เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

 
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
Prev คำตอบที่แล้วมา   คำตอบถัดไป Next
  #2  
เก่า 09-11-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


ยกย่องหนุ่มนักท่องเที่ยวช่วยโลมาเกยตื้นที่เกาะสุกร จนว่ายน้ำกลับสู่ท้องทะเลได้สำเร็จ



ตรัง - ชื่นชม! หนุ่มนักท่องเที่ยวชาว อ.สะเดา จ.สงขลา ตัดสินใจวิ่งลงไปช่วยชีวิต "โลมาสีชมพู" ขณะกำลังเกยตื้นอยู่ที่บริเวณชายหาดบนเกาะสุกร จนสามารถกลับคืนสู่ท้องทะเลอันดามันได้สำเร็จ

นายเสริมวิทย์ มุเส็มสะเดา หรือ "บังหนึ่ง" อายุ 36 ปี ชาว ต.สะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา ได้โพสต์คลิปลงในเฟซบุ๊กส่วนตัววินาทีที่ตนเองกำลังวิ่งลงไปบริเวณชายหาด หน้าญาตา สปา แอนด์ รีสอร์ต ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ 1 บ้านเสียมไหม บนเกาะสุกร หรือเกาะหมู อ.ปะเหลียน อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของ จ.ตรัง ขณะที่ได้เร่งทำการช่วยชีวิตของโลมาสีชมพู หรือโลมาปากขวดตัวหนึ่ง ขนาดยาวประมาณ 3 เมตร และหนักประมาณ 100 กิโลกรัม ซึ่งกำลังเกยตื้นอยู่บริเวณหาดทราย และพยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต เพื่อพาร่างกลับคืนสู่ท้องทะเลอันดามัน จนทำให้เนื้อตัวมีบาดแผลถลอกไปทั่ว เนื่องจากโดนเปลือกหอยบาดเข้า

จากนั้น บังหนึ่ง ได้พยายามใช้มือผลักดันร่างของโลมาตัวนี้ให้กลับคืนลงสู่ท้องทะเลอย่างทุลักทุเล เพราะมีขนาดตัวค่อนข้างใหญ่ และลงมือช่วยชีวิตเพียงคนเดียว จึงต้องใช้เวลาอยู่ประมาณ 5 นาที กว่าที่จะสามารถผลักร่างของโลมาตัวนี้ให้กลับลงสู่ท้องทะเลได้สำเร็จ โดยมีชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์มาตะโกนบอกให้กำลังใจ และถ่ายคลิปวินาทีดังกล่าวเอาไว้ ซึ่งหลังจากโลมาตัวดังกล่าวว่ายน้ำกลับรวมฝูง และปลอดภัยดีแล้ว มันก็ได้ตีหาง 2 ครั้ง เสมือนเป็นการขอบคุณผู้ที่ได้ทำการช่วยชีวิตให้รอดจากการเกยตื้นในครั้งนี้ และหลังจากมีการนำคลิปไปโพสต์ลงบนโซเชียล ปรากฏว่ามีผู้เข้ามาชื่นชมหนุ่มชาวสะเดารายนี้กันเป็นจำนวนมาก

นายเสริมวิทย์ มุเส็มสะเดา หรือ "บังหนึ่ง" กล่าวว่า ตนเองเดินทางมาเที่ยวเกาะสุกรกับกลุ่มเพื่อนๆ และก่อนหน้านั้นได้ถ่ายคลิปโลมาตัวนี้ขณะกำลังเล่นน้ำอย่างสนุกสนานอยู่กับฝูงรวม 3 ตัว โดยไม่นึกว่าพอถัดมาอีกวัน กลับต้องมาเจอโลมาตัวดังกล่าวเกยตื้นอยู่ ซึ่งจังหวะนั้นมีแค่ชาวประมงพื้นบ้านที่เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียว และกำลังอยู่ในอาการตกใจ ทำอะไรไม่ถูก ตนเองจึงตัดสินใจรีบลงไปช่วยโลมาตัวนี้ในทันที เพราะมันเกยตื้นมาพักหนึ่งแล้ว และท้ายสุดก็ช่วยชีวิตได้สำเร็จ จึงรู้สึกดีใจมาก เพราะเป็นครั้งแรกที่มาเที่ยวทะเลตรัง และได้พบเห็นโลมาแบบตัวเป็นๆ ซึ่งที่บ้านเกิดของตัวเองที่ อ.สะเดา จ.สงขลา จะเคยพบเห็นสัตว์ที่อยู่ริมทะเล ก็แค่เพียงนกเงือกเท่านั้น


https://mgronline.com/south/detail/9630000115515


*********************************************************************************************************************************************************


เกยตื้นครั้งล่าสุด!! ชมคลิปการข่วยชีวิตวาฬกว่า 100 ตัว ครั้งใหญ่สุดในศรีลังกา



กองทัพเรือและอาสาสมัครของศรีลังกาช่วยเหลือวาฬนำร่อง 120 ตัวที่เกยตื้นครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศ แต่พบว่าวาฬบาดเจ็บอย่างน้อย 2 ตัวเสียชีวิต

ลูกเรือจากกองทัพเรือและหน่วยยามฝั่งพร้อมกับอาสาสมัครในพื้นที่ได้ผลักดันวาฬอย่างน้อย 120 ตัวในเช้าวันอังคารหลังจากการช่วยเหลือข้ามคืนอันแสนทรหด Indika de Silva โฆษกกองทัพเรือกล่าว

ช่วงบ่ายวันจันทร์ (2พฤศจิกายน2563) ฝูงวาฬเกยตื้นที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาบนเกาะ ฝูงวาฬนำร่องถูกคลื่นซัดขึ้นฝั่งที่ Panadura ซึ่งอยู่ห่างจากโคลัมโบไปทางใต้ 15 ไมล์ หรือประมาณ 25 กิโลเมตร



กองทัพเรือและอาสาสมัครของศรีลังการ่วมมือกัน
เพื่อช่วยเหลือวาฬนำร่องกว่า 100 ตัวที่เกยตื้นครั้งใหญ่ที่สุดของศรีลังกา เมื่อวันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน2563

"เราใช้ยานลาดตระเวนบนบกขนาดเล็กเพื่อดึงวาฬทีละตัวกลับสู่น่านน้ำที่ลึกกว่า น่าเศร้าที่วาฬสองตัวต้องเสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บที่ยังคงมีอยู่ เมื่อพวกมันเกยตื้น"

เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นได้รับคำสั่งว่า อย่าให้เกิดการเสียชีวิตจำนวนมากอย่างที่เกิดขึ้นในแทสเมเนียเมื่อเดือนกันยายน เมื่อวาฬนำร่องประมาณ 470 ตัวเกยตื้น และมีเพียง 110 ตัวเท่านั้นที่รอดจากการช่วยชีวิต หลังจากพยายามช่วยเหลือหลายวัน

"เราคิดว่าครั้งนี้คล้ายกับการเกยตื้นในแทสเมเนียเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา เป็นเรื่องผิดปกติมากที่วาฬจำนวนมากจะมาถึงชายฝั่งของเรา และยังไม่ทราบสาเหตุของการติด" Dharshani Lahandapura หัวหน้าหน่วยงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมทางทะเล (MEPA) ของศรีลังกา กล่าว

https://youtu.be/50R_t7FHsQU">https://youtu.be/50R_t7FHsQU" type="application/x-shockwave-flash" width="560" height="340">

เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า วาฬนำร่องเกือบ 400 ตัวตายในรัฐแทสเมเนีย นับเป็นการเกยตื้นที่เลวร้ายที่สุดของออสเตรเลีย วาฬเหล่านี้ถูกพัดมาติดอยู่ที่หลุมทรายในน่านน้ำบริเวณที่เรียกว่า แม็กควารี เฮดส์ (Macquarie Heads)ตอนแรกเจ้าหน้าที่กู้ภัยนับจำนวนวาฬได้ 270 ตัว แต่เจ้าหน้าที่บนเฮลิคอปเตอร์พบวาฬตายอีก 200 ตัวในพื้นที่ใกล้เคียง การเกยตื้นครั้งนี้ เป็นหนึ่งในการเกยตื้นครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยบันทึกไว้ทั่วโลก และทำลายสถิติการเกยตื้น 320 ตัวในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียในปี 1996

มีการใช้สลิงและอุปกรณ์อื่นช่วยดึงวาฬออกจากหาดทราย เพื่อที่จะให้มันจมลงในน้ำทั้งตัว เมื่อวาฬกลับไปลอยอยู่ในน้ำได้ พวกมันก็จะสามารถว่ายน้ำออกไปในเขตน้ำลึก แต่กระแสน้ำที่รุนแรงเป็นอุปสรรค ทำให้วาฬที่ได้รับการช่วยเหลือแล้ว ลอยกลับเข้ามายังชายฝั่งอีกครั้ง

ศ.ปีเตอร์ แฮร์ริซัน กลุ่มวิจัยวาฬ มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นครอสส์ (Southern Cross University) กล่าวว่า การที่ไม่มีน้ำช่วยพยุงตัวไว้ วาฬจะค่อยๆ ถูกน้ำหนักตัวของมันเองกดทับ



ผู้เชี่ยวชาญด้านวาฬ ระบุว่า วาฬที่รอดตายจะอ่อนแรงและอ่อนแอ

วาฬนำร่องมีความยาวได้ถึง 7 เมตร และหนักถึง 3 ตันเป็นสัตว์ที่ชอบเข้าสังคม แม้ว่านักวิทยาศาสตร์จะศึกษาปรากฏการณ์นี้มาหลายทศวรรษ แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดถึงสาเหตุของการเกยตื้นของวาฬ


https://mgronline.com/greeninnovatio.../9630000115406

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
 


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:58


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger