเวลา 11.40 น. เรือประมงเวียดนามที่ถูกไฟไหม้ ก็ค่อยๆจมลงสู่ก้นทะเลในที่สุด

ต่อมา พล.ร.ท.สุนทร คำคล้าย ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 ได้สั่งการให้เรือหลวงศรีราชา ทัพเรือภาคที่ 2 ควบคุมลูกเรือทั้งหมดกลับเข้าฝั่ง และเข้าเทียบท่าที่ท่าเทียบเรือฐานทัพเรือสงขลา ทัพเรือภาคที่ 2 เมื่อเวลา 18.00 น.ได้อย่างปลอดภัย ส่วนลูกเรือประมงเวียดนามทั้ง 5 คนนั้น เจ้าหน้าได้นำตัว ส่งให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสงขลา ดำเนินคดีใน 3 ข้อหาคือ "ใช้เรือประมงไร้สัญชาติทำการประมงในเขตการประมงไทย, และร่วมกันทำการประมงพาณิชย์โดยไม่มีใบรับอนุญาตทำการประมงและทำการประมงในเขตการประมงไทยโดยทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมเรือโดยไม่ได้รับอนุญาต"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสถิติการจับกุมเรือประมงต่างชาติ โดยเฉพาะเรือเวียดนามในพื้นที่ทัพเรือภาคที่ 2 ในปี 2565 ครั้งนี้เป็นการจับกุมครั้งที่ 16 รวมเรือทั้งหมด 22 ลำ จับผู้ควบคุมเรือพร้อมลูกเรือรวม จำนวน 104 คน


https://www.thairath.co.th/news/local/south/2497686

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 12-09-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


น่าเศร้า! พบ "ลูกเต่าทะเล" นับ 20 ตัว เกยตื้นมาพร้อมขยะ ที่หาดบ้านอำเภอ

กรม ทช. เผยภาพของกองขยะทะเลจำนวนมากที่ลอยมากองอยู่บริเวณหาดบ้านอำเภอ จ.ชลบุรี หลังเข้าสำรวจได้พบ "ลูกเต่าทะเล" จำนวนนับ 20 ตัว และคาดว่าจะมีอีก จึงเร่งเข้าค้นหาและเตรียมอนุบาลลูกเต่าต่อไป



เฟซบุ๊กเพจกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เผยภาพกองขยะเกยตื้นที่ลอยมาเข้าฝั่ง พร้อมมีลูกเต่าทะเลติดมาด้วยจำนวนมาก พร้อมข้อความว่า


วันที่ ๘ กันยายน ๒๕๖๕ กรม ทช. โดยสำนักงาน ทช.ที่๒ (ชลบุรี) ตรวจสอบพบขยะจำนวนมากถูกคลื่นลมพัดขึ้นเกยตลอดแนวชายหาดบ้านอำเภอ ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ระยะทางประมาณ ๗๐๐ เมตร จึงร่วมกับเทศบาลตำบลนาจอมเทียน จัดเก็บขยะออกจากพื้นที่

เมื่อตรวจสอบพบลูกเต่ากระและเต่าตนุ อายุประมาณ ๑ เดือน ติดมากับขยะจำนวนมาก จึงเร่งค้นหาโดยรอบพื้นที่เพื่อช่วยชีวิตเต่าที่อาจมีหลงเหลืออีก ผลการตรวจสอบเบื้องต้นสามารถช่วยชีวิตเต่าได้ประมาณ ๒๐ ตัว และยังเร่งค้นหาต่อไป คาดว่ายังมีเต่าจำนวนมากที่ยังติดค้างอยู่ในกองขยะดังกล่าว

ทั้งนี้ได้ประสานศูนย์วิจัย ทช. อ่าวไทยตอนบนฝั่งตะวันออก เพื่อตรวจสอบพื้นที่ ค้นหา และนำลูกเต่าไปอนุบาลต่อไป


https://mgronline.com/travel/detail/9650000087183

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 12-09-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS


รู้จัก "ปลิงทะเล" เทศบาลใต้ทะเลที่กำลังหายไป



"ศักดิ์อนันต์ " อาจารย์ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์ ชี้ "ปลิงทะเล" น่าห่วงประชากรลด 50% ถูกคุกคามจากการจับกิน ส่งขายต่างประเทศ ทำอาหารและยา อนาคตกระทบวงจรทำความสะอาดใต้ทะเลระบบนิเวศพัง

กรณีกองทัพเรือ จับเรือประมงสัญชาติเวียดนาม เข้ามาคราดปลิง ทะเลในเขตน่านน้ำไทย แถวพื้นที่ จ.สงขลา ภายในเรือมีลูกเรือ 5 คน และถังขนาดใหญ่หลายใบ มีปลิงทะเลอัดแน่นทั้งแบบแช่น้ำ และแบบใส่เกลือ

ไทยพีบีเอสออนไลน์ สัมภาษณ์นายศักดิ์อนันต์ ปลาทอง อาจารย์ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ว่า ปลิงทะเล เป็นสัตว์น้ำที่ยังไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย ทำให้ชาวประมงยังจับปลิงทะเลได้โดยไม่มีความผิด ยกเว้นไปจับในเขตอนุรักษ์ รวมทั้งกรณีที่เรือประมงจากประเทศอื่นเข้ามาจับในน่านไทย

"ปลิงทะเลมีความสำคัญต่อระบบนิเวศ เพราะทำหน้าที่เป็นเทศบาลประจำท้องทะเล"


ศักดิ์อนันต์ ขยายความต่อว่า ปลิงทะเล จะกินแพลงก์ตอน ตะกอนดิน เศษซากสารอินทรี ในแนวปะการัง ถ้าไม่มีปลิงมาคอยกำจัด จะเป็นแหล่งแบคทีเรีย ทำให้คุณภาพน้ำเสื่อมโทรมลง ซึ่งสังเกตว่าตะกอนดินที่เคยขาวเป็นทราย จะมีสภาพเป็นตะกอนดินสีดำ หรือแนวปะการังก็จะเสื่อมโทรมลง

"ถ้านำปลิงออกไปเยอะ จะทำให้วงจรความสะอาดในระบบนิเวศทางทะเลเสียหาย"


ประชากรลด 50% บางแห่งเจอตัวน้อยลง

นักวิชาการ บอกว่า ตัวอย่างที่พบการลดลงของปลิงทะเลชัดเจนที่สุด คือแถวหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา เมื่อ 20-30 ปีก่อน ถ้าไปถึงหน้าหาด แค่มองลงไปผิวน้ำทะเล จะเห็นปลิงขาว ปลิงดำตัวใหญ่ๆ เยอะมากเต็มพื้นทราย แต่ตอนนี้ถือว่าน้อยลงกว่า 50%

รวมทั้ง จ.สตูล ที่มีธุรกิจจับปลิงทะเลมาต้ม และขูดหนัง เอาพวกหนามออก และน้ำต้มปลิงทะเล จะส่งขายมาเลเซียทำยา เพราะมีคุณสมบัติในการรักษาบาดแผลให้สมานได้ ส่วนตัวปลิง จะนำไปตากแห้ง ปิ้งหรือรมควัน และส่งขายเมืองจีน

"ประชากรปลิงทะเล 50% ลดลงในช่วง 20-30 ปี หลายพื้นที่ไม่ค่อยเจอ เช่น หมู่เกาะสุรินทร์ เคยมีปลิงเต็มหน้าหาด ตอนนี้เหลือน้อยมาก และแนวปะการังบางพื้นที่ลดมากกว่า 70% ระยะยาวจะมีปัญหาหนัก"


นายศักดิ์อนันต์ กล่าวอีกว่า การลดลงของปลิงทะเล มาจากการถูกจับไปขาย กลุ่มประเทศที่นิยมคือ จีน เวียดนาม ในอดีตราคาเพียงแค่ 200-300 บาทที่เป็นตัวปลิงสด และถ้าราคาตากแห้ง น่าจะหลายพันบาท ราคาขึ้นกับชนิดของปลิง ปลิงดำจะถูกกว่าปลิงขาว

ทั้งนี้แม้ว่าปลิงทะเล จะสามารถงอกส่วนที่ขาดเป็น 2 ท่อนได้ภายในระยะเวลา 2 เดือน แต่ก็ไม่ทำให้ประชากรเพิ่มได้เร็ว

"น่าเป็นห่วงในเชิงนิเวศทางทะเล ตอนนี้เรายังไม่ไหวตัวว่าเกิดอะไรขึ้นใต้ทะเล บางแห่งตะกอนดินใต้ท้องทะเลเคยขาวสะอาด และกลายเป็นตะกอนสีดำ"


ราคาจูงใจตากแห้ง 3,000-7,000 บาท

ข้อมูลนี้ สอดคล้องกับข้อมูลปี 2564 กองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง กรมประมง รายงานว่า มีการจับปลิงทะเลขึ้นมาใช้ประโยชน์ในปริมาณมาก ทั้งเพื่อการบริโภคภายในประเทศ และส่งออกต่างประเทศ

โดยเฉพาะปลิงทะเลชนิด Holothuria scabra ที่มีความต้องการของตลาดสูง ราคาขายปลิงทะเลสด จากชาวประมงน้ำหนัก 400-500 กรัมต่อตัว ราคา 500 บาทต่อกิโลกรัม

"ปลิงทะเลตากแห้ง ราคา 3,000-7,000 บาทต่อกิโลกรัม จากการที่เป็นสัตว์น้ำมีมูลค่าสูง ทําให้ถูกจับจํานวนมากจนไม่สามารถเกิดทดแทนตามธรรมชาติได้ทัน"


สรรพคุณอาหาร-ยาจากปลิงทะเล

ข้อมูลจากศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรมสัตว์น้ำชายฝั่ง (สถาบันวิจัยการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง สงขลา) กรมประมง เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวปลิงทะเลของไทย ระบุว่า คุณค่าทางอาหารของปลิงทะเล มีโปรตีนประมาณ 10-12% ความชื้น 70-80% ไขมัน 0.002-0.04%

นอกจากนี้ เนื้อปลิงทะเล ยังมีสารมิวโคโปรตีนที่มี Chondroitin sulfurie acid คาดว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้สูงอายุ โดยการช่วยให้กล้ามเนื้อทำงานได้ดี

จากการศึกษา ปลิงทะเลที่ต้มแล้ว วางขายในตลาดสดตามจังหวัดใหญ่ ๆ เช่น จ.ภูเก็ต ส่วนใหญ่นำไปประกอบอาหาร ประเภทซุป และยำในภัตคารอาหารจีน ใน จ.กระบี่

ปลิงขาวมีราคา กิโลกรัมละประมาณ 270 บาท ส่วนชนิดอื่นมีราคากิโลกรัมละประมาณ 90 บาท ส่วนน้ำในตัวปลิงทะเล ซึ่งมักนำไปเป็นส่วนผสมของยา จะขายในราคา 100 บาท ต่อ 1 แกลลอน (20 ลิตร) ที่หมู่เกาะสุรินทร์ ชาวเลจะนำปลิงตากแห้งมาขายที่ฝั่งจ.ระนอง ในราคากิโลกรัมละ 200-400 บาท

ขณะที่ปลิงทะเลตากแห้ง นับว่าเป็นอาหารที่ขึ้นชื่อในประเทศทางตะวันออก โดยเฉพาะทางหมู่เกาะทะเลใต้ (South Pacific) ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น ซึ่งมีผู้นิยมกินปลิงทะเลกันมาก โดยที่นิยมกินมี 2 ปลิงขาว ปลิงดำ ส่วนที่มีขายตามท้องตลาด ปลิงทะเลตากแห้ง คือ Holuthuria scabra

อย่างไรก็ตาม ปลิงทะเลในธรรมชาติที่ลดลงอย่างมาก กรมประมง ได้เริ่มศึกษาสถานภาพปลิงทะเลในไทย และอนุกรมวิธาน ชีววิทยา และนิเวศวิทยา เพื่อที่จะประเมินทรัพยากรปลิงทะเล และวางแผนฟื้นฟูอนุรักษ์


https://www.thaipbs.or.th/news/content/319052

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 10:34


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger