เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 28-02-2010
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


อันดับ 3



สถานที่ : บริเวณนอกชายฝั่งตะวันตก ทางตอนเหนือของเกาะสุมาตรา
วันที่ : 29 ธันวาคม 2004
ระดับแรงสั่นสะเทือน : 9.1 ริกเตอร์
ความ เสียหาย : มีผู้เสียชีวิตกว่า 227,898 ราย (รวมผู้สูญหายและคาดว่าน่าจะเสียชีวิต) ขณะที่ ประชาชนกว่า 1.7 ล้านคน ต้องอพยพออกจากพื้นที่ได้รับผลกระทบแผ่นดินไหว และสึนามิ จากทั้งหมด 14 ประเทศ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และ แอฟริกาตะวันออก


อันดับ 4



สถานที่ : คัมชัตกา เพนินซูลา
วันที่ : 4 พฤศจิกายน 1952
ระดับแรงสั่นสะเทือน : 9.0 ริกเตอร์
ความเสียหาย : ทรัพย์สินได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก แต่ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต


อันดับ 5



สถานที่ : นอกชายฝั่งของ เมาเล ชิลี
วันที่ : 27 มกราคม 2010
ระดับแรงสั่นสะเทือน : 8.8
ความเสียหาย : ยังคงอยู่ในการประเมินสถานการณ์


(มีต่อ)


__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 28-02-2010
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


อันดับ 6



สถานที่ : นอกชายฝั่งของ เอกวาดอร์
วันที่ : 31 มกราคม 1906
ระดับแรงสั่นสะเทือน : 8.8 ริกเตอร์
ความเสียหาย : ไม่มีการบันทึก


อันดับ 7



สถานที่ : เกาะแรท, อลาสกา
วันที่ : 4 กุมภาพันธ์ 1965
ระดับแรงสั่นสะเทือน : 8.7 ริกเตอร์
ความเสียหาย : ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตและ ผู้ได้รับบาดเจ็บ


อันดับ 8



สถานที่ : ตอนเหนือเกาะสุมาตรา
วันที่ : 28 มีนาคม 2005
ระดับแรงสั่นสะเทือน : 8.6 ริกเตอร์
ความเสียหาย : มีผู้เสียชีวิต 1,400 ราย


อันดับ 9

สถานที่ : อัสซัม, อินเดีย และ ธิเบต
วันที่ : 15 สิงหาคม 1950
ระดับแรงสั่นสะเทือน : 8.6 ริกเตอร์​
ความเสียหาย : มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 780 ราย แต่อาจยังไม่รวมข้อมูลภายในธิเบต


อันดับ 10

สถานที่ : เกาะ อันเดรียนอฟ, อลาสกา
วันที่ : 9 มีนาคม 1957
ระดับแรงสั่นสะเทือน : 8.6 ริกเตอร์
ความเสียหาย : ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตหรือผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่มีทรัพย์ได้รับความเสียหายจำนวนมาก



จาก : ไทยรัฐ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2553
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 02-03-2010
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


จากเฮติ ไปชิลี จากญี่ปุ่น ถึงประเทศไทย



วันที่ 12 ม.ค. 2553 เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 7 ริกเตอร์ ที่ประเทศเฮติ ยังผลให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน และชีวิตผู้คนมากมายเหลือคณานับ...

เสียงกู่ร้องและคราบน้ำตายังไม่ทันเหือดหาย วันที่ 27 ก.พ. 2553 ธรณีพิโรธอีกครั้ง วัดระดับความรุนแรงได้ 8.8 ริกเตอร์ ที่ประเทศชิลี ทั้งยังเกิดแผ่นดินไหวต่อเนื่องหรือ “อาฟเตอร์ช็อค” ตามมากว่า 50 ครั้ง ครั้งรุนแรงที่สุดวัดได้ 6.9 ริกเตอร์ ไม่เพียงเท่านั้น ยังเกิดคลื่นยักษ์ซัดถล่มชายฝั่งชิลี สร้างความเสียหายให้กับทรัพย์สินและชีวิตผู้คนมากมายเป็นประวัติศาสตร์ นับตั้งแต่ปี 1900 เป็นต้นมา ขณะท่ี 53 ประเทศและดินแดนทั้งในและรอบๆมหาสมุทรแปซิฟิก ไล่ตั้งแต่ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฮาวาย จนถึงรัสเซีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ ประกาศเตือนภัยจากคลื่นยักษ์ “สึนามิ” กันอย่างโกลาหล

จากเหตุการณ์ร้ายแรงข้างต้น ดร.สมิทธ ธรรมสโรช อดีตผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ บอกว่าหลายคนคิดว่าเหมือนจะไม่เกี่ยวอะไรกับคนไทย เพราะดูเหมือนว่าห่างไกลเหลือเกิน ไทยรัฐออนไลน์ สัมภาษณ์พิเศษเพื่อให้รู้เท่าทันกับธรรมชาติพิโรธที่คนไทยและผู้เกี่ยวข้องทุกๆคนควรรู้



Q : เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เฮติ แผ่นดินไหว, อาฟเตอร์ช็อค และสึนามิ ที่ชิลี 8.8 ริกเตอร์ คำถามคือ พิบัติภัยร้ายแรงดังกล่าว สะท้อนอะไรกับเราที่อยู่ในประเทศไทยได้บ้าง?

A : มันก็ไม่ได้สะท้อนอะไร นี่เป็นการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกตามธรรมชาติของเขา ซึ่งมันเป็นคนละแผ่นกับเมื่อครั้งที่เกาะสุมาตรา วันที่ 26 ธ.ค. 2547 เป็นผลให้เกิดสึนามิและประเทศไทยมีคนตายมากมาย แต่ประเด็นที่สำคัญก็คือมันไม่จำเป็นต้องแผ่นเดียวก็ได้ คราวที่แล้วเกิดที่เฮติมันก็เป็นคนละแผ่นกัน การเคลื่อนตัวของเปลือกโลกที่มีอยู่อีกประมาณ 20 แผ่น แบ่งเป็นแผ่นเล็กแผ่นใหญ่อยู่ทั่วโลก คือเหมือนกับเวลาเราปอกเปลือกส้ม มันก็มีแผ่นๆที่คลุมโลกอยู่ ซึ่งพอมันชนกันแต่ละที แต่ละแผ่น แน่นอนว่ามันก็จะกระทบกระเทือนไปถึงแผ่นอื่นๆด้วย แต่ความกระทบกระเทือนมันจะมีมาก-น้อยไม่หมือนกัน ตัวอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2547 ที่เกาะสุมาตรามันมีการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกแถวนั้น ทำให้รอยเลื่อนที่อยู่ในประเทศไทยที่ภาคเหนือ เชียงราย-เชียงใหม่ ซึ่งมีอยู่หลายจุดเกิดอาการมีการเคลื่อนตัวผิดปกติด้วย


Q : เหล่านักวิชาการจากจุฬาฯ การันตีว่าเหตุการณ์สึนามิจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน เมื่อพลังงานของโลกที่สะสมจนเกิดแผ่นดินไหวได้ถูกปลดปล่อยไปหมดแล้ว จะไม่เกิดแผ่นดินไหวซ้ำรอยเดิม?

A : เขาก็พูดได้ เพราะว่าเขาตายไปแล้วน่ะ อีก 600 ปี ซึ่งข้อเท็จจริง ผมมีสถิติที่เกิดขึ้นมาตั้ง 8 ครั้งแล้ว ผมส่งสถิติไปให้ท่านอาจารย์ทั้งหลายท่านดู นี่ไงมันเกิดขึ้นแล้ว ประเด็นก็คือพวกนี้ไม่มีการศึกษากันมากแล้วก็พูดๆไปอย่างนั้น แต่ข้อมูลไม่มี ทำให้คนเชื่อว่าไม่มี ก็เลยไม่มีการระวังตัว หรืออย่างเรื่องแผ่นดินไหวที่ประเทศไทย ผมทำสถิติไว้หมด จากเมื่อก่อนภาคเหนือโดยเฉพาะเชียงใหม่-เชียงรายเกิดแผ่นดินไหว 1-2 ครั้ง แต่ระยะ 4-5 ปีที่ผ่านมา ภาคเหนือเกิดแผ่นดินไหวเป็นสิบครั้ง แต่ละครั้งก็มีความแรง 5-6-7 ริกเตอร์เลย เพราะฉะนั้น ขณะนี้การเกิดรอยเลื่อนในมหาสมุทรอินเดียเริ่มมีมากขึ้น แม้จะไม่มากพอที่จะทำให้เกิดสึนามิเท่านั้นเอง

ทั้งนี้ เราก็ต้องระวังเอาไว้ เพราะการเคลื่อนของเปลือกโลกใหญ่ๆ เช่นอย่างที่เกิดที่ประเทศชิลี ก่อนหน้านั้นมันก็เกิดแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่น ฉะนั้น ธรรมชาติเรายังไม่มีเทคโนโลยีใดๆที่สามารถรู้ล่วงหน้าว่ามันจะเกิดเมื่อไหร่ หากเกิดขึ้นจะรุนแรงมาก-น้อยแค่ไหนก็ไม่มีทางรู้


Q : รอยเลื่อนในประเทศไทยที่อันตรายมากๆ ที่จะทำให้แผ่นดินไหววันนี้มีอยู่ทั้งหมดกี่รอย?

A : เรามีรอยเลื่อนที่ยังมีพลังอยู่ในประเทศไทยทั้งหมด 13 รอย ส่วนใหญ่อยู่ที่ภาคเหนือและภาคตะวันตก ที่ จ.กาญจนบุรี มีอยู่ 2 รอย ซึ่งอันตรายพอสมควร แล้วก็ภาคใต้ 2 รอย เหล่านี้ก็ต้องระวัง แต่ที่ผมว่าน่าระวังมากที่สุดก็คือ รอยเลื่อนในมหาสมุทรอินเดีย แถวหมู่เกาะนิโคบา และหมู่เกาะอันดามัน เลื่อนลงไปทางใต้ไปจนถึงเกาะสุมาตรา ซึ่งเป็นรอยเลื่อนใหญ่ ที่มันเคยเกิดแผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2547 น่าเป็นห่วง


Q : แสดงว่ามีความเป็นไปได้มากที่จะเกิด เหมือนกับที่นักวิชาการจากสถาบันนิเวศวิทยาจากไอร์แลนด์เหนือ ที่ขึ้นชื่อว่าทำนายเหตุการณ์สึนามิได้แม่นยำมากที่สุด ส่งจดหมายเตือนภัยว่าอาจจะเกิดคลื่นยักษ์ที่เป็นผลมาจากแผ่นดินไหวถล่ม ชายฝั่งเกาะสุมาตราในอนาคตอันใกล้?

A : ใช่ครับ ซึ่งผมก็เห็นด้วยกับเขา แต่ก็มีคนมาต่อว่าผมว่าพูดอะไรทำให้คนตกใจ เจตนาของผมก็คือต้องการให้พวกคุณระวังเอาไว้ เพราะรอยเลื่อนนี้มันมี เขามีการวิเคราะห์โดยนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก ญี่ปุ่นเขาก็มีการวิจัยว่าในอนาคตมันจะเกิด แต่เกิดเมื่อไหร่ไม่ทราบเท่านั้นเอง พอพูดไปคนก็ต่อว่าว่าผมทำลายเศรษฐกิจ จริงๆ ญี่ปุ่นก็เห็นด้วยว่ารอยเลื่อนนี้ มันมีโอกาสจะเกิดแผ่นดินไหว เพราะคราวที่แล้วมันเกิดเฉพาะที่อยู่ทางใต้เท่านั้นเอง ระหว่างหัวเกาะสุมาตราไปทางใต้ เพราะฉะนั้นผลกระทบมันจะไปตกอยู่ที่อินโดนีเชียมาก แต่ถ้ามันเกิดระหว่างหัวเกาะสุมาตราขึ้นมาถึงหัวเกาะอันดามัน มันอยู่ตรงข้ามชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของประเทศไทยเลย แบบที่ผมบอก จ.ระนอง ภูเก็ต พังงา กระบี่ สตูล อันตราย



Q : ถ้ามันเกิดขึ้นแบบที่ว่าจริงๆ จินตนาการความเสียหายเอาไว้ไหมว่าจะมหาศาลแค่ไหน?

A: คำนวณง่ายๆ ว่าสึนามิครั้งที่แล้วมันไกลจาก 6 จังหวัดภาคใต้ถึง 1,200 กิโลเมตร แต่รอยเลื่อนอีกเศษ 3 ส่วน 4 มันอยู่ใกล้ประเทศไทยเพียง 300-400 กิโลเมตร ดังนั้นถ้าเกิดสึนามิขึ้น ไม่ว่าจะกี่ริกเตอร์ ประเทศไทยจะได้รับความเสียหายมากกว่าครั้งที่แล้วแน่นอน


Q : ตอนนี้เห็นข่าวว่า ศูนย์พิบัติภัยแห่งชาติ ซื้อทุ่นเตือนภัยเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว?

A : ซื้อแล้วก็จริง แต่ที่สำคัญแถวนี้เรายังไม่ได้วางทุ่นเอาไว้เลย ซึ่งจะวางทุ่นเตือนภัยได้ก็ต้องรอเดือนธันวาคมโน่นเลย ในปีหนึ่งเราจะสามารถวางทุ่นได้ครั้งเดียว คือในเดือนธันวาคมเพราะว่าเป็นเดือนที่มีคลื่นลมมันสงบ ก่อนหน้าเดือนธันวาคมนั้นก็ลำบากหน่อยเพราะว่าไม่มีใครเดาใจแผ่นดินไหวได้ ดังนั้นถ้าเกิดวันนี้พรุ่งนี้เกิดแผ่นดินไหวความเสียหายจะมากกว่าสึนามิครั้งที่แล้วมหาศาลมาก ใช่ครับ พูดไปแล้วผมก็โดนด่าอีก


Q : วันนี้เราพร้อมแค่ไหนที่จะเผชิญกับแผ่นดินไหวและสึนามิที่จะเกิดขึ้น?

A : วิจารณ์พวกเขาเดี๋ยวผมโดนฟ้องอีก นี่อาทิตย์หน้าผมก็ต้องไปขึ้นศาลคดีหมิ่นประมาทที่เขาหาว่าผมให้ไปทำลายชื่อเสียงเขา แต่ถามว่า วันนี้ถ้าติดตั้งทุ่นได้ในเดือนธันวาคมให้เรียบร้อยแล้วอย่างน้อยๆก็ 45 นาทีเราก็รู้ว่ามันจะเกิดสึนามิขึ้นหรือไม่ ประเทศต่างๆอย่าง พม่า อินโดนีเซีย บังกลาเทศ สิงคโปร์ ก็จะได้ประโยชน์ ถึงจะช้าแต่ก็ขอให้ติดเถอะ


Q : ก่อนหน้าเดือนธันวาคมที่เราจะไปติดตั้งทุ่นเตือนภัยที่จุดนั้น ถ้าวันนี้พรุ่งนี้เกิดสึนามิขึ้นเราจะมีวิธีการสังเกตและเอาตัวรอดจากสึนามิได้อย่างไร?

A : ตอนนี้รัฐบาลไม่ได้ทำอะไรเท่าที่ควร มีมูลนิธิโดยผมก่อตั้งได้ 6 เดือนแล้ว ซึ่งเราก็อปปี้ระบบของศูนย์พิบัติภัยแห่งชาติ ทำงานคู่ขนานออกไปให้ความรู้กับประชาชนเรื่องสึนามิ ซึ่งเราสามารถออกไปไหนก็ได้ไม่ต้องรอคำสั่งรัฐบาล แต่ตอนนี้ศูนย์ภัยพิบัติแห่งชาติมันไม่มีคนทำแล้ว ไม่มีข่าวหรือคำเตือนออกมาเลย ซึ่งอันตรายมากๆ

ทุกๆครั้งที่ผมไปบรรยาย ผมจะบอกว่าให้คุณใช้วิธีสังเกตเหมือนชาวมอร์แกนเมื่อเกิดสึนามิ คือ ถ้ายืนอยู่บนชายฝั่งทะเลหรืออยู่ใกล้ชายฝั่ง รู้สึกถึงการเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง หลังจากนั้น 5-10 นาที ให้สังเกตดู ถ้าน้ำลดลงลึกจากชายฝั่ง 50 เมตรก็ให้รีบหาที่สูงเพราะหลังจากนั้นไม่กี่นาที มันจะมีคลื่นลูกแรกมา แค่นี้ก็รอดตาย


Q : ในวัย 73 ปี เหนื่อยและลำบากกับการทำเพื่อคนอื่นไหม?

A : เหนื่อยและก็ลำบากครับ นอกจากจะต้องสู้รบกับพวกนักวิชาการที่ไม่เห็นด้วย ว่าเราอยากดังบ้าง แต่ถามว่าจะหยุดเมื่อไหร่ ไม่หยุดครับ ครั้งที่แล้วผมหยุดคนตายเยอะ ซึ่งพอมีคนมาค้าน ผมก็ไม่ไปภูเก็ต แต่ตอนนี้ถ้ามีคนมาค้านผมจะไม่หยุด ด่าก็ด่าไปให้คนเขารู้กันบ้างว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมจะทำเพื่อคนส่วนใหญ่ แต่คนที่เขาเสียผลประโยชน์ก็ด่าผม ซึ่งผมก็ไม่แคร์


Q : เมื่อเหนื่อย ลำบาก คิดบ้างไหมว่าจะปลดระวางหน้าที่นี้เมื่อไร?

A : ผมทำไปเรื่อยๆจนกว่าจะไม่มีแรง สุขภาพมันก็เริ่มแย่ลงไปทุกทีๆ เดินไปไหนมาไหนก็เริ่มเหนื่อย ถามว่าอายุ 80 ปีผมจะหยุดไหม (หัวเราะ) ก็ทำไปเรื่อยๆจนกว่าเราจะไม่มีแรงไม่มีงบประมาณ.

(มีต่อ)

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 02-03-2010
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default






รวบรวมเหตุการณ์สำคัญของการเกิดแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในโลก

- ภูเขาไฟพีนาตูโบ ( Pinatubo ) อยู่ทางใต้ของเกาะลูซอน อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงมะนิลา เกิดระเบิดเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) หลังการระเบิดครั้งล่าสุดเป็นร้อยปี

- แผ่นดินไหวรุนแรงที่สุดในโลก คือ แผ่นดินไหวที่ประเทศชิลี (The Great Chile Earthquake) เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2503 (ค.ศ. 1960) มีความรุนแรง 9.5 ริคเตอร์ ประชาชนเสียชีวิต 5,700 คน สูญหาย 717 คน และทำให้เกิดคลื่นสึนามิไปถึงเกาะฮาวายและประเทศญี่ปุ่น ซึ่งไกลถึง 6,600 ไมล์ มีคนเสียชีวิตหลายร้อยคน มูลค่าความเสียหาย 125 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คลื่นสึนามิยังข้ามไปถึงหมู่เกาะฟิลิปปินส์ ชายฝั่งประเทศออสเตรเลีย

นอกจากนี้แผ่นดินไหวในประเทศชิลียังเกิดขึ้นต่อมาอีกในวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2528 (ค.ศ. 1995) การเกิดแผ่นดินไหวทั้งสองครั้งเกิดมีคลื่นสึนามิตามมาด้วย ระยะห่างครั้งที่ 1 กับ 2 เป็นเวลา 25 ปี, ครั้งที่ 2 กับ 3 เป็นเวลา 10 ปี ครั้งต่อไปจะอยู่ในระหว่าง 2005 - 2015

- การเกิดระเบิดของภูเขาไฟเซนท์เฮเลนส์ ( Eruption of Mount Saint Helens ) เมื่อ วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2523 ( ค.ศ. 1980 ) หลังจากที่เคยระเบิดเกิดขึ้นมาแล้ว เมื่อปี พ.ศ. 2374 และ 2400 (ค.ศ. 1831 และ 1875 ) การระเบิดครั้งล่าสุด ได้พ่นเถ้าถ่านถึง 550 ล้านตัน กระจายครอบคลุมถึง 22,000 ตารางไมล์ ระยะห่างจากการระเบิดครั้งที่ 1 กับ 2 เป็นเวลา 20 ปี และระหว่างครั้งที่ 2 กับ 3 เป็นเวลา 29 ปี 8 เดือน ครั้งต่อไปจะเกิดประมาณ ปี 2009


การเกิดคลื่นสึนามิครั้งสำคัญของโลก

- ปี ค.ศ. 1929 ที่แกรนแบงค์ ประเทศแคนาดา จากการเกิด แผ่นดินไหว 7.2 ริกเตอร์ ความเสียหาย 400,000 เหรียญสหรัฐฯ

- ปี ค.ศ. 1946 ที่อลาสกา จากการเกิดแผ่นดินไหว 7.8 ริกเตอร์ ความเสียหาย 24 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

- ปี ค.ศ. 1952 ที่รัสเซีย ความเสียหาย เกิดขึ้นจากแผ่นดินไหว 8.2 ริกเตอร์ ความเสียหาย 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

- ปี ค.ศ. 1957 ที่อลาสกา จากการเกิดแผ่นดินไหว 8.3 ริกเตอร์ความเสียหาย 5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

- ปี ค.ศ. 1960 ที่ประเทศชิลี จากการเกิดแผ่นดินไหว 9.6 ริกเตอร์ ความเสียหาย 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

- ปี ค.ศ. 1964 ที่อลาสกา จากการเกิดแผ่นดินไหว 8.4 ริกเตอร์ ความสียหาย 106 ล้านเหรียญสหรัฐฯ


การเกิดคลื่นสึนามิในมหาสมุทรอินเดียในอดีต

สึนามิ ได้เคยเกิดขึ้นแล้วในภูมิภาคนี้ ( เอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ) หลายครั้งในอดีต จากบันทึกที่เก่าแก่ที่สุด หรือก่อน ค.ศ. 326 เกิดแผ่นดินไหวใกล้สามเหลี่ยมปากแม่น้ำสินธุ อินเดีย ส่งผลให้เกิดคลื่นยักษ์ขนาดใหญ่ ทำลายกองเรืออันเกรียงไกรของอาณาจักรมาซิโดเนีย ของกษัตริย์ อเล็กซานเดอร์มหาราช ซึ่งอยู่ในระหว่างการเดินทางกลับประเทศกรีก หลังจากเสร็จสิ้นสงครามขยายอาณาจักร ( Lietzin 1974 )

ค.ศ. 1524 แผ่นดินไหวไม่ทราบจุดศูนย์กลางที่ชัดเจน ทำให้เกิดสึนามิที่ใกล้เมือง Dabhol รัฐ Maharashtra ประเทศอินเดีย เมษายน 1762 แผ่นดินไหวที่ชายฝั่งอารากัน ประเทศพม่า ส่งผลให้เกิดสึนามิทำความเสียหายกับชายฝั่งทะเลอ่าวเบงกอล

ค.ศ. 1797 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.4 บริเวณตอนกลางของเกาะสุมาตราทางทิศตะวันตก ทำให้เกิดคลื่นยักษ์ท่วมเมือง Padang มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 300 คน

ค.ศ. 1883 แผ่นดินไหวขนาด 8.7 ตอนใต้ของเกาะสมาตราทางทิศตะวันตก ส่งผลให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่ ทำความเสียหายให้แก่พื้นที่ดังกล่าวและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

ค.ศ. 1843 ไม่ปรากฏบันทึกการเกิดแผ่นดินไหว แต่มีคลื่นขนาดใหญ่ เคลื่อนตัวเข้าสู่ชายฝั่งเกาะ Nias และมีรายงานการสูญเสียชีวิตจำนวนมาก

ค.ศ. 1861 แผ่นดินไหวขนาด 8.5 ส่งผลให้เกิดการสั่นสะเทือนตลอดแนวชายฝั่งตะวันตกของเกาะสุมาตรา ซึ่งมีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตหลายพันคน

ค.ศ. 1881 แผ่นดินไหวขนาด 7.9 ที่บริเวณหมู่เกาะอันดามัน ส่งผลให้เกิดคลื่นยักษ์สูง 1 เมตร กระแทกชายฝั่งด้านตะวันออกของคาบสมุทรอินเดีย

27 สิงหาคม ค.ศ. 1883 เวลาเช้าตรู่เกิดการระเบิดของภูเขาไฟ Krakatoa ที่ประเทศอินโดนีเซีย การระเบิดดังกล่าวเกิดขึ้นต่อเนื่องกันถึง 3 ครั้ง เป็นผลให้ปากปล่องภูเขาไฟ Krakatoa ถูกทำลายยังผลให้เกิดคลื่นยักษ์ทั่วบริเวณมหาสมุทรอินเดีย ความสูงของคลื่นที่เกาะชวาและสุมาตรา มีความสูงถึง 15-42 เมตร และมียอดผู้เสียชีวิตกว่า 36,000 คน.



จาก : ไทยรัฐ วันที่ 2 มีนาคม 2553

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 25-04-2010
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


รู้ได้อย่างไรเมื่อ “ภูเขาไฟ” จะระเบิด?


นักท่องเที่ยวแห่ชมการประทุลาวาของภูเขาไฟใต้ธารน้ำแข็ง “ฟิมม์วอร์ดูฮอลส์” (Fimmvorduhals) ในไอซ์แลนด์เมื่อเดือน มี.ค. (เอเอฟพี)

แม้การประทุของภูเขาไฟในไอซ์แลนด์จะไม่คร่าชีวิตผู้คนโดยตรง แต่ได้สร้างความเดือดร้อนไปทั่วโลก โดยเฉพาะการสัญจรทางอากาศในยุโรปต้องหยุดชะงักลง เนื่องจากเถ้าถ่านที่พวยพุ่งออกมาอาจสร้างความเสียหายต่อเครื่องบินได้ หากแต่ภัยพิบัติทางธรรมชาตินี้ยังส่งสัญญาณเตือนให้คนเราเตรียมรับมือได้ทัน

เราไม่อาจคาดการณ์แผ่นดินไหวได้ล่วงหน้า แต่สำหรับภูเขาไฟแล้ว ความคุกรุ่นที่ก่อตัวอยู่ภายในได้ส่งสัญญาณให้เรารู้ล่วงหน้า ว่าจะเกิดการระเบิดขึ้นหรือไม่ บางครั้งความเคลื่อนไหวและการเปลี่ยนแปลงได้เกิดขึ้นล่วงหน้านานเป็นปี ซึ่งเพียงพอที่จะอพยพผู้คนให้หลบออกมาอยู่ในสถานที่อันปลอดภัย โดยวิธีกว้างๆ ในการเฝ้าระวังการระทุของภูเขาไฟ คือการตรวจวัดการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยารอบๆภูเขาไฟ


ชายในภาพบันทึกเถ้าจากการระเบิดของภูเขาไฟใต้ธารน้ำแข็ง “เอยาฟยาลาเยอคูล” - เอเอฟพี


แรงสั่นสะเทือนสัญญาณเตือน ภูเขาไฟระเบิด

การสั่นสะเทือนรอบภูเขาไฟนั้น มักเกิดขึ้นเมื่อภูเขาไฟตื่นจากความสงบและเตรียมที่จะปะทุ ภูเขาไฟบางลูกมีการสั่นสะเทือนเล็กน้อยเป็นปกติ แต่การสั่นสะเทือนที่เพิ่มขึ้นนั้นอาจเป็นสัญญาณของการระเบิดที่รุนแรง อีกทั้งประเภทของแผ่นดินไหว จุดกำเนิดกับจุดสุดท้ายของแผ่นดินไหวยังเป็นสัญญาณบ่งบอกการประทุของภูเขาไฟเช่นกัน

ทั้งนี้ การสั่นสะเทือนของภูเขาไฟนั้นมี 3 รูปแบบหลักๆ คือ

1. แผ่นดินไหวคาบสั้น (short-period earthquake) ซึ่งคล้ายกับแผ่นดินไหวทั่วไปที่เกิดการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก โดยการสั่นสะเทือนนี้เกิดจากการแตกหักของหินเปราะเนื่องจากการเคลื่อนตัวสู่ด้านบนของหินหนืดแมกมา (magma) และยังเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการขยายตัวของแมกมาใกล้ๆพื้นผิวโลก

2. แผ่นดินไหวคาบยาว (long-period earthquake) เชื่อว่าเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงแรงดันก๊าซที่เพิ่มขึ้นในปล่องภูเขาไฟ ซึ่งการสั่นนี้เทียบเท่ากับการสั่นไหวของเสียงในปล่องที่เต็มไปด้วยแมกมา และ

3.แผ่นดินไหวแบบสอดประสาน (harmonic tremor) ซึ่งมักเกิดจากแมกมาดันหินจำนวนมากที่อยู่ใต้พ้นผิวโลก และบางครั้งการสั่นสะเทือนนั้นรุนแรงพอที่คนและสัตว์จะได้ยินเสียงฮัมหรือเสียงหึ่งๆ


ภูเขาไฟใต้ธารน้ำแข็ง “เอยาฟยาลาเยอคูล” ประทุพ่นเถ้าภูเขาไฟสู่บรรยากาศ (เอเอฟพี)

แม้รูปแบบของการสั่นสะเทือนจะซับซ้อนและบางครั้งอธิบายได้ยาก แต่การสั่นสะเทือนที่มากขึ้นนั้นเป็นสัญญาณที่ดีในการบ่งชี้ถึงความเสี่ยงที่ภูเขาไฟจะระเบิดมากขึ้น โดยเฉพาะหากเกิดการสั่นสะเทือนแบบแผ่นไหวคาบยาว อย่างเด่นชัดและมีแผ่นดินไหวแบบสอดประสานร่วมด้วย


นักวิทยาศาสตร์เก็บตัวอย่างเถ้าภูเขาไฟไปวิเคราะห์ (เอเอฟพี)

(มีต่อ)

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 25-04-2010
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


รู้ได้อย่างไรเมื่อ “ภูเขาไฟ” จะระเบิด? (ต่อ)



ฟ้าผ่าระหว่างการประทุของเถ้า ภูเขาไฟ “เอยาฟยาลาเยอคูล” (เอพี)


วัดการปลดปล่อย “ซัลเฟอร์ไดออกไซด์”

การปลดปล่อยของก๊าซบางชนิด ยังเป็นสัญญาณเตือนก่อนภูเขาไฟระเบิด เนื่องจากเมื่อแมกมาเข้าใกล้พื้นผิวโลกมากขึ้นจะมีก๊าซออกมา ซึ่งก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (sulphur dioxide) เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของก๊าซภูเขาไฟ และเป็นสัญญาณการเพิ่มขึ้นของแมกมาใกล้ๆพื้นผิว

ตัวอย่างเช่น ภูเขาไฟพินาตูโบ (Mount Pinatubo) ในฟิลิปปินส์ ได้เริ่มปลดปล่อยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์เพิ่มขึ้นเมื่อวันที่ 13 พ.ค.1991 จากนั้นอีกเพียง 2 สัปดาห์ปริมาณก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมาได้เพิ่มขึ้นเป็น 5,000 ตัน หรือ 10 เท่าของปริมาณที่ปลดปล่อยออกมาในช่วงแรก และในวันที่ 12 มิ.ย.ปีเดียวกันภูเขาไฟจริงระเบิดออกมา


ภาพจากดาวเทียม MODIS เผยให้เห็นเถ้าภูเขาไฟสีน้ำตาลพวยพุ่งสู่บรรยากาศ (เอเอฟพี/นาซา)

อย่างไรก็ดี ยังมีหลักฐานหลายครั้งที่แสดงให้เห็นว่า ปริมาณซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่ลดลงนั้นป็นสัญญาณก่อนที่ภูเขาไฟจะระเบิด เช่น กรณีการระเบิดของภูเขาไฟกาเลรัส (Galeras) ในโคลัมเบีย เมื่อปี 1993 โดยนักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่าปริมาณก๊าซที่ลดลงนั้นมีสาเหตุจากแมกมาที่แข็งตัวกักเส้นทางออกของก๊าซไว้ และทำให้ความดันปล่องภูเขาไฟเพิ่มขึ้นจนนำไปสู่การระเบิดที่รุนแรง

นอกจากการตรวจวัดแผ่นดินไหวและการเฝ้าสังเกตก๊าซที่ถูกพ่นออกมาแล้ว ยังมีการตรวจวัดอื่นๆที่นำไปสู่การพยากรณ์การระเบิดของภูเขาไฟ เช่น การศึกษาการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของภูเขาไฟ ทั้งการพองตัวขึ้นหรือการยุบตัวลง การศึกษาทางอุทกวิทยา โดยตรวจวัดการไหลของลาฮาร์ (lahar) ซึ่งเป็นของเหลวและโคลนที่ไหลมาตามความลาดชันของภูเขาไฟ เป็นต้น.


ภาพเรดาร์เผยให้เห็นปล่องภูเขาไฟ “เอยาฟยาลาเยอคูล” 3 ปล่อง (เอเอฟพี)



จาก : ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 23 เมษายน 2553
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #7  
เก่า 25-04-2010
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


ทำไมเครื่องบินเฉียดใกล้เถ้าภูเขาไฟไม่ได้?



เครื่องบินจอดนิ่งอยู่ที่สนามบินในลอนดอน (เอเอฟพี)

จากเหตุประทุของภูเขาไฟใต้ธารน้ำแข็งในไอซ์แลนด์ ซึ่งมีเถ้าถ่านปริมาณมากพวยพุ่งสู่ชั้นบรรยากาศด้วยความสูงหลายกิโลเมตร และพัดสู่น่านฟ้าของหลายประเทศในแถบยุโรป จนสายการบินต่างๆต้องหยุดให้บริการ กระทบต่อผู้โดยสารหลายหมื่นราย หลายคนอาจสงสัยว่าอนุภาคจิ๋วๆจากปล่องภูเขาไฟนั้นจะส่งผลกระทบต่อเครื่องบินลำใหญ่ได้จริงหรือ

แกรนท์ มาร์ติน (Grant Martin) บลอกเกอร์ชาวอเมริกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจการบินและการขนส่งและเป็นวิศวกรวัสดุด้วยนั้น ได้ไขข้อข้องใจดังกล่าวผ่านเว็บไซต์ Gadling.com ที่เขาเป็นบรรณาธิการว่า เถ้าภูเขาไฟปริมาณมหาศาลนั้น ส่งผลอย่างชัดเจนต่อสมรรถนะการบินของเครื่องบิน หากอนุภาคขนาดเล็กจากภูเขาไฟนี้หลุดเข้าสู่รูระบายความร้อนแล้ว จะเป็นเหตุให้ความดันและอุณหภูมิของเครื่องยนต์สูงขึ้นและกลายเป็นปัญหาใหญ่ต่อเครื่องยนต์ภายในได้

ดังนั้น สายการบินต่างๆจึงพยายามหลีกเลี่ยงสถานการณ์เริ่มต้นอันจะนำไปสู่กลไกการทำงานของเครื่องยนต์ที่ผิดพลาด ซึ่งจะส่งผลเสียอย่างใหญ่หลวงต่อเครื่องยนต์ในทันที และจะคุกคามความปลอดภัยของเครื่องบินด้วย ขณะที่เถ้าภูเขาไฟปริมาณน้อยๆจะส่งผลเสียระยะยาวต่อสมรรถนะของเครื่องยนต์


ผู้โดยสารตกค้างจากการปิดน่านฟ้าในยุโรปเนื่องจากเถ้าภูเขาไฟเป็นอันตรายต่อการบิน (เอเอฟพี)

มาร์ตินยกตัวอย่างเครื่องยนต์เผาไหม้ ซึ่งถูกใช้ที่อุณหภูมิสูงมากพอที่จะละลายโลหะส่วนใหญ่ ดังนั้นวัสดุที่จะนำมาประกอบเครื่องยนต์นี้จึงได้รับการออกแบบให้ทนทานต่อความร้อนได้เป็นพิเศษ และใบพัดเครื่องยนต์ซึ่งมักได้รับความร้อนเกินกว่า 1,400 องศาเซลเซียสนั้นจะถูกเคลือบด้วยสารพิเศษที่เรียกว่า TBC (Thermal Barrier Coating) เพื่อป้องกันความร้อนที่สูงเกิน กล่าวโดยย่อคือ TBC ป้องกันไม่ให้ใบพัดละลายนั่นเอง

TBC ปกป้องใบพัดไม่ให้ละลายได้เพราะโครงสร้างเล็กๆของสารเคลือบที่มีรูพรุนและมีความหนาแน่นน้อย เพื่อป้องกันการถ่ายเทความร้อนมากเกินไป แต่ด้วยลักษณะดังกล่าวทำให้สารเคลือบมีแนวโน้มที่จะถูกอนุภาคแปลกปลอม อย่างอนุภาคแคลเซียมแมกนีเชียมอะลูมิโนซิลิเกต (CMAS) ซึ่งมีคล้ายกับเม็ดทราย หรือเถ้าภูเขาไฟแทรกซึมสารเคลือบกันความร้อนนี้ได้

เมื่อเวลาล่วงไปอนุภาคเหล่านั้นจะฝังตัวอยู่ในรูพรุนของสารเคลือบ TBC และคงอยู่โดยที่เครื่องยนต์ได้รับความร้อนสลับกับความเย็นซ้ำไปซ้ำมา ทุกครั้งที่เครื่องยนต์ร้อนและเย็นสลับไปมาเป็นวัฏจักรนี้จะสร้างความเครียด (strain) ระหว่างวัสดุทั้งสอง คล้ายกับการแช่แข็งขวดที่ปิดผนึกแน่นซึ่งมีโอกาสระเบิดได้ และหากสารเคลือบเสียหาย ความร้อนจะไหลเข้าสู่ใบพัดได้อย่างอิสระ ซึ่งจะทำให้วัสดุละลายและเป็นสาเหตุหายนะได้

ด้วยปริมาณเถ้าภูเขาไฟมหาศาลทำให้เกิดความเสียหายได้เร็วขึ้น แต่สารเคลือบ TBC ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับความเสียหายระยะยาวเท่านั้น อีกทั้งเรายังไม่ทราบว่าเถ้าภูเขาไฟจะส่งผลระยะยาวอะไรบ้าง มีเพียงการทดสอบผลกระทบทั้งหมดที่ต้องใช้เวลาหลายอาทิตย์เท่านั้นที่จะให้คำตอบได้



จาก : ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 23 เมษายน 2553
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 15:34


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger