เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > Main Category > ห้องรับแขก

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 11-01-2012
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,123
Default



โอโฮ ! โรค Vertigo มีสาเหตุมากมายกว่าที่ได้เรียนรู้มา เป็นมากๆ ก็จะดำน้ำไม่ได้นะคะ ระวังๆกันหน่อย...

__________________
Saaychol
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 12-01-2012
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


“น้ำเลี้ยงข้อเข่า” สำคัญอย่างไร


ข้อเข่าของเรา มีลักษณะคล้ายกับข้อต่อ (Joint) ของเครื่องยนต์ ประกอบด้วย กระดูกผิวข้อ ซึ่งมีลักษณะเรียบลื่น เป็นมันวาว มีสี และลักษณะคล้ายกับผิวของงาช้าง ภายในมีส่วนสำคัญมากอย่างหนึ่งก็คือ “น้ำเลี้ยงข้อ” มีลักษณะเป็นของเหลวใสอยู่ภายในช่องว่างของข้อเข่า มีลักษณะพิเศษ คือมีความเหนียว และยืดหยุ่นได้ เหมือนไข่ขาว ทำหน้าที่ช่วยลดหรือดูดซับแรงกระแทกต่อเข่า จะว่าไปแล้วทำหน้าที่คล้ายๆโช้กอัพ และช่วยหล่อลื่น ลดแรงเสียดทานของผิวข้อเหมือนกับน้ำมันหล่อลื่น หรือน้ำมันจาระบี

ลองคิดเล่นๆดูว่า เราใช้เครื่องยนต์ (ข้อเข่า) ของเราคู่นี้มาครึ่งชีวิตย่อมมีการสึกหรอ จากการศึกษาพบว่าเมื่อเราอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป น้ำเลี้ยงข้อเข่าจะมีปริมาณลดลง และเริ่มสูญเสียคุณสมบัติในการทำหน้าที่ดูดซับแรงกระแทก และการหล่อลื่น อันเนื่องมาจากสารตัวหนึ่งชื่อ ไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic) ซึ่งเป็นสารสำคัญในน้ำเลี้ยงข้อมีปริมาณลดลง.....ก่อให้เกิดการสัมผัส เสียดสีกันโดยตรงของกระดูกผิวข้อ เกิดเสียงดังเวลาขยับข้อเข่า โดยเฉพาะเวลาลุกขึ้นจากที่นั่ง หากปล่อยทิ้งไว้ กระดูกผิวข้อก็จะสึกกร่อนไปเรื่อยๆ จนผิวข้อบางลง มีอาการอักเสบ เจ็บบริเวณหัวเข่า โดยเฉพาะบริเวณกระดูกสะบ้า (กระดูกรูปสามเหลี่ยมส่วนหน้าหัวเข่า) นานวันเข้าเกิดเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมตามมาในที่สุด

นอกจากนี้ยังพบอีกว่า หากปล่อยให้ข้อเข่าเสื่อม จะมีการเปลี่ยนแปลงความสมดุลของน้ำเลี้ยงข้อ จากภาวะความเป็นกลางไปเป็นภาวะความเป็นกรด (pH 7.4 – pH 6.85) ถ้าค่า pH ยิ่งต่ำจะแสดงถึงภาวะความเป็นกรด ซึ่งจะเป็นตัวเร่งการทำลายความสมบูรณ์ของผิวข้อมากขึ้นเรื่อยๆ ภาวะข้อเสื่อมก็จะเป็นมาก และเป็นเร็วยิ่งขึ้น

ทุกคนคงไม่อยากให้ข้อเข่าเสื่อม ดังนั้นการหมั่นดูแลรักษาสุขภาพของข้อเข่าให้ถูกต้องแต่แรก จะช่วยยืดอายุการใช้งานของข้อเข่าให้ทำหน้าที่รับใช้เราได้ยาวนานขึ้น คนที่มีน้ำหนักมากและมีดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่า 25 ถ้าควบคุมหรือลดน้ำหนักได้ ก็จะช่วยลดแรงกระแทกต่อผิวข้อ ทำให้อาการปวดเข่าหายไปได้ คนที่นั่งงอเข่าเป็นระยะเวลาต่อเนื่องนานๆ ต้องฝึกเหยียดเข่าบ่อยๆ เพื่อลดแรงกดของกระดูกสะบ้ากับกระดูกปลายเข่า ร่วมกับการฝึกออกกำลังบริหารกล้ามเนื้อรอบๆเข่าและต้นขา เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของกล้ามเนื้อให้ทำงานแบ่งเบาภาระการทำงานของข้อต่อ

แต่ถ้าหากอยากป้องกันภาวะข้อเข่าเสื่อม หรือเริ่มเสื่อมไปบ้างแล้ว จะทำอย่างไร ในปัจจุบันมีวิธีเติมน้ำเลี้ยงข้อเข่า เพื่อทดแทนน้ำเลี้ยงข้อที่มีการลดลง โดยการนำน้ำเลี้ยงข้อสังเคราะห์ซึ่งมีลักษณะและคุณสมบัติใกล้เคียงกับน้ำเลี้ยงข้อปกติ มาช่วยในการป้องกันและรักษา โดยการฉีดเข้าไปในข้อเข่าที่มีอาการ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ติดต่อกัน 3-5 สัปดาห์ ซึ่งมีผลการรักษาอยู่ได้นานประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับสภาวะข้อที่เสื่อม จุดประสงค์เพื่อช่วยหล่อลื่นและกระตุ้นเซลล์เยื่อบุข้อให้ทำการสร้างน้ำเลี้ยงเข่าที่ปกติขึ้นมาทดแทน เป็นวิธีที่ปลอดภัย โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเลือกให้น้ำเลี้ยงข้อเข่านี้กับผู้ที่ได้รับการรักษาโดยการรับประทานยา ออกกำลังกาย ควบคุมน้ำหนักมาแล้ว แต่ยังไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร

ข้อมูลจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์จิระเดช ตุงคะเศรณี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญประจำศูนย์กล้ามเนื้อ กระดูกและข้อ โรงพยาบาลพญาไท 2 / http://www.phyathai.com





จาก ...................... บ้านเมือง คอลัมน์ ชีวิตและสุขภาพ วันที่ 11 มกราคม 2555
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 20-01-2012
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


'กล้ามเนื้ออักเสบ' เกิดง่ายกว่าที่คิด!!!


พบคนสองกลุ่มมักปวดเมื่อยกล้ามเนื้อจากการอักเสบ แพทย์เผยสาเหตุใกล้ตัวทำให้เกิดอาการ พร้อมแนะเคล็ดลับสำคัญใช้รักษาเบื้องต้น

เกือบทุกคนต้องเคยเผชิญกับอาการปวด บวม เคล็ดขัดยอกของกล้ามเนื้อ ข้อและเส้นเอ็น ซึ่งพบเห็นได้ไม่ยาก โดยคนที่เป็นมักต้องอุทาน "โอ้ย..โอ้ย.." เพราะรู้สึกปวดเมื่อยกล้ามเนื้อขณะเปลี่ยนอิริยาบถ

ในกิจกรรมเสวนาปัญหาปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ โดยนูโรเฟนเจลนั้น ‘นายแพทย์พันธศักดิ์ ตันสกุล’ แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ เผยสาเหตุของอาการกล้ามเนื้อและเอ็นอักเสบว่า เกิดจากออกแรงกล้ามเนื้อเกินกำลังหรือออกแรงกล้ามเนื้อบริเวณเดิมติดต่อกันนานเกินไป หรือบาดเจ็บจากการยืดกล้ามเนื้อหรือเอ็นไปในทิศทางหรือระยะทางที่มากเกินไป

เช่น การนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน, การเล่นกีฬาขณะร่างกายไม่ฟิตหรือเล่นอย่างหักโหมเกินไป, อิริยาบถในการเคลื่อนไหวไม่เหมาะสม, และการก้มหยิบหรือยกของผิดท่า

ทว่ามีอาการปวดหรืออักเสบกล้ามเนื้อย่างเฉียบพลัน คุณหมอพันธศักดิ์ แนะให้หยุดการออกแรงกล้ามเนื้อบริเวณนั้นๆไปก่อน และใช้น้ำแข็งหรือน้ำเย็นประคบตรงตำแหน่งที่มีการบาดเจ็บหรืออักเสบภายใน 24 ชั่วโมงหลังมีการบาดเจ็บ รวมถึงอาจจะใช้ยาทาชนิดที่มีส่วนประกอบของยาลดการอักเสบ (NSAIDs) เพื่อบรรเทาอาการปวดและอักเสบกล้ามเนื้ออย่างเฉียบพลัน โดยไม่แนะนำให้ใช้ยาทาสูตรร้อน เนื่องจากจะยิ่งกระตุ้นอาการอักเสบให้รุนแรงขึ้น

อย่างไรก็ตาม อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อจากการอักเสบเกิดขึ้นได้ง่าย โดยเฉพาะในกลุ่มคน 2 กลุ่ม ซึ่งคุณหมอพันธศักดิ์บอกไว้ในคลิปเสริมบทความ รวมถึงลักษณะอาการปวดและการลุกลาม พร้อมแนะเคล็ดลับบรรเทาปวดเมื่อยกล้ามเนื้อด้วยตนเอง.




จาก ........................ เดลินิวส์ วันที่ 20 มกราคม 2555
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 21-01-2012
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


ทำอย่างไร คนสายตาสั้น ยาว เอียง จะมองได้ชัดเจน


จาก ........................ ไทยรัฐ วันที่ 21 มกราคม 2555
รูป
  
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 21-01-2012
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


ข้อมูลวิทยาศาสตร์ชี้ “มะรุม” ลดน้ำตาล-คอเลสเตอรอลในเลือด


ใบมะรุม

อาจารย์จุฬาฯ ทดสอบสารออกฤทธิ์ “มะรุม” เพื่อหาข้อมูลวิทยาศาสตร์หนุนสรรพคุณไพรไทย พบสารสกัดจากพืชชนิดนี้ช่วยยับยั้งการย่อยน้ำตาลเป็นแป้งในลำไส้เล็ก และยังขัดขวางการดูดซึมคอเลสเตอรอลเข้าสู่ร่างกาย แต่ข้อมูลยังไม่แน่ชัดพอที่จะยืนยัน พร้อมหากใช้ยาแผนปัจจุบันควบคุมน้ำตาลให้ระวังในการใช้มะรุมเพราะระดับน้ำตาลในเลือดอาจต่ำเฉียบพลัน

ผศ.ดร.สิริชัย อดิศักดิ์วัฒนา อาจารย์ภาควิชาโภชนาการและการกำหนดอาหาร คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ศึกษาและวิจัยเรื่องฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์อัลฟา-กลุโคซิเดสและกลไกการลดไขมันของสารสกัดใบมะรุม ด้วยเหตุผลว่าใบมะรุมเป้นสมุนไพรที่คนนิยมใช้มานาน และมีร้านค้านิยมนำใบมะรุมแห้งมาบรรจุเป็นแคปซูล และเชื่อกันว่ามีสรรพคุณลดน้ำตาลในเลือด ลดความดันโลหิต รักษามะเร็งและอีกหลายสรรพคุณ แต่ยังขาดข้อมูลวิทยาศาสตร์ยืนยัน จึงต้องศึกษาเพิ่มเติมเพื่อให้ประชาชนทราบถึงข้อดี ข้อเสีย และข้อควรระวังในการใช้


ใบมะรุมแห้ง

อาจารย์จากคณะสหเวชศาสตร์ จุฬาฯ ได้ศึกษากลไกการออกฤทธิ์ของมะรุมในการลดน้ำตาลและไขมันในเลือด โดยได้รับการสนับสนุนวิจัยจากมูลนิธิชัยพัฒนา ซึ่งในเบื้องต้นพบข้อมุลงานวิจัยของต่างชาติ โดยเฉพาะอินเดียที่เป็นแหล่งเพาะปลูกมะรุมมากที่สุด พบว่ามีงานวิจัยที่กล่าวถึงการออกฤทธิ์ของสารสกัดจากมะรุมในการลดระดับไขมันและน้ำตาลในเลือดในสัตว์ทดลองที่ถูกเหนี่ยวนำให้เป็นเบาหวาน ซึ่งหนูเบาหวานที่ได้รับสารสกัดจากใบมะรุม 1-2 เดือน มีระดับไขมันและน้ำตาลในเลือดลดลง แต่ยังไม่มีผู้ศึกษากลไกการออกฤทธิ์ของใบมะรุมมากนัก

ทาง ผศ.ดร.สิริชัยจึงได้ศึกษาในเรื่องกลไกการออกฤทธิ์ของสารสกัดจากใบมะรุมเพิ่ม ซึ่งการศึกษาในห้องปฏิบัติการพบว่าสารสกัดจากใบมะรุมมีฤทธิ์ในการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่ใช้ย่อยแป้งให้เป็นน้ำตาลในลำไลส้เล็ก ทำให้การย่อยแป้งเป็นน้ำตาลช้าลง จึงเป็นประโยชน์แก่ผู้ป่วยเบาหวานที่ต้องควบคุมระดับน้ำตาลภายหลังรับประทานอาหาร นอกจากนี้ยังพบด้วยว่าสารสกัดจากใบมะรุมมีฤทธิ์ในการขัดขวางการดูดซึมไขมันกลุ่มคอเลสเตอรอลเข้าสู่ร่างกาย ทำให้คอเลสเตอรอลเข้าสู่กระแสเลือดน้อยลง

“งานวิจัยนี้นับเป็นก้าวแรกที่จะตอบได้ว่ากลไกในการออกฤทธิ์ของใมะรุมเป็นอย่างไร แต่อย่างไรก็ตามข้อมูลที่มีนั้นยังไม่มากพอที่จะยืนยันได้แน่ชัดว่าสารสกัดจากใบมะรุมสามารถลดระดับน้ำตาลหรือไขมันในเลือดในคนได้ รวมทั้งต้องศึกษาเพิ่มเติมในเรื่องพิษหรืออาการไม่พึงประสงค์ ซึ่งหากใช้ไปนานๆ บางคนอาจจะเกิดอาการแพ้หรือมีพิษเรื้อรังได้” ข้อมูลจากศูนย์สื่อสารองค์กร จุฬาฯ ระบุ

ขณะนี้งานวิจัยของ ผศ.ดร.สิริชัยอยู่ระหว่างการศึกษาในคนปกติ โดยใชสารสกัดจากใบมะรุมรูปแบบผงแห้งในรูปชาใบมะรุม และให้กลุ่มตัวอย่างดื่มประมาณ 1-2 แก้ว หลังรับประทานอาหาร เพื่อศึกษาว่าสามารถชะลอการย่อยแป้งและไขมันจากอาหารได้หรือไม่ และส่งผลต่อระดับน้ำตาลและไขมันในเลือดอย่างไร ซึ่งในอนาคตจะได้ปรับปรุงสารสกัดใบมะรุมให้เหมาะแก่การรับประทาน ทั้งในด้านรสชาติ และรูปแบบโดยอาจจะมีการพัฒนาให้เป็นผงในการประกอบอาหาร เช่น เครื่องแกง ผงปรุงรส เป็นต้น หรือประยุกต์เป็นอาห่ารควบคุมน้ำหนักและอาหารควบคุมแคลอรีสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน


ผงสกัดจากมะรุม (ภาพทั้งหมดจากศูนย์สื่อสารองค์กร จุฬาฯ)

สำหรับข้อควรระวังในการรับปรัทานใบมะรุมแห้งนั้น ผศ.ดร.สิริชัย กล่าวว่า ควรพิจารณาตัวเองว่าเป็นผู้มีสุขภาพดีอยู่แล้วหรือไม่ หากใช่ก็ไม่จำเป็นต้องรับประทานใบมะรุมแห้งในปริมาณสูงเพื่อป้องกันโรค เพราะการรับประทานอาหารจำพวกผักและผลไม้เป็นประจำก็ทำให้มีสุขภาพที่ดีเช่นกัน แต่หากต้องการใช้เป็นทางเลือกในการรักษาก็ต้องศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับใบมะรุมเพิ่มเติมหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เช่น แพทย์ เภสัชกร บคุลากรทางการแพทย์ ก่อนตัดสินใจใช้

“หากรับประทานในรูปแคปซูลแล้วเกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนหลังรับประทาน คันตามผิวหนัง ร่างกายอ่อนเพลีย หรือพบน้ำหนักตัวลดลงในกรณีที่ใช้ต่อเนื่องยาวนาน มีอาการต่อเหลืองซึ่งอาจมาจากภาวะตับอักเสบ ต้องหยุดรับประทานและปรึกษาแพทย์ สำหรับผู้ป่วยเบาหวานหรือผู้มีไขมันในเลือดสูงที่รับประทานยาแผนปัจจุบันอยู่แล้ว ควรระมัดระวังในการใช้ใบมะรุม และควรหลีกเลี่ยงการรับประทานใบมะรุมในปริมาณมากพร้อมกับยาแผนปัจจุบัน เพราะสารสกัดจากใบมะรุมอาจรบกวนการดูดซึมยาแผนปัจจุบัน หรืออาจเสริมฤทธิ์กับยาลดระดับน้ำตาลในเลือดจนระดับน้ำตาลในเลือดต่ำเฉียบพลัน” คำแนะนำจาก ผศ.ดร.สิริชัย




จาก ........................ ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 20 มกราคม 2555
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 22-01-2012
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,123
Default

"นอนไม่หลับ" เป็นเรื่องธรรมดา และผลดีต่อ "สุขภาพจิต" เมื่อคุณ "อดนอน"


เดลิเมล์เปิดเผยผลวิจัยความจำเป็นในการนอนไม่หลับ ของทีมนักวิจัยมหาวิทยาลัยแมสซาชูเซตส์ว่า อาการนอนไม่หลับอาจเป็นสิ่งที่เราต้องการก็เป็นไปได้ ด้วยเหตุผลที่นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าการนอนจะทำให้เราเก็บความทรงจำที่เจ็บปวดที่ทำให้เรารู้สึกผิด


จากการทดลองของนักวิจัยพบว่า คนที่ว้าวุ้นใจหรือบอบช้ำทางใจความรู้สึกเหล่านี้จะน้อยลง หากพวกเขายังคงตื่นอยู่หลังจากพบเหตุการณ์สะเทือนใจ


คำอธิบายจากนักประสาทวิทยากล่าวว่านี้เป็นวิวัฒนาการด้านความรู้สึกเพื่อให้บรรพบุรุษของเราดำรงอยู่ได้ โดยการจดจำสถานการณ์อันตรายได้ชัดเจนเพื่อหลีกเลี่ยงได้ในอนาคต


จากการทดลองชายและหญิงจำนวน 106 คน ของนักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยแมสซาชูเซตส์ โดยให้ทั้งหมดดูภาพสะเทือนอารมณ์ เช่นภาพเหตุการณ์ความรุนแรงอุบัติเหตุรถยนต์ และอื่นๆ และถามถึงความรู้สึกหลังจากดูภาพเหตุการเหล่านั้นภายในเวลา 1-9 นาที


หลังจากนั้นอีก 12 ชั่วโมง ได้ให้ผู้ถูกทดลองดูภาพชุดใหม่โดยมีภาพเก่าที่พวกเขาได้ดูก่อนหน้านี้ปะปนอยู่ และถามความรู้สึกหลังจากดูภาพทั้งหมดแล้ว


โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มในจำนวนคนเท่าๆกัน ซึ่งกลุ่มหนึ่งให้นอนตามปกติ อีกกลุ่มให้อดนอน แล้วจึงให้ทั้งสองกลุ่มดูภาพเดิมในตอนเช้าและตอนเย็น


พบว่าผู้ที่ได้นอนหลับจะมีความรู้สึกโศกเศร้าไม่ต่างจากครั้งแรกที่เห็น แต่ผู้ที่ไม่ได้นอนกลับมีความรู้สึกหม่นหมองใจน้อยกว่า


แสดงให้เห็นว่าผู้ที่ได้นอนหลับหลังจากพบเรื่องเจ็บปวดหรือเรื่องทำลายจิตใจ จะจดจำความรู้สึกเจ็บปวดได้แม่นยำกว่าผู้ที่อดนอน


ดร.รีเบคก้า สเปนเซอร์ กล่าวว่า การนอนหลับไม่เพียงจะปกป้องความทรงจำเราเท่านั้น มันยังรักษาอารมณ์ที่เรามีระหว่างช่วงเวลาต่างๆไว้อีกด้วย


เป็นเรื่องที่น่าสนใจว่าการนอนไม่หลับเป็นสิ่งธรรมดาเมื่อเราต้องพบเจอกับความไม่สบายใจ เพราะสมองไม่ต้องการและอาจเป็นอาการสนองตอบทางชีวภาพที่ดี


ผลการวิจัยตีพิมพ์ในวารสารประสาทวิทยา ว่าการจดจำเรื่องพวกนี้มีความสำคัญแก่ผู้ที่เป็นพยานเห็นเหตุการณ์ในการเกิดอุบัติเหตุหรืออาชญากรรม


แต่อย่างไรก็ตามทีมวิจัยเห็นว่าการนอนไม่หลับเป็นสิ่งจำเป็นที่ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ความเจ็บปวดที่ได้เผชิญมา


ข้อมูลจาก...ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2555
__________________
Saaychol
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #7  
เก่า 27-01-2012
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


แปรงฟันก่อนนอน ตื่นเช้าปากยังเหม็นเพราะอะไร



ทันตแพทย์เผยสาเหตุมีกลิ่นปากหลังตื่นนอน ทั้งๆที่ก่อนเข้านอนไม่ลืมสีฟัน พร้อมเคล็ดลับ '3F' ดูแลช่องปาก

แม้ก่อนเข้านอนจะทำความสะอาดฟันและช่องปากอย่างเรียบร้อย แต่ทุกเช้าหลังตื่นกลับถูกทักท้วงจากคนที่นอนข้างกายว่า "คุณมีกลิ่นปากไม่พึงประสงค์ อย่าพูดอะไรจนกว่าจะไปแปรงฟัน"!!!

ปัญหาข้างต้น นอกจากจะสร้างความคับข้องใจ ยังทำให้ขาดความมั่นใจด้วย กรณีนี้ ทันตแพทย์หญิง นิราภร ชุติวงศ์ ไขความกระจ่างระหว่างร่วมงานแถลงข่าวแคมเปญ "เดนทิสเต้ แฮปปี้ คัปเปิ้ล สไมล์ ชวนคู่รักส่งยิ้มให้กัน" ว่า กลิ่นปากในตอนเช้า เกิดจากการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย เชื้อโรคในช่องปากระหว่างที่เรากำลังหลับ ประกอบกับช่องปากที่หยุดนิ่ง และน้ำลายน้อยลง หรืออาจมีฟันผุ ปัญหาเหงือกอักเสบ ส่วนวิธีแก้ไขทำได้ด้วยการดื่มน้ำเปล่าก่อนเข้านอน และหลังตื่นนอน รวมทั้งแปรงฟันและขัดฟันให้สะอาด

นอกจากนี้ ทพญ.นิราภร ยังแนะนำเคล็ดลับรักษาสุขภาพช่องปากด้วยหลัก 3F ประกอบด้วย Floss- ขัดฟัน Food-อาหารที่ควรเลี่ยง และ Frequence-ความถี่ในการพบทันตแพทย์ ซึ่ง ทพญ.นิราภร ได้ขยายความให้กระจ่าง ทั้งปัญหากลิ่นปากหลังตื่นนอนและหลัก 3F ต้องทำอย่างไรไว้ในคลิปวิดีโอประกอบบทความสุขภาพชิ้นนี้.






จาก ...................... เดลินิวส์ วันที่ 27 มกราคม 2555
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:02


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger