![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
บทเรียนดี ๆ ที่สอนลูกจากเหตุการณ์น้ำท่วม .................... ดร.แพง ชินพงศ์ จากสถานการณ์น้ำท่วมที่เราคนไทยกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ ทำให้คนไทยได้รับความเดือดร้อนนับหลายแสนครอบครัว บางครอบครัวต้องประสบกับปัญหาบ้านเรือนเสียหาย หลายคนหมดเนื้อหมดตัวสูญเสียทรัพย์สิน หลายครอบครัวต้องกลายเป็นคนไร้ที่อยู่อาศัย และกลายเป็นผู้อพยพในแผ่นดินบ้านเกิดของตนเอง และเป็นเรื่องที่น่าเศร้าไปยิ่งกว่านั้นคือมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้กว่า 600 คน แต่ในวิกฤตการณ์เช่นนี้ ถ้าเราวิเคราะห์กันดีๆ แล้ว เราจะพบว่าในทุกวิกฤติปัญหานั้นมีหลายสิ่งที่สามารถนำมาใช้เป็นบทเรียนสอนใจในเรื่องหลักการดำเนินชีวิตของตัวเราเองและลูกๆ อยู่หลายประการ ดังนี้ 1.การแสดงความเมตตาและความเสียสละต่อเพื่อนร่วมชาติ ท่ามกลางภาวะวิกฤติปัญหาที่มีผู้คนที่ต้องประสบกับความทุกข์ลำบากทั้งไร้ที่อยู่อาศัย ไม่มีอาหารประทังชีวิต สูญเสียทรัพย์สินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ผู้เขียนรู้สึกประทับใจที่ได้เห็นการแสดงความเมตตาของคนไทยด้วยกันในการช่วยเหลือเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และเสียสละต่อเพื่อนร่วมชาติ เช่น มีการบริจาคเงินช่วยเหลือ มีการนำของใช้และทำอาหารไปแจกแก่ผู้ประสบภัย มีบางกลุ่มออกไปช่วยคนและสัตว์ที่ติดอยู่ในบ้านให้สามารถออกมาได้ หรือตัวอย่างของมหาวิทยาลัยรังสิตร่วมกับชุมชนหมู่บ้านเมืองเอก และชุมชนหลักหกที่เสียสละช่วยปกป้องพื้นที่โดยรอบไม่ให้เกิดน้ำท่วม ซึ่งถือเป็นแนวป้องกันน้ำด่านสุดท้ายก่อนถึงตัวเมืองกรุงเทพมหานคร และมีหลายหน่วยงานและหลายสถานที่ได้เปิดเป็นศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยอีกด้วย ตัวอย่างดี ๆ เหล่านี้คุณพ่อคุณแม่สามารถนำมาสอนลูกในเรื่องของการแสดงความเมตตาและเสียสละต่อผู้อื่น โดยทำให้เห็นเป็นแบบอย่างหรือพาลูกไปลงมือทำเองเลยได้ยิ่งดี 2.การดูแลรักษาความสะอาดของแม่น้ำลำคลอง ผู้เขียนจำได้ว่าคุณครูเคยให้ท่องจำในวิชาสุขศึกษาเมื่อสมัยเด็ก ๆ ว่าห้ามทิ้งขยะลงในแม่น้ำลำคลอง เพราะจะทำให้น้ำเน่าและเกิดมลพิษต่างๆต่อคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อม แต่จากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้มีบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับเรื่องของการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมที่ผู้ใหญ่ทุกคนควรสอน และย้ำเตือนกับเด็กๆทุกคนว่า อย่าทิ้งขยะลงในแม่น้ำลำคลอง เพราะนอกจากจะทำให้น้ำสกปรกแล้ว หากเกิดภัยน้ำท่วมอย่างเช่นคราวนี้ก็จะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ในการระบายน้ำได้ช้ากว่าปกติเพราะมีขยะไปอุดดันตามท่อระบายน้ำต่างๆ น้ำก็จะท่วมขังเป็นเวลานาน ซึ่งมีแต่ผลเสียทั้งต่อความเป็นอยู่ ต่อสุขภาพร่างกายที่พอน้ำขังนานๆ ก็เน่าเสียเป็นแหล่งเชื้อโรค ทั้งเป็นผลเสียต่อความเป็นอยู่ของสัตว์น้ำต่างๆด้วย ดังนั้นเราจึงต้องให้ความสำคัญกับการรักษาความสะอาดของแม่น้ำลำคลองกันให้มากยิ่งขึ้น ภาพจากเอเอฟพี 3.การนำสิ่งเหลือใช้มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในภาวะวิกฤติน้ำท่วม เช่น เสื้อชูชีพ รองเท้ากันน้ำและเรือ ถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญและจำเป็นมากสำหรับผู้ประสบภัย เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทุกคนโดยเฉพาะผู้ประสบภัยต้องการ เข้าตำราว่ามีเอาไว้ให้อุ่นใจ ดังนั้นเมื่อมีความต้องการมากจึงทำให้หาซื้อได้ยากและที่สำคัญราคาสูงจนน่าตกใจ หลายคนเกิดความคิดสร้างสรรค์นำวัสดุเหลือใช้ต่างๆรอบตัวมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ เช่น ทำเสื้อชูชีพจากขวดพลาสติกเปล่า การเอายางรถยนต์เก่ามาทำเป็นเรือ ซึ่งตรงนี้คุณพ่อคุณแม่สามารถสอนลูกๆให้เห็นประโยชน์ของสิ่งของเหลือใช้รอบตัว และหัดให้ลูกลองประดิษฐ์สิ่งของต่างๆที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้จากวัสดุเหลือใช้ต่างๆดูและนำมาทดลองใช้จริง ก็จะสร้างความภาคภูมิใจให้กับลูกได้ด้วย 4.การใช้ชีวิตที่ไม่ตั้งอยู่บนความประมาท คุณพ่อคุณแม่ควรจะสอนให้ลูกได้เรียนรู้และยอมรับว่าชีวิตของมนุษย์นั้นไม่มีอะไรที่แน่นอน ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าอีก 1 วินาทีข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ดังนั้นเราควรสอนลูกๆให้ดำเนินชีวิตอย่างระมัดระวังและรอบคอบอยู่เสมอ ทั้งสอนให้รู้จักการเตรียมพร้อมกับทุกๆเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นด้วย เช่น เมื่อทางการมีการประกาศว่าจะเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติขึ้นเป็นต้นว่าจะมีน้ำท่วมมาก สิ่งสำคัญที่เราต้องทำก็คือการจัดเตรียมสิ่งของที่จำเป็น เช่น น้ำดื่ม อาหารแห้ง ยารักษาโรค ไฟฉาย อุปกรณ์ที่จำเป็นต่างๆในการดำรงชีวิตให้พร้อมจะได้ดำเนินชีวิตต่อไปได้โดยไม่ลำบากแก่ตนเองและไม่ต้องเป็นภาระแก่ผู้อื่น 5.การเรียนรู้ถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนในชาติ จากเหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้ ทำให้เราได้เห็นความสามัคคีและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนไทยมากขึ้น ทั้งความช่วยเหลือที่มีให้แก่กัน และจากเหตุการณ์นี้ทำให้หลายคนได้หันหน้ามาพูดคุยกันมากขึ้น ซึ่งโดยปกติแล้วละแวกบ้านของผู้เขียนจะเป็นลักษณะต่างคนต่างอยู่ แต่เพราะเหตุการณ์น้ำท่วมทำให้ผู้เขียนต้องออกไปสังเกตดูปริมาณน้ำที่คลองใกล้บ้าน และไปในบริเวณพื้นที่น้ำท่วมทุกวัน วันละ2-3 ครั้งเป็นอย่างน้อย จึงทำให้ได้มีโอกาสรู้จักกับเพื่อนใหม่อีกหลายคน ซึ่งมีทั้งวัยเดียวกัน ต่างวัย ต่างอาชีพการงาน มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดรวมไปถึงการแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อกันใน สถานการณ์เช่นนี้ ซึ่งสำหรับผู้เขียนแล้ว นี่นับเป็นสิ่งดีที่ทำให้คิดถึงวัฒนธรรมรากเหง้าดั้งเดิมของคนไทยที่มีความเป็นมิตร โอบอ้อมอารีต่อกันและกัน ซึ่งมิตรภาพที่ดีเหล่านี้เป็นสิ่งที่ที่คุณพ่อคุณแม่สามารถนำไปสอนลูกได้ เหตุการณ์ภัยพิบัติน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในประเทศไทยครั้งนี้แม้จะไม่รุนแรงเท่าเหตุการณ์สึนามิที่เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นที่มีผู้เสียชีวิตและสูญหายนับหมื่นคน แต่ก็นับว่าเป็นเหตุการณ์ภัยพิบัติที่ยืดเยื้อและสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติและคนไทยเป็นอย่างมาก ผู้เขียนจึงขอส่งกำลังใจให้กับพี่น้องเพื่อนผองชาวไทยทุกคนให้ผ่านพ้นภัย พิบัติในครั้งนี้ไปได้ด้วยความอดทนและอย่ากังวลถึงวันพรุ่งนี้ว่าจะเป็นเช่นไรเพราะแต่ละวันก็มีทุกข์พออยู่แล้ว... คนไทยสู้ๆ !!! จาก ....................... ผู้จัดการออนไลน์ คอลัมน์ Life & Family วันที่ 23 พฤศจิกายน 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
น้ำท่วมก็สวยได้แฟชั่นใหม่ "ถุงน่องลุยน้ำ"...ลืมไปเลย"ชุดหมี" ![]() แฟชั่นน้ำท่วมที่หลายคนคิดค้นประดิษฐ์ประดอยกันขึ้นมาเองบ้าง ซื้อหามาบ้าง ก็สุดแต่ใครจะไขว่คว้า หาชุดกันน้ำมาลุยน้ำท่วม หากสูงเกินเข่ารองเท้าบูท อาจจะกันได้ไม่ค่อยดี ดังนั้นจึงมีชุดกันน้ำที่คิดค้นกันขึ้นมาส่วมใส่ก่อนเดินลุยน้ำท่วมเสมอเอวหรือโค่นขา ฉะนั้นการลุยน้ำแต่ละครั้งก็ต้องเตรียมตัวกันให้พร้อมเสียก่อน เนื่องจากน้ำที่ขังเป็นเวลานานอาจจะเน่าและเหม็นการไปสัมผัสโดยตรงคงไม่ดีแน่ แต่ถ้ามีอะไรมากั้นมากันไว้บ้างก็คงจะดีไม่น้อย แต่ชุดกันน้ำที่มีอยู่ในท้องตลาดส่วนใหญ่จะเป็นชุดหมี...ที่ฟูพองใส่แล้วดูอึดอัดเคลื่อนไหวลำบากน่าดู ดังนั้นจึงมีผู้คิดค้นประดิษฐ์ดัดแปลงชุดลุยน้ำขึ้นมาใหม่ โดยฝ่ายผลิตภัณฑ์เชอรีล่อน บริษัท นิวซิตี้ (กรุงเทพฯ) จำกัด (มหาชน) แนะนำไอเดียสู้วิกฤติน้ำท่วมจากเชอรีล่อน เพื่อคุณสุภาพสตรีทั้งหลาย นอกจากสวยงามแล้วยังสามารถป้องกันเชื้อโรคและความสกปรกต่างๆที่มากับน้ำ อีกทั้งยังคล่องตัวอีกด้วย เริ่มจากการนำถุงพลาสติกยาวมาสวมเรียวขา จากนั้นเพิ่มความกระชับด้วยการสวมถุงน่องเต็มตัวทับอีกชั้น ซึ่งอาจจะเป็นถุงน่องที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว เนื้อถุงน่องทุกประเภทสามารถนำมาใช้งานได้หมด แต่ขอแนะนำให้ใช้เป็นแบบเนื้อซัพพอร์ทจะให้ผลดีที่สุด เพราะเป็นประเภทที่มีแรงกระชับสูงกว่าประเภทเนื้อเนียนธรรมดา เนื้อถุงน่องจะทำหน้าที่เก็บถุงพลาสติกที่สวมให้แนบเข้ารูปกับเรียวขา ช่วยให้เกิดความคล่องตัว ไม่เกิดแรงต้านขณะเดินลุยน้ำ ซึ่งจะต่างจากกางเกงพลาสติกกันน้ำ ที่จะดูเทอะทะขณะเดินฝ่าน้ำ และต้องออกแรงมากขึ้น ส่วนการลุยฝ่าน้ำในระดับความสูงได้เท่าไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับถุงพลาสติกที่นำมาใช้สวม หากน้ำท่วมในระดับที่ไม่เกิน 30 – 40 เซนติเมตร การใช้ถุงพลาสติกหรือถุงก๊อบแก๊บทั่วๆไปที่หาได้ง่าย แล้วสวมทับด้วยถุงน่อง ก็สามารถใช้งานได้ดีเช่นกัน โดยถุงน่องที่ผ่านการใช้งานแล้ว มีการรันหรือขาดบ้าง ก็ไม่มีผลต่อการใช้งานแต่อย่างใด ไอเดียการใช้ถุงน่องลุยน้ำ ยังเหมาะอย่างยิ่งสำหรับช่วงน้ำลด และอยู่ในช่วงที่ต้องทำความสะอาดบ้านเรือน อาคาร ร้านค้า เนื่องจากยังมีสิ่งปฏิกูล หรือเชื้อโรคต่างๆ เช่น ฉี่หนู รวมถึงคราบน้ำมันที่ปนเปื้อนมากับน้ำ ช่วยให้ผิวขาไม่ต้องสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้โดยตรง อย่างไรก็ตาม ควรสวมรองเท้าไว้ภายนอก ไม่ควรสวมรองเท้าก่อนสวมถุงพลาสติก เพราะอาจทำให้ถุงพลาสติกขาด และน้ำสกปรกเข้าไปสัมผัสเท้าได้ ฝ่ายผลิตภัณฑ์เชอรีล่อน บริษัท นิวซิตี้ (กรุงเทพฯ) จำกัด (มหาชน) ได้จัดทำถุงน่องลุยน้ำ พร้อมถุงพลาสติกจัดเป็นชุดๆ เพื่อมอบให้แก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยผู้สนใจสามารถติดต่อขอรับได้ที่เคาน์เตอร์เชอรีล่อนเฉพาะ 5 จุด ดังนี้ เซ็นทรัลปิ่นเกล้า, เซ็นทรัลลาดพร้าว, เซ็นทรัลพระราม 2, เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน และเดอะมอลล์บางกะปิ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โทร. 02-294-6999 ต่อ 128, 119 จาก ....................... ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 22 พฤศจิกายน 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#3
|
||||
|
||||
|
น้ำลดแล้ว...ก็ 'สำคัญ' ฟื้นฟูสังคมไทย 'น้ำใจไทย' จำเป็น!! ![]() ประเทศไทยกำลังจะ ’ก้าวผ่านสถานการณ์มหาอุทกภัย“ ซึ่งหลายพื้นที่น้ำแห้งแล้ว หลายพื้นที่น้ำเริ่มลดแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายพื้นที่ที่น้ำยังท่วมอยู่ และก็อาจจะมีบาง พื้นที่ในภาคใต้ที่น้ำเพิ่งจะท่วม ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ใด สถานการณ์น้ำท่วมจะเป็นเช่นไร กับการจะก้าวผ่านสถานการณ์มหาอุทกภัยไปให้ได้จริง ๆ นั้น... มวลน้ำลด-ระดับน้ำลด...อาจมิใช่กุญแจก้าวผ่าน เข้าใจกัน-มีน้ำใจ...สำคัญเฉกเช่นตอนน้ำยังท่วม ทั้งนี้ กับการ “ฟื้นสังคมไทยจากภัยน้ำท่วม” การจะทำให้ “คนไทยหายป่วยจากวิกฤติอุทกภัย” ได้จริงๆนั้น ทางศูนย์พัฒนาความสุขมนุษย์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) โดย ดร.จิตรา ดุษฎีเมธา ประธานศูนย์ฯ ก็มีข้อเสนอแนะไว้ให้ลองพิจารณา ซึ่งก็น่าสนใจ โดยสรุปคือ... จากภาวะวิกฤติอุทกภัยที่เกิดขึ้นในประเทศไทย การใช้ชีวิตของประชาชนคนไทยต้องอาศัย ’ความเข้าใจซึ่งกันและกัน“ ต้องอาศัยการ ’เอาใจเขามาใส่ใจเรา“ ให้มาก โดยขณะนี้บรรยากาศของภาวะอุทกภัยมีการเปลี่ยนแปลงไป คนที่ตอนนี้รู้สึกโล่งใจได้แล้วว่ายังไงก็ไม่ถูกน้ำท่วม คนกลุ่มนี้น่าจะแสดงน้ำใจต่อคนที่ยังต้องทำใจกันอยู่ ต่อคนที่ยังได้รับความเดือดร้อน ตอนที่ตนเองก็ยังต้องลุ้น...ตอนนั้นจะช่วยใครก็คงไม่ถนัด เมื่อชัวร์ว่าน้ำไม่ท่วมแน่แล้ว...ตอนนี้น่าจะช่วยๆกันได้... สำหรับการช่วย การแสดงน้ำใจนั้น ก็สามารถทำได้หลายรูปแบบ ไม่จำเป็นว่าจะต้องไปลุยน้ำเสมอไป ซึ่งทางประธานศูนย์พัฒนาความสุขมนุษย์ มศว ระบุไว้ว่า... ในช่วงจังหวะวิกฤติอุทกภัยนั้น อาจสร้างโอกาสการทำมาหากินให้ใครหลายๆคน แต่ถ้าโอกาสนั้นเป็นการ “ฉกฉวย” เช่น ขึ้นราคาสินค้าอย่างไม่เป็นธรรม นั่นเป็นการ “ทำลายบรรยากาศการเกื้อหนุนและการแบ่งปัน” ซึ่งแน่นอนว่ามิใช่เรื่องดีต่อการฟื้นสังคมไทย หากมีการเกื้อหนุนกันแต่แรก...นี่ย่อมจะเป็นเรื่องดี ดีทั้งตอนน้ำท่วม...และตอนฟื้นสังคมหลังน้ำท่วม... ย้อนเวลาไปก่อนหน้านี้ ดร.จิตราระบุไว้ว่า... ในหลายพื้นที่เราจะเห็นเรื่องการกักตุนสิ่งต่างๆ เช่น ทราย ถุงทราย อาหาร ของแห้งต่าง ๆ ซึ่งการที่คนขายของได้กักตุนสิ่งของไว้ โดยใช้หลักอุปสงค์-อุปทาน เพื่อหวังจะหาทรัพย์ให้ได้มากๆจากโอกาสในช่วงวิกฤติน้ำท่วม แสดงว่าไม่ได้คิดให้ยาวๆ เพราะคนที่ต้องฝืนทนจ่ายแพงโดยไม่เป็นธรรม จะจดจำไปในระยะยาว ต่อไปก็จะไม่ซื้อสิ่งของจากคนขายที่เคยฉวยโอกาส เพราะ “เสียความรู้สึก” ไปแล้ว!! ต่อไปคนฉกฉวยขึ้นราคาก็จะขายสินค้าไม่ค่อยได้ ’การขายของให้ได้ใจคน ต้องช่วยกันยามตกทุกข์ได้ยาก และขายโดยมีกำไรตามสมควร เพื่อจะได้คบหา ซื้อขายกันได้อย่างยาวนาน ด้วยความรู้สึกดีต่อกัน“ ...ประธานศูนย์พัฒนาความสุขมนุษย์ระบุ พร้อมทั้งยังบอกอีกว่า... การขายสินค้าในภาวะวิกฤติ คนขายควรต้องขายแบบได้กระจายสินค้าให้ลูกค้าหลายๆคน ไม่ใช่เห็นแก่ประโยชน์ ได้เงินเร็ว-ได้เงินมาก ยอมให้ลูกค้าบางคนซื้อตุนเยอะๆ จนลูกค้าคนอื่นๆไม่มีโอกาส ในด้านของคนซื้อสินค้า ถึงตอนนี้หลายๆคนก็คงได้ “บทเรียน” จากการ “ซื้อตุนอย่างตื่นตระหนก” แล้วก็เสียเปล่า ไม่ได้ประโยชน์คุ้มค่าคุ้มราคา ซึ่งที่เหมาะที่ควรนั้น แม้จะมีกำลังเงิน แต่การใช้เงินก็เป็นเรื่องที่ต้องรอบคอบ ใช้จ่ายให้คุ้มค่า ควรดู-ควรสำรวจก่อนว่าจำเป็นต้องซื้ออะไร จำเป็นต้องจัดการอะไร เครื่องมือเครื่องใช้ชิ้นใดที่จำเป็นต้องซื้อเข้าบ้าน หรือซื้อหาร่วมกัน แบ่งปันกันใช้ในชุมชนเดียวกันได้ หยิบยืมกันได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นแบบต่างคนต่างซื้อต่างคนต่างจ่าย ซึ่งจะช่วยให้แต่ละคนในชุมชนไม่ต้องเสียเงินโดยใช่เหตุ ควรมีการแบ่งปันข้อมูล-แบ่งปันสิ่งของกันในชุมชน การจะซื้อข้าวของเครื่องใช้ทุกชิ้น ไม่ว่าจะก่อนน้ำท่วม ขณะน้ำกำลังท่วม หรือในยามที่น้ำเริ่มแห้ง ก็ต้องมีสติ ’อย่าใจร้อนหรือโหมไปตามกระแส“ ซึ่งจะ ’ช่วยลดการกักตุน-การขึ้นราคาสินค้าโดยไม่มีเหตุผล“ ของร้านค้าได้ระดับหนึ่ง ถ้าตื่นตระหนก รีบกักตุน ก็ยิ่งเป็นเหยื่อผู้ฉวยโอกาส ประธานศูนย์พัฒนาความสุขมนุษย์ มศว ระบุไว้อีกว่า... ตอนนี้การลดราคาสินค้า เช่น อุปกรณ์ซ่อมแซมบ้าน อุปกรณ์ซ่อมแซมเครื่องมือการเกษตร ฯลฯ เป็นสิ่งที่ควรจะทำเพื่อช่วยผู้เดือดร้อนจากวิกฤติน้ำท่วม และในช่วงเวลาที่ประชาชนเดือดร้อนกันมาก องค์กร-หน่วยงานใหญ่ๆ ควรจะมีการทำกิจกรรมซีเอสอาร์ กิจกรรมร่วมรับผิดชอบต่อสังคม โดยช่วยเหลือผู้เดือดร้อนจากวิกฤติน้ำท่วมกันให้มากๆ หรือมีการแข่งขันกันทำ ’การจะช่วยฟื้นฟูเยียวยาสังคมให้ดีขึ้น สังคมที่บอบช้ำ ผู้คนที่อ่อนล้าหมดสิ้นกำลังใจ จะฟื้นตัวขึ้นได้เร็ว ก็เพราะน้ำใจจากทุกส่วนช่วยกัน“ …เป็นทิ้งท้ายของข้อเสนอแนะ ซึ่งสรุปไว้ที่คำว่า ’น้ำใจ“ ’ฟื้นฟูสังคมจากภัยน้ำท่วม“ เมืองไทยจำเป็นต้องเร่งทำ และ ’น้ำใจไทย“ คือ ’กุญแจสำคัญ“ ที่ ’จำเป็นต้องมี!!“. จาก ....................... เดลินิวส์ คอลัมน์สกู๊ปหน้า1 วันที่ 24 พฤศจิกายน 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#4
|
||||
|
||||
|
ตรวจสอบบ้านหลัง 'น้ำ' ลด ทำความสะอาดหรือต้อง รื้อ! ![]() หลังเกิดมหาอุทกภัย เป็นเหตุให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบต้องอพยพออกจากบ้าน เนื่องด้วยมวลน้ำครั้งนี้ ไม่ได้ท่วมเพียงระดับพื้นชั้นล่างเท่านั้น หากยังเข้าสู่ตัวบ้าน ซึ่งบางพื้นที่อ่วมตั้งแต่ชั้นหนึ่งกระทั่งเกือบถึงชั้นสอง คำถามที่ตามมาคือ บ้านที่ทิ้งไปในขณะน้ำท่วมเป็นเวลานานนั้น จะกลับเข้าไปอยู่ได้หรือไม่ และต้องถึงกับรื้อหรือเปล่า? วันนี้ Special Report จะพาไปไขคำตอบกับผู้เชี่ยวชาญ พร้อมเรียนรู้ “วิธีตรวจสอบความผิดปกติของโครงสร้างหลักในบ้าน” รวมถึง “สิ่งที่ควรทำ และต้องห้าม! หลังน้ำลด” อาจารย์ธเนศ วีระศิริ เลขาธิการวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ หรือ วสท. และ อาจารย์ภาควิชาเทคโนโลยีชนบท คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เผยกับเดลินิวส์ออนไลน์ว่า จากประสบการณ์การลงพื้นที่ตรวจสอบน้ำท่วมขังอาคารต่าง ๆ พบว่าอาคารไม้ หรือ อาคารคอนกรีตเสริมเหล็กส่วนใหญ่ ไม่ได้รับความเสียหายถึงขนาดรื้อทิ้ง แต่ถามว่ามีหรือไม่ที่พบความเสียหายก็คือมี ดังนั้นวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ หรือ วสท. จึงมีนโยบายที่จะใช้ความรู้ ความสามารถ และระดมวิศวกรอาสา ซึ่งปัจจุบันได้ 173 ท่านแล้ว เตรียมจะเข้าไปช่วยประชาชนตรวจบ้าน ทางด้านวิศวกรรม ไฟฟ้า สุขาภิบาล รวมทั้งโครงสร้าง ฐานราก เพื่อให้ประชาชนมีความสบายใจ หมดความกังวลใจ โดยจะบริการฟรี ตรวจฟรี ภายใต้ “ศูนย์ตรวจสอบอาคารด้านวิศวกรรมหลังอุทกภัย” ทั้งนี้ ขั้นตอนดังกล่าวอยู่ระหว่างรอเวลา ให้เป็นไปตามลำดับ ซึ่งขณะนี้เป็นช่วงให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์ ที่ 080-812-3733 หรือ 080-812-3743 และจะมีการเพิ่มหมายเลขในภายหลัง “สำหรับกรณีน้ำลดแล้ว มีคำแนะนำคือ ก่อนเข้าบ้านควรเตรียมถุงเท้า บู๊ทยาง ถุงมือยาง รวมทั้งหน้ากากป้องกันมลภาวะ เพราะน้ำท่วมขังจะมีการปนเปื้อน เตรียมแว่นตาในลักษณะป้องกันไว้ด้วย รวมทั้งอุปกรณ์ตรวจวัดไฟ เช่น ไขควงวัดไฟ จากนั้น ทำความสะอาดรอบนอกบ้าน กำจัดตะไคร่ ส่วนน้ำที่ยังขังต้องหาทางระบายออก แม้จะเป็นลักษณะท่วมติดพื้น นอกจากนั้น สิ่งสำคัญคือ เมื่อเข้าไปในตัวบ้านแล้ว อย่าแตะสวิทซ์ไฟโดยเด็ดขาด ยังไม่ควรสับคัทเอาท์เชื่อมต่อแม้จะเห็นว่าแห้ง หรือ พยายามทำความสะอาดผิวภายนอกแล้วก็ตาม อย่ามั่นใจว่าข้างในไม่มีน้ำอยู่ ควรตามช่างมาถอดดู เช็ดทำความสะอาดเต้าปลั๊กไฟต่างๆ เพราะหากสับคัทเอาท์จะเกิดการลัดวงจร ทำให้ระบบไฟฟ้าเสียทั้งบ้าน” อาจารย์ธเนศ กล่าว อาจารย์ธเนศ กล่าวต่อถึง หลักทำความสะอาดห้องน้ำ โดยต้องตรวจดูการอุดตัน ล้างท่อระบายน้ำ กำจัดถุงขยะ เศษพลาสติก รวมถึงถุงทรายที่เคยอัดไว้ก่อนออกจากบ้าน จากนั้น กดชักโครกดูว่าน้ำไหลดีหรือไม่ ถัดมา เช็คมิเตอร์น้ำ หากปิดวาล์วแล้วมิเตอร์ยังหมุนแสดงว่าท่อรั่ว อาจมีอะไรกดทับทำให้แตกร้าว หรือ หากเปิดวาวว์แล้วมิเตอร์ไม่ทำงานก็ผิดปกติเช่นกัน พรม ผ้า หรือ โซฟาที่วางอยู่ชั้นล่างถูกน้ำท่วมถึง จะอุ้มน้ำ ต้องนำออกนอกบ้านผึ่งแดด แต่การทำความสะอาดพรมค่อนข้างลำบาก หากไม่มั่นใจควรทิ้ง อย่าปล่อยเป็นแหล่งกักเก็บเชื้อโรค ต่อมา สังเกตการบวมตัวของฝ้าเพดาน หากบวมให้ตามช่างมาถอดออก ป้องกันเหตุร่วงหล่น จากนั้น ทำความสะอาดพื้น ผนัง เสา แล้วเช็ดให้แห้ง “อย่าลืมตรวจคาน พื้น และผนัง แอ่นหรือไม่ มีรอยร้าวที่ผิดปกติไปจากเดิมก่อนจะออกจากบ้านหรือเปล่า เสาโย้ไหม หากเป็นไม้อาจเกิดลักษณะบวม ปล่อยทิ้งไว้นานเสี่ยงแตกได้ ส่วนกรณีบ้านอยู่ริมแม่น้ำลำคลอง ให้สังเกตแนวรั้วด้านที่อยู่ชิดแม่น้ำลำคลองว่าโน้มเอียงเข้าหาบ้าน หรือ เอียงออกฝั่งลำคลองหรือไม่ เพราะรั้วมีแนวโน้มจะล้ม จากนั้น สังเกตว่ามีรอยแยกของดินขนานคลองหรือเปล่า เป็นข้อบ่งชี้ว่าดินอาจจะสไลด์ แต่ไม่เสมอไป สำหรับ กรณีบ้านวางอยู่บนเสาเข็ม ให้ตรวจว่าดินฐานรากยุบตัวลง หรือ มีรอยแตกไหม ถ้าไม่มีแสดงว่าเสาเข็มยังรับแรงได้ ดังนั้น หากพบสิ่งผิดปกติข้างต้น ควรติดต่อวิศวกรเข้าตรวจสอบ เพื่อความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน” อาจารย์ธเนศ ให้คำแนะนำ การตรวจสอบความผิดปกติหลังจากทิ้งบ้านไปนานช่วงน้ำท่วม ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำเป็นอันดับต้นๆที่ทุกคนควรทำ เพราะโครงสร้างของบ้านอาจได้รับผลกระทบร้ายแรงกว่าที่เราคิดจากปัญหาน้ำท่วม การตรวจสอบอย่างจริงจังและไม่ประมาทจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น เพื่อให้บ้านของทุกครอบครัวกลับมาอยู่ได้อย่างปลอดภัยอีกครั้ง จาก ....................... เดลินิวส์ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#5
|
||||
|
||||
|
ยาแนวบ้านด้วยตนเอง หลังน้ำท่วม ![]() หลังจากปัญหาน้ำท่วมค่อยๆลดลง เชื่อว่าหลายครอบครัวคงกำลังตรวจสอบความเสียหายที่บ้านของตนเองได้รับ ซึ่งบ้านหลายหลังที่พังยับเยินอาจต้องเสียเงินซ่อมมากมาย แต่สำหรับใครที่อยากประหยัดค่าใช้จ่ายด้วยการซ่อมบ้านเอง วันนี้ เดลินิวส์ออนไลน์ มีวิธียาแนวพื้นบ้านด้วยตนเองมาฝาก เริ่มต้นพยายามสำรวจยาแนวทั่วบริเวณบ้านว่ามีส่วนไหนชำรุดบ้าง จากนั้นพยายามขูดยาแนวเก่าหมดสภาพออกให้มากที่สุด ถ้าจะให้ดีต้องขูดลงลึกเท่ากับความหนากระเบื้อง หลังจากขูดแล้ว ล้างทำความสะอาด แล้วปล่อยให้แห้ง เตรียมตัวสู่ขั้นตอนต่อไป หลังจากทำความสะอาดของเก่าจนแห้งแล้ว ก็ไปซื้อยาแนวสำเร็จรูปมาใช้ซึ่งปัจจุบันจะเป็นรูปแบบกันเชื้อราเกือบทั้งหมด ขั้นตอนสำคัญอยู่ที่การผสม ต้องเคร่งครัดกับสัดส่วน และขั้นตอนตามรายละเอียดข้างถุง เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพตามสรรพคุณของยาแนว วิธีการทำ ก็เริ่มจาก หาแผ่นยางขนาดเหมาะมือไว้ปาดยาแนวลงร่อง ลองนึกถึงรองเท้าแตะฟองน้ำ ตัดแต่งให้ใช้งานได้ ถ้าพื้นที่ไม่มากใช้มือปาดเอาก็ได้ แต่อย่าลืมใส่ถุงมือยางเพราะอาจดดนกัดจนมือแตกรอกได้ การปาดไล่ให้เต็มร่องเป็นแนวๆไป ยาแนวอย่างพิถีพิถันลงไปไล่อากาศแล้วล้นขึ้นมา จะได้เต็มร่องไม่โปร่งแล้วจะยุบทีหลัง จากนั้นปล่อยให้เซ็ทตัวรอบแรกประมาณหนึ่งชั่วโมง พอเริ่มแห้งหมาด เตรียมฟองน้ำหยาบชุบน้ำหมาดๆ เช็ดล้างอย่างรวดเร็วบริเวณที่เลอะล้นร่อง ลูบให้เรียบเนียน สม่ำเสมอกัน ทิ้งไว้ให้แห้งโดยใช้เวลาประมาณ2 ชั่วโมง ใช้ผ้าแห้งเช็ดทำความสะอาดอีกที สุดท้ายทิ้งไว้ให้เซ็ทตัวเต็มที่ 24 ชั่วโมง ก็จะสามารถใช้งานได้ จาก ....................... เดลินิวส์ คอลัมน์เกร็ดความรู้ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#6
|
||||
|
||||
|
กำจัดยุงตัวร้ายด้วย “ถุงดักยุง” ![]() น้ำท่วมขังแบบนี้ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงชั้นเยี่ยม วันนี้แนะนำอีกหนึ่งวิธีในการกำจัดยุงตัวจิ๊ดแต่ฤทธิ์เยอะ ช่วงนี้หลายพื้นที่น้ำท่วม ปัญหาหนึ่งที่แม้ว่าจะดูไม่ใหญ่โต แต่ก็ก่อให้เกิดความรำคาญอย่างใหญ่หลวง นั่นก็คือ ถูกยุงกัด เพราะแหล่งน้ำขังทั้งหลาย เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำ ที่จะเจริญเติบโตต่อไปกลายเป็นยุงได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งยุงบางชนิดไม่เพียงแค่ทำให้เราแสบๆคันๆเท่านั้น แต่สามารถเป็นพาหะก่อให้เกิดโรคร้ายแล้วแต่ชนิดของยุง เช่น โรคไข้เลือดออก ไข้มาลาเรีย ไข้สมองอักเสบ โรคเท้าช้าง ฯลฯ เพื่อป้องกันตัวเองและคนที่คุณรักไว้แต่เนิ่นๆ “กรมควบคุมโรค” ได้แนะนำวิธีในการทำ “ถุงดักยุง” มาฝาก โดยอุปกรณ์ที่ใช้ทำ “ถุงดักยุง” นั้น มีไม่มากและหาได้ง่าย คือ ถุงดำ ขวดน้ำพลาสติก และเสื้อผ้าที่ใส่แล้ว ขั้นตอนแรกเป็นวิธีล่อยุง ให้นำเสื้อผ้าที่ใส่แล้ว ใส่ลงไปในถุงดำ แล้วยุงจะได้กลิ่นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ระเหยออกมาจากผิวหนังมนุษย์แล้วติดอยู่กับเสื้อผ้าเหล่านั้น เสร็จแล้วทำปากถุงให้เป็นลักษณะท่อ โดยใช้ขวดพลาสติกที่เตรียมไว้ หรืออาจจะใช้แกนทิชชู่ก็ได้ เนื่องจากพฤติกรรมโดยทั่วไปของยุงจะชอบบินเข้าที่แคบๆ ขั้นตอนต่อมา เป็นขั้นตอนสำคัญ นั่นก็คือ “การดักยุง” ให้นำถุงที่เตรียมไว้แล้วไปวางไว้ในบริเวณที่มืดๆ ไม่พลุกพล่าน เพียงเท่านี้ เจ้ายุงทั้งหลายก็จะบินเข้ามายังกับดักที่จัดไว้เอง วิธีสุดท้าย “การกำจัดยุง” เมื่อยุงเข้ามาสู่ “ถุงดักยุง” แล้ว ให้ปิดปากถุง แล้วนำไปวางกลางแดดสัก 1-2 ชั่วโมง แสงแดดจะช่วยแผดเผาจนยุงตาย เพียงแค่นี้ก็กำจัดยุงได้แล้ว แถมยังนำอุปกรณ์ทั้งหมดกลับมาใช้ใหม่ได้อีกต่างหาก เป็นวิธีที่สุดแสนประหยัดจริงๆ. จาก ....................... เดลินิวส์ คอลัมน์เกร็ดความรู้ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#7
|
||||
|
||||
|
ดูแล 'บ้านน้ำท่วม' นานาเคล็ดลับปลอดภัยประหยัดเงิน ![]() การดูแลบ้านก่อนและหลังน้ำท่วมเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อให้เจ้าของบ้านได้ซ่อมแซมกันได้อย่างถูกวิธี โดย เจือ คุปติทัฬหิ โซลูชั่นแม็กซีไมซ์เซอร์ (หมอบ้าน) บริษัท เอสซีจี เอ็กซพีเรียนซ์ จำกัด ให้ความเห็นว่า บ้านไม้ค่อนข้างมีปัญหาหลังน้ำลดเพราะเนื้อไม้มีการพองตัว ซึ่งควรให้แห้งแล้วทาน้ำยารักษาเนื้อไม้ป้องกันความชื้น สำหรับไม้สักไม่ค่อยมีปัญหามากนัก แต่ถ้าไม้แดงเวลาแห้งเนื้อไม้อาจมีการปริแตกได้ สิ่งที่สำคัญเวลาเข้าไปตรวจบ้านที่ประตูและวงกบเป็นไม้ อาจเจอปัญหาปิดประตูไม่ได้ ไม่ควรใช้กบไสไม้เพราะหลังจากไม้แห้งอาจเข้ารูปเหมือนเดิม ซึ่งจะเป็นปัญหาให้ปิดประตูไม่สนิท ขณะเดียวกันตัวโครงสร้างบ้านไม้ถ้ามีปัญหาให้ติดต่อวิศวกรเพราะช่วงน้ำท่วมอาจมีขอนไม้ที่มากับน้ำเชี่ยวพัดมาทำลายโครงสร้างได้ ส่วน บ้านปูน ตัวโครงสร้างมีปัญหาน้อย แต่สำหรับกำแพงที่มีรอยร้าวและน้ำซึมผ่านเข้าไปได้อาจมีฝุ่นผงอยู่ด้านใน ควรทำความสะอาดโดยกวาดฝุ่นไว้กองรวมกันแล้วค่อยตักใส่ถังขยะ เพราะถ้าใช้น้ำจากสายยางฉีดอาจทำให้ฝุ่นต่างๆ ไหลไปตามท่อและทำให้อุดตัน กำแพงปูนควรทิ้งให้แห้งประมาณ 7–14 วัน ซึ่ง สีที่เหมาะกับการทนน้ำจะเป็นสีพลาสติก ด้านบ้านที่ปูพื้นจากหินธรรมชาติเมื่อน้ำท่วมนานอาจมีรูพรุน แม้น้ำจะเลิกท่วมแต่ขอบโดยรอบยังมีน้ำซึมควรติดต่อวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ “เมื่อน้ำแห้งและเข้าบ้านควรเปิดประตูหน้าต่างทุกบานเพื่อให้ลมเข้า และควรมีถุงมือและไม้ที่ใช้ในการทำความสะอาด หากส่วนใดเป็นมุมอับที่สัตว์มีพิษอาจซ่อนตัวได้ให้ลองฉีดยาฆ่าแมลงนำไปก่อนแล้วค่อยใช้ไม้เขี่ย” พงศ์เทพ ตั้งประเสริฐกิจ โซลูชั่นพาร์ทเนอร์ (หมอบ้าน) บริษัท เอสซีจี เอ็กซพีเรียนซ์ จำกัด ให้ความรู้ว่าต้องทำความเข้าใจว่า น้ำที่ท่วมนั้นมักไม่ทำความเสียหายในระดับโครงสร้างกับตัวบ้าน แต่มักทำความเสียหายกับวัสดุตกแต่งต่างๆ เช่น พื้นผนัง ดังนั้นการดูแลจึงทำอะไรมากไม่ได้ในช่วงเวลาน้ำท่วม และอาจไม่ต้องกังวลมากนัก เนื่องจากทั้งพื้นและผนังคงรื้อออกก่อนขณะน้ำท่วมไม่ได้ ในช่วงเวลาน้ำท่วมจึงควรให้ความสนใจกับชีวิต และทรัพย์สินมีค่าชิ้นเล็กๆจะดีกว่า เช่น เรื่องความปลอดภัยจากไฟช็อต ไฟรั่ว ซึ่งควรตรวจสอบว่าไฟฟ้าได้ตัดดีแล้วหรือไม่ สิ่งอื่นๆ จะเป็นความเสียหายจากของที่ยกขึ้นสูง หรือของที่ยกหนีน้ำไม่ทัน เช่นตู้เย็น เครื่องซักผ้า สิ่งที่ต้องระวังคือของที่ยกขึ้นสูงนั้นยกไปตั้งไว้บนอะไร มีความแข็งแรงขนาดไหน หลายคนมักวางบนตู้ ชั้น เฟอร์นิเจอร์ หากเฟอร์นิเจอร์นั้นเป็นไม้ก็ต้องระวังการล้มลงมา เนื่องจากไม้ไม่ถูกกับน้ำ โดยเฉพาะไม้อัดเมื่อแช่น้ำนานๆ จะพอง เสียหาย แล้วรับน้ำหนักของที่เรายกไปวางไว้ไม่ได้ จะทำให้ของเหล่านั้นล้มตกลงมาเสียหายได้ สำหรับผนังบ้านที่ตกแต่งด้วยวอลเปเปอร์ หากน้ำเพิ่งท่วมเข้ามาใหม่ๆ หรือท่วมไม่นาน สามารถป้องกันความเสียหายได้ โดยการกรีดตัดวอลเปเปอร์ในส่วนที่โดนน้ำออก ส่วนที่ยังไม่โดนน้ำก็จะยังไม่เสียหายมากนัก เนื่องจากเป็นกระดาษน้ำสามารถซึมขึ้นสูงกว่าระดับน้ำที่ท่วมได้ การกรีดตัดก่อนจะช่วยเก็บรักษาส่วนที่อยู่เหนือน้ำได้ แต่หากบ้านแช่น้ำหลายวันแล้ว ก็ไม่จำเป็นจะต้องทำเพราะอาจเสียหายจากน้ำไปแล้ว หากที่บ้านมีประตูหรือบานกระจก จะต้องระมัดระวัง เพราะอาจเกิดแตกเสียหายได้ เมื่อเกิดแรงดันน้ำมากๆ ทั้งมาจากการเปิดปิดใช้งาน การเดินไปจนทำให้เกิดคลื่นไปกระแทกกับกระจก หรือประตูกระจก ก็จะทำให้เกิดความเสียหาย แตกร้าว หรือประตู หน้าต่าง หลุดออกจากรางได้เช่นกัน การดูแลบ้านไม้กับบ้านปูนหลังจากน้ำลดจะต่างกันตรงที่ไม้จะเกิดปัญหามากหากเจอน้ำเพราะไม้จะบวมพอง หลังจากน้ำลดจึงอาจต้องรื้อไม้ที่แช่น้ำออกมาทิ้งไว้ให้แห้ง หากไม่เสียหายมาก ก็จะสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ แต่สำหรับบ้านปูนนั้นจะไม่ค่อยเกิดปัญหา ในแง่ของโครงสร้างหากบ้านตั้งอยู่บนเสาเข็มลึก จะไม่ต้องกังวลในเรื่องบ้านทรุดเท่าใดนัก แต่หากบ้านตั้งอยู่บนเสาเข็มสั้น (เสาเข็มยาว 4-12 เมตร) อาจจะเกิดปัญหาการทรุดตัวได้ เมื่อน้ำลดแล้วการดูแลบ้านหลักๆ คงจะเป็นเรื่องการทำความสะอาดและตรวจสอบความเสียหาย ในการทำความสะอาดนั้นสิ่งแรกที่ควรทำคือ ท่อน้ำรอบบ้าน ให้ขุดลอกให้เรียบร้อยเสียก่อน เนื่องจากน้ำที่ท่วมมักจะนำดินโคลนมาด้วยจะทำให้ท่อน้ำหรือคูระบายน้ำอุดตันตื้นเขินได้ การทำความสะอาดเบื้องต้น อาจทำความสะอาดที่พื้นคร่าวๆ เพื่อให้เดินได้สะดวก แต่ต้องระวังไม่ให้พื้นลื่น เพราะจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ หลังจากนั้นให้ทำความสะอาดจากส่วนบนลงมาด้านล่าง สิ่งของต่างๆที่อมน้ำให้ย้ายออกมาไว้นอกบ้าน เช่น เครื่องไม้ โซฟา กระดาษ เพื่อลดปัญหาเรื่องกลิ่นอับชื้นเน่าเหม็น เช่น ผนังติดวอลเปเปอร์ให้ทำการลอกออกแล้วนำไปทิ้งนอกบ้าน ชุดโซฟาเครื่องเรือนต่างๆ ให้นำออกไปตากแดด ไล่ความชื้น หากเป็นพื้นไม้ปาร์เกต์ ให้ทำการรื้อไม้ปาร์เกต์ออก นำไปผึ่งตากแดดไว้ หลังจากนั้นพยายามเปิดผิวพื้น และผนังให้ระบายอากาศ ระบายความชื้นออกมาได้สะดวก รอให้พื้นผนังแห้งอย่างน้อย 7 วันหลังน้ำแห้ง แล้วจึงทำการซ่อมแซม ตรวจสอบงานระบบต่างๆ ทั้งไฟฟ้าและประปา การตรวจสอบระบบไฟฟ้าต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพราะอันตรายถึงชีวิตได้ ควรทำการปล่อยทิ้งไว้ให้แห้งไม่ต่ำกว่า 7 วัน แล้วทำการสับคัตเอาต์ ปล่อยกระแสไฟเข้า หากยังมีการช็อตอยู่ให้ทิ้งไว้ให้แห้งต่อหรือตามช่างไฟมาทำการตรวจสอบ ระบบประปาให้ทำการตรวจสอบถังน้ำทั้ง ถังบำบัด ถังเก็บน้ำ และถังดักไขมัน ให้ทำความสะอาดให้เรียบร้อย เอาดินโคลนออกจากถัง สำหรับถังบำบัด ให้นำเชื้อแบคทีเรียเติมลงในระบบฝั่งช่องที่มีลูกบอลพลาสติกเล็กๆ ก็จะกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง ถังน้ำหากเป็นบนดินให้ตรวจสอบความเสียหาย และทำความสะอาดสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ แต่หากเป็นถังน้ำใต้ดินจะลำบากในการทำความสะอาดเพราะหากทำไม่ถูกต้องอาจทำให้ถังแตกเสียหาย การเตรียมรับมือน้ำท่วมในอนาคต เนื่องจากเราไม่อาจคาดเดาได้ว่าน้ำจะท่วมอีกเมื่อใด สิ่งที่ต้องเตรียมตัวคือเรื่องของสิ่งของต่างๆ ที่จะต้องพร้อมในการใช้งานเมื่อเกิดน้ำท่วม เช่น อาหารสำรอง ไฟฉาย ยารักษาโรค น้ำดื่ม น้ำใช้ หรืออุปกรณ์บำบัดน้ำเพื่อใช้สอยหรือระบายทิ้ง ขณะเดียวกันอาจทำการตรวจสอบว่าน้ำเข้าบ้านมาจากที่ใดบ้าง พื้นที่ใดของบ้านจะมีน้ำเข้ามาก่อนหลัง แล้วสามารถวางแผนในการป้องกัน หรือชะลอให้น้ำเข้าบ้านเราได้ช้าลง หรือแจ้งเตือนการมาถึงของน้ำเพื่อที่จะเตรียมพร้อมและควรประเมินความยอมรับน้ำที่เข้าท่วมเสียก่อนว่าจะยอมให้เข้ามาได้ขนาดไหน เช่น ยอมให้เข้าได้ในระดับไม่เกิน 1 เมตร แสดงว่า ตั้งแต่ระดับพื้นจนถึง 1 เมตร จะต้องตั้งหรือวางสิ่งของที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย ไม่หนัก และเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ที่อยู่ในระดับดังกล่าวจะต้องคงทนต่อการจมน้ำ และแข็งแรงเพียงพอในการรับน้ำหนัก พีระพงษ์ บุญรังสี โซลูชั่นพาร์ทเนอร์ (หมอบ้าน) บริษัท เอสซีจี เอ็กซพีเรียนซ์ จำกัด เล่าว่า บ้านในเขตเมืองส่วนใหญ่มักเป็นบ้านปูน ขณะที่น้ำกำลังจะท่วม สิ่งที่ควรประเมินก่อน คือระดับความสูงของน้ำและความรุนแรงของสถานการณ์ ควรประเมินสถานการณ์ล่วงหน้าแต่เนิ่นๆ จากนั้นจะได้วางแผนป้องกัน สิ่งที่ตามมาคือ การจัดเตรียมข้าวของต่างๆที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต และการจัดหาวัสดุ อุปกรณ์เพื่อสร้างแนวป้องกันน้ำ สิ่งที่เกิดขึ้น คือวัสดุอุปกรณ์ที่จะนำมาป้องกันน้ำท่วมนั้นค่อนข้างหาซื้อยากและมีราคาสูงกว่าปกติ รวมทั้งตัวช่างก็หาได้ยากด้วย ถ้าเป็นไปได้ควรเตรียมตัวล่วงหน้าประมาณ 2 สัปดาห์ แนวทางในการปฏิบัตินั้นแตกต่างกันไปตามสถานการณ์ เช่น ถ้าน้ำแค่ไหลผ่านระดับน้ำไม่สูงกว่า 20 เซนติเมตร การทำเพียงแผงกั้นน้ำบริเวณทางเข้าบ้านน่าจะเพียงพอ เพราะแรงดันและน้ำหนักของมวลน้ำนั้นไม่มากพอที่จะสร้างความเสียหาย วัสดุที่นำมาใช้ก็เป็นเพียงวัสดุชั่วคราวรื้อถอนได้ง่าย แต่ถ้าระดับน้ำสูงประมาณครึ่งเมตรจำเป็นต้องทำแผงกั้นที่แข็งแรงถาวรมากขึ้น อุดปิดท่อระบายน้ำ โถชักโครก เนื่องจากน้ำจะพยายามรักษาระดับแรงดันให้สมดุล และจำเป็นต้องตัดกระแสไฟฟ้าที่ชั้นล่าง เนื่องจากปลั๊กไฟส่วนใหญ่มักติดตั้งสูงจากระดับพื้นชั้นล่างประมาณ 30 เซนติเมตร ในกรณีที่ระดับน้ำสูงเกินกว่าครึ่งเมตรควรจะอพยพออกจากบ้าน ลองนึกดูว่าน้ำ 1 ลูกบาศก์เมตร มีน้ำหนัก 1,000 กิโลกรัม ถ้าเกิดน้ำท่วมขังที่บ้านเป็นเวลานาน น้ำหนัก 1,000 กิโลกรัม ที่กดทับลงบนพื้นบ้านขนาด 1 ตารางเมตร หรือซัดกระแทกแนวรั้วบ้านเป็นระยะ ๆ จะสร้างความเสียหายให้กับบ้านได้มากแค่ไหน นอกจากนี้น้ำยังสามารถดันตัวเองผ่านเข้ามาทางรอยต่อ รอยแยก ตามพื้น ผนัง วงกบ ช่องเปิดซึ่งถ้าบ้านปูนก่อสร้างพื้นด้วยแผ่นพื้นสำเร็จน้ำสามารถซึมขึ้นตามรอยต่อแผ่นได้ ถ้าบ้านปลูกสร้างมานานแล้วน้ำสามารถซึมผ่านรอยต่อผนังกับวงกบ รอยแตกร้าวช่วงต่อพื้นกับผนัง ยาแนวกระเบื้องที่พื้น แม้จะมีการป้องกันน้ำเข้าทางประตูแล้วก็ตาม อาจจะพบน้ำซึมเอ่อบนพื้นบ้านอยู่บ้างก็ถือว่าเป็นปกติ เมื่อน้ำลดแล้วสิ่งที่จะต้องนำมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจซ่อมแซมบ้าน ได้แก่ งบประมาณที่มี และรายการงานซึ่งควรตรวจสอบจากความเสียหายเริ่มจากแนวรั้วภายนอกไล่เข้ามาที่พื้น ผนัง เพดาน งานระบบไฟฟ้า ระบบสุขาภิบาล โครงสร้างเสาคานภายในตัวบ้าน จนถึงข้าวของเครื่องใช้ เครื่องเรือน ซึ่งควรซ่อมแซมตามลำดับความจำเป็นในการใช้งาน หลังจากล้างทำความสะอาดบ้านเสร็จแล้วควรรอจนกว่าตัวบ้านจะแห้งสนิทก่อนทำการซ่อมแซมซึ่งอาจจะใช้ระยะเวลาถึง 2 สัปดาห์ สำหรับการเตรียมบ้านรับน้ำท่วมในครั้งต่อไป สิ่งที่ควรใส่ใจได้แก่ ระบบท่อระบายน้ำไม่ให้อุดตัน พื้นบ้านชั้นล่างควรปรับเปลี่ยนใช้วัสดุปูพื้นที่ดูแลทำความสะอาดได้ง่าย เช่น กระเบื้องเซรามิก หรือซีเมนต์ขัด ควรจัดให้มีเบรกเกอร์ควบคุมปลั๊กไฟที่ระดับน้ำท่วมถึงแยกออกมาต่างหาก อาจออกแบบวิธีการติดตั้งแผงกั้นน้ำให้สามารถติดตั้งได้โดยสะดวกรวดเร็ว. จาก ....................... เดลินิวส์ คอลัมน์วาไรตี้ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
|
|