![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
เดลินิวส์
ล้างพิษ 'แมงกะพรุนกล่อง' ห้ามใช้ 'น้ำจืด-แอมโมเนีย' ![]() จากกรณีนักท่องเที่ยวสาวไทย มาเที่ยวงานฟูลมูนปาร์ตี้ บนเกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี แล้วได้ลงเล่นน้ำทะเลบริเวณชายหาดริ้น แล้วไปสัมผัสพิษแมงกระพรุนกล่อง ทำให้รู้สึกปวดแสบปวดร้อนไปทั่วร่างกาย จนต้องหามส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน แต่กลับเสียชีวิตก่อนส่งถึงมือแพทย์ ซึ่งเพื่อนอีก 3 คน ที่เข้าไปช่วยเหลือ ก็โดนพิษจนบาดเจ็บระนาวไปตามกัน เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 2 ส.ค. ผู้สื่อข่าว เดลินิวส์ออนไลน์ รายงานว่า แฟนเพจของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ซึ่งเป็นหน่วยงานในสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ออกมาเปิดเผยวิธีการปฐมพยาบาลผู้ที่ถูกพิษแมงกะพรุนกล่องว่า ผู้ช่วยเหลือต้องแน่ใจว่าตัวเองปลอดภัยจากแมงกะพรุน จากนั้นนำผู้บาดเจ็บขึ้นจากน้ำ ให้นอนนิ่งๆ เพื่อลดการยิงพิษจากแมงกะพรุน ห้ามขัดถูบริเวณที่ถูกแมงกะพรุน หากหมดสติให้ทำการ CPR ทันที (ใช้หลัก A-B-C) ล้างบริเวณที่ถูกพิษด้วยน้ำส้มสายชูบ้าน ความเข้มข้น 2-10 % นานอย่างน้อย 30 วินาที หรือใช้ผักบุ้งทะเลตำพอกที่แผล หากไม่มีให้ใช้น้ำทะเล และใช้ถุงหมือหนา หรือแหนบคีบหนวดที่ยังติดอยู่ ห้ามใช้มือหยิบเด็ดขาด พร้อมใช้น้ำแข็งประคบลดอาการปวด ก่อนนำส่งโรงพยาบาล สำหรับแมงกะพรุนกล่อง (Box jellyfish) เป็นหนึ่งในสัตว์มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก มีเข็มพิษอยู่ในเซลล์จำนวนล้านๆ เซลล์ มีหนวดที่ยาวมาก และใสจนแทบมองไม่เห็น บางตัวอาจมีความยาวถึง 3 เมตร พิษของแมงกะพรุนจะทำให้บริเวณที่สัมผัสเป็นเส้นสีแดง คล้ายถูกแส้หรือถูกฟาดอย่างแรง มีพิษต่อหลายระบบในร่างกาย อาทิ หัวใจ ประสาท กล้ามเนื้ออ่อนแรง กล้ามเนื้อหน้าท้องและหลังเกร็ง คลื่นไส้ กระสับกระส่าย แน่นหน้าอก ส่วนใหญ่ผู้ได้รับพิษมักมีอาการปวดบริเวณแผล หรืออาจปวดไปทั่วร่างกาย บางรายอาจตายหรือจมน้ำก่อนได้รับการช่วยเหลือ ข้อควรระวัง ห้ามใช้น้ำจืดล้าง เนื่องจากจะกระตุ้นเข็มพิษให้ทำงานมากยิ่งขึ้น ส่วนการใช้แอมโมเนียล้างจะยิ่งทำให้อาการปวดแย่ลง ห้ามถูหรือขยี้ หลีกเลี่ยงการใช้เทคนิคพันรัดแน่นด้วยผ้ายืด แฟนเพจ สพฉ.ระบุ. ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก : สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) EMIT_1669 อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/regional/338991
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ผู้จัดการออนไลน์
เพชฌฆาตใต้ทะเล แมงกะพรุนกล่อง ฆ่าคนนับไม่ถ้วน! พิษของ แมงกะพรุนกล่อง สร้างความเจ็บปวด ก่อนทำลายระบบประสาทและเซลล์ผิวหนังช้าๆ หากใครได้เจอพิษของมัน อย่าหวังจะได้มีชีวิตรอด ล่าสุดหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายลงเล่นน้ำบนเกาะพงัน ถูกพิษแมงกะพรุนกล่องเข้าที่แขน กลายเป็นเหตุสลด ชวนตระหนัก และเท่าทันพิษร้ายของสัตว์ทะเลชนิดนี้ที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น โศกนาฏกรรมใต้ท้องทะเล กลายเป็นประเด็นร้อนแรงที่ผู้คนให้ความสนใจ และเป็นที่พูดถึงมากที่สุดอยู่ ณ ขณะนี้ หลังเกิดเหตุสลดนักท่องเที่ยวสาวชาวไทย ชญานันท์ สุรินทร์ อายุ 31 ปี ลงเล่นน้ำทะเลที่บริเวณหน้าซันไรท์ บังกะโล ม.6 ต.บ้านใต้ อ.เกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ถูกพิษแมงกะพรุนกล่องเข้าที่แขน และขา ได้รับบาดเจ็บสาหัส ผู้คนในละแวกนั้นต่างเข้าให้การช่วยเหลือแต่ก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว หญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา เหตุการณ์อันน่าสลดนี้ไม่ใช่เหตุการณ์แรกที่นักท่องเที่ยวโดนพิษแมงกะพรุนกล่อง หากย้อนกลับไปเมื่อกลางปี 2557 ก็เกิดเหตุการณ์คล้ายกันนี้ขึ้นกับเด็กชายชาวฝรั่งเศสวัย 5 ขวบ ที่เดินทางมาพักผ่อนกับครอบครัวที่ชายหาดขวด เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ได้ถูกพิษแมงกะพรุนเสียชีวิต ขณะลงเล่นน้ำทะเลความสูงประมาณ 20 เซนติเมตร โดยแมงกะพรุนได้เข้ามาห้อมล้อมเด็กชาย ทำให้เด็กชายหมดสติทันทีโดยไม่สามารถช่วยชีวิตของเด็กชายคนดังกล่าวได้ ข้อมูลดังกล่าวข้างต้น ชี้ชัดว่าหากใครได้รับพิษร้ายจากแมงกะพรุนกล่องเข้าก็ต้องสังเวยชีวิตให้กับสัตว์ร้ายนี้ทันที ทว่า เมื่อ 5 ปี ที่แล้ว กลับมีเหตุการณ์อันน่าประหลาดใจขึ้น เมื่อ ราเชล ชาร์ดโลว์ สาวน้อยวัย 10 ขวบ ชาวออสเตรเลีย รอดชีวิตจากพิษของแมงกะพรุนกล่องอย่างที่ไม่น่าเป็นไปได้ สำหรับเรื่องราวประหลาดนี้ เกิดขึ้นเมื่อหนูน้อยกำลังว่ายน้ำเล่นอย่างสนุกสนานในแม่น้ำคาลิออป ในรัฐควีนส์แลนด์ ออสเตรเลีย และโดนแมงกะพรุนกล่องต่อยเข้า โดยแพทย์ระบุว่าเธอจะเสียชีวิตในเวลาอีกไม่นานนี้ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีใครรอดชีวิตจากการถูกพิษแมงกะพรุนกล่องเลยแม้แต่คนเดียว แต่หนูน้อยรายนี้กลับรอดตายอย่างปาฏิหาริย์ ทำให้ทีมแพทย์ต่างประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เพียงหนึ่งในล้านเท่านั้น เพราะคงไม่มีใครรอดชีวิตจากพิษร้ายของแมงกะพรุนกล่องนี้ได้ ทั้งนี้ จากการค้นหาข้อมูลพบว่าพิษแมงกะพรุนกล่อง (Box jellyfish) หรือที่ชาวเลเรียกว่า บอบอกาว หรือบอบอกล่อง ฉายานามได้มาจากรูปร่างคล้ายกล่องสี่เหลี่ยมสมชื่อ หากใครได้รับพิษของแมงกะพรุนกล่อง จะส่งผลทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง กล้ามเนื้อหน้าท้อง และหลังเกร็ง เวียนหัว คลื่นไส้ ปวดหัว กระสับกระส่าย แน่นหน้าอก ส่วนชนิดหลายสาย มีพิษต่อหลายระบบในร่างกายทั้งเลือด เนื้อหนัง หัวใจ ประสาท ส่วนใหญ่ผู้ได้รับพิษมักมีอาการปวดบริเวณแผล หรืออาจปวดไปทั่วร่างกายในบางราย อาจตาย หรือจมน้ำก่อนใครจะช่วยทัน ธันยพร อจลวิชกุล นักวิชาการประมงชำนาญการ ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง ให้ข้อมูลว่า แมงกะพรุนกล่องถือเป็น 1 ในพิษที่อันตรายที่สุดในโลก เพราะเมื่อพิษเข้าสู่ร่างกายจะไปโจมตีหัวใจ ระบบประสาท และเซลล์ผิวหนัง ทำให้เจ็บปวดมาก อาจเสียชีวิตได้จากภาวะหัวใจล้มเหลว หรือช็อกจนจมน้ำ พบได้ตามแนวชายฝั่งออสเตรเลียตอนเหนือและทั่วอินโดแปซิฟิก แต่ปัจจุบันแพร่กระจายมาทางฝั่งเอเชียจนถึงประเทศไทย พบได้ที่เกาะลันตา, อ่าวโล๊ะซามะ อ่าวพีพี อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ และอ่าวน้ำบ่อ จ.ภูเก็ต, หาดชะอำ จ.เพชรบุรี รวมถึงเกาะเต่า เกาะสมุย และเกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี โดยเข้าสู่พื้นที่ชายฝั่งด้วยกระแสน้ำ ขณะที่ นายแพทย์ฐานุวัตน์ ทพย์นินิจ แพทย์ประจำโรงพยาบาลเกาะพะงัน ได้กล่าวเตือนว่า ให้หลีกเลี่ยงการเล่นน้ำกลางคืน แมงกะพรุนชนิดนี้จะมาพร้อมกับสายฝน หากถูกพิษแล้วให้แก้ไขในเบื้องต้นด้วยการราดน้ำส้มสายชูลงบนบาดแผล และห้ามเกา หรือขูดจะทำให้พิษเข้าสู่ระบบเลือดเร็วขึ้น (มีต่อ)
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#3
|
||||
|
||||
|
ผู้จัดการออนไลน์
เพชฌฆาตใต้ทะเล แมงกะพรุนกล่อง ฆ่าคนนับไม่ถ้วน! ..... (ต่อ) 11 ข้อ รู้เท่าทันพิษร้าย เมื่อประเด็นดังกล่าวแพร่สะพัดออกไปสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คนจำนวนมาก ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านระบบนิเวศทางทะเล และสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ก็ได้ออกมาเกาะติดสถานการณ์นี้เช่นเดียวกัน โดยออกมาโพสต์แสดงความเสียใจกับผู้เคราะห์ร้าย และกล่าวให้ข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์ร้ายในท้องทะเลอย่างแมงกะพรุนกล่อง ผ่านสื่อสังคมออนไลน์เฟซบุ๊คส่วนตัว 11 ข้อดังนี้ 1. ในปัจจุบัน แมงกะพรุนกล่องเริ่มมีมากขึ้น ข้อมูลจากการสำรวจพบอยู่ทั่วอ่าวไทย ตั้งแต่ภาคตะวันออกถึงภาคใต้ แม้ในบริเวณหาดทรายแหล่งท่องเที่ยว ทั้งในฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน แต่มีรายงานผู้โดนในอ่าวไทยมากกว่า แมงกะพรุนกลุ่มนี้มีขนาดเล็ก หัวใหญ่ประมาณกำปั้น แต่สายยืดยาวได้ถึง 3 เมตร แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ สายเดี่ยว (ในแต่ละมุม) และสายเป็นกลุ่ม ปกติสายเดี่ยวจะมีพิษน้อยกว่าพวกสายกลุ่ม พบในไทย 10-11 ชนิด กะพรุนกล่องมีพิษต่างกันไป ขึ้นกับชนิดและปริมาณที่โดน ยังขึ้นกับคนที่แพ้พิษระดับใด ไม่ขึ้นกับความแข็งแรงของร่างกาย 2. สาเหตุที่กะพรุนกล่องเพิ่มขึ้นจากอดีต อาจเกิดจากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงหรือจากระบบนิเวศได้รับผลกระทบจากมนุษย์ แต่การแก้ที่ต้นเหตุยังทำไม่ได้ เราก็ต้องเรียนรู้หาทางเลี่ยงเองครับ 3. กะพรุนกล่องพบได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ในน้ำตื้นก็เป็นไปได้ พบในเขตชายฝั่งหรือเกาะใกล้ฝั่ง เช่น สมุย พะงัน เกาะล้าน มากกว่าในเกาะไกลฝั่ง เช่น สิมิลัน 4. เนื่องจากมีขนาดเล็ก (เท่ากำปั้น) เคลื่อนที่เร็ว ตัวใส และพบในน้ำขุ่น โอกาสที่คนเล่นน้ำมองเห็นก่อนเป็นเรื่องยากมาก แต่ถ้าเป็นนักดำน้ำ อาจมองเห็น นอกจากนี้ นักดำน้ำสวมเวตสูท โอกาสเป็นอันตรายน้อย เท่าที่มีรายงานผู้เสียชีวิตในประเทศไทย (นับจากปี 41 มากกว่า 10 ราย เท่าที่ทราบ ไม่เคยมีนักดำน้ำเสียชีวิต ทั้งหมดเป็นคนเล่นน้ำ) 5. หากโดนเฉียดๆ อาจบาดเจ็บ แต่ถ้าโดนอย่างจัง หนวดพันไปมาและแพ้พิษ มีโอกาสเสียชีวิต 6. ทางป้องกันคือใส่ชุดมิดชิดลงเล่นน้ำ นั่นก็เป็นไปได้ยากเหมือนกัน ในต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย มีชุด stinger suit สำหรับใส่เล่นน้ำ เหนือมีจุดเล่นน้ำแบบมีตาข่ายกั้น ในเมืองที่ผมเคยอยู่ก็ต้องเล่นน้ำเฉพาะในที่กั้นครับ 7. หากโดนจะรู้ตัวทันที เพราะเหมือนโดนไฟฟ้าช็อตหรือแส้ฟาด ให้ตะโกนบอกคนอื่นและขึ้นจากน้ำให้เร็วที่สุด อาการรุนแรงอาจเกิดภายใน 5-6 นาที 8. ใช้น้ำทะเลสาดหรือล้างบริเวณนั้นเพื่อกำจัดเศษหนวดที่อาจติดมา อย่าใช้มือแตะโดยเด็ดขาด อย่าใช้น้ำจืดล้างเพราะน้ำจืดจะทำให้เข็มพิษทำงานมากขึ้น 9. ราดด้วยน้ำส้มสายชูปริมาณมาก และนำส่งแพทย์ให้เร็วที่สุด พร้อมบอกแพทย์ว่าโดนแมงกะพรุนกลุ่มนี้ หากผู้ป่วยมีอาการรุนแรง รีบนำส่งแพทย์เป็นอันดับแรก ควรแยกกันช่วย คนหนึ่งวิ่งไปหาถังมาตักน้ำทะเลสาด คนหนึ่งวิ่งเข้าครัวไปหาน้ำส้มสายชูมาเยอะๆ อีกคนรีบหารถและโทรหาแพทย์โดยด่วน ควรมีผู้ที่ปั๊มหัวใจเป็นอยู่ในรถด้วย โดยปกติหากผู้ป่วยรอดเกิน 10 นาที โอกาสเสียชีวิตมีน้อยมาก นี่เป็นสถิติจากออสเตรเลียครับ 10. หน่วยงานทางการแพทย์ในพื้นที่ชายฝั่ง โดยเฉพาะในอ่าวไทย ควรมีการอบรมเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง โดยกรมทรัพยากรทางทะเล ควรเป็นหน่วยหลัก เพราะเมื่อดูจากสถิติร้ายแรงแล้ว เราเริ่มอยู่ในภาวะเสี่ยงอย่างมาก 11. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวและหน่วยงานท้องถิ่น ควรพิจารณาการจัดทำแผ่นป้ายประชาสัมพันธ์และจัดเตรียมกล่องน้ำส้มสายชูสำหรับกรณีฉุกเฉินไว้ตามชายหาดแหล่งท่องเที่ยว เท่าที่คิดออกตอนนี้ครับ สุดท้าย ขอแสดงความเสียใจอีกครั้งครับ ทำอย่างไรเมื่อโดนพิษแมงกะพรุนกล่อง ทันทีที่โดนแมงกะพรุนกล่อง เราจะเจ็บจี๊ดขึ้นมาควรตั้งสติ ตะโกนบอกเพื่อนให้รู้ตัว อย่าเอามือปัดป่ายไปมาเพราะจะยิ่งทำให้มือและแขนโดนหนวดแมงกะพรุนหนักขึ้น สังเกตว่าผู้ที่โดนแมงกะพรุนกลุ่มนี้มักมีริ้วรอยทั้งตามลำตัวและมือแขน เพราะตกใจจึงพยายามปัดไปให้พ้นตัว ค่อยๆ เดินออกมาจากตรงนั้น เพื่อป้องกันยิ่งวิ่งยิ่งโดนหนัก สำหรับคนที่จะเข้าไปช่วย ให้ระวังอย่างมาก เพราะอาจโดนแมงกะพรุน ถ้าเขาเดินมาหาเราได้ ให้เรารออยู่ตรงนั้น หรือถ้าเขามีท่าทางไม่ดี ควรเข้าไปช่วยเพียงคนเดียว และหาทางปกปิดร่างกายมากที่สุด ตั้งสติเตรียมรับมือหากโดนกะพรุน คนโดนต้องพยายามขึ้นฝั่งให้เร็วที่สุด เมื่อมาถึงฝั่งบนหาดทราย ให้นั่งบนพื้นแล้วดูบาดแผล หากโดนจนเกิดเส้นสายคล้ายรอยไหม้เป็นบริเวณกว้าง ให้เพื่อนโทรศัพท์หาโรงพยาบาลใกล้ที่สุดและให้รีบบอกคนแถวนั้น เพื่อเตรียมรถไปส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว ระหว่างนั้น ให้อีกคนไปหาถังหรืออะไรก็ได้ที่ตักน้ำได้ ตักน้ำทะเลริมฝั่ง (ยิ่งน้ำอุ่นยิ่งดี) สาดใส่บริเวณที่โดนโดยแรง ตักสาดไปเรื่อยๆ เพื่อกำจัดเข็มพิษให้มากสุด ดร.ธรณ์ กล่าวเพิ่มเติมบอกถึงขั้นตอนการหลีกเลี่ยงและขั้นตอนปฏิบัติเมื่อเจอแมงกะพรุนกล่อง เพื่อหวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์ไม่มากก็น้อย นอกจากนี้เขายังกล่าวต่อถึงการทำงานของพิษแมงกะพรุน หากผู้ใดโดนพิษแมงกะพรุนแล้วให้ใช้น้ำทะเลสาดทันที เพราะความเค็มของน้ำจะทำให้พิษหลุดไปได้ เข็มพิษของแมงกะพรุนจะทำงานไปเรื่อยๆ แม้ว่าจะหลุดจากตัวมาแล้ว เซลล์เข็มพิษบางส่วนอาจยิงเข็มไปแล้ว บางส่วนอาจยังไม่ได้ยิง การใช้น้ำทะเลสาดจะช่วยให้เซลล์เข็มพิษหลุดไป อย่าใช้น้ำจืดเด็ดขาด เพราะปกติเข็มพิษอยู่ในทะเล เมื่อราดด้วยน้ำจืด จะเกิดปฏิกิริยาทำให้เซลล์ยิงเข็มพิษ ต้องใช้น้ำทะเลเท่านั้น ห้ามใช้ปัสสาวะหรือน้ำยาอื่นๆ รวมถึงเหล้าหรือน้ำยาที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสม จำง่ายๆ ว่าอะไรที่ไม่ใช่น้ำทะเล จะทำให้เข็มพิษทำงานหนักขึ้น หากมีเศษหนวดติดอยู่ ต้องรีบเอาออก แต่อย่าใช้มือสัมผัสโดยเด็ดขาด ใช้น้ำสาดใส่ หรือใช้กิ่งไม้เศษไม้เขี่ยออก หรือหากมีเครดิตการ์ด จะใช้ขูดออกก็ได้ แต่ต้องใช้อย่างระมัดระวัง มีรายงานบอกว่า ใช้ครีมโกนหนวดเทใส่บริเวณแผลก็ช่วยได้ หน่วยงานทางการแพทย์บางแห่งยอมรับ สำหรับผมหากโดนจริงก็คงใช้ (แต่ไม่มั่นใจนะครับ) การนำเศษหนวดและเซลล์เข็มพิษออกจากผิวหนังเป็นเรื่องสำคัญสุด เซลล์เข็มพิษพวกนี้อาจติดอยู่ตามเสื้อผ้าชุดว่ายน้ำและยิงไปเรื่อย เพราะฉะนั้น หาทางถอดชุดพวกนั้นออก อย่าทิ้งไว้คาตัวผู้ป่วย ต่อข้อสงสัยที่ว่า หากโดนพิษแมงกะพรุนแล้วใช้น้ำส้มสายชูจะช่วยได้จริงหรือไม่นั้น ดร.ธรณ์ กล่าวว่ามีอยู่ด้วยกัน 2 กระแสคือ น้ำส้มสายชูจะหยุดการทำงานของเข็มพิษที่ยังไม่ยิงออกมา แต่อีกกระแสหนึ่งกล่าวว่าจะทำให้พิษของเข็มที่ยิงออกมาแล้วยิ่งออกมาเยอะจะทำให้เกิดอันตรายได้ ตอนนี้ดันมีงานวิจัยบอกว่าไม่แน่แล้วนะ แม้น้ำส้มสายชูจะหยุดการทำงานของเข็มพิษที่ยังไม่ยิงออกมา แต่จะทำให้พิษของเข็มที่ยิงออกมาแล้วยิ่งออกมาใหญ่ บอกตามตรง ในโลกยังมี 2 กระแส บ้างก็ยังใช้อยู่ บ้างก็ไม่แนะนำให้ใช้แล้ว สำหรับผม ยังไงก็ใช้ครับ แต่ไม่หมกมุ่นร้อยเปอร์เซ็นต์ จากนั้นก็นำส่งแพทย์โดยด่วน ต้องมีผู้ที่ปฐมพยาบาลฉุกเฉิน ในกรณีที่ผู้ป่วยหยุดหายใจหรือหัวใจหยุดเต้นไปด้วย โดยปกติแล้ว หากนำเซลล์เข็มพิษออกหมด ภายใน 5-10 นาที อาการเจ็บปวดน่าจะทุเลา อาจใช้น้ำแข็งประคบก็ได้ครับ แต่ต้องมั่นใจว่าเซลล์เข็มพิษหมดแล้ว โดยปกติแล้ว ผู้ป่วยที่โดนมากจะเกิดอาการรุนแรงใน 10 นาที หากหลังจากนั้นโอกาสเสียชีวิตมีน้อยครับ ทั้งนี้ นักวิชาการด้านระบบนิเวศทางทะเล ยังกล่าวทิ้งท้ายเพิ่มเติมอีกว่าจากสถิติที่ผ่านมาประชากรต้องตกอยู่ในภาวะเสี่ยงกับการโดนแมงกะพรุนกัดหน่วยงานที่รับผิดชอบ อาทิ กรมทะเล กระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานท่องเที่ยว และองค์กรท้องถิ่น ควรต้องหารือเพื่อหาแนวทางปฏิบัติอย่างชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์อันน่าสะเทือนขวัญ ดังเช่นกรณีนี้ขึ้นอีก http://www.manager.co.th/Daily/ViewN...=9580000087144
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#4
|
||||
|
||||
|
ข่าวสด
ปักป้ายเตือนแมงกะพรุน ติดทั่วที่หาดริ้นเกาะพะงัน ![]() เทศบาลตำบลเพชรพะงัน สุราษฎร์ธานี ออกหนังสือประชาสัมพันธ์วิธีป้องกันและปฐมพยาบาลเบื้องต้นถ้าหากถูกพิษจาก แมงกะพรุน ด้านชมรมหาดริ้นระดมปักป้ายเตือนระวังภัยจากแมงกะพรุนกล่อง พร้อมนำขวดน้ำส้มสายชูติดไว้ทั่วหาดริ้น ขณะที่นักท่องเที่ยวจำนวนมากไม่หวั่นอันตรายพากันลงเล่นน้ำทะเล-นอนอาบแดด กันอย่างคึกคัก จากกรณีน.ส.ชญานันท์ สุรินทร์ อายุ 31 ปี ชาวนนทบุรี ที่มาเที่ยวงานฟูลมูนปาร์ตี้ที่เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี แล้วลงเล่นน้ำทะเลกับเพื่อนๆ ที่หาดริ้นและถูกแมง กะพรุนกล่องปล่อยเข็มพิษตามตัวทำให้เสียชีวิต ส่วนเพื่อนสาวชาวไทย 1 คน และชาวต่างชาติอีก 2 คน ที่เข้าไปช่วยเหลือโดนพิษของแมงกะพรุนบาดเจ็บแต่อาการปลอดภัย โดยทางเทศบาลตำบลเพชรพะงันออกประกาศเตือนประชาชน และนักท่องเที่ยวที่ลงเล่นน้ำให้ระวังอันตรายจากแมงกะพรุนกล่อง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น เมื่อวันที่ 2 ส.ค. ที่บริเวณท่าเทียบเรือท้องศาลา เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศการท่องเที่ยวว่ายังคงมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยบริเวณหาดริ้น หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านใต้ จุดที่พบแมงกะพรุนกล่อง ยังคงมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาเล่นน้ำทะเลและนอนอาบแดด โดยไม่ได้วิตกกังวลหรือเกรงกลัวอันตรายจากแมงกะพรุนกล่องแต่อย่างใด นาย พิทยา อินทร์คง นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลเพชรพะงัน อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า หลังจากที่เกิดเหตุนักท่องเที่ยวสาวชาวไทยถูกพิษของแมงกะพรุนกล่องจนทำให้ เสียชีวิตนั้นเพื่อความไม่ประมาทเทศบาลตำบลเพชรพะงันจึงได้ออกหนังสือประชา สัมพันธ์การป้องกัน และวิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นจากการถูกพิษแมงกะพรุน เพื่อป้องกันเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น ด้านชมรมหาดริ้นก็ปักป้าย เตือนแมงกะพรุนกล่องที่บริเวณชายหาดริ้น พร้อมกับนำขวดน้ำส้มสายชูไปผูกไว้กับเสาที่ใช้ปักป้ายเตือน เพื่อไว้ใช้ปฐมพยาบาลเบื้องต้นกรณีถูกพิษจากแมงกะพรุนกล่องก่อนนำส่งโรงพยาบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับแมงกะพรุนกล่องเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ลำตัวคล้ายร่มหรือระฆังคว่ำ ลักษณะตัวมีด้านสูงมากกว่าด้านกว้างมีลักษณะโปร่งใส อาจมีสีฟ้าอ่อน สีน้ำตาล สีเหลือง หรือสีชมพู มีหนวดยื่นออกจากมุมทั้ง 4 มุม อาจยาวได้ถึง 3 เมตร หนวดแต่ละเส้นมีเซลล์พิษอยู่ประมาณ 5,000 เซลล์ ว่ายน้ำได้เร็วถึง 5 ฟุตต่อวินาที ลักษณะของพิษแมงกะพรุนกล่องเมื่อถูกพิษที่หนวดจะทำให้เซลล์ผิวหนังบริเวณที่ สัมผัสตายได้ และจะทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงแตกจากพิษที่ซึมเข้าสู่กระแสเลือด ผลที่ตามมาคือเกิดภาวะไตวายเฉียบพลัน ส่งผลต่อหัวใจทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือหัวใจหยุดเต้น นอก จากนี้ ฤทธิ์ของพิษยังกดระบบประสาททำให้หยุดหายใจและเสียชีวิตได้ ส่วนการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อถูกพิษของแมงกะพรุนกล่อง โดยเฉพาะบริเวณที่สัมผัสพิษ ให้ราดด้วยน้ำส้มสายชู นาน 30-60 วินาที ห้ามใช้น้ำจืด เพราะเป็นการกระตุ้นพิษ นำหนวดแมงกะพรุนที่ติดตามร่างกายออก โดยหลีกเลี่ยงการขัดถูบริเวณแผลและรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที .......... จาก ข่าวสด วันที่ 4 สิงหาคม 2558
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#5
|
||||
|
||||
|
โพสต์ทูเดย์
"แมงกะพรุนพิษ"... ถึงเวลาที่คนไทยต้องตื่นตัว! ............................. โดย วรรณโชค ไชยสะอาด ![]() กระเเสเรื่อง "เเมงกะพรุนพิษ" กำลังสร้างความหวาดวิตกไปทั่ว หลังมีนักท่องเที่ยวรายหนึ่งเสียชีวิตจากพิษของแมงกะพรุนกล่องขณะลงเล่นน้ำที่หาดริ้น เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี นี่ไม่ใช่เหยื่อรายแรกที่สังเวยชีวิตให้แก่พิษของแมงกะพรุน... จากข้อมูลของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรคระบุว่าในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บจากแมงกะพรุนพิษขณะเล่นน้ำในทะเลไทยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลจำนวนกว่า 900 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 12 ราย คำถามคือ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะมีการรณรงค์ให้คนไทยได้รู้เท่าทันเจ้าวายร้ายแห่งท้องทะเลตัวนี้ เฝ้าระวัง 67 จุดเสี่ยง! ความคืบหน้าล่าสุด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมจัดระบบเฝ้าระวังแมงกะพรุนพิษในพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทยแล้ว นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ประสานไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและผู้ประกอบการท่องเที่ยว เพื่อติดตั้งจุดวางน้ำส้มสายชู และกล่องปฐมพยาบาลบริเวณริมหาด สำหรับใช้ยับยั้งพิษของแมงกะพรุน รวมทั้งติดตั้งตาข่ายกันแมงกะพรุนในบางพื้นที่ ประมาณ 67 จุด ใน 9 จังหวัด เช่น ระนอง ตราด ระยอง พังงา ตรัง ภูเก็ต กระบี่ สตูล และจันทบุรี ขณะที่ วรรณเกียรติ ทับทิมแสง ผู้เชี่ยวชาญพิเศษประจำกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ย้ำว่า จากนี้ไปจำเป็นต้องดำเนินการเชิงรุก มากกว่าจะตั้งรับป้องกันเพียงอย่างเดียว "ขณะนี้กำลังเร่งดำเนินการเชิงรุก ด้วยการทำความเข้าใจกับทางจังหวัดในพื้นที่เฝ้าระวัง โดยเฉพาะชาวบ้านในพื้นที่เเละผู้ประกอบการท่องเที่ยว ทำความเข้าใจเรื่องการติดตั้งป้ายเตือน ติดตั้งจุดบริการน้ำส้มสายชูให้กับนักท่องเที่ยว เพราะชุมชนเเละผู้ประกอบการเขาไม่อยากให้ติดตั้ง เนื่องจากกลัวเสียภาพลักษณ์การท่องเที่ยวที่สวยงามปลอดภัย กลัวคนจะเข้าใจว่าเป็นพื้นที่อันตราย เเต่ต้องมองว่า ภัยนี้เป็นเรื่องที่เราสามารถป้องกันได้ ยกตัวอย่างประเทศที่พบเเมงกะพรุนจำนวนมากอย่างออสเตรเลียถึงขั้นติดตั้งตาข่ายในทะเล เพื่อป้องกันแมงกะพรุนพิษ" ![]() น้ำส้มสายชูแก้พิษได้จริงหรือ? ดร. ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ระบุว่า หากสัมผัสกับแมงกะพรุนพิษ อย่าใช้มือปัดป่ายไปมา เพราะจะยิ่งทำให้มือและแขนโดนหนวดแมงกะพรุนมากขึ้น ควรตั้งสติ เดินขึ้นฝั่งและรีบจัดการกับบริเวณร่างกายที่เกิดปัญหา "การนำเศษหนวดและเซลล์เข็มพิษออกจากผิวหนังเป็นเรื่องสำคัญสุด เซลล์เข็มพิษพวกนี้อาจติดอยู่ตามเสื้อผ้าชุดว่ายน้ำและยิงพิษไปเรื่อย เพราะฉะนั้น หาทางถอดชุดพวกนั้นออก อย่าทิ้งไว้คาตัวผู้ป่วย หากมีเศษหนวดติดอยู่ ต้องรีบเอาออก แต่อย่าใช้มือสัมผัสโดยเด็ดขาด ใช้น้ำสาดใส่ หรือใช้กิ่งไม้เศษไม้เขี่ยออก หรือ หากมีเครดิตการ์ด จะใช้ขูดออกก็ได้ ต้องทำอย่างระมัดระวัง" คำถามที่หลายคนสงสัยคือ น้ำส้มสายชูใช้แก้พิษแมงกะพรุนได้จริงหรือ ดร.ธรณ์บอกว่า น้ำส้มสายชูมีฤทธิ์เป็นกรด เข็มพิษของเเมงกะพรุนที่ติดอยู่ตามตัวจะหยุดทำงานเมื่อเจอน้ำส้มสายชู ทั้งนี้ห้ามใช้น้ำจืดหรือน้ำยาอะไรก็ตามโดยเด็ดขาด “ฤทธิ์น้ำส้มสายชูจะไปสกัดไม่ให้เซลล์ยิงเข็มพิษ ที่ผ่านมามีการใช้น้ำส้มสายชูจัดการกับพิษแมงกะพรุนมานานกว่า 30 ปี แต่ปัญหาคือ ล่าสุดเมื่อปีที่แล้วมีงานวิจัยข้างเคียงออกมาระบุว่า แม้น้ำส้มสายชูจะหยุดการทำงานของเข็มพิษที่ยังไม่ยิงออกมา แต่จะทำให้พิษของเข็มที่ยิงออกมาแล้วยิ่งรุนแรงขึ้นไปอีก นี่เป็นประเด็นที่ถกเถียงกันมาอยู่ ฉะนั้นหากเอาให้ชัวร์ที่สุดคือ ใช้น้ำทะเลล้าง แม้น้ำทะเลจะไม่มีคุณสมบัติในการยับยั้งเข็มพิษ แต่ก็สามารถชะล้างเข็มออกจากตัวเราได้” ดร. ธรณ์ ทิ้งท้ายว่า มาตรการป้องกันที่อยากเห็นคือ การร่วมมือกันของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่กระทรวงทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงสาธารณะสุข กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา และองค์การบริหารท้องถิ่น เข้ามาร่วมกันกำหนดโซนอันตราย เพื่อตั้งจุดปฐมพยาบาลเบื้องต้น รวมทั้งฝึกฝนให้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย สามารถปฐมพยาบาลฉุกเฉินได้อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ และในอนาคตอาจมีความจำเป็นต้องกั้นตาข่ายไม่ให้แมงกะพรุนหลุดเข้าไปในบางพื้นที่ด้วย ![]() รู้จักเเมงกะพรุนพิษ 10 ชนิดในไทย คู่มือ "เรียนรู้ สู้ภัยแมงกะพรุนพิษ" ของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ระบุว่า ทั่วโลกมีแมงกะพรุนประมาณ 36 ชนิด แต่ไม่ได้เป็นอันตรายทุกชนิด บางชนิดมีพิษทำให้เกิดอาการเจ็บหรือคัน มีเพียงบางชิดเท่านั้นที่มีพิษรุนแรงทำให้มนุษย์เสียชีวิตได้อย่างรวดเร็ว เช่น คาริบเดีย อะทาลา (Carybdeo atala) หรือ ไคโรเน็กซ์ แฟลคเคอร์ไร (Chironex fleckeri) พบมากในทะเลแถบประเทศออสเตรเลีย แมงกะพรุนชนิดนี้มีขนาดความยาวของหนวด 3-5 เมตร สูง 8-10 เซนติเมตร ถือเป็นเเมงกะพรุนกล่องชนิดที่อันตรายที่สุดชนิดหนึ่งของโลก ทั้งนี้ จากการสำรวจของสถาบันวิจัยเเละพัฒนาทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งทะเลเเละป่าชายเลน พบว่า เเมงกะพรุนมีพิษในประเทศไทยมีทั้งหมด 10 ชนิด แบ่งเป็นเเมงกะพรุนกล่อง 7 ชนิด เเละแมงกะพรุนไฟ 3 ชนิด 1.เเมงกะพรุนกล่อง sp.A สปีชีส์เอ ที่จัดอยู่ในกลุ่ม Chironex (ไคโรเน็กซ์) พบในบางพื้นที่ของทะเลฝั่งอันดามัน 2.เเมงกะพรุนกล่อง sp.B สปีชีส์บี ที่จัดอยู่ในกลุ่ม Chironex เช่นเดียวกัน พบในบางพื้นที่ของทะเลฝั่งอ่าวไทย 3. คาริบเดีย ซีวิคคิซี่ (Carybdeo sivickisi) พบในบางพื้นที่ของทะเลฝั่งอ่าวไทย ทำให้เกิดอาการที่เรียกว่า "อิรูคันจิ" โดยผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการผิดปกติประมาณ 5-40 นาทีหลังได้รับพิษ ใจสั่น มือสั่น เหงื่อออก ปวดศีรษะ ชีพจรเต้นเร็ว ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว 4.ไตรพีดาเลีย ชีสโตฟอรา (Tripdalia cystophora) พบในบางพื้นที่ของทะเลฝั่งอันดามัน 5.มอร์บาคก้า เฟนเนอร์ไร (Morbakka fenneri) พบในทะเลฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน 6.ไครอบซอยเดส บูเทนดิจกิ (Chiropsoides buitendijki) พบในทะเลฝั่งอันดามันและบางในบางพื้นที่ของทะเลฝั่งอ่าวไทย 7.ไครอบเซลลา (Chiropsella) พบในทะเลฝั่งอันดามัน ยังไม่สามารถระบุชนิดได้ และยังไม่พบรายงานความเป็นพิษที่รุนแรงในสกุลนี้ "แมงกะพรุนกล่องมีหลายชนิด รูปร่างคล้ายกล่องสี่เหลี่ยมใส มีสีน้ำเงินจางๆ หรือไม่มีสี จึงสังเกตได้ยากเมื่ออยู่น้ำทะเล มีขนาดแตกต่างกัน อาจกว้างได้ถึง 20 เซนติเมตร แต่ละมุมจะมีคล้ายขายื่นออกมาแล้วแยกออกเป็นสายหนวด โดยแต่ละขาอาจมีหนวดยาวตั้งแต่ 1-15 เส้น แต่ละเส้นยาวได้ถึง 3 เมตร โดยจะมีเข็มพิษอยู่ในถุงพิษที่กระจายอยู่ทุกส่วนของแมงกะพรุนกล่อง โดยเฉพาะที่หนวด ผู้ที่ถูกแมงกะพรุนชนิดนี้ จะเจ็บปวดบริเวณที่ถูกสัมผัสอย่างรุนแรงทันทีทันใด เกิดรอยไหม้ที่ผิวหนัง หากได้รับพิษจำนวนมาก จะมีอาการสับสน หมดความรู้สึก โคม่า และเสียชีวิตซึ่งมักเกิดภายใน 10 นาที เนื่องจากพิษมีผลต่อหัวใจ ทำให้หัวใจหยุดเต้นและเสียชีวิตได้ภายใน 2-3 นาที มีพิษต่อระบบประสาท ทำให้กล้ามเนื้อหายใจเป็นอัมพาต และหยุดหายใจ และมีพิษต่อผิวหนัง” นพ.โสภณ กล่าว ขณะที่ วรรณเกียรติ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษประจำกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง บอกว่าสามารถพบเห็นแมงกะพรุนพิษได้ในชายฝั่งทะเลแทบทุกแห่ง ตั้งเเต่บริเวณน้ำตื้นจนถึงทะเลลึก โดยเฉพาะพื้นที่ที่เป็นเเนวปะทะของลมมรสุม ซึ่งพัดพาเหล่าเเมงกะพรุนเข้าหาฝั่ง เนื่องจากเป็นสัตว์ที่ลอยตามกระเเสน้ำ บางชนิดสามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยตัวเอง ส่วนเหตุผลที่พบการเเพร่กระจายบ่อยในช่วงฤดูฝนนั้นเป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์ น้ำฝนจะชะล้างอาหารธาตุต่างๆ เเละเหล่าสัตว์ขนาดเล็กลงมาสู่ทะเล จนเกิดกระบวนการสร้างอาหารที่เหมาะสมสำหรับการมีชีวิตอยู่ของเเมงกะพรุนนั่นเอง การเสียชีวิตของนักท่องเที่ยวจากแมงกะพรุนพิษครั้งนี้ ตอกย้ำให้เห็นว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องดำเนินการเชิงรุกมากกว่าตั้งรับแค่อย่างเดียวดังเช่นที่ผ่านมา ประชาชนที่สนใจทำความรู้จักกับแมงกะพรุนพิษชนิดต่างๆ และวิธีรักษาอาการบาดเจ็บเบื้องต้นจากพิษของแมงกะพรุน สามารถดาวโหลดคู่มือ"เรียนรู้ สู้ภัยแมงกะพรุนพิษ" ได้ฟรีที่นี่ http://dmcr2014.dmcr.go.th/detailLib...y4Ljo7o3Qo7o3Q ![]() .......... จาก โพสต์ทูเดย์ วันที่ 4 สิงหาคม 2558 http://www.posttoday.com/analysis/report/379991
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#6
|
||||
|
||||
|
ประชาชาติธุรกิจ
เผยแมงกะพรุนกล่องทำตายปีละ 12 ราย ชี้ชายฝั่งไทยพบน้อย ต้องจัดระบบเฝ้าระวัง ![]() เมื่อวันที่ 3 ส.ค. นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ในรอบ 15 ปีที่ผ่านมา พบนักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บจากแมงกะพรุนพิษขณะเล่นน้ำทะเล เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลจำนวนกว่า 900 ราย มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ในจำนวนนี้เสียชีวิต 12 ราย แม้จำนวนผู้เสียชีวิตจะมีไม่มาก แต่มีความเป็นห่วงประชาชนและนักท่องเที่ยวอาจได้รับบาดเจ็บได้ จึงมอบหมายให้สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกันรณรงค์ให้ความรู้ในการเฝ้าระวัง การวินิจฉัย และการรักษาผู้บาดเจ็บจากพิษแมงกะพรุน นพ.โสภณกล่าวต่อว่า ชายทะเลไทย ทั้งฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน พบทั้งแมงกะพรุนที่ไม่มีพิษหรือมีพิษน้อย เช่น แมงกะพรุนหนัง แมงกะพรุนลอดช่อง และแมงกะพรุนไฟที่ทำให้เกิดอาการปวดแสบปวดร้อนบริเวณที่ถูกสัมผัส ส่วนแมงกะพรุนที่มีพิษร้ายแรงได้แก่ แมงกะพรุนกล่องซึ่งมีหลายชนิด มีรูปร่างคล้ายกล่องสี่เหลี่ยมใส มีสีน้ำเงินจาง ๆ หรือไม่มีสี จึงสังเกตได้ยากเมื่ออยู่น้ำทะเล มีขนาดแตกต่างกัน อาจกว้างได้ถึง 20 เซนติเมตร แต่ละมุมจะมีคล้ายขายื่นออกมาแล้วแยกออกเป็นสายหนวด โดยแต่ละขาอาจมีหนวดยาวตั้งแต่ 1-15 เส้น แต่ละเส้นยาวได้ถึง 3 เมตร โดยจะมีเข็มพิษอยู่ในถุงพิษที่กระจายอยู่ทุกส่วนของแมงกะพรุนกล่อง โดยเฉพาะที่หนวด "ผู้ที่ถูกแมงกะพรุนชนิดนี้ จะเจ็บปวดบริเวณที่ถูกสัมผัสอย่างรุนแรงทันทีทันใด เกิดรอยไหม้ที่ผิวหนัง หากได้รับพิษจำนวนมาก จะมีอาการสับสน หมดความรู้สึก โคม่า และเสียชีวิตซึ่งมักเกิดภายใน 10 นาที เนื่องจากพิษมีผลต่อหัวใจ ทำให้หัวใจหยุดเต้นและเสียชีวิตได้ภายใน 2-3 นาที มีพิษต่อระบบประสาท ทำให้กล้ามเนื้อหายใจเป็นอัมพาต และหยุดหายใจ และมีพิษต่อผิวหนัง" นพ.โสภณกล่าว อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่า ขณะนี้สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้ร่วมมือในการศึกษาการแพร่กระจาย และเฝ้าระวังการระบาดของแมงกะพรุนพิษ รวมถึงการให้ความรู้เพิ่มเติมกับแพทย์ฉุกเฉินและนักชีววิทยาด้วย และจัดระบบเฝ้าระวังติดตามพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทย ขอความร่วมมือจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและผู้ประกอบการเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ติดตั้งจุดวางน้ำส้มสายชู และกล่องปฐมพยาบาลบริเวณริมหาด เพื่อใช้ยับยั้งพิษของแมงกะพรุน และติดตั้งตาข่ายกันแมงกะพรุนในบางพื้นที่ขณะนี้ได้จัดตั้งจุดปฐมพยาบาลแมง กะพรุนพิษ ประมาณ 67 จุด ใน 9 จังหวัด เช่น ระนอง ตราด ระยอง พังงา ตรัง ภูเก็ต กระบี่ สตูล และจันทบุรี "ในการป้องกันแมงกะพรุนพิษ ขอให้ประชาชนสวมเสื้อผ้าที่มิดชิด เช่น แขนยาว ขายาวแนบตัวขณะลงเล่นน้ำทะเล ไม่ควรเล่นน้ำนอกตาข่ายในทะเล หากสัมผัสแมงกะพรุนพิษ ให้รีบขึ้นจากน้ำ แล้วใช้ส้มสายชู ราดให้ทั่วบริเวณที่สัมผัสเป็นเวลาอย่างน้อย 30 วินาที ฤทธิ์ของน้ำส้มสายชูจะทำลายพิษจากถุงพิษที่ยังไม่ออกฤทธิ์ หากหาน้ำส้มสายชูไม่ได้ อาจใช้น้ำอัดลมแทนได้ แต่ประสิทธิภาพจะไม่ดีเท่ากับน้ำส้มสายชู ห้ามขัดถู บริเวณที่ถูกแมงกะพรุนโดยเด็ดขาด และโทรเรียกรถพยาบาล ไม่ควรให้ผู้ป่วยขยับตัว เพื่อป้องกันการกระทบแผล" นพ.โสภณกล่าว .......... จาก ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 4 สิงหาคม 2558 http://www.prachachat.net/news_detai...sid=1438595527
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#7
|
||||
|
||||
|
ไทยรัฐ
ดร.ธรณ์ โพสต์เฟซฯ ปัญหาแมงกะพรุนกล่อง เกิดจากฝีมือมนุษย์ ![]() ดร.ธรณ์ นักวิชาการด้านทะเลชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊กอ้าง ปัญหาแมงกะพรุนกล่อง เกิดจากมนุษย์ทำร้ายธรรมชาติ แล้วย้อนมาทำร้ายตัวเอง ชี้ต้องเร่งแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ... สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 1 ส.ค. ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวสาวชาวไทย ถูกพิษแมงกะพรุนกล่องจนเสียชีวิต ที่หาดริ้น เกาะพะงัน จังหวัดสุราษฏร์ธานี ทำให้หลายฝ่ายตื่นตระหนกถึงปัญหาดังกล่าว รวมถึงช่วยกันแชร์ขั้นตอนการปฐมพยาบาลผู้ได้รับพิษ และวิธีจำแนกประเภทแมงกะพรุน ![]() ล่าสุด ดร.ธรณ์ ธํารงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการทางทะเล และสมาชิก สปช. ได้โพสต์เฟซบุ๊กอ้างว่า ปัญหาแมงกะพรุนนั้น มีต้นเหตุมาจากมนุษย์ที่ทำให้ธรรมชาติเสียสมดุล เนื่องจากเต่าทะเลที่กินแมงกะพรุนนั้น เริ่มมีจำนวนน้อยลง บางส่วนตายเพราะกินถุงพลาสติกที่มนุษย์ทิ้งลงทะเล รวมทั้งปัญหาการประมง พื้นที่วางไข่ และปัญหาโลกร้อน เมื่อไม่มีเต่า จึงทำให้แมงกะพรุนมีจำนวนเพิ่มขึ้น นับเป็นอีกหนึ่งบทเรียนของการทำร้ายธรรมชาติแล้วย้อนมาทำร้ายตัวเอง ส่วนวิธีแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุนั้น ดร.ธรณ์ ระบุว่าต้องทำให้เต่าทะเลมีมากขึ้น และมุ่งเน้นจัดการปัญหาโลกร้อน ขยะในทะเล รวมถึงปัญหาน้ำเสียอย่างจริงจัง ![]() http://www.thairath.co.th/content/516642
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
|
|