เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

 
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
Prev คำตอบที่แล้วมา   คำตอบถัดไป Next
  #6  
เก่า 23-09-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก BBCThai


โลกร้อน: นักวิทยาศาสตร์เตือน ไฟป่าปีนี้มีขนาดใหญ่ที่สุดและปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยประเมินมากที่สุด


Slash and burn fire in Ghana of West Africa ที่มาของภาพ,GETTY IMAGES

นักวิทยาศาสตร์เตือนว่า ไฟป่าที่เกิดขึ้นรอบโลกปีนี้ "มีขนาดใหญ่ที่สุดและปริมาณการปล่อยก๊าซ (คาร์บอนไดออกไซด์) โดยประเมินมากที่สุด" ในรอบเกือบสองทศวรรษ

องค์การนาซาและหน่วยบริการสังเกตการณ์ชั้นบรรยากาศโคเปอร์นิคัส (Copernicus Atmosphere Monitoring Service) บอกว่า รัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลีย แถบอาร์กติก ชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ และพื้นที่ชุ่มน้ำแพนทานัลในบราซิล เผชิญกับไฟป่าครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ18 ปี อ้างอิงจากข้อมูลที่เก็บมา


ลุ่มแม่น้ำแอมะซอนและพื้นที่ชุ่มน้ำแพนทานัล

ในฐานะป่าฝนขนาดใหญ่ที่สุดในโลก แอมะซอนสามารถช่วยกักเก็บคาร์บอนได้มาก ช่วยชะลอภาวะโลกร้อน เป็นที่อยู่อาศัยของพืชและสัตว์ราว 3 ล้านสายพันธุ์ และสมาชิกชนเผ่าพื้นเมืองอีกหนึ่งล้านชีวิต

ผู้เชี่ยวชาญด้านป่าไม้บอกว่า ป่าไม้ที่นี่ถูกทำลายในระดับเทียบเท่ากับที่เคยเกิดขึ้นเมื่อทศวรรษก่อน

เปาโล มูตินโญ นักวิทยาศาสตร์อาวุโสจากสถาบันวิจัยสิ่งแวดล้อมแอมะซอน บอกว่า เราอาจไม่เห็นไฟลุกลามหนักเท่ากับในแคลิฟอร์เนีย เพราะไฟลุกลามในระดับต่ำกว่า แต่มันสามารถสร้างความเสียหายได้มากกว่า

"ต้นไม้สามารถตายอย่างช้า ๆ ภายในเวลาไม่กี่ปี"


ไฟป่าในบราซิลกลับไปรุนแรงในระดับที่เท่ากับเมื่อทศวรรษที่แล้ว ที่มาของภาพ,GETTY IMAGES

เขาบอกว่า ในพื้นที่ราว 6 ไร่ แอมะซอนมีสัตว์และต้นไม้ 300 สายพันธุ์ เทียบกับแคลิฟอร์เนียที่มีเพียงแค่ 25 สายพันธุ์เท่านั้น

ไฟป่าในชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ เกิดจากสภาพอากาศแห้งแล้ง ในขณะที่ในแอมะซอนเกิดจากการตัดไม้ทำลายป่า นักอนุรักษ์บางคนบอกว่ามีปัจจัยมาจากนโยบายรัฐบาลที่ส่งเสริมให้คนทำการเกษตรและทำเหมือง

นอกจากป่าฝนแล้ว แพนทานัล ซึ่งเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกและกินพื้นที่ประเทศบราซิล ปารากวัย และโบลิเวีย มีความหลากหลายทางชีวภาพมาก ก็ต้องเผชิญกับไฟป่าด้วยเช่นกัน

ปกติแล้ว พื้นที่นี้จะเต็มไปด้วยน้ำในช่วงหน้าฝนระหว่างเดือน พ.ย. ถึง เม.ย. แต่ปีนี้ในพื้นที่กลับไม่มีน้ำท่วม ทำให้ภูมิภาคต้องเผชิญภัยแล้งอย่างหนัก


ป่าฝนอินโดนีเซีย

แม้ว่าฤดูไฟป่าในอินโดนีเซียจะเริ่มต้นตั้งแต่ 2-3 เดือนที่ผ่านมา แต่จังหวัดสุมาตราและกาลีมันตันกลางก็ยังมีไฟป่าลุกลามอยู่ โดยเจ้าหน้าที่กรีนพีซบอกว่าผืนป่าราว 4 แสนไร่ ได้เสียหายไปแล้วเมื่อนับถึงปลายเดือน ก.ค. แต่ก็ยังถือว่าเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าปีก่อนหน้า

กาลีมันตันกลาง ซึ่งเป็นจังหวัดที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่สามของอินโดนีเซีย ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินแล้วหลังพบไฟป่ามากกว่า 700 จุด


ไฟป่าในอินโดนีเซียก็รุนแรงเช่นกัน ที่มาของภาพ,GETTY IMAGES


พื้นที่ชุ่มน้ำแบบพรุในแถบอาร์กติก

ขณะที่ไฟป่าเริ่มลุกลามแคลิฟอร์เนียเมื่อเดือนที่แล้ว บริเวณอาร์กติกเซอร์เคิลก็เริ่มมีไฟป่าลุกลามแล้วเช่นกัน หน่วยบริการสังเกตการณ์ชั้นบรรยากาศโคเปอร์นิคัสบอกว่า ไฟป่าในแถบอาร์กติกนี้ทำให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์ 244 เมกะตัน ซึ่งถือว่ามากกว่าปีที่แล้วรวมกันทั้งปีถึง 35%

ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า มลพิษที่เกิดขึ้นอาจมาจากการเผาไหม้พื้นที่ชุ่มน้ำแบบพรุที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยคาร์บอน


ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม

ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า ทุกปีพื้นที่ป่าราว 4 ล้าน ตร.กม. หรือราวพื้นที่เท่า ๆ สหภาพยุโรป ถูกไฟป่าเผาทำลาย ซึ่งส่งผลกระทบร้ายแรงต่อความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศของโลก

รายงานจากหน่วยบริการงานด้านความร่วมมือระหว่างรัฐบาลว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศ (Intergovernmental Science-Policy Platform on Biodiversity and Ecosystem Services) จากเมื่อปีที่แล้ว เตือนว่า สัตว์และพืชราว ราว 1 ล้านสายพันธุ์ต้องเผชิญกับความเสี่ยงสูญพันธุ์ยิ่งกว่าที่เคยมีมา

และไฟป่ายังทำให้เกิดมลภาวะทางอากาศ เนื่องจากสารมลพิษสามารถเดินทางไปได้ไกลและกลายเป็นพิษรุนแรงกว่าเดิมเมื่อทำปฏิกิริยากับแสงแดดและปัจจัยอื่น ๆ


โควิด-19


พื้นที่ชุ่มน้ำแพนทานัลถูกไฟป่าทำลายในระดับที่องค์การนาซาบอกว่าไม่เคยพบมาก่อน ที่มาของภาพ,GETTY IMAGES

นอกจากนี้ ยังมีความกังวลว่าคนที่อยู่อาศัยบริเวณใกล้พื้นที่ที่เกิดไฟป่าจะมีความเสี่ยงติดโควิด-19 มากขึ้น

"ในบราซิล การติดเชื้อโควิด-19 ในหมู่ชนพื้นเมืองสูงกว่าประชากรทั่วไปในประเทศถึง 150%" มูตินโญ่ นักวิทยาศาสตร์อาวุโสจากสถาบันวิจัยสิ่งแวดล้อมแอมะซอน กล่าว

"เนื่องจากชนเผ่าพื้นเมืองเหล่านี้อยู่ในหรือใกล้บริเวณที่โดนไฟป่า จึงน่ากังวลว่ามลพิษทางอากาศอาจส่งผลต่อระดับการติดเชื้อโควิด-19 ของคน"

งานวิจัยบางชิ้นบอกว่ามลภาวะทางอากาศมีความเชื่อมโยงกับผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการร้ายแรง จนองค์การอนามัยโลกต้องออกมาเตือนประเทศต่าง ๆ ถึงความเป็นไปได้นี้


https://www.bbc.com/thai/international-54242024

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
 


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 08:44


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger