เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรรพชีวิตแห่งท้องทะเล

 
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
Prev คำตอบที่แล้วมา   คำตอบถัดไป Next
  #14  
เก่า 20-08-2015
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


SuperSci: 10 ข้อควรรู้เกี่ยวกับ “แมงกะพรุน”


ดร.ศุภณัฐ ไพโรหกุล ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

SuperSci สัปดาห์นี้พาทุกคนดำดิ่งลงไปรู้จักกับสัตว์โลกดึกดำบรรพ์อย่าง “แมงกะพรุน” กับผู้เชี่ยวชาญด้เนวิทยาศาสตร์ทางทะเลอย่าง นายวุฒิชัย เจนการ รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และ ดร.ศุภณัฐ ไพโรหกุล อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่จะมาบอกเล่าเรื่องราวของแมงกะพรุนให้ทุกคนได้ทราบกันแบบละเอียดทุกซอกทุกมุม


1.แมงกะพรุนคืออะไร ?

นายวุฒิชัย เจนการ รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า แมงกะพรุน (jellyfish) คือสัตว์รูปร่างคล้ายวุ้น มีทั้งที่อาศัยอยู่ในน้ำจืดและน้ำเค็ม มีลักษณะเด่นตรงส่วนที่มีลักษณะคล้ายร่มและหนวด โดยหนวดส่วนใหญ่มักมีเข็มพิษ (nematocyst) ที่ถ้าหากไปสัมผัสจะทำให้แสบคันปวดแสบปวดร้อน นักวิทยาศาสตร์ได้แยกแมงกะพรุนแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม

กลุ่มแรกคือ ไซโฟซัว (spyphozoa) ที่จะแบ่งออกได้เป็นกลุ่มย่อย 2 กลุ่ม คือ แมงกะพรุนที่ใช้กิน เช่น แมงกะพรุนหนัง, แมงกะพรุนลอดช่อง ส่วนอีกกลุ่มคือ แมงกะพรุนไฟ ที่มีหนวดยาว มีพิษร้ายแรง

กลุ่มต่อมา คือ ไฮโดรซัว (hydrozoa) ตัวเด่นๆ คือ โปรตุกีสแมนออฟวอร์ (Portuguese man of war: Blue bottle) แมงกะพรุนพิษแรงที่มักลอยตามผิวน้ำ และแว่นพระอินทร์ แมงกะพรุนตัวกลมหลากสีสันสวยงามทั้งม่วงและน้ำเงิน

กลุ่มสุดท้ายคือ คิวโบซัว (Cubozoa) ที่จะแบ่งออกเป็นอีก 2 กลุ่มย่อย คือ คิวโบซัวชนิดมุมตัวด้านหนึ่งมีหนวดหลายเส้น อาทิ แมงกะพรุนกล่อง (box jellyfish) ที่จะให้พิษเร็ว อาจทำให้เหยื่อตายได้ภายใน 2-10 นาทีเพราะพิษจะเข้าสู่ระบบไหลเวียนโลหิตทำให้เม็ดเลือดแดงแตกตัว และคิวโบซัวชนิดมุมตัวมีหนวดเส้นเดียว อาทิ แมงกะพรุนอิรุคันจิ (Irukandji) แมงกะพรุนมีพิษร้ายแรงเทียบเท่าแมงกะพรุนกล่อง ต่างที่พิษจะออกฤทธิ์ก็ต่อเมื่อสัมผัสแล้ว 20 นาที


Credit Photo : กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง


2.แมงกะพรุนยิงพิษเข้าสู่เหยื่อได้อย่างไร ?

รองอธิบดีฯ ระบุว่า แมงกะพรุนแทบทุกตัวมีพิษ และมีพิษทั้งตัว จะมากที่สุดบริเวณหนวด ส่วนที่หัวร่มก็มีแต่น้อย พิษจะแรงหรือไม่แรงขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ โดยบางสายพันธุ์ที่มีพิษมากในพื้นที่ 1 ตารางนิ้วของหนวดอาจมีเข็มพิษได้มากกว่า 1 ล้านอันซึ่งมีขนาดเล็กมากจนตาเปล่ามองไม่เห็น โดยมีกลไกการแทงเข็มพิษ ที่เรียกว่า นีมาโทซิส (nematocyst )เหมือนกับ “ไกปืน” ที่เป็นหัวรับสัมผัสยื่นออกมา จากเซลล์ที่เรียกว่า “ไนโดไซต์” (cnidocyte) หากเหยื่อไปสัมผัสหรือสะกิดแมงกระพรุนเพียงเล็กน้อย เข็มก็จะถูกยิงออกมา


3.แมงกะพรุนทุกชนิดมีพิษถึงตายหรือไม่

ดร.ศุภณัฐ ตอบคำถามนี้ทันทีว่า “ไม่จริง” แม้แมงกะพรุนทุกตัวจะมีพิษทำให้ปวดแสบ ปวดร้อนหรือคันแต่ก็ไม่ทำให้ถึงตาย มีแมงกะพรุนเพียงแค่ 2 ชนิดเท่านั้นที่พิษรุนแรงทำให้ถึงตายได้ คือ แมงกะพรุนกล่อง และแมงกะพรุนอิรุคันจิ ซึ่งแมงกะพรุนกล่องนี่เองที่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากในไทยเพราะพบได้ง่ายในแถบอ่าวไทย ในขณะที่อิรุคันจิจะพบได้ยากกว่ามาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ที่แต่ละบุคคลด้วย หากคนไหนมีอาการแพ้มากก็อาจเสียชีวิตได้เช่นกัน แม้จะไม่ใช่พิษจากแมงกะพรุน 2 ชนิดแรก

นายวุฒิชัยได้เผยสถิติผู้เสียชีวิตจากพิษแมงกะพรุนที่ได้จากการรวบรวมข้อมูลจากจากโรงพยาบาลต่างๆ ในเขตชายฝั่งทะเลตั้งแต่ปี 2542 จนถึงปัจจุบันว่า ขณะนี้มียอดผู้เสียชีวิตแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ราย โดยเกาะพะงัน จ.พังงา เป็นพื้นที่ที่มีผู้เสียชีวิตจากแมงกะพรุนกล่องมากเป็นอันดับหนึ่ง คือ มากถึง 4 ราย ตามมาด้วยทะเลเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และทะเล จ.กระบี่ ซึ่งเหตุสลดที่เกิดล้วนเกิดขึ้นในหน้าฝนตั้งแต่เดือน เม.ย.-ต.ค.


Credit Photo : กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง


4.แมงกะพรุนกินได้ไหม?

“ผมเชื่อว่าคุณเคยกินแมงกะพรุนในเย็นตาโฟ เพราะฉะนั้นแน่นอนว่ามันกินได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะกินแมงกะพรุนได้ทุกชนิด” ดร.ศุภณัฐกล่าว พร้อมอธิบายต่อว่า แมงกะพรุนที่นิยมกินเป็นอาหาร มีชื่อว่า แมงกะพรุนลอดช่อง เป็นแมงกะพรุนขนาดกลางมีพิษอ่อน หาได้ง่ายทั่วไปตามแนวชายฝั่งท้องทะเลปกติ

นายวุฒิชัยเพิ่มเติมว่าในช่วงหน้ามรสุมฝั่งอ่าวไทยบริเวณ จ.สุราษฎร์ธานีจะพบแมงกะพรุนลอดช่องจำนวนมากจนเกิดเป็นการประมงแมงกะพรุนสำหรับการส่งออกไปยังประเทศจีนเพื่อทำอาหาร และส่งออกไปยังสหรัฐฯ เพื่อใช้ผลิตเป็นอาหารเสริมคอลลาเจนที่หญิงสาวนิยมรับประมานเพื่อความสวยความงาม ซึ่งน้อยคนนักที่จะรู้ว่าไทยเป็นผู้ส่งออกแมงกะพรุนมากเป็นอันดับ 7 ของโลก


5.แมงกะพรุนที่มีข่าวว่าพบเยอะทุกปี คืออะไร

ในแต่ละปีในช่วงปลายฤดูร้อน ต้นฤดูฝนจะเป็นช่วงที่พบแมงกะพรุนมากที่สุด นับหมื่นหรือแสนตัวลอยอยู่ที่ระดับผิวน้ำ เช่นปีนี้ที่เกิดขึ้นใน จ.ตราด นักวิทยาศาสตร์เรียกปรากฏการณ์แบบนี้ว่า แมงกะพรุนบลูม (bloom) ที่แปลว่ามีมาก โดยสกุลที่พบบ่อยที่สุดคือ Catostylus sp. ส่วนสาเหตุการเกิดยังไม่มีคนทราบว่าเกิดเพราะอะไร แต่น่าจะเป็นเพราะช่วงนั้นปริมาณอาหารในท้องทะเลมีมาก แมงกะพรุนจึงเพิ่มขึ้นตามกลไกธรรมชาติ

สำหรับประเทศไทยพบแมงกะพรุนได้ทั้งทางฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน โดยฝั่งอ่าวไทยจะพบแมงกะพรุนมากในช่วงเดือน ก.ค. ถึง ก.ย.และในฝั่งอันดามันจะมาในช่วงรอยต่อฤดูร้อนและฤดูฝนคือในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. หรือบางปีอาจยาวไปจนถึง พ.ย. เลยก็มี


6.แมงกะพรุนที่ตัวใหญ่ที่สุด ในโลกใหญ่ขนาดไหน?

จากการค้นพบที่มีการบันทึกไว้ แมงกะพรุนที่มีขนาดใหญ่ที่สุด คือ แมงกะพรุนไลออนเมน หรือ ไซยาเนีย (Cyanea) ที่มีความยาวส่วนหัวมากถึง 40 เมตร และหนวดยาวได้ถึง 37 เมตร


7.แมงกะพรุนที่ตัวเล็กที่สุด

คือ แมงกะพรุนอิรุคันจิ (irukandji) มีขนาดประมาณ 5 มิลลิเมตรหรือเล็กเพียงเมล็ดถั่วเท่านั้น ในขณะที่ความเป็นพิษอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลกเพราะพิษของมันทำให้ถึงตายได้


Credit Photo : กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง


8. แมงกะพรุนตัวที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก

แมงกะพรุนที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก เป็นแมงกะพรุนขนาดกลางขนาดประมาณฝ่ามือ ที่ ดร.ศุภณัฐ เผยว่าเป็นแมงกะพรุนกล่อง สายพันธุ์ไคโรเนกซ์ เฟลกเคอไร (Chironex fleckeri) ซึ่งถูกบันทึกให้เป็นสัตว์ใน 10 อันดับที่มีพิษร้ายที่สุดในโลก เพราะถ้าหากไปสัมผัสจะทำให้เหยื่อตายแน่นอนภายใน 10-15 นาที โดยผู้ที่โดนจะมีอาการจุกเสียด หายใจติดขัด จนเสียชีวิตในที่สุด เพราะน้ำพิษของแมงกะพรุนมีฤทธิ์ทำลายเม็ดเลือดแดงที่มีประสิทธิภาพสูง


9.ถ้าเจอแมงกะพรุนควรทำอย่างไร?

นายวุฒิชัย กล่าวว่า ทางที่ดีที่สุดคือ ตั้งสติแล้วขึ้นจากน้ำให้พ้นบริเวณ เพราะถึงแม้แมงกะพรุนจะตายแล้ว แต่หนวดของแมงกะพรุนยังปล่อยพิษได้อยู่ได้อีกนานประมาณ 6-10 ชั่วโมง และแนะนำให้แต่งกายแบบระมัดระวัง เช่น ชุดดำน้ำแขนยาวขายาวในช่วงแมงกะพรุนบลูม เพราะเข็มพิษของแมงกะพรุนในความจริงมีขนาดเล็กมากระดับมิลลิเมตร แค่เพียงถุงน่องบางๆ ก็ไม่สามารถยิงผ่านได้ และข้อสำคัญคือไม่ควรใช้มือเปล่าสัมผัสแมงกะพรุนเด็ดขาดเพราะแม้แต่ส่วนหัวที่ดูเรียบเกลี้ยงเกลาก็มีเข็มพิษซ่อนอยู่


10.ถ้าโดนแมงกะพรุนจะต้องปฐมพยาบาลเบื้องต้นอย่างไร?

ดร.ศุภณัฐ เผยว่าวิธีมาตรฐานคือราดบริเวณที่สัมผัสด้วยน้ำส้มสายชู หรือใช้น้ำทะเลราด ห้ามใช้น้ำเปล่าล้างเด็ดขาด เพราะน้ำเปล่า จะกระตุ้นให้เข็มพิษแทงออกมามากขึ้น ซึ่งนายวุฒิชัยอธิบายว่า น้ำส้มสายชูจะเข้าไประงับให้เข็มพิษส่วนที่ยังไม่ทำงานให้ไม่ทำงาน ไม่ได้ทำให้เข็มพิษหลุดหรือสลายไปอย่างที่คนส่วนมากเข้าใจ ดังนั้นเมื่อปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้วจึงควรรีบนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลทันที แต่ทั้งนี้ นายวุฒิชัยยังระบุด้วยว่า การใช้น้ำส้มสายชูจะให้ผลการรักษาดีเฉพาะกับพิษแมงกะพรุนประเภท ไซโฟซัว และ คิวโบซัวเท่านั้น แต่สำหรับแมงกะพรุนกลุ่มไฮโดรซัวโดยเฉพาะโปรตุกีสแมนออฟวอร์ การราดน้ำส้มสายชูจะยิ่งกระตุ้นให้เข็มพิษทำงานได้ดีขึ้น ทางที่ดีจึงควรรู้จักแมงกะพรุนเบื้องต้นและสังเกตป้ายเตือนสถานการณ์แมงกะพรุนบริเวณชายหาดก่อนลงเล่นน้ำ

นอกจากนี้นายวุฒิชัยบอกวิธีสังเกตแมงกะพรุนง่ายๆ ว่าตัวที่มีพิษร้ายมักมีหนวดยาวรุ่มร่าม แต่ก็ไม่เสมอไปทางที่ดีอย่าเล่นน้ำทะเลบริเวณที่เป็นฟองคลื่นเพราะจะมีโอกาสพบกับแมงกะพรุนและงูทะเลได้มากกว่าบริเวณอื่น

ทั้งนี้ นายวุฒิชัย ยังคาดการณ์ด้วยว่าขณะนี้ปริมาณของแมงกะพรุนในทะเลไทยกำลังเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะแมงกะพรุนกล่องที่ได้รับการแจ้งเตือนว่าพบบ่อยครั้งจนต้องมีหน่วยงานออกจัดเก็บเพื่อระวังความปลอดภัยให้ประชาชน ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องของระบบนิเวศและห่วงโซ่อาหารที่เปลี่ยนไปจากเดิม

“เพราะในธรรมชาติแมงกะพรุนเป็นอาหารของเต่าทะเล ซึ่งขณะนี้เหลืออยู่น้อยมาก เพราะหญ้าทะเลซึ่งเป็นทั้งอาหารและที่อยู่ของมันลดลง เมื่อผู้บริโภคมีน้อยปริมาณแมงกะพรุนจึงมีมากเกินปกติ จนท้ายที่สุดมนุษย์เองก็กลายเป็นผู้รับเคราะห์ การรักษาระบบนิเวศ อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจึงเป็นหนทางที่ประชาชนทุกคนควรจะช่วยกัน และขณะนี้ในส่วนของ ทช.เองที่ดูแลเกี่ยวกับองค์ความรู้ทั้งหมดในทะเล ก็ได้ร่วมมือกับสำนักระบาดวิทยาเพื่อศึกษาพิษและข้อมูลทางชีววิทยาของแมงกะพรุนในท้องทะเลไทยให้มากขึ้น รวมไปถึงแนวทางในการนำแมงกะพรุนไปใช้ประโยชน์ในกรณีที่มีการบลูมมากเกินไปด้วย” นายวุฒิชัย กล่าวทิ้งท้าย


...... .......... จาก ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 20 สิงหาคม 2558 http://www.manager.co.th/Science/Vie...=9580000092775
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
 


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:53


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger