![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
ทส.เร่งคลอด พ.ร.บ.โลกร้อน!! ภายใน 2 ปี ![]() แอกชันที่น่าติดตามล่าสุดมาจาก รมว.ทส. วราวุธ ศิลปอาชา ซึ่งได้ชี้แจงถึง (ร่าง) พระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (พ.ร.บ.โลกร้อน) ว่าทำไมประเทศไทยถึงจำเป็นต้องมีแม่บทกฎหมายนี้ "การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นวาระร่วมของประชาคมโลก และถือเป็นเรื่องที่พวกเราทุกคนต้องช่วยกันครับ ประเทศไทยได้ให้สัตยาบันเข้าร่วมข้อตกลงปารีส เมื่อปี 2016 มีเป้าหมายสำคัญมุ่งเน้นที่การควบคุมอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียส จากระดับอุณหภูมิช่วงก่อนยุคอุตสาหกรรม โดยตั้งเป้าที่การลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ให้ได้ 11-20% ในภาคพลังงานและขนส่ง และจะขยับขึ้นเป็น 20% ทุกภาคส่วนในปี 2030 ซึ่งเราสามารถผลักดันอัตราการลดปริมาณ Co2 ได้ถึง 25% หากมีการสนับสนุนทางเทคโนโลยีที่ดีพอ แต่ถึงแม้ส่วนราชการจะมีเป้าหมายที่ชัดเจน แต่ในด้านการดำเนินงานยังมีข้อติดขัดหลายอย่าง เช่น ไม่มีกลไกการตรวจวัดและจัดเก็บข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ครบถ้วน ทำให้ปัจจุบัน ข้อมูลนั้นกระจัดกระจายอยู่ตามหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง และยังมีข้อมูลบางส่วนที่ไม่เคยถูกสำรวจและจัดเก็บเลย ดังนั้นร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่กำลังจัดทำโดย สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) จึงจะมาช่วยเป็นกลไกให้อำนาจหน่วยงานรัฐ เก็บข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคเอกชนครับ" "จุดประสงค์ของพ.ร.บ.ฉบับนี้คือ การร่วมมือกับเอกชน ผู้ประกอบการ ไม่ว่าจะรายเล็กหรือใหญ่ จะมีหน้าที่เก็บข้อมูลกิจกรรมการปล่อย การกักเก็บ และการลดก๊าซเรือนกระจกต่างๆ ในกิจการของตน เช่น วางมิเตอร์การใช้พลังงานไฟฟ้าในโรงงาน และจัดทำรายงานให้หน่วยงานรัฐในกำกับ เพื่อที่หน่วยงานนั้นจะส่งต่อข้อมูลให้ สผ.คำนวณออกมาเป็นข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคส่วนต่างๆ โดยร่างพ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แบ่งเป็น 8 หมวด 56 มาตรา เมื่อพ.ร.บ.ออกบังคับใช้แล้ว จะมีการออกแผนแม่บทกับแผนปฏิบัติต่างๆ ตามมา คาดว่าจะดำเนินการเสนอร่างพ.ร.บ.ให้คณะรัฐมนตรีได้ภายในปลายปีนี้ครับ" การออกพ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศฉบับนี้ จะช่วยขับเคลื่อนการดำเนินงานของประเทศไทย ทั้งในด้านการดูแลฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เพราะว่าการค้าขายกับต่างประเทศจะถูกบังคับด้วยกรอบด้านสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ต่อไปผู้บริโภคเอง ก็จะสามารถตัดสินใจเลือกอุดหนุนผลิตภัณฑ์ที่มีการปล่อยคาร์บอนต่ำได้ และสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จะกลายมาเป็นเทรนด์การตลาดที่ผู้ประกอบการจะต้องแข่งขันกันทำขั้นตอนการผลิตของตัวเองให้เป็นมิตรกับชั้นบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมมากที่สุด เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มีความตื่นตัวด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากขึ้นทุกวัน จากนี้ไปการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย จะต้องเดินหน้าไปพร้อมกับการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม จะแยกจากกันไม่ได้เด็ดขาดครับ ทั้งนี้ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) อยู่ระหว่างการจัดงานประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นสาธารณะจากทุกภาคจนถึงช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้ แต่ในขณะเดียวกัน เอ็นจีโอระดับโลก กรีนพีซประเทศไทย ก็ติดตามดูว่าร่างกฏหมายโลกร้อนจะเป็นส่วนหนึ่งของแผนการปฏิรูปประเทศภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ที่กำหนดไว้ว่า ภายในปี 2563 ประเทศไทยจะต้องมีร่างแรกของพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ รวมถึงการมีอนุบัญญัติต่างๆ และเมื่อพิจารณารายละเอียดเนื้อหาและความเข้มข้นของการบังคับใช้นั้นจะเพียงพอต่อการแก้ปัญหาโลกร้อนได้หรือไม่ หรือว่ายังมีการสงวนท่าทีที่เกรงใจต่อภาคอุตสาหกรรมซึ่งก็จะต้องติดตาม https://mgronline.com/greeninnovatio.../9630000106746 ********************************************************************************************************************************************************* พิสูจน์ซากกางเกงยีนส์ 1 ปี ส่วนที่ไม่ย่อยสลาย คือพลาสติก ![]() เพจเฟซบุ๊ค Permacoach องค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในออสเตรเลีย เกี่ยวกับการปลูกพืชออแกร์นิกและการหมักปุ๋ยอินทรีย์ โพสต์ภาพผลการทดลองจากการนำกางเกงยีนส์ผ้ายืดไปใส่ในกองปุ๋ยหมัก เพื่อดูว่าจะมีส่วนประกอบที่เป็นวัสดุธรรมชาติ (ฝ้าย) ซึ่งย่อยสลายได้ และพลาสติกในสัดส่วนเท่าใด เวลาผ่านไป 1 ปี ภาพที่เห็นคือกางเกงยีนส์ที่เหลืออยู่ล้วนเป็นเส้นใยพลาสติก และมีปริมาณมากกว่าที่คาดเอาไว้ ส่วนที่เป็นผ้าฝ้ายย่อยสลายไปจนหมดแล้ว การนำมาโพสต์ในเพจเพื่อให้ทุกคนเห็นว่า ขยะแฟชั่นเป็นอีกเรื่องที่น่ากังวล เพราะก็ไม่ต่างอะไรกับขยะพลาสติกประเภทอื่น ถ้าเป็นไปได้ อยากให้พวกเราเลือกซื้อเสื้อผ้าที่ทำมาจากเส้นใยธรรมชาติ 100% เพราะอย่างน้อยก็ไม่ก่อให้เกิดขยะที่ย่อยสลายไม่ได้ แอดมินเพจนี้ระบุด้วยว่า แทนที่เราจะซื้อกางเกงยีนส์ผ้ายืดตัวต่อไป คุณเพียงแค่สวมใส่สิ่งที่คุณมีอยู่แล้ว ตอนนี้ใช้เงินเพียงส่วนหนึ่งที่คุณจะใช้จ่ายกับกางเกงยีนส์เหล่านั้นแล้วบริจาคให้กับ Permafund คุณจะประหยัดเงินลดปริมาณขยะพลาสติกที่โลกต้องจัดการและช่วยให้ผู้คนเรียนรู้วิธีการปลูกอาหารเพื่อสุขภาพ ช่วยสร้างชุมชนและใช้พลังงานหมุนเวียน หากทุกคนที่ชื่นชอบรูปภาพ ในราคาเพียง 5 ดอลลาร์ เราจะร่วมกันทำสิ่งที่ยอดเยี่ยมเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม สำหรับผู้บริจาคเงินจำนวนมากที่สุดจะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับกางเกงยีนส์ คุณต้องการให้เป็นเครื่องมือช่วยสอนหรือไม่? งานศิลปะ? ฉันจะส่งไปรษณีย์ไปยังที่ใดก็ได้บนโลกใบนี้ หากคุณชอบรูปภาพต้นฉบับและแชร์รูปภาพเหล่านั้นโปรดพิจารณาแบ่งปันการระดมทุนในครั้งนี้ร่วมกันกับเรา https://mgronline.com/greeninnovatio.../9630000107048
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ
'วราวุธ' ย้ำแก้ปัญหากัดเซาะชายฝั่งต้องคุ้มค่า ลดปัญหาพื้นที่ข้างเคียง ![]() รมว.ทส. ย้ำแก้ไขปัญหากัดเซาะชายฝั่งต้องคุ้มค่า ลดปัญหาพื้นที่ข้างเคียง "ปลัดจตุพร" มอบกรมทะเลติดตามใกล้ชิดพร้อมต่อยอดระบบรายงานสถานการณ์กัดเซาะชายฝั่ง จากกรณีปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง นับเป็นปัญหาที่หลายหน่วยงานพยายามแก้ไขปัญหาและกลายเป็นปัญหาระดับชาติ ในบางพื้นที่การแก้ไขปัญหาโดยโครงสร้างทางวิศวกรรมกลับส่งผลกระทบต่อพื้นที่ข้างเคียงดั่งตัวอย่างการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเล บริเวณพื้นที่ชายฝั่งหาดม่วงงาม ที่เครือข่ายประชาชนรักษ์หาดม่วงงาม เรียกร้องให้หยุดดำเนินการ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ย้ำการแก้ไขปัญหาต้องคิดให้รอบคอบก่อนดำเนินการ นอกจากนี้ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เผยแนวทางการจัดการปัญหากัดเซาะชายฝั่งอย่างเป็นระบบผ่านแนวคิดระบบหาด เพื่อการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ตนได้รับทราบสรุปรายงานสถานการณ์พื้นที่ที่ประสบปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศไทยช่วงปี 2562 มีระยะทางรวม 91.69 กิโลเมตร มีพื้นที่ที่กัดเซาะรุนแรงที่ต้องการแก้ไขเร่งด่วนระยะทาง 12.87 กิโลเมตร ซึ่งส่วนมากมีสาเหตุมาจากกิจกรรมมนุษย์และผลกระทบที่เกิดจากโครงสร้างป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งที่ได้ดำเนินก่อสร้างแล้ว แต่ส่งผลต่อพื้นที่ข้างเคียง ซึ่งในหลายพื้นที่ก็กลายเป็นปัญหาขัดแย้งระหว่างหน่วยงานรัฐและชุมชน อย่างกรณี การก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเล บริเวณพื้นที่ชายฝั่งหาดม่วงงาม ที่เครือข่ายประชาชนรักษ์หาดม่วงงาม เรียกร้องให้หยุดดำเนินการ เนื่องจาก พื้นที่ดังกล่าวไม่ประสบปัญหาการกัดเซาะ ซึ่งศาลปกครองจังหวัดสงขลาให้มีคำสั่งให้หยุดดำเนินการชั่วคราว เพื่อศึกษาความเหมาะสมและผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นก่อน ซึ่งตนได้สั่งการให้นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำกับและสั่งการให้หน่วยงานเร่งสำรวจและกำหนดแนวทางมาตรการการแก้ไขอย่างเป็นระบบ โดยต้องคำนึงถึงความสมดุลของการพัฒนาและการอนุรักษ์ "ระบบนิเวศทางธรรมชาติ ถูกออกแบบ โดยสร้างความสัมพันธ์ทุกอย่างไว้อย่างลงตัวและธรรมชาติได้กำหนดทิศทางและความเป็นไปทุกอย่างไว้แล้ว มนุษย์ที่มีหน้าที่สร้างและรักษาความสมดุล ไม่ใช่พยายามเปลี่ยนแปลงความสมดุลการแก้ไขปัญหาไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่การแก้ไขปัญหาที่ไม่คำนึงถึงผลกระทบต่างหาก ที่ผิด" ตนเชื่อว่าการก่อสร้างโครงสร้างเพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาการกัดเซาะเกิดจากความตั้งใจดีของหน่วยงานที่ต้องการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ แต่ต้องขอให้คำนึงถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น หรือความจำเป็น และความคุ้มค่าในเชิงเศรษฐศาสตร์ด้วย และสิ่งสำคัญที่ตนอยากฝากไว้ คือ การมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง การเปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชนได้เข้ามาร่วมคิดร่วมทำในขั้นตอนต่าง ๆ จะช่วยลดปัญหาความขัดแย้งและสร้างความเข้าใจและความร่วมมือร่วมกัน ซึ่งจะส่งผลให้การดำเนินงานต่าง ๆ สำเร็จลุล่วงได้ด้วยดี ![]() ในเรื่องเดียวกันนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งมีหลายหน่วยงานที่รับผิดชอบ ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เป็นหน่วยงานที่กำกับในเชิงนโยบายและนำเสนอมาตรการที่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ โดยที่ผ่านมาได้เสนอคณะกรรมการนโยบายและแผนบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ ให้ความเห็นชอบเกี่ยวกับการแบ่งระบบกลุ่มหาด จำนวน 8 กลุ่มหาดหลัก และระบบหาดย่อย 318 ระบบหาด ซึ่งจะช่วยให้การบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งสามารถดำเนินการแก้ไขได้อย่างเป็นระบบและยั่งยืน ลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น เนื่องจาก ปัญหาที่เกิดขึ้นจะกระทบทั้งชีวิต ทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน และสมดุลระบบนิเวศ ตนได้ย้ำทางกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดในทุกพื้นที่ หากพบว่ากิจกรรมหรือโครงการใดอาจก่อให้เกิดปัญหากัดเซาะชายฝั่ง ให้อาศัยอำนาจตามมาตรา 21 หรือ 17 ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. 2558 ทันที เพื่อระงับและป้องกันปัญหาก่อนที่จะสร้างผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนและระบบนิเวศอื่น ๆ ข้างเคียง ด้านนายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า แนวทางการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ทางกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้เสนอแนวทางและมาตรการในการแก้ไปปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี ได้รับความเห็นชอบต่อแนวทางดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2561 ซึ่งได้กำหนดมาตรการและแนวทางในการแก้ไขปัญหากัดเซาะชายฝั่งไว้อย่างชัดเจน โดยแบ่งเป็น 3 มาตรการ ได้แก่ มาตรการสีขาว ? การปล่อยฟื้นฟูตามธรรมชาติ มาตรการสีเขียว ? การปลูกป่าและใช้วัสดุธรรมชาติ และมาตรการสีเทา ? การใช้โครงสร้างทางวิศวกรรม อย่างไรก็ตาม พี่น้องประชาชนสามารถตรวจสอบสถานการณ์และสถานภาพชายฝั่งทะเลของประเทศไทยได้จากระบบฐานข้อมูลเชิงพื้นที่การเปลี่ยนแปลงพื้นที่ชายฝั่งทะเลไทย ซึ่งกรม ทช. ได้ร่วมกับ GISTDA จัดทำขึ้น โดยเข้าไปตรวจสอบผ่านทางระบบฐานข้อมูลกลางและมาตรฐานข้อมูลทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในหน้าเว็ปไซต์ของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ทั้งนี้ กรมอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบให้สามารถตรวจสอบได้ทาง Mobile Application ซึ่งจะสามารถติดตามสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที อีกทั้ง ยังสามารถรายงานปัญหาด้านการกัดเซาะชายฝั่งในพื้นที่ได้อีกด้วย โดยคาดว่าระบบดังกล่าวจะสามารถใช้งานได้ภายในปี 2564 นายโสภณ ทองดี กล่าวในที่สุด https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/903597
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
|
|