![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก PPTV
ยูเอ็นห่วงทั่วโลกจับปลามากเกินไป สหประชาชาติแสดงความเป็นหว่งว่าการจับปลาทั่วโลกยังคงมีปริมาณมากเกินไปกว่า 30 เปอร์เซนต์ โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนาที่มาตรการควบคุมอุตสาหกรรมประมงมีความเข้มงวดน้อย ![]() รายงานที่จัดทำขึ้นทุกๆ 2 ปี ขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือ FAO ระบุว่าการแก้ปัญหาการจับปลามากเกินไปจำเป็นต้องใช้หลายมาตรการ รวมถึงความมุ่งมั่นที่เพิ่มขึ้นจากฝ่ายการเมือง และการปรับปรุงวิธีดูแลติดตาม เนื่องจากพบว่าปลามีปริมาณลดลงในพื้นที่ที่ขาดมาตรการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งแม้ว่าประเทศพัฒนาแล้วได้ปรับปรุงวิธีกำกับดูแลอุตสาหกรรรมประมง แต่ประเทศกำลังพัฒนากลับมีสถานการณ์ที่แย่ลง โดยในปี 2017 พบว่าทั่วโลกจับปลามากเกินไป 34.2 เปอร์เซนต์ นับเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นที่ต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 1974 ที่อัตราการจับปลามากเกินไปอยู่ที่ 10 เปอร์เซนต์ โดย FAO ระบุว่าประเทศกำลังพัฒนาหลายชาติมีมาตรการควบคุมการจับปลาที่ไม่เข้มข้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะข้อจำกัดในการบริหารจัดการและความสามารถของรัฐบาล โดยเฉพาะในพื้นที่ประชาชนยากจน ขาดแคนอาหารและเกิดการสู้รบ ซึ่งทำให้การจับปลาอย่างยั่งยืนเป็นเรื่องยากอย่างมาก นอกจากนี้ในปี 2018 ปริมาณการบริโภคปลาทั่วโลกเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 20.5 กิโลกกรัมต่อคน สูงสุดเป็นสถิติใหม่ และเป็นอัตราเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3.1 เปอร์เซนต์ ต่อปี นับตั้งแต่ปี 1691 ถือเป็นการเพิ่มขึ้นที่รวดเร็วกว่าเนื้อสัตว์ประเภทอื่นๆ https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8...0%B8%99/126941
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก BBCThai
น้ำมันรั่วที่รัสเซีย ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่สร้างหายนะทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและการเมือง ![]() น้ำมันดีเซลที่รั่วไหลออกมาทำให้แม่น้ำที่อยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุกลายเป็นสีแดง Image copyright AFP เหตุการณ์น้ำมันรั่วสู่แม่น้ำครั้งใหญ่ในเขตขั้วโลกเหนือส่วนที่เป็นของรัสเซีย กลายเป็นภัยพิบัติที่กำลังสร้างความหายนะด้านสิ่งแวดล้อมที่รุนแรงเป็นประวัติการณ์ รวมทั้งยังสร้างความสั่นสะเทือนต่อฐานอำนาจของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียด้วย ประธานาธิบดีปูติน ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสิ่งแวดล้อม หลังจากน้ำมันดีเซลปริมาณ 20,000 ตัน รั่วไหลจากถังเก็บเชื้อเพลิงของโรงงานไฟฟ้าลงสู่แม่น้ำที่เมืองนอริลสก์ ในเขตวงกลมอาร์กติก (Arctic Circle) เมื่อปลายเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา หายนะทางสิ่งแวดล้อม ![]() ถังเชื้อเพลิงที่ถล่มลงมาอาจเป็นผลมาจากการที่เสารองรับโครงสร้างถังทรุดตัวลง เนื่องจากโรงงานสร้างอยู่บน "ชั้นดินเยือกแข็งคงตัว" ที่อาจจะยุบตัวลงจากน้ำแข็งที่ละลายเพราะปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ Image copyright AFP น้ำมันที่รั่วไหลออกมา ได้ไหลเข้าปนเปื้อนแม่น้ำหลายสายในท้องถิ่น รวมทั้งไหลซึมสู่พื้นดิน เจ้าหน้าที่รัสเซีย รวมทั้งบรรดาหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศต่างระบุว่า เหตุการณ์นี้จะส่งผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมยาวนานหลายสิบปี และเกรงว่าน้ำมันจะรั่วไหลไปถึงมหาสมุทรอาร์กติกในแถบขั้วโลกเหนือด้วย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยถังเก็บเชื้อเพลิงขนาดใหญ่ของโรงงานไฟฟ้าในเครือบริษัทนอริลสก์ นิกเกิล (Norilsk Nickel) หนึ่งในผู้ผลิตนิกเกิลและพาลาเดียมรายใหญ่ของโลก ใกล้กับเมืองนอริลสก์ ในเขตไซบีเรีย ได้ถล่มลง ดูเหมือนว่าถังเชื้อเพลิงที่ถล่มลงมาจะเป็นผลมาจากการที่เสารองรับโครงสร้างถังได้ทรุดตัวลง เนื่องจากโรงงานสร้างอยู่บน "ชั้นดินเยือกแข็งคงตัว" ที่เรียกว่า เพอร์มาฟรอสต์ (permafrost) ที่อาจจะยุบตัวลงจากน้ำแข็งที่ละลายอันเป็นผลมาจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รองประธานบริษัทนอริลสก์ นิกเกิล ระบุว่า เสารองรับโครงสร้างดังกล่าวใช้งานได้ดีมา 30 ปี และไม่มีสัญญาณว่าจะเสื่อมสภาพ โดยที่ผ่านมาบริษัทได้ทำการบำรุงรักษาอย่างดีที่สุด แต่ชี้ว่า "อุณหภูมิที่อุ่นขึ้นผิดปกติ" อาจเป็นสาเหตุการถล่มครั้งนี้ แม่น้ำเปลี่ยนเป็นสีแดง ![]() กรีนพีซ ชี้ว่า น้ำมันดีเซลมีความเป็นพิษมากกว่าน้ำมันดิบ และยังมีส่วนผสมของสารเคมีที่ทุ่นลอยดักจับน้ำมันไม่สามารถดักจับได้ Image copyright EPA สื่อทางการรัสเซียรายงานว่า น้ำมันดีเซลที่รั่วไหลออกมาลอยไปไกล 12 กม. ส่งผลให้แม่น้ำกลายเป็นสีแดงเข้ม การปนเปื้อนดังกล่าวครอบคลุมพื้นที่ราว 350 ตร.กม. นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ บริษัทนอริลสก์ นิกเกิล เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลลงสู่แหล่งน้ำ เพราะเมื่อปี 2016 บริษัทยอมรับว่าเกิดเหตุการณ์ลักษณะคล้ายกันที่โรงงานแห่งหนึ่งของบริษัท ส่งผลให้แม่น้ำที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุสายหนึ่งกลายเป็นสีแดงมาแล้ว (มีต่อ)
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#3
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก BBCThai
น้ำมันรั่วที่รัสเซีย ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่สร้างหายนะทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและการเมือง ........ ต่อ ![]() ภาพถ่ายจากองค์การอวกาศยุโรป เผยให้เห็นน้ำมันดีเซลสีแดงที่ไหลลงสู่แม่น้ำ Image copyright EUROPEAN SPACE AGENCY ปัญหาน้ำมันรั่วไหลมักสร้างความเสียหายใหญ่หลวงต่อสิ่งแวดล้อม เพราะน้ำมันที่รั่วออกมานั้นจะก่อให้เกิดอันตรายต่อสัตว์ที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติได้นานหลายปี อีกทั้งยังทำความสะอาดและขจัดออกไปได้ยากมากด้วย ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า กระบวนการทำความสะอาดน้ำมันที่รั่วไหลออกมานั้นอาจสร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมได้มากพอ ๆ กับความเสียหายที่เกิดจากน้ำมันที่รั่วไหลออกมาในตอนแรก การประกาศภาวะฉุกเฉินของผู้นำรัสเซีย จะทำให้ทางการส่งกองกำลังพิเศษเข้าไปปฏิบัติภารกิจทำความสะอาดในพื้นที่ได้ ![]() มีการใช้ทุ่นดักจับน้ำมันที่ไหลไปตามแม่น้ำ แต่องค์กรด้านสิ่งแวดล้อมชี้ว่า การทำความสะอาดอาจต้องใช้เวลานานกว่า 10 ปี และระบบนิเวศอาจเสียหายจนไม่สามารถฟื้นกลับคืนสู่สภาพเดิมได้อีก Image copyright EPA อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย นายอเล็กเซ คนิซนิคอฟ ผู้เชี่ยวชาญจากกองทุนสัตว์ป่าโลก ชี้ว่า เหตุการณ์นี้นับเป็นเหตุน้ำมันรั่วไหลสู่ธรรมชาติครั้งใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ยุคปัจจุบันของรัสเซีย ในแง่ของปริมาณน้ำมันที่รั่วไหลออกมา ขณะที่องค์กรด้านสิ่งแวดล้อม กรีนพีซ ในรัสเซีย ระบุว่า นี่เป็นภัยพิบัติด้านสิ่งแวดล้อมในแถบขั้วโลกเหนือครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบกว่า 30 ปี พร้อมชี้ว่า การทำความสะอาดเหตุน้ำมันรั่วครั้งนี้อาจต้องใช้เวลานานกว่า 10 ปี และระบบนิเวศอาจเสียหายจนไม่สามารถฟื้นกลับคืนสู่สภาพเดิมได้อีก นอกจากนี้ กรีนพีซ ยังแสดงความกังขาถึงประสิทธิภาพในการใช้ทุ่นลอยดักจับน้ำมัน โดยชี้ว่า น้ำมันดีเซลมีความเป็นพิษมากกว่าน้ำมันดิบ และยังมีส่วนผสมของสารเคมีที่ทุ่นลอยดักจับน้ำมันไม่สามารถดักจับได้ "น้ำมันดีเซลบางชนิดจะละลายในน้ำ และสารเคมีจะตกค้างอยู่ได้นานอีกหลายปี" กรีนพีซระบุ พร้อมชี้ว่า "สารที่เป็นพิษเหล่านี้จะส่งผลเสียต่อแม่น้ำและทะเลสาบ เชื้อเพลิงบางส่วนจะระเหยขึ้นสู่อากาศที่คนในท้องถิ่นสูดหายใจเข้าไป" ขณะที่บางฝ่ายแนะนำให้ใช้วิธีเผาเชื้อเพลิงที่รั่วไหลออกมา แต่นายดมิทรี โคบิลกิน รัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของรัสเซียชี้ว่าวิธีการดังกล่าวเสี่ยงเกินไป "มันเป็นสถานการณ์ที่ยากมาก ผมไม่อาจจินตนาการถึงการเผาเชื้อเพลิงปริมาณมหาศาลในเขตขั้วโลกเหนือ...กองไฟขนาดใหญ่ในบริเวณเช่นนี้อาจก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ได้" เขากล่าว นอกจากนี้กระทรวงสิ่งแวดล้อมยังคาดว่า การฟื้นฟูถิ่นที่อยู่ทางธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตในท้องถิ่นอาจต้องใช้เวลานานกว่าสิบปี เหตุใด ปธน.ปูติน จึงไม่พอใจอย่างรุนแรง ![]() ปธน.ปูตินแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรง ที่มีการรายงานเหตุน้ำมันรั่วไหลล่าช้าถึง 2 วัน ในระหว่างการประชุมของรัฐบาล Image copyright EPA ประธานาธิบดีปูติน แสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรง หลังตรวจสอบพบว่า โรงงานไฟฟ้าในเครือบริษัทนอริลสก์ นิกเกิล รายงานเหตุน้ำมันรั่วไหลล่าช้าไปถึง 2 วัน ส่งผลให้ผู้อำนวยการโรงงานไฟฟ้าถูกควบคุมตัว ขณะที่ทางการรัสเซียได้เปิดการสอบสวนคดีอาญาในความผิดฐานประมาทเลินเล่อ และการละเมิดกฎหมายคุ้มครองสิ่งแวดล้อม คะแนนนิยมของประธานาธิบดีปูตินกำลังดำดิ่งสู่ระดับต่ำสุด หลังจากราคาน้ำมันโลกตกต่ำลง รวมทั้งการที่คนรัสเซียจำนวนมากมองว่ามาตรฐานชีวิตของพวกเขากำลังย่ำแย่ลงทุกขณะ ก่อนจะถึงการลงประชามติเพื่อปฏิรูปรัฐธรรมนูญของรัสเซีย ซึ่งจะเปิดทางให้นายปูตินลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีได้อีกสมัย และจะทำให้เขาอยู่ในอำนาจต่อไปได้จนถึงปี 2036 นายปูติน จึงมีความต้องการอย่างยิ่งที่จะพิสูจน์ให้ประชาชนชาวรัสเซียได้เห็นว่าเขาเป็นผู้นำที่ทำงานมีประสิทธิภาพ และยังสามารถกุมอำนาจไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ด้วยเหตุนี้ ความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมจึงอาจเป็นบททดสอบที่ยากเย็นที่สุดในการจัดการสำหรับรัสเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมหาศาล ซึ่งบางคนชี้ว่าเป็นการใช้อย่างไม่รอบคอบนัก ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา https://www.bbc.com/thai/international-52964649
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
|
|