![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก โพสต์ทูเดย์
สหรัฐไปจีนกำลังจะมา จับตาฐานทัพกัมพูชาจ่ออ่าวไทย ![]() Photo by Ly Lay / AFP เบื้องลึกเบื้องหลังของการรื้อถอนอาคารด้านการทหารของสหรัฐในฐานทัพเรือกัมพูชาและกระแสข่าวเกี่ยวกับการเข้ามาใช้ฐานทัพเรือของจีน หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานเมื่อปีที่แล้วเกี่ยวกับร่างข้อตกลงลับที่อนุญาตให้จีนเทียบท่าเรือรบที่ฐานทัพเรือเรียม ใกล้เมืองสีหนุวิลล์ริมชายฝั่งอ่าวไทย แต่ฮุน เซนยืนยันซ้ำแล้วซ้ำอีกว่ารัฐธรรมนูญของกัมพูชาห้ามต่างชาติใดๆ มาตั้งฐานทัพภายในดินแดนของกัมพูชา ฮุน เซน ปฏิเสธอีกครั้งในเดือนมิถุนายนปีนี้ว่าจีนไม่ได้รับอภิสิทธิ์ให้มาตั้งฐานทัพเรือ และไม่มีเหตุผลอะไรที่จีนจะต้องมาใช้ที่ของกัมพูชาเพราะจีนก็มีฐานทัพในทะเลจีนใต้แล้ว พร้อมกับบอกว่าต้อนรับเรือรบจากทุกประเทศให้เข้ามาเทียบท่าที่ฐานทัพเรือเรียม ฐานทัพเรียมเป็นที่จับตาอย่างมากเพราะมีที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ในอ่าวไทยซึ่งจะช่วยให้สามารถเข้าถึงทะเลจีนใต้ได้ ทำให้เกิดความกังวลว่าจีนอาจจะเข้ามาใช้ฐานทัพเรียม ฐานทัพเรือเรียมตั้งอยู่ในเมืองเรียม จังหวัดพระสีหนุหรือเมืองสีหนุวิลล์ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกัมพูชาริมฝั่งอ่าวไทย การที่ต่างชาติจะมาใช้ฐานทัพนี้แบบถาวรอาจจะยาก เพราะตามรัฐธรรมนูญของกัมพูชาแล้วห้ามไม่ให้มีการตั้งฐานทัพต่างชาติในประเทศ และการตั้งฐานทัพต่างชาติยังขัดต่อสนธิสัญญาปารีสปี 1991 ที่ยุติสงครามกลางเมืองกัมพูชา ถึงแม้จะห้ามต่างชาติเข้ามาปักหลัก แต่ตั้งแต่ปี 2010 ฐานนี้เป็นที่ตั้งของการฝึกร่วมกัมพูชา-สหรัฐประจำปีและการฝึกทางเรือภายใต้โครงการ Cooperation Afloat Readiness and Training (CARAT) ซึ่งเป็นการฝึกซ้อมทางเรือระหว่างสหรัฐกับอาเซียน แสดงให้เห็นว่าก่อนหน้านี้สหรัฐใช้ฐานทัพนี้เช่นกันและยังให้เงินช่วยเหลือในการสร้างอาคารปฏิบัติงานที่กำลังเป็นข่าว แต่ภาพดาวเทียมที่เผยแพร่โดยศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์และการศึกษาระหว่างประเทศ (CSIS) ของสหรัฐที่เพิ่งเปิดเผยช่วงต้นเดือนตุลาคม 2020 แสดงให้เห็นว่ามีการรื้อถอนอาคารที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐในฐานทัพเรือของเรียม คือสำนักงานใหญ่ทางยุทธวิธีของคณะกรรมการแห่งชาติเพื่อความมั่นคงทางทะเลที่เปิดใช้ในปี 2012 (หลังจากการซ้อมรบ CARAT กับสหรัฐ) จนทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับข่าวลือที่จีนจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับท่าเรือแห่งนี้ ที่น่าสังเกตก็คือ ขณะที่ทางการกัมพูชาปฏิเสธการมีอยู่ของข้อตกลงและยังบอกว่ามันเป็น "ข่าวปลอม" กัมพูชาได้เงินช่วยเหลือจากจีนเท่านั้น แต่แล้วนายกรัฐมนตรี ฮุน เซน กลับกล่าวว่าจะนำความช่วยเหลือจากจีนมาสนับสนุนการพัฒนาฐานทัพเรือ ส่วนทางการจีนกลับนิ่งเฉยไม่รับและไม่ปฏิเสธทำให้เรื่องนี้ยิ่งลึกลับมากขึ้น นักวิเคราะห์กล่าวว่าฮุน เซน มีเล่ห์เหลี่ยมสูงจำเป็นต้องรู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหางเพราะอาจเกิดกระแสต้านจีนจากสาธารณชน โดยเฉพาะในสีหนุวิลล์ซึ่งตอนนี้ธุรกิจและคาสิโนส่วนใหญ่เป็นของจีน การทำลายอาคารของสหรัฐที่ฐานทัพเรือเรียมก็เช่นกันน่าจะมีนัยอะไรบางอย่างที่ทำให้สหรัฐต้องกังวล เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2020 เตีย บัญ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชาปฏิเสธข้อกังวลดังกล่าว เขาบอกกับสำนักข่าวเอเอฟพีพร้อมยืนยันว่าอาคารดังกล่าวถูกทุบลงเมื่อเดือนที่แล้ว และบอกว่า ?เราย้ายสถานที่ไปยังจุดใหม่ เราไม่สามารถรักษามันได้อีกต่อไปและอาคารก็เก่าแล้ว? เตีย บัญ กล่าวว่าที่ตั้งของอาคารใหม่จะ "ดีกว่ามาก" และเสริมว่ากัมพูชาได้ "ความช่วยเหลือเพียงเล็กน้อย" จากสหรัฐในการก่อสร้างอาคารที่พังยับเยินในขณะนี้ ส่วนที่ตั้งของอาคารแห่งใหม่อยู่ระหว่างการก่อสร้างตั้งทางเหนือของฐานทัพเรียมประมาณ 30 กิโลเมตรเรียกได้ว่าไกลจากฐานทัพแบบเข้าป่าเข้าพง เพราะน่าจะเลยเข้าไปในเขตชนบทที่ห่างจากเมืองสีหนุวิลล์ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ฮุน เซน หันเหออกจากสหรัฐเนื่องจากรัฐบบาลสหรัฐตำหนิรัฐบาลกัมพูชาที่บั่นทอนประชาธิปไตยและกดขี่สิทธิมนุษยชน ทำให้กัมพูชาหันไปคบหากับจีนมากขึ้นจนจีนกลายเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ในกัมพูชา มีเงื่อนงำบางอย่างที่น่าสนใจก่อนการทุบอาคารของสหรัฐในฐานทัพเรียม เกี่ยวข้องกับสถานที่อีกขุดหนึ่งที่อาจจะถูกใช้เป็นฐานทัพจีน นั่นคือดาราสาครรีสอร์ทในจังหวัดเกาะกง เมื่อวันที่ 22 กันยายน ไมค์ ปอมเปโอรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอ้างถึง "รายงานที่น่าเชื่อถือ" ว่าดาราสาครรีสอร์ทในจังหวัดเกาะกงที่บริษัทจีนกำลังพัฒนาอยู่สามารถใช้เป็น "สินทรัพย์" ทางทหารของจีนได้ ในช่วงสัปดาห์เดียวกัน ดับเบิลยู. แพทริก เมอร์ฟี เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำกัมพูชาได้พบหารือกับ เตีย บัญ ไม่นานหลังจากที่ที่กระทรวงการคลังสหรัฐประกาศมาตรการคว่ำบาตรกลุ่ม Union Development Group (UDG) ในเทียนจิน ซึ่งเป็นบริษัทจีนกำลังก่อสร้างดาราสาครรีสอร์ทในจังหวัดเกาะกง มูลค่า 3,800 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากคุยกับเตีย บัญ ทูตเมอร์ฟีโพสต์เฟซบุ๊คว่า การหารือเกี่ยวกับ "ความร่วมมือด้านความมั่นคงที่เข้มแข็งยิ่งขึ้น รวมทั้งความพยายามอย่างต่อเนื่องในการรักษาอธิปไตยของกัมพูชา" แต่จากปากคำของ เตีย บัญ อาคารที่สหรัฐมอบเงินให้สร้างที่ฐานทัพเรียมก็น่าจะถูกทุบในเดือนกันยายนนั่นเอง แสดงให้เห็นถึงท่าทีของกัมพูชาต่อความเป็นห่วงเป็นใยของสหรัฐต่ออธิปไตยของกัมพูชาได้เป็นอย่างดี นั่นคือ "สหรัฐอย่าเข้ามายุ่ง" กัมพูชาไม่มีเหตุอะไรที่ต้องทำตามสหรัฐเลย สหรัฐนั่นเองยังบีบให้กัมพูชาจนมุมจนต้องเลือกจีน เมื่อสภาคองเกรสผ่านกฎหมาย Cambodia Democracy Act of 2019 โดยอ้างประชาธิปไตยเล่นงานฮุน เซนและพรรคพวกฐานบ่อนทำลายประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน กฎหมายตัวนี้ยังไม่มีผลบังคับใช้เพราะประธานาธิบดีสหรัฐยังไม่เซ็น ถ้าเซ็นเท่ากับปิดฝาโลงไม่ให้สหรัฐเข้ามามีอิทธิพลกัมพูชาอย่างแน่นอน ดังนั้นสหรัฐก็จะใช้มันขู่ฮุน เซนอยู่แบบนี้ แต่ฮุน เซนเป็นพวกหมูไม่กลัวน้ำร้อนแถมยังเหลี่ยมจัด ศัตรูคนสำคัญของฮุน เซน คือสม รังสีที่ลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศพยายามเจาะยางฮุน เซนโดยใช้ประเด็นนี้เป็นอาวุธ เมือเดือนมิถุนายน 2020 สม รังสี เขียนบทความลงในนิตยสาร Foreign Affairs อนทรงอิทธิพลซึ่งพิทักษ์ผลประโยชน์ของอเมริกัน เขาร่ายยาวถึงแผนการที่จีนใช้ฮุน เซนและฮุน เซนช่วยเหลือจีนอย่างไร แต่สม รังสีก็เล่นเกมส์อันตรายด้วยการเอียงไปทางสหรัฐอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการที่เขาบอกว่าจีนต้องการกัมพูชาเป็นฐานทัพเพื่อที่จะจีนจะได้ข่มขู่ (harass) เรือรบของสหรัฐและพันธมิตรของสหรัฐในภูมิภาค สม รังสีพยายามชี้ให้เห็นว่า "ปัจจุบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ส่วนใหญ่ยังคงอยู่นอกขอบเขตอิทธิพลโดยตรงของจีน แต่หากประชาคมระหว่างประเทศไม่ดำเนินการในตอนนี้เพื่อหยุดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแบบใช้สองทางของจีนซึ่งจะอนุญาตให้กองกำลังติดอาวุธของจีนปฏิบัติการจากกัมพูชา ในไม่ช้าความเป็นอิสระทางการเมืองของประเทศเหล่านี้จะตกอยู่ในอันตราย" ถึงแม้ว่าสม รังสีจะเอียงพอๆ กับฮุน เซน แต่เขาก็พูดถึงเรื่องนัยพัวพันของอาเซียนกับกรณีฐานทัพในกัมพูชา เพียงแต่เขาพยายามจี้ให้สหรัฐเดินเกมรุกมากกว่านี้ โดยเฉพาะการบอกว่า "กัมพูชาอาจกลายเป็นจุดตายของยุทธศาสตร์การควบคุม (จีน) ของสหรัฐในภูมิภาคนี้" เราจะเห็นได้ว่าทั้งฮุน เซนและสม รังสี ชักศึกเข้าบ้านตัวเองไม่พอ ยังจะชักยักษ์เข้ามาขยี้อาเซียนด้วย ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ฮุน เซนปฏิเสธข่าวให้จีนมาตั้งฐานทัพ เขาบอกว่าต้อนรับเรือรบจากทุกประเทศให้เข้ามาเทียบท่าที่ฐานทัพเรือเรียม แต่จริงๆ แฃล้วคงไม่ใช่ทุกชาติที่กัมพูชาจะต้อนรับ เพราะเมื่อปี 2017 กัมพูชาแจ้งกับสหรัฐไปว่าขอระงับการซ้อมรบร่วมในปีนั้นละปีต่อไปและหลังจากนั้นก็ไม่ได้ซ้อมร่วมกันอีก ตรงกันข้าม เมื่อต้นปีนี้เองสำนักข่าว ABC ของออสเตรเลียเปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่ทหารของจีนพบกับฝ่ายกัมพูชาอย่างลับๆ เมื่อปี 2019 หนึ่งในกิจกรรมที่เจ้าหน้าที่หทารฝ่ายจีนทำในกัมพูชาคือการ "ตรวจตราฐานทัพเรียม" และรวมถึงเกาะตาเกียวที่มีฐานหน่วยทัพเรืออีกแห่งของกัมพูชาอยู่ใกล้ๆ กัน และยังไปถึงเกาะปูลูไวที่อยู่ห่างออกไปแทบจะกลางอ่าวไทย เกาะปูลูไวมีความสำคัญมากกับไทยเพราะเกาะนี้ตั้งในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างกัมพูชา ไทย และเวียดนาม และว่ากันตามตรงแล้วอ่าวไทยมีพื้นที่ทับซ้อนที่วุ่นวายเกี่ยวพันถึง 4 ประเทศ การปล่อยให้การตั้งฐานทัพของ "ประเทศที่ 5" จะสร้างปัญหาแน่นอน แต่เดูเหมือนกัมพูชาจะไม่สนใจเรื่องนั้น หลังจากเชิญฝ่ายจีนมาชมพื้นที่ทับซ้อนแล้ว ต่อมากัมพูชาร่วมซ้อมรบกับจีนเมื่อเดือนมีนาคม 2020 ทั้งๆที่โคโรนาไวรัสกำลังระบาดหนักในจีนและเริ่มลามมายังที่อื่นๆ ถ้าไม่รักกันจริงกัมพูชากับจีนคงไม่กล้าทำอะไรแบบนี้ในสถานการณ์ที่วุ่นวายเอามากๆ น่าจะชัดแล้วว่ากัมพูชาเลือกใคร ระหว่างสหรัฐกับจีน https://www.posttoday.com/world/634670
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า
สาวอ่างทองไปเที่ยวทะเลระยองพบ 'อ้วกวาฬ' นำมาให้ยายเก็บไว้มั่นใจเป็นของจริง ![]() วันที่ 5 ต.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดอ่างทองว่า มีชาวบ้านเก็บก้อนอ้วกวาฬ หรืออำพันทะเล ซึ่งได้มาจากจังหวัดระยอง แล้วนำมาเก็บไว้ที่บริเวณบ้านเลขที่ 95 หมู่ 7 ตำบลแสวงหา อำเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง โดยพบว่าเป็นก้อนสีขาวคล้ำ เนื้อเนียน ลื่นๆ เป็นก้อนกลมรี มีน้ำหนักประมาณ 1 ขีด เบื้องต้นได้ตรวจสอบจากสื่อออนไลน์ พบว่าเป็นก้อนอ้วกวาฬ หรืออำพันทะเล ซึ่งเป็นสิ่งพบยากมากในท้องทะเลอ่าวไทย ขณะที่บางข้อมูลระบุว่าราคาของอ้วกวาฬ ซึ่งเป็นของหายากซื้อขายกันถึงหลักล้านต่อกิโลกรัม โดยมีชาวบ้านทราบข่าวต่างเดินทางมาขอดูกันอย่างคึกคัก ก้อนอ้วกวาฬ มีลักษณะเป็นของแข็ง มีส่วนประกอบของคอเลสเตอรอลและไขมันมากถึง 80% ดูด้วยตาเป็นเหมือนก้อนไขมันมีหลายสีทั้งสีเทา สีดำ ไปจนถึงสีโทนอ่อนสีส้ม หรือสีขาวคล้ายหินอ่อน จากกลิ่นของมูลสัตว์หรือจากการสำรอกที่ส่งกลิ่นเหม็นมากๆ แต่เมื่อทิ้งไว้ไประยะเวลาหนึ่งจะมีกลิ่นหอมมากๆ เพราะมีสารเบนโซอิกและแอลกอฮอล์เชิงซ้อนทำให้มีกลิ่นหอม เป็นที่ต้องการในอุตสาหกรรมน้ำหอม นำไปเป็นส่วนผสมในการทำน้ำหอมและเครื่องสำอาง นางประจวบ บุญอำไพ อายุ 58 ปี เล่าให้ฟังว่า ก้อนอ้วกวาฬที่เห็นนี้เป็นของหลานสาวชื่อนางสาวกัญญารัตน์ ปานหงส์ อายุ 20 ปี เก็บได้ที่ริมทะเล จังหวัดระยอง หลังจากไปทำงานเมื่อหลายเดือนก่อนแล้วไปเที่ยวเล่นที่ริมทะเล พบเห็นจึงได้เก็บมาไว้ที่บ้านที่อ่างทอง ซึ่งมีชาวบ้านหลายคนได้ทำการค้นหาและตรวจสอบจากสื่อออนไลน์พบว่าอวก๊วาฬมีราคาแพง และได้ทำการทดลองตัดบางส่วน นำใส่ช้อนแล้วใช้ไฟลนพบว่ามีน้ำใสๆ ละลายออกมา หากว่าเป็นของจริงมีผู้สนใจซื้อก็อยากจะขายเพื่อนำเงินไปเลี้ยงครอบครัวต่อไป https://www.naewna.com/likesara/522894
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#3
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าวไทย
สาวจับแมงดาถ้วยจากป่าชายเลนมาเผากิน เกิดอาการแพ้ดับ ภูเก็ต 5 ต.ค. ? แม่เศร้าชวนลูกสาววัย 46 ปี ออกไปหาหอยแครง บริเวณป่าชายเลน และเจอแมงดาถ้วยจึงนำกลับมาเผากิน แต่เกิดอาการแพ้ ครอบครัวพาส่งโรงพยาบาล แต่หมอให้กลับบ้าน สุดท้ายอาการทรุดหนักเสียชีวิต ![]() มีเหตุการณ์หญิงสาวรายหนึ่งที่จังหวัดภูเก็ต กินแมงดาทะเล จากนั้นมีอาการอาเจียนและมึนศีรษะอย่างรุนแรง ญาตินำส่งโรงพยาบาลองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต แพทย์ลงความเห็นว่าอาการดังกล่าวเกิดจากการแพ้พิษแมงดาทะเล หลังจากออกจากโรงพยาบาล หญิงสาวรายดังกล่าวกลับมาเสียชีวิตที่บ้านในเวลาต่อมา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในพื้นที่ตำบลรัษฎา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา ผู้เสียชีวิตคือ นางสาววันทนา พุดช่อ อายุ 46 ปี วันนี้ครอบครัวนำร่างผู้เสียชีวิตมาบำเพ็ญกุศลภายในสำนักสงฆ์กิ่งแก้ว ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของผู้มาร่วมงาน นางสมใจ กิ่งวงศา อายุ 64 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุได้ชวนลูกสาวออกไปหาหอยแครง บริเวณป่าชายเลนภายในซอยกิ่งแก้ว และเจอแมงดาทะเล 3 ตัว จากนั้นนำกลับมาที่บ้านเพื่อปรุงอาหาร โดยลูกสาวนำแมงดาทะเลมาเผาสดๆ 1 ตัว หลังจากรับประทานเข้าไป ปรากฏว่าลูกสาวมีอาการมึนศีรษะ อาเจียน และเดินเซ จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เนื่องจากลูกสาวมีอาการหนัก แต่ต่อมาทางโรงพยาบาลบอกให้นำตัวลูกสาวไปรักษาต่อยังโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ตนจึงนำลูกสาวออกจากโรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต เพื่อพาไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต แต่ในระหว่างนั้นมาแวะพักที่บ้าน กระทั่งพบว่าครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นลูกสาวเริ่มมีอาการชัก ปากเขียว มือเขียว จึงโทรเรียก 1669 เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงพยายามช่วยปั๊มหัวใจ แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตลูกสาวได้ ตนรู้สึกเสียใจและติดใจว่าสาเหตุใดโรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต ไม่ช่วยทำเรื่องส่งตัวลูกสาวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ทั้งที่ลูกสาวมีอาการหนัก ทั้งนี้ ก่อนนำร่างลูกสาวมาบำเพ็ญกุศล แพทย์ลงความเห็นว่าลูกสาวเสียชีวิตจากการรับประทานแมงดาทะเลที่เป็นพิษ. https://tna.mcot.net/region-555237
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#4
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS
รอลุ้น! ถ้ำนาคา -อุทยานทางทะเลเปิดพร้อมกัน 15 ต.ค.นี้ เตรียมเปิดถ้ำนาคา จ.บึงกาฬ หลังมีการเรียกร้องขอให้เปิดเข้าชมถ้ำนาคา คาดจัดกลุ่มไม่เกิน 15-20 คนต่อกลุ่ม และจำกัดไม่เกิน 300 คนต่อวันเพื่อป้องกันปัญหา ขณะที่ยังเตรียมการท่องเที่ยวทางทะเล 15 ต.ค.นี้หลังปิดป้องกัน COVID-19 ![]() วันนี้ (3 ต.ค.2563) นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ถ้ำนาคา ในเขตอุทยานแห่งชาติภูลังกา จ.บึงกาฬ ที่ถูกปิดจากการขีดเขียนตามผนังถ้ำของนักท่องเที่ยว จนเกิดความเสียหาย และขณะนี้ได้แก้ไขเรียบร้อยแล้ว โดยวันนี้ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.)พร้อมด้วยกรมอุทยานฯ จะลงพื้นที่ไปติดตามข้อเท็จจริง และรับฟังถึงการบริหารจัดการถ้ำนาคา เพราะหากปล่อยให้มีนักท่องเที่ยวเข้าไปจำนวนมากอย่างเช่นที่ผ่านมาอาจเกิดความเสียหายได้ "ความเป็นไปได้อาจจะให้มีการจัดเป็นกลุ่ม ไม่เกิน 15-20 คน มีการกำหนดเวลา เพื่อไม่ให้ไปรอกัน มีเจ้าหน้าที่คุมหัวและท้าย เพื่อป้องกันกันปัญหา ส่วนการจำกัดนักท่องเที่ยวคาดว่าจะให้รองรับได้ประมาณ 300-400 คนต่อวัน" เปิดอุทยานแห่งชาติทางทะเล 15 ต.ค.นี้ นายธัญญา กล่าวอีกว่า ทั้งนี้จะเปิดอย่างเป็นทางการช่วงไหน และมีข้อกำหนดเพิ่มเติมอะไรบ้าง ต้องรอผลสรุปจากที่ประชุมอีกครั้ง นอกจากนี้ ในวันที่ 15 ต.ค.นี้ อุทยานแห่งชาติทางทะเล ฝั่งอันดามัน หลายแห่งจะเปิดฤดูกาลท่องเที่ยว แต่ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปตรวจสอบสภาพอากาศก่อน เพื่อความปลอดภัย ที่สำคัญต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันเชื้อ COVID-19 ตามนโยบายรัฐบาลอย่างเคร่งครัด รวมทั้งยังคงมาตรการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวด้วย https://news.thaipbs.or.th/content/297057
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
|
|