#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม 2563
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป พายุโซนร้อน "โมลาเบ" (พายุระดับ 3) ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชัน (พายุระดับ 2) บริเวณจังหวัดอุบลราชธานีแล้ว คาดว่าจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง (พายุระดับ 1) ในระยะต่อไป ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนเป็นบริเวณกว้าง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งกับมีลมแรง สำหรับลมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรง ส่งผลทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่งกับมีลมแรง ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร อ่าวไทยตอนล่างคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝน ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 29 ต.ค. - 3 พ.ย. 63 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับในช่วงวันที่ 29 - 30 ต.ค. พายุไต้ฝุ่น "โมลาเบ" (พายุระดับ 5) ปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนกลาง คาดว่าจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อน (พายุระดับ 3) ก่อนเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนเป็นบริเวณกว้าง กับมีลมแรง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ในบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลและบริเวณประเทศไทยตอนบนอากาศเย็นลงเล็กน้อย สำหรับร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ตอนกลาง ประกอบกับลมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้นในช่วงวันที่ 28-29 ต.ค.ทำให้ทะเลอันดามัน 2-3 เมตร หลังจากนั้นคลื่นลมอ่อนลง ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 29 ? 30 ต.ค. 63 ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยของภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ สำหรับชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ โดยหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ********************************************************************************************************************************************************* ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "พายุดีเปรสชัน "โมลาเบ" (พายุระดับ 2) (มีผลกระทบจนถึงวันที่ 30 ตุลาคม 2563)" ฉบับที่ 10 ลงวันที่ 29 ตุลาคม 2563 เมื่อเวลา 04.00 น. วันนี้ (29 ตุลาคม 2563) พายุโซนร้อน "โมลาเบ" (พายุระดับ 3) ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชัน (พายุระดับ 2) บริเวณจังหวัดอุบลราชธานีแล้ว หรือมีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 15.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 105.0 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง (พายุระดับ 1) ในระยะต่อไป ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนเป็นบริเวณกว้าง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งกับมีลมแรง สำหรับลมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรง ส่งผลทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่งกับมีลมแรง ในวันที่ 29 ตุลาคม 2563 จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากมีดังนี้ ภาคเหนือ: จังหวัดพะเยา น่าน แพร่ ลำพูน ลำปาง อุตรดิตถ์ พิษณุโลก สุโขทัย พิจิตร ตาก และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองบัวลำภู หนองคาย อุดรธานี สกลนคร บึงกาฬ นครพนม กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร มุกดาหาร อำนาจเจริญ ชัยภูมิ ขอนแก่น นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง กาญจนบุรี และสุพรรณบุรี ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี และตราด ภาคใต้: จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ในวันที่ 30 ตุลาคม 2563 จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักมีดังนี้ ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง สุโขทัย ตาก และกำแพงเพชร ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สุพรรณบุรี และกาญจนบุรี ภาคใต้: จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยของภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและลมแรง ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร อ่าวไทยตอนล่างคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
ชวนเที่ยว ชมวาฬ ทานปู หาดเจ้าสำราญ งานใหญ่อ่าว ก-ไก่ 1 ปีมีครั้งเดียว เริ่มแล้ว เทศกาล ชมวาฬ ทานปู หาดเจ้าสำราญ จ.เพชรบุรี ครั้งที่ 7 ระหว่างวันที่ 28-30 ตุลาคม นี้ วันที่ 28 ต.ค. เทศบาลตำบลหาดเจ้าสำราญ จ.เพชรบุรี ร่วมกับ กลุ่มเรือชมวาฬในพื้นที่ พานักท่องเที่ยวลงเรือ ชมวิถีชิวิตของวาฬบรูด้า ในอ่าวไทย (อ่าวรูปตัว ก.ไก่) ใน?เทศกาลชมวาฬทานปู หาดเจ้าสำราญ ครั้งที่ 7? ระหว่างวันที่ 28-30 ตุลาคม ซึ่ง 1 ปี มีครั้งเดียว ต่อการชมสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งนี้ ในช่วงระหว่างเดือนตุลาคม?ธันวาคม ของทุกปี จะเป็นช่วงที่วาฬบรูด้าเข้ามาหากินในท้องทะเลอ่าวไทยรูปตัวก-ไก่ จึงทำให้นักท่องเที่ยว สามารถส่งเรือออกไปเที่ยวชมชีวิตตามธรรมชาติได้ ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวนักท่องเที่ยวมีโอกาสพบเห็นวาฬบรูด้าหากินได้อย่างใกล้ชิด จังหวัดเพชรบุรีโดยเทศบาลตำบลหาดเจ้าสำราญ นับเป็นพื้นที่แรกที่จัดให้ชาวประมงที่ว่างเว้นจากช่วงฤดูการหาปลา นำเรือประมงออกมาให้นักท่องเที่ยวเช่าเหมาลำลงไปดูวาฬบรูต้า จนเป็นที่ขึ้นชื่อ และเป็นที่นิยมในกลุ่มการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ด้วยความร่วมมือของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเพชรบุรีจัดอบรมมัคคุเทศก์ และผู้ประกอบการเรือหาปลาให้ความรู้ในการนำนักท่องเที่ยวนั่งเรือออกชมวาฬ ตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบและอันตรายต่อการออกหากินของวาฬบรูด้า นอกจากนี้ หาดเจ้าสำราญยังเป็นแหล่งปูม้าที่ขึ้นชื่อในภูมิภาคแถบนี้ จึงทำให้เทศกาลชมวาฬทานปูม้าหาดเจ้าสำราญเป็นที่นิยมในทุก ๆ ปี ของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ภายในงาน มีการออกร้าน ต่อยอดธุรกิจการค้าสินค้าอาหารทะเล อาหารการกินมากมายกว่า 90 ร้าน https://www.thairath.co.th/news/local/central/1963924 ********************************************************************************************************************************************************* คนบางแสน ไม่ไหวจะเคลียร์ นักท่องเที่ยวกินทิ้งเรี่ยราด คนบางแสน ขอประณาม นักท่องเที่ยวมานั่งชิลดื่มกินที่หาดวอนนภา ไร้จิตสำนึก กินกันเสร็จแล้วลุกหนี ที่เหลือทิ้งไว้ให้คนอื่นเก็บ ขณะที่นายกตุ้ย ขู่ ถ้าเป็นอย่างนี้ อาจต้องเปิดให้นั่งเป็นเวลา วันที่ 28 ต.ค. กรณีมีภาพและข้อความในเพจเฟซบุ๊ก ระบุ "บริเวณชายหาดวอนนภา แสนสุข คนพวกนี้จริงๆ นำมากินได้ แต่เก็บไปทิ้งไม่ได้ ไม่รู้จะหาคำไหนมาพูดดี กินแล้วก็ไว้ตรงนี้แหละ รอให้คนอื่นมาเก็บ กินได้ แต่เก็บไม่ได้ คราวหลังอย่ามากินนะ เมื่อกินได้ต้องเก็บได้" พร้อมยังมีการนำภาพขวดเบียร์จำนวนมาก มีกระดาษที่มาปูนั่งล้อมวง วางทิ้งเรี่ยราด ทั้งนี้ จากการไปตรวจสอบ บริเวณชายหาดวอนนภา ตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ฟรีโซน ได้กับพบทางเจ้าหน้าที่เทศกิจ เทศบาลเมืองแสนสุข กำลังเข้ามาเก็บทำความสะอาด เนื่องจากเป็นภาพที่ไม่น่ามองกับผู้ที่ผ่านไปผ่านมา ส่วนคนที่กินแล้วทิ้งไว้ น่าจะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยว พนักงานโรงงาน นำมานั่งกินในช่วงดึก แล้วลุกไปช่วงประมาณ 06.00 น. จากการสอบถามนายประกิจ แววเพชร อายุ 55 ปี ชาวบ้านในพื้นที่บางแสน เผยว่า ภาพเหล่านี้ พบเห็นแบบนี้เกือบทุกวัน พอเมาแล้วก็ไปกัน บางครั้งก็มีขวดแตกเรี่ยราดไปหมด ซึ่งเห็นแล้วรู้สึกไม่ดีเลย เพราะบางแสนเป็นแหล่งท่องเที่ยว จึงอยากให้ผู้ที่มานั่งกินแล้วช่วยกันดูแล เก็บไปทิ้งทำความสะอาดด้วย ทางด้านนายณรงค์ชัย คุณปลื้ม นายกเทศมนตรีเมืองแสนสุข เปิดเผยว่า ชายหาดบางแสน มีพื้นที่นั่งกิน 3 จุด คือ บางแสน แหลมแท่น หาดวอนนภา แต่ที่พบปัญหามักจะมีคนมานั่งกินเหล้า เบียร์ ในช่วงกลางคืน จะเป็นหาดวอนนภา และเป็นอย่างนี้ประจำ กินแล้วไม่ยอมเก็บ ทั้งที่มีการเตรียมถังขยะให้ มีมาก พอเพียง และไม่ไกลจากจุดที่นั่งกิน รวมทั้เทศบาลเมืองแสนสุข ได้มีการประชาสัมพันธ์ เป็นหาดสาธารณะ ปลอดเหล้า ปลอดบุหรี่ แต่ก็ยังพบมีการฝ่าฝืนเป็นจำนวนมาก อีกทั้งทางเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ยังไม่มีอำนาจเต็มที่ในเรื่องของการจับปรับซึ่งหน้า โดยเฉพาะ พ.ร.บ.รักษาความสะอาด หากจะต้องปรับ ก็ต้องไปปรับที่โรงพัก ดังนั้น จึงมีความคิดจะทำที่นั่งกินแบบโซนนิ่ง หากนั่งท่องเที่ยวไม่ให้ความร่วมมือ ก็คงจะทำเป็นที่เปิดปิด ให้นั่งเป็นเวลา เพื่อง่ายต่อการทำความสะอาด นายกตุ้ย กล่าว https://www.thairath.co.th/news/local/east/1963885 ********************************************************************************************************************************************************* สยอง ฉลามจู่โจมนอกฝั่งอียิปต์ เจ็บ 5 ราย เด็กเสียแขน-แม่สาหัส เกิดเหตุฉลามโจมตีผู้คนที่กำลังว่ายน้ำนอกชายฝั่งเมืองรีสอร์ตชื่อดังของอียิปต์ ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 5 รายรวมถึงเด็กซึ่งเสียแขน และแม่ชาวยูเครนที่ได้รับบาดแผลลึก สำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า สำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศยูเครน ออกแถลงการณ์ในวันพุธที่ 28 ต.ค. 2563 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวชาวยูเครนถูกฉลามจู่โจมขณะว่ายน้ำอยู่ในเขตแห่งชาติ ?ราส โมฮัมเหม็ด? ใกล้กับเมือง ชาร์ม เอล-ชีค เมืองตากอากาศชื่อดังของประเทศอียิปต์ นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ถูกพาไปยังโรงพยาบาลนานาชาติ ชาร์ม อย่างรวดเร็วเพื่อรับการรักษา โดยหนึ่งในนั้นเป็นหญิงชาวยูเครน ถูกกัดเป็นแผลลึก ขณะที่ลูกของเธอต้องตัดแขน 1 ข้างช่วงตั้งแต่ใต้ศอกลงมา และมีแผลลึกบริเวณหลัง ขณะที่สำนักข่าว อัล-อาห์รัม ของอียิปต์ รายงานว่า ผู้บาดเจ็บทั้งสิ้น 5 ราย รวมถึงแม่ลูกชาวยูเครน และไกด์ทัวร์อีก 1 คน ส่วนฉลามที่ก่อเหตุคือฉลามครีบขาว ความยาวประมาณ 2 เมตร โดยคลิปวิดีโอในที่เกิดเหตุที่มีผู้ถ่ายไว้ได้แสดงให้เห็นว่า ฉลามแสดงพฤติกรรมประหลาดโดยมีความมุ่งร้ายต่อมนุษย์ อัล-อาห์รัม ระบุด้วยว่า ตอนนี้ทีมเฉพาะกิจซึ่งจัดตั้งโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อม กำลังสืบสวนข้อเท็จจริงของเหตุการณ์นี้แล้ว https://www.thairath.co.th/news/foreign/1964005
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
ฮือฮา! น้ำทะเลเกาะช้างเปลี่ยนเป็นสีเขียว เผยเกิดจากปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ ปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬรอบเกาะช้าง จ.ตราด (-ภาพ : ศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ 4 จังหวัดตราด) ศูนย์ปฏิบัติการทางทะเลฯ ที่ 4 เผยภาพแปลกตา น้ำทะเลรอบเกาะช้างเปลี่ยนเป็นสีเขียว ระบุเกิดจากปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ อาจมีผลกระทบต่อสัตว์ทะเล แต่ไม่มีผลต่อคนมาก ยกเว้นผู้ที่แพ้ง่าย ศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ 4 จังหวัดตราด เผยภาพแปลกตา น้ำทะเลบริเวณเกาะช้าง จ.ตราด เปลี่ยนจากสีฟ้าเป็นสีเขียว ระบุมาจากปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ โดย ศูนย์ฯ ดังกล่าวได้โพสต์ภาพและข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กแฟนเพจของศูนย์ ดังนี้ 28 ตุลาคม เกิดปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬบริเวณรอบเกาะช้าง มอเห็นเป็นตะกอนสีเขียว แต่ไม่ต้องตกใจ อาจมีผลต่อสัตว์ทะเล ไม่มีผลต่อคนมากนักยกเว้นคนที่มีอาการแพ้ง่าย แต่นั่งดูเพลินๆ ไม่มีอันตราย สำหรับ "ปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ" หรือ Red Tide เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่สามารถเกิดขึ้นได้ในท้องทะเลทั่วไปทั่วทุกมุมโลก สาเหตุของปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ เกิดจากการเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วและเป็นจำนวนมาก ของสาหร่ายเซลล์เดียวจำพวก "แพลงก์ตอนพืช" ในบริเวณทะเลแถบนั้น ซึ่งมีอีกหนึ่งชื่อเรียกขานว่า "แพลงก์ตอนบลูม" แพลงก์ตอนบลูม เมื่อเกิดขึ้น จะทำให้น้ำทะเลเปลี่ยนสี ซึ่งโดยปกติจะเปลี่ยนเป็นสีแดงหรือเขียว แต่บางครั้งก็อาจเปลี่ยนเป็นสีชมพูหรือสีม่วง ปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬรอบเกาะช้าง จ.ตราด (-ภาพ : ศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ 4 จังหวัดตราด) อย่างไรก็ดี การเกิดปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ บางครั้งอาจเกี่ยวข้องกับผลผลิตของชีวพิษ การขาดแคลนของออกซิเจนละลาย หรือผลกระทบเชิงลบอื่น ๆ ทั้งหมดนี้โดยปกติแล้วจะเรียกว่า สาหร่ายสะพรั่งที่มีความอันตราย ผลกระทบที่เห็นได้ชัดที่สุดจากปรากฏการณ์นี้เกี่ยวข้องกับอัตราการตายของสิ่งมีชีวิตหลาย ๆ อย่างที่อาศัยอยู่ในทะเลรวมไปถึงแนวชายหาด เช่น ปลา นก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทางทะเล และสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ด้วยเหตุนี้ทาง ศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ 4 จังหวัดตราด จึงออกมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับแฟนเพจว่า การเกิดปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬส่งผลกระทบต่อสัตว์ทะเล ทั้งขาดอากาศ และเป็นพิษ แต่จากขนาดที่เกิดขึ้นที่ทะเลเกาะช้าง ดูเหมือนยังกินบริเวณไม่กว้างมาก ทำให้สัตว์ทะเลอาจหลบหนี หรือ ได้รับผลกระทบไม่นานจนถึงขนาดเสียชีวิต ซึ่งเรื่องนี้ทางศูนย์ฯ กำลังทำการติดตามผลต่อไป https://mgronline.com/travel/detail/9630000111717 ********************************************************************************************************************************************************* กู้เรือราชา 4 สำเร็จแล้ว ลากเข้าท่าดอนสัก ประเมินความเสียหาย คุมเข้มไม่กระทบสิ่งแวดล้อม สุราษฎร์ธานี - กู้เรือราชา 4 สำเร็จแล้ว ลากจูงเรือกลับเข้าฝั่งท่าเรือดอนสัก เพื่อตรวจสอบและประเมินความเสียหาย จากกรณีเมื่อวันที่ 1 ส.ค.63 เกิดเหตุเรือเฟอร์รี่ล่มระหว่างเกาะสี่เกาะห้า ห่างจากท่าเรือเกาะสมุย 2 ไมล์ทะเล เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 7 คน ล่าสุด นายอภิชาติ ชโยภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ท่าเรือราชาเฟอร์รี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการกู้เรือ ว่า ขณะนี้ได้ทำการกู้เรือราชา 4 ขึ้นมา และลากจูงกลับไปยังฝั่งท่าเรือดอนสักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนจากนี้จะเป็นเรื่องของทีมวิศวกรรมลงตรวจประเมินความเสียหายต่อไป "ปฏิบัติการครั้งนี้ บริษัทฯ ได้กำชับและเตรียมมาตรการป้องกันอย่างรัดกุม ทั้งตาข่ายคลุม ม่านดักตะกอน และบูมกันน้ำมัน เพื่อไม่ให้กระทบต่อสิ่งแวดล้อม จึงขอให้ทุกฝ่ายสบายใจได้ว่าเราให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอันดับต้นๆ" นายอภิชาติ กล่าว ทั้งนี้ บริษัทฯ ต้องขอบคุณทุกหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาสมุย กรมเจ้าท่า กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) รวมทั้งพี่น้องเรือประมงอวนลากที่ให้ความร่วมมือในปฏิบัติการครั้งนี้ด้วยดี ดังจะเห็นว่า ตลอดระยะเวลาการกู้เรือ บริษัทฯ ป้องกันอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สำหรับก้อนขยะที่ทางคู่สัญญาแจ้งขนลงเรือมานั้น ระหว่างปฏิบัติการกู้เรือได้เก็บก้อนขยะขึ้นมา และส่งให้บริษัทคู่สัญญานำไปจัดการอย่างถูกต้องแล้ว https://mgronline.com/south/detail/9630000111829
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด
นักวิทย์ค้นพบ "แนวปะการัง" ใต้ทะเลออลซี่ สูงกว่าตึกเอมไพร์สเตท วันที่ 28 ต.ค. บีบีซี รายงานการค้นพบแนวปะการังขนาดมหึมาบนก้นมหาสมุทร ที่แยกจากพืดหินปะการัง เกรตแบร์ริเออร์รีฟ (Great Barrier Reef) ออกไปทางเหนือ นอกชายฝั่งเคปยอร์ก รัฐควีนส์แลนด์ ออสเตรเลีย เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ถือเป็นการค้นพบครั้งแรกในรอบ 120 ปี แนวปะการังมีลักษณะเหมือนใบมีด ความกว้าง 1.5 กิโลเมตร ความลึกตื้นสุดใต้ผิวน้ำทะเลเพียง 40 เมตร แต่ความสูงทั้งหมด 500 เมตร แซงความสูงของ เอ็มไพร์สเตทบิลดิง ตึกระฟ้าของนิวยอร์กของสหรัฐอเมริกา และ ตึกแฝดปิโตรนาส ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย คณะนักวิทยาศาสตร์จาก สถาบันชมิดท์โอเชียน องค์การไม่แสวงกำไรในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ล่องเรือวิจัย ฟัลคอร์ (Falkor) ใช้หุ่นยนต์ใต้น้ำ ซูบัสเตียน (SuBastian) ซึ่งไลฟ์สตรีมวิดีโอการสำรวจและค้นพบแนวปะการังดังกล่าว เผยแพร่ทางช่องยูทูบ นอกจากนี้ คณะนักวิจัยทำแผนที่สามมิติก้นทะเลในบริเวณดังกล่าวด้วย SCHMIDT OCEAN INSTITUTE ดร.โชติกา วีรมณี กรรมการบริหารสถาบันชมิดท์โอเขียน กล่าวว่า การค้นพบแนวปะการังใหม่จะเป็นการไขความลึกลับว่า เกรตแบร์ริเออร์รีฟอยู่ห่างแนวชายฝั่งของเราอย่างไร "การรวบรวมข้อมูลแผนที่และมโนภาพใต้น้ำทรงพลังจะนำมาใช้เพื่อทำความเข้าใจแนวปะการังใหม่นี้ และบทบาทของแนวปะการังดังกล่าวภายในเกรตแบร์ริเออร์รีฟ ซึ่งเป็นเขตมรดกโลก" ดร.วีรมณีกล่าว ด้าน เวนดี ชมิดท์ ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันชมิดท์โอเชียน ระบุว่า การค้นพบคาดไม่ถึงนี้ยืนยันว่าเราจะค้นพบแนวปะการังที่ไม่เคยรู้จัก และสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่ๆ ในมหาสมุทรของเราอีก SCHMIDT OCEAN INSTITUTE "เรามีความรู้อย่างจำกัดเกี่ยวกับสรรพสิ่งในมหาสมุทร แต่ด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่เป็นแขนขาในมหาสมุทรลึก เราจึงสามารถสำรวจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ภาพมหาสมุทรใหม่กำลังเปิดให้เราเห็นระบบนิเวศและสิ่งมีชีวิตหลากหลายรูปแบบที่อยู่ร่วมกับเราบนโลกใบนี้" ชมิดท์กล่าว การค้นพบแนวปะการังใหม่นี้เป็นส่วนหนึ่งภารกิจ 12 เดือน ของคณะนักวิจัยสถาบันชมิดท์โอเชียน ที่ล่องเรือสำรวจมหาสมุทรรอบออสเตรเลีย ซึ่งค้นพบสิ่งมีชีวิตใหม่ 30 สายพันธุ์ รวมถึง ไซฟอรโนฟอร์ (siphonophore) สัตว์ทะเลลึกตัวยาวที่สุดในโลก 45 เมตร ในหุบเขาลึกนอกชายฝั่งออสเตรเลียตะวันตกเมื่อเดือนเมษายนปีนี้ อยู่ในเครือเดียวกับแมงกะพรุนและปะการัง หลายชนิดมีตัวเรืองแสงสีเขียวหรือสีฟ้าเพื่อล่อเหยื่อ ส่วนในเดือนสิงหาคมเป็นการค้นพบฟองน้ำและปะการังดำแต่ไม่สามารถระบุสายพันธุ์ได้ และแมงป่องหายากครั้งแรกของออสเตรเลีย Catriona Munro, Stefan Siebert, Felipe Zapata, Mark Howison, Alejandro Damian-Serrano, Samuel H. Church, Freya E.Goetz, Philip R. Pugh, Steven H.D.Haddock, Casey W.Dunn - https://www.sciencedirect.com/scienc...18300460#f0030 ทั้งนี้ เกรตแบร์ริเออร์รีฟเป็นพืดหินปะการังขนาดใหญ่สุดของโลกด้วยความยาวกว่า 2,300 กิโลเมตร เป็นถิ่นอาศัยของปลามากกว่า 1,500 สายพันธุ์ใหม่ ปะการังแข็งอีก 411 สายพันธุ์ และสิ่งมีชีวิตหลายสิบสายพันธุ์ เกรตแบร์ริเออร์รีฟได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเขตมรดกโลกเมื่อปี 2524 ในฐานะทรัพยากรที่มีความสำคัญต่อวิทยาศาสตร์และธรรมชาติมหาศาล ทว่าหลายปีที่ผ่านมา ได้รับความเสียหายอย่างมากมายจากน้ำทะเลอุ่นขึ้น ซึ่งกัดเซาะปะการัง ทำให้สัตว์ทะเลกระจายตัวจากถิ่นอาศัย และเร่งการเติบโตสาหร่ายและสารปนเปื้อนอื่นๆ ก่อนหน้าเดือนเดียวกันนี้ การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์พบว่า เกรตแบร์ริเออร์รีฟสูญเสียแนวปะการังมากกว่าครึ่งหนึ่งนับตั้งแต่ปี 2538 เนื่องด้วยทะเลอุ่นขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ https://www.khaosod.co.th/update-news/news_5207221
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#5
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS
เศร้า! ผลชันสูตร "พะยูน" อ่าวมาหยา ซี่โครงถูกกระแทกหัก 8 ซี่ ศูนย์วิจัย ทช.เปิดเผยผลชันสูตรซากพะยูนเกยตื้นจากอ่าวมาหยา หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ เมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา พบกระดูกซี่โครงหัก 8 ซี่ ทะลุถึงช่องอกและช่องท้อง ส่งผลให้ปอดด้านขวาติดเชื้ออักเสบอย่างรุนแรง และมีภาวะหัวใจขาดเลือด คาดถูกเรือกชนตาย ภาพ : ทช. วันนี้ (28 ต.ค.2563) ศูนย์วิจัย ทช. ทะเลอันดามันตอนล่างร่วมกับศูนย์วิจัย ทช. ทะเลอันดามันตอนบน ชันสูตรซากพะยูนเกยตื้นจากอ่าวมาหยา หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ เมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยก่อนการชันสูตรซาก เจ้าหน้าที่ได้ขนย้ายซากพะยูนไปตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมด้วยวิธีการถ่ายภาพรังสีส่วนตัดอาศัยคอมพิวเตอร์ (CT-scan; X-ray computed tomography) พบการหักของกระดูกซี่โครงบริเวณกลางลำตัว 8 ซี่ นอกจากนี้ ยังพบว่าลักษณะภายนอกมีบาดแผลฉกรรจ์จากการถูกของมีคมและของแข็งกระแทกอย่างรุนแรง บริเวณหลังด้านขวาของลำตัว พบกล้ามเนื้อเป็นรอยช้ำ อักเสบ และเป็นหนอง กระดูกซี่โครงบริเวณกลางลำตัวหัก และทะลุถึงช่องอกและช่องท้อง ส่งผลให้ปอดด้านขวาติดเชื้ออักเสบอย่างรุนแรง พบลักษณะของแผ่นหนองปกคลุมทั่วทั้งบริเวณชั้นไขมันและเนื้อเยื่อปอดด้านขวา เนื้อเยื่อปอดยุบตัวลง (Lung collapse) และเสียสภาพไปจากปกติ มีภาวะการหดเกร็งของกล้ามเนื้อหัวใจ กล้ามเนื้อหัวใจซีด และมีภาวะหัวใจขาดเลือด คาดว่าเกิดจากภาวะช็อกโดยเฉียบพลัน ภาพ : ทช. เจ้าหน้าที่ยังพบต่อมน้ำเหลืองขยายขนาดใหญ่ทั่วร่างกายเนื่องจากภาวะการอักเสบติดเชื้ออย่างรุนแรง ส่วนของทางเดินอาหารพบมีหญ้าทะเลจำนวนมากภายในกระเพาะอาหารและลำไส้ สรุปสาเหตุการตายคาดว่าถูกเรือชน ซึ่งน่าจะเกิดมาเป็นระยะเวลานานมากกว่า 1 สัปดาห์ เนื่องจากรอยโรคพบลักษณะของหนองและการอักเสบเรื้อรังภายในร่างกาย และมีสาหร่ายปกคลุมบริเวณลำตัว ตัวพะยูนถูกกระแทกอย่างรุนแรงจนกระดูกซี่โครงหักทิ่มทะลุช่องอกและช่องท้อง ส่งผลให้ติดเชื้ออักเสบอย่างรุนแรงไปทั่วร่างกายร่วมกับภาวะช็อกอย่างเฉียบพลันและเสียชีวิตในที่สุด ภาพ : ทช. ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เก็บตัวอย่างผิวหนัง เพื่อตรวจทางพันธุกรรม เก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อเพื่อตรวจทางโลหะหนัก สารชีวพิษ แบคทีเรียวิทยาและไวรัสวิทยา เก็บตัวอย่างกระดูกซี่โครงเพื่อตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ เก็บตัวอย่างพยาธิและอาหารในกระเพาะอาหารเพื่อนำไปจำแนกทางห้องปฏิบัติการต่อไป https://news.thaipbs.or.th/content/297840
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#6
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก PPTV
ค้นพบแนวปะการังในออสเตรเลีย เปรียบขนาดสูงกว่าตึกเอ็มไพร์สเตท ทีมนักวิทยาศาสตร์ ค้นพบแนวปะการังขนาด 500 เมตร (ประมาณ 1,600 ฟุต) ใน เกรตแบร์ริเออร์รีฟ (Great Barrier Reef) ของออสเตรเลีย ซึ่งเมื่อเทียบขนาดแล้วนับว่าสูงกว่าระฟ้าอย่างตึกเอ็มไพร์สเตท ทีมนักวิทยาศาสตร์ ระบุว่า เป็นการค้นพบแนวปะการังแรกที่รอบกว่า 120 ปี ในน่านน้ำทางตอนเหนือนอกรัฐควีนส์แลนด์ ขณะกำลังเดินทางเพื่อทำไปวิจัยและทำแผนที่ใต้ทะเลของแนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟ (Great Barrier Reef) ทางตอนเหนือ ขององค์กรวิจัยมหาสมุทร (Schmidt Ocean Institute) เมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา ด้วยหุ่นยนต์ใต้น้ำชื่อ SuBastian แนวปะการังที่เพิ่งค้นพบนี้ถือว่ามีขนาดมหึมาด้วย ที่ความสูง 500 เมตรสูงกว่าตึกเอ็มไพร์สเตท ที่สูง 381 เมตรตั้งแต่ชั้นล่างสุดถึงชั้นบนสุด สูงกว่าหอคอยซิดนีย์ (305 เมตร) และตึกแฝดเปโตรนาส (451.9 เมตร) " ฐานของแนวปะการัง "คล้ายใบมีด" มีความกว้าง 1.5 กิโลเมตร สูง 500 เมตร จากระดับความลึกที่สุดและวัดลงไปอีก 40 เมตรจากพื้นผิวมหาสมุทร" แลยังมีแนวปะการังสูงแบบนี้อีก 7 แห่ง รวมถึงที่เกาะเรนซึ่งเป็นแหล่งวางไข่ของเต่าทะเลด้วย โรบิน บีแมน ผู้นำการสำรวจกล่าวว่าเขา ?ประหลาดใจกับการค้นพบครั้งนี้ เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ" ขณะที่ เวนดี้ ชมิดท์ ผู้ร่วมก่อตั้ง องค์กรวิจัยมหาสมุทร บอกว่า การค้นพบที่ไม่คาดคิดนี้เป็นการยืนยันว่า ยังคงมีสิ่งมหัศจรรย์และสิ่งต่างๆ ที่มนุษย์ไม่รู้จักมาก่อน รวมถึงสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ๆ ในมหาสมุทรของเรา "ความรู้ของเราเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ในมหาสมุทรมีจำกัด แต่ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ทำงานแทนหู ตา และมือ ของเราในการค้นหามหาสมุทร เราจึงมีความสามารถเดินทางไปสำรวจในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน เรื่องราวของมหาสมุทรใหม่ๆ กำลังทำให้เห็นระบบนิเวศและสิ่งมีชีวิตหลากหลายรูปแบบ ที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้กับเรา" เวนดี้ ชมิดท์ ผู้ร่วมก่อตั้ง องค์กรวิจัยมหาสมุทร สำหรับแนวปะการัง เกรตแบร์ริเออร์รีฟ เป็นแนวปะการังที่ใหญ่ที่สุดในโลกครอบคลุมพื้นที่เกือบ 133,000 ตารางไมล์ เป็นที่อยู่ของปลามากกว่า 1,500 ชนิด ปะการัง 411 ชนิด แต่แนวปะการังเหล่านี้กำลังเผชิญกับวิกฤต การศึกษาล่าสุดแสดงให้เห็นว่า มนุษย์สูญเสียปะการังไป 50% ในช่วง 3 ทศวรรษที่ผ่านมา จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งตัวกระตุ้นที่สำคัญ https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8...0%B8%99/135672
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|