![]() |
|
#3
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
อุทยานฯ ธารโบกขรณี ปิดต่อ ดีต่อธรรมชาติ! ชมฉลามหูดำมาเยือนเป็นฝูง ที่เกาะห้อง ![]() เมื่อวานก่อน (18 มิ.ย.2563) เพจเฟซบุ๊ก นายจำเป็น ผอมภักดี พนักงานพิทักษ์ป่า อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี จ.กระบี่ ได้โพสต์คลิปชวนชมฝูงปลาหลายชนิด โดยเฉพาะฝูงฉลามหูดำ นอกจากนี้ ยังมีฝูงปลากระบอก ฝูงปลากระมง ฝูงปลากระโทง ฝูงปลาทู ที่เข้ามาเยือนใกล้ๆ ฝั่ง บริเวณท่าเทียบเรือ ที่เกาะห้อง ในเขตพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ อย่างไรก็ตาม อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี เป็น 1 ใน 28 อุทยาน ที่ยังคงปิดบริการต่อ ยังไม่เปิดบริการให้คนภายนอกเข้าไปท่องเที่ยวที่จะเริ่มต้นในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ![]() สำหรับอุทยานแห่งชาติโบกขรณี เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 86 ของประเทศ ครอบคลุมพื้นที่ 65,000 ไร่ หรือ 104 ตารางกิโลเมตร ในท้องที่อำเภออ่าวลึก และ อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ มีสภาพภูมิประเทศเป็นป่าดงดิบที่มีธารน้ำไหลลอดภูเขาในลักษณะของธารน้ำใต้ดิน สภาพพื้นที่เป็นแบบลูกคลื่น ทั้งลอนลาดและลอนชัน มีเขาโดดเตี้ยของหินปูน ซึ่งมีลักษณะเป็นหน้าผาสูงชันกระจายอยู่ทั่วไป สถานที่น่าสนใจ ประกอบด้วย ถ้ำสระยวนทอง ควนสอง เขาลูกบ้า ถ้ำทะลุฟ้า เขาลอดใต้ เขาช่องลม เขานอก เขาตากรด เขาอ่าวน้ำ เขาอ่าวม่วง เขาใสโต๊ะดำ เขาใหญ่ปากช่องลาด และพื้นที่บางส่วนเป็นหมู่เกาะในทะเลอันดามันประกอบด้วย เกาะเหลาบิเละ (เกาะห้อง) เกาะเหลากา เกาะเหลาเหรียม เกาะปากกะ เกาะเหลาลาดิง เกาะยะลาฮูดัง เกาะเหลาบุโล๊ะ (เกาะผักเบี้ย) เกาะกามิด เกาะปาหุเสีย เกาะฮันตู เกาะจาบัง เกาะเมย เกาะกาโรส เกาะแตก เกาะมีไลย เกาะอ่าวช้างตาย เกาะเลาดัว เกาะรงมารง (เกาะขลุ่ย) เกาะแหลมค้างคาว เกาะแหลมทะลุ เกาะแหลมตุโดด เกาะช่องลาดใต้ และเกาะฮาม ทั้งนี้ พื้นที่อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี ถือว่าเป็นพื้นที่ต้นน้ำลำธารของพื้นที่อำเภออ่าวลึกหลายสาย ที่สำคัญได้แก่ คลองมะรุย คลองกลาง คลองน้ำตก คลองอ่าวลึก และคลองกาโรส https://mgronline.com/greeninnovatio.../9630000063669 ********************************************************************************************************************************************************* ข่าวจริง! กรมประมงยืนยัน เชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่ส่งผลกระทบต่ออาหารที่ผลิตจากสัตว์น้ำในประเทศไทย กรมประมงขอยืนยันว่าสินค้าสัตว์น้ำของไทย สามารถรับประทานได้อย่างปลอดภัยไร้การปนเปื้อนของเชื้อไวรัสโควิด-19 และประเทศไทยไม่ได้นำเข้าปลาแซลมอนจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเพื่อการบริโภคในลักษณะปลาดิบแต่อย่างใด โดยการนำเข้าปลาแซลมอนของไทย ส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าเพื่อนำมาแปรรูปและส่งออก ซึ่งผ่านกระบวนการผลิตที่มีการควบคุมตามหลักมาตรฐานสากล ![]() วันนี้ (20 มิ.ย.) ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีข่าวปรากฏในสื่อต่างๆ เกี่ยวกับประเด็นเรื่องกรมประมงยืนยันเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่ส่งผลกระทบต่ออาหารที่ผลิตจากสัตว์น้ำในประเทศไทย ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง จากกรณีมีการเผยแพร่ข่าวการกลับมาระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยรายงานว่า พบเชื้อบริเวณเขียงแล่ปลาแซลมอนนำเข้าจากต่างประเทศในตลาดแห่งหนึ่งของกรุงปักกิ่ง นั้น ได้สร้างความกังวลใจให้กับผู้บริโภคและกระทบต่อตลาดอาหารของไทยด้วย เนื่องจากประเทศไทยติดอันดับต้นๆ ในการบริโภคปลาแซลมอน ดังนั้นเพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค กรมประมงจึงขอยืนยันว่าสินค้าสัตว์น้ำของไทย สามารถรับประทานได้อย่างปลอดภัยไร้การปนเปื้อนของเชื้อไวรัสโควิด-19 และในส่วนของปลาแซลมอนประเทศไทย มิได้นำเข้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเพื่อการบริโภคในลักษณะปลาดิบแต่อย่างใด โดยการนำเข้าปลาแซลมอนของประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าเพื่อนำมาแปรรูปและส่งออก ซึ่งผ่านกระบวนการผลิตที่มีการควบคุมตามหลักมาตรฐานสากล เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง เกี่ยวกับกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สามารถติดตามได้ที่ www4.fisheries.go.th หรือโทร 02-562-0600-15 https://mgronline.com/factcheck/detail/9630000063737 ********************************************************************************************************************************************************* สะเทือนใจ! จระเข้บึงสีไฟตัวผอมโซ ประมงแจงป่วยเพราะกินขยะพลาสติกจากนักท่องเที่ยว ![]() ภาพจระเข้ตัวผอมโซที่บึงสีไฟ ที่โลกออนไลน์แชร์กันเป็นจำนวนมาก หลังจากโลกออนไลน์ได้แชร์ภาพจระเข้ ที่บึงสีไฟ ในสภาพคอยาว ตัวผอมโซ ดูน่าสงสารเป็นอย่างยิ่ง ทางประมงจังหวัดพิจิตรได้ออกมาชี้แจงว่าจระเข้ตัวดังกล่าวป่วย เนื่องจากกินขยะพลาสติกที่นักท่องเที่ยวทิ้งลงไปในบ่อ หลังจากโลกออนไลน์ได้แชร์ภาพจระเข้ ที่บึงสีไฟแหล่งท่องเที่ยวดังในจังหวัดพิจิตร ในสภาพคอยาว ตัวผอมโซ ทำให้มีประชาชน นักท่องเที่ยว และชาวโซเชียล ต่างแสดงความคิดเห็น สงสาร และเป็นห่วงจระเข้ตัวนี้กันเป็นจำนวนมาก ล่าสุด นายวัฒนา ริ้วทอง ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด เขต 3 พิจิตร และ นาย สุธี สินสมุทร ประมงจังหวัดพิจิตร ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณบ่อเลี้ยงจระเข้ ซึ่งตั้งอยู่ภายในบึงสีไฟ ภายใต้ความดูแลของศูนย์วิจัยฯ หลังจากนั้น นายวัฒนา ริ้วทอง ได้เปิดเผยว่า จระเข้ที่เลี้ยงไว้ที่บึงสีไฟ มีทั้งหมด 84 ตัว จระเข้ที่นี่จะกินอาหาร เป็นโครงไก่ที่ทางเจ้าหน้าที่ทำการเลี้ยง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ประมงมีงบประมาณอาหารของจระเข้ปีละ 5,000 บาทสำหรับจระเข้ 84 ตัว โดยจระเข้เมื่อกินอาหาร 1 ครั้ง สามารถอยู่ได้ 7 วัน ซึ่งส่วนใหญ่จระเข้ที่เลี้ยงไว้ที่บึงสีไฟ จะมีลักษณะที่สมบูรณ์ ส่วนจระเข้ตัวผอมโซที่ปรากฏเป็นข่าวโด่งดัง ในวันที่ไปไม่พบจระเข้ตัวดังกล่าว ซึ่งทาง นายวัฒนา ระบุว่า จระเข้ตัวดังกล่าวมีอยู่จริงในบ่อเลี้ยง โดยเหตุที่มีสภาพผอมโซเป็นเพราะป่วย เนื่องจากกินขยะพลาสติกที่นักท่องเที่ยวทิ้งลงไปในบ่อ ทำให้พลาสติกไปเคลือบกับระบบภายในร่างกาย จนจระเข้ตัวนี้มีลักษณะผอมโซ แตกต่างกับจระเข้ตัวอื่นที่อ้วนท้วนสมบูรณ์ อย่างไรก็ดีก่อนหน้านี้มีจระเข้ตัวผอมโซที่มีลักษณะเช่นเดียวกันกับจระเข้ตัวที่ปรากฏเป็นข่าว ได้เสียชีวิตลง เมื่อทำการผ่าภายในได้พบเศษพลาสติกในร่างกายของจระเข้ตัวที่เสียชีวิต ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ประมงได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ ควบคุมการให้อาหาร และกำชับประชาชน และนักท่องเที่ยว อย่าโยนสิ่งของ และเศษขยะพลาสติก ลงในบ่อเพื่อเป็นอันตรายต่อจระเข้ที่เลี้ยงไว้ https://mgronline.com/travel/detail/9630000063746
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|