![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS
"ธรณ์" ยกปีนี้ปีทองทะเลไทย แทบไม่พบปะการังฟอกขาว นักวิชาการทางทะเล ยกปีนี้ปีทองทะเลไทย ระบุคนหยุดทำให้ทะเลสงบ ฝั่งอันดามันน้ำไม่ค่อยร้อนฝนมาเร็วปะการังแสดงอาการฟอกขาวน้อย แนะใช้โอกาสนี้ฟื้นฟูทะเลหลังเจอปัญหามาตลอดหลายปี ![]() วันนี้ 4 พ.ค.2563 ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และนักวิชาการทางทะเล โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า แทบทุกปีในช่วงนี้เป็นเวลาที่เราอาจพบปะการังฟอกขาวแต่ปีนี้เป็นปีทองทะเลไทย นอกจากคนหยุดทำให้ทะเลสงบ ปะการังเกือบทั้งหมดยังดูดีไม่มีอาการ ผมตามเรื่องนี้มาตั้งแต่ปลายมีนาคม เมื่อเริ่มมีการแจ้งเตือนจากออสเตรเลียว่าปะการังชายฝั่ง Great Barrier Reef เริ่มแสดงอาการฟอกขาว มาถึงเดือนเมษายน หลายที่ฟอกขาวโดยเฉพาะเกาะแถว Townsville ที่คุ้นเคยสมัยเรียนอยู่ที่นั่น เคราะห์ดีที่ปลายเมษายน บางส่วนที่ฟอกเริ่มมีสีกลับคืนมา ลักษณะนี้คล้ายปะการังไทยเมื่อ 3-4 ปีก่อน นั่นคือฟอกขาวแต่ไม่ตายและฟื้นได้ ออสเตรเลียเจอปะการังฟอกขาวอย่างหนักในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา เชื่อว่าพวกที่เหลืออยู่ในคงพอทนต่อน้ำร้อนและฟื้นตัวได้ระดับหนึ่ง ในเมืองไทยบางปีช่วงเมษายนต้นพฤษภาคม น้ำร้อนเกิน 30.5 องศาและแช่อยู่นาน บางปีขึ้นไปถึง 32-33 องศาด้วยซ้ำ "แต่ปีนี้ในฝั่งอันดามันน้ำไม่ค่อยร้อน ฝนยังมาเร็วปะการังแสดงอาการฟอกขาวน้อยมากจะมีบ้างก็หมู่เกาะริมฝั่ง เช่น ตรัง และเป็นบางก้อนเท่านั้น ปะการังที่ออกอาการก็ดูไม่ขาวมาก แค่ซีด เชื่อว่าคงฟื้นได้" ![]() ในฝั่งอ่าวไทยน้ำร้อนกว่าอันดามันแต่ดูแล้วยังไม่น่าเป็นห่วงมาก มีรายงานสีซีดแถวเกาะเต่า แต่ก็ไม่เท่าไหร่ ฝนมาเร็ว เมฆมากฟ้าครึ้ม ลดแสงแดดลดอุณหภูมิของน้ำ จะเป็นปัจจัยสำคัญช่วยปะการังได้ "นี่เป็นข่าวดีมากและเชื่อว่า 2 ปัจจัย ทั้งทะเลไร้คนและปะการังไม่ฟอกขาว จะถือเป็นช่วงฟื้นตัวที่สำคัญยิ่งของทะเลบ้านเรา หลังจากโดนโน่นนี่แทบไม่หยุดมาตลอดหลายปี" ตอนนี้ก็อยู่ที่ว่า เราจะอาศัยโอกาสนี้ในการทำเรื่องดี ๆ ให้เกิดขึ้นมาในอนาคตได้ไหม โลกให้โอกาสเราฟื้นฟูทะเลแล้วหากไม่ใช้จังหวะนี้ให้เป็นประโยชน์ก็ไม่รู้จะมีโอกาสอีกเมื่อไหร่ ขอบคุณทุกหน่วยงานและทุกพี่น้องผู้ประกอบการคนในพื้นที่ผู้ช่วยกันสำรวจและรายงาน โดยเฉพาะที่เกาะเต่า เข้มแข็งกันดีมาก https://news.thaipbs.or.th/content/292057
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก BBCThai
พบไมโครพลาสติกปริมาณหนาแน่นสูงสุดที่ก้นทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ![]() กระเบนราหูแหวกว่ายในทะเลที่มีขยะพลาสติกลอยฟ่อง คณะนักวิทยาศาสตร์นานาชาติ ซึ่งนำโดยทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ของสหราชอาณาจักร รายงานว่าพบชิ้นส่วนไมโครพลาสติกในปริมาณที่มีความหนาแน่นสูงสุดเท่าที่เคยพบมา ในดินตะกอนก้นทะเลเมดิเตอร์เรเนียนบริเวณนอกชายฝั่งของประเทศอิตาลี ชิ้นส่วนไมโครพลาสติกซึ่งมีขนาดเล็กกว่า 1 มิลลิเมตรที่พบในครั้งนี้ มีจำนวนมากถึง 1.9 ล้านชิ้นต่อพื้นที่ก้นสมุทร 1 ตารางเมตร ส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยเส้นใยจากเสื้อผ้าและเศษใยสังเคราะห์จากสิ่งทอประเภทอื่น ๆ รวมทั้งชิ้นส่วนพลาสติกขนาดจิ๋วที่แตกตัวมาจากขยะพลาสติกชิ้นใหญ่ตามกาลเวลา จุดที่พบไมโครพลาสติกสะสมตัวในปริมาณหนาแน่นสูงสุดนั้น คือบริเวณแอ่งใต้ทะเล Tyrrhenian ซึ่งอยู่ระหว่างแผ่นดินใหญ่ของประเทศอิตาลี เกาะคอร์ซิกา และเกาะหลักของแคว้นปกครองตนเองซาร์ดีเนีย ทำให้นักวิทยาศาสตร์มีความกังวลว่ากระแสน้ำก้นสมุทรที่พัดพาเอาออกซิเจนและสารอาหารต่าง ๆ ไปหล่อเลี้ยงบรรดาสัตว์ใต้ทะเลลึก จะถูกไมโครพลาสติกปนเปื้อนในปริมาณสูงไปด้วย ![]() แผนภาพแสดงกระบวนการที่ไมโครพลาสติกเคลื่อนจากแหล่งกำเนิดบนพื้นดินและผิวน้ำลงสู่ก้นมหาสมุทร Image copyrightSOURCE: I.KANE/UNI OF MANCHESTER ดร. เอียน เคน หนึ่งในผู้นำทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์บอกว่า ไมโครพลาสติกมักสะสมตัวหนาแน่นที่จุดใดจุดหนึ่งของพื้นมหาสมุทร เนื่องจากกระแสน้ำทรงพลังที่ก้นทะเลทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า "กองตะกอนพัดพา" (drift deposit) ซึ่งคล้ายกับเนินทรายใต้น้ำ "กองตะกอนพวกนี้อาจรวมตัวเป็นแนวยาวได้หลายสิบกิโลเมตร และอาจหนาถึงหลายร้อยเมตร เป็นตะกอนที่สะสมตัวได้มากที่สุดประเภทหนึ่งบนโลกโดยมีตะกอนละเอียดเป็นองค์ประกอบส่วนใหญ่ เราจึงคาดเดาได้ไม่ยากว่าจะพบชิ้นส่วนไมโครพลาสติกปะปนอยู่ในตะกอนชนิดนี้ด้วย" ดร. เคนกล่าว ![]() ไมโครพลาสติกจำนวนมากได้แก่เส้นใยจากเสื้อผ้าและเศษใยสังเคราะห์จากสิ่งทออื่น ๆ ทีมผู้วิจัยยังทดลองใช้แท็งก์น้ำขนาดใหญ่ จำลองกระบวนการที่ทราย โคลน และตะกอนต่าง ๆ ในหุบเหวและร่องลึกก้นสมุทร สามารถไหลไปอย่างทรงพลังได้เหมือนกับเหตุการณ์หิมะถล่ม ซึ่งการทดลองนี้ทำให้ทราบว่า กระบวนการดังกล่าวช่วยพัดพาเอาไมโครพลาสติกจากผิวน้ำให้จมลึกลงไปได้อีก และสามารถกระจายตัวออกไปได้ไกลถึงหลายร้อยกิโลเมตรที่ก้นทะเล งานวิจัยก่อนหน้านี้ประมาณการว่า ขยะพลาสติกราว 4 ล้านตัน - 12 ล้านตันที่แม่น้ำสายต่าง ๆ พัดพามาได้ไหลลงสู่มหาสมุทรในทุกปี โดยผู้คนมักให้ความสนใจกับแพขยะขนาดยักษ์กลางมหาสมุทรหรือตามแนวชายฝั่งที่สะดุดตา ซึ่งเป็นเพียง 1% ของขยะพลาสติกในทะเลทั้งหมดเท่านั้น ส่วนที่เหลืออีก 99% ซึ่งหายไปไม่พบร่องรอย นักวิทยาศาสตร์คาดว่าได้สลายตัวกลายเป็นไมโครพลาสติกชิ้นเล็กจิ๋วที่จมลงสู่ก้นสมุทรในปริมาณมหาศาล https://www.bbc.com/thai/international-52527035
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
|
|