![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด
คอนเทนเนอร์วินาศ เจอพายุแรงซัดเรือขนส่ง สูญตกทะเล 1,816 ตู้ ![]() คอนเทนเนอร์วินาศ - เซาท์ไชนา มอร์นิงโพสต์ เผยแพร่คลิปความเสียหาย เรือขนส่งบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ขนาดยักษ์เต็มลำ เดินทางจากจีนมีจุดหมายไปสหรัฐอเมริกา แต่ไปไม่ถึงไหน เจอพายุซัดขณะอยู่ในน่านน้ำไปญี่ปุ่น จนกองตู้ล้มระเนระนาด สูญไปกว่า 1,816 ตู้ เชื่อว่าเป็นความเสียหายสูงสุดในประวัติศาสตร์ของเรือขนส่งสินค้าตู้คอนเทนเนอร์ เดลีเมล์ รายงานว่า เรือลำดังกล่าวชื่อ ONE Apus ติดธงญี่ปุ่น เป็นของบริษัทโอเชียน เน็ตเวิร์ก เอ็กซ์เพรส มีขนาด 364 เมตร บรรทุกคอนเทนเนอร์ได้ราว 14,000 ตู้ เดินทางมาถึงท่าเรือโกเบของญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 30 พ.ย. หลังจากเดินทางมา 8 วัน ในทะเลแปซิฟิก คนบนเรือแจ้งว่าระหว่างทางเจอคลื่นลมแรงมาก คลื่นสูงถึง 15 เมตร ซัดเอาคอนเทนเนอร์ร่วงระเนระนาดและตกลงทะเลไป 1,816 ตู้ ส่วนเจ้าของและผู้จัดการเรือเปิดเผนว่า เรือติดตั้งอุปกรณ์ดี เครื่องยนต์มีสภาพดี และมีผู้ควบคุมที่ฝึกฝน มีประสบการณ์มาเป็นอย่างดี ความเสียหายที่เกิดขึ้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบอย่างละเอียด รวมถึงวิธีการโหลดสินค้า อุปกรณ์ และความพร้อมที่จะเผชิญกับสภาพอากาศเลวร้าย เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความเสียหายเช่นนี้อีก https://www.khaosod.co.th/update-news/news_5511248
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าวไทย
ผลตรวจพบเชื้ออหิวาต์ในหอยแมลงภู่ มุกดาหาร 11 ธ.ค. ? สาธารณสุข จ.มุกดาหาร เผยผลตรวจหอยแมลงภู่นึ่ง จากตลาดนัดในเขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร หลังหนุ่มวัย 35 ปี ซื้อมากินแล้วเสียชีวิต พบเชื้ออหิวาห์ ![]() กรณีชายอายุ 35 ปี ซื้อหอยแมลงภู่นึ่ง จากตลาดนัดชุมชนตาดแคน เขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร มารับประทานแล้วเกิดอาการท้องร่วงรุนแรง อาหารเป็นพิษ ทำให้เสียชีวิต ผลตรวจพบเชื้ออหิวาต์ในหอยแมลงภู่ กรณีนายวัชระ มาดา อายุ 35 ปี ชาวบ้านด่านคำ ต.มุกดาหาร อ.เมือง จ.มุกดาหาร ซื้อหอยแมลงภู่นึ่งมากินแล้วเกิดอาการท้องร่วงแบบรุนแรง อาหารเป็นพิษ ทำให้เสียชีวิต ตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา และทางญาติฌาปนกิจร่างของผู้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม นางสาวธัญญทิพย์ พรหมมา แม่ค้าร้านค้าใกล้กับบริเวณตลาดนัด บอกว่า เพิ่งทราบข่าวว่ามีคนมาซื้อหอยแมลงภู่ในตลาดนัดไปกินแล้วเสียชีวิต คนขายหอยมาขายเป็นประจำที่ตลาดแห่งนี้ และยังสงสัยว่าคนอื่นซื้อไปกินทำไมไม่เป็นอะไร ครอบครัวนี้ซื้อไปกินแล้วเสียชีวิต เหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ตนเองตกใจ หลังเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่ลงมาตรวจแผงร้านขายหอย ขณะที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุข จ.มุกดาหาร ลงไปตรวจสอบร้านขายหอยแมลงภู่ เจ้าของร้านบอกกับว่าบางคนกินท้องไม่เสียก็มี ปกตินึ่งทุกวัน วันละ 50 กิโลกรัม หากขายไม่หมดก็ทิ้ง เพราะเก็บไว้ข้ามคืนไม่ได้จะเน่า หอยที่เอามาขายนึ่งแล้ว รับมาทุกวันๆ ละ 50 กิโลกรัม มาขายในตลาดนัด แล้วส่งลูกค้าถุงละ 35 บาท 3 ถุง 100 บาท หมอที่โรงพยาบาลมาเอาหอยไปตรวจสอบเมื่อวันศุกร์ เจ้าของร้านขายหอยบอกอีกว่า เจ้าหน้าที่เผยผลตรวจสอบหอยพบมีเชื้ออหิวาต์อยู่ในหอย จะมาโทษตนโดยตรงไม่ถูก หอยที่นำมาขายรับมาจากมหาชัย ไม่ใช่มาทำเอง นึ่งจนสุกเลย ของถ้าขายไม่หมดก็ทิ้งตลอด นอกจากหอยที่นำมาขายในตลาดนัดแล้วยังมีข้างนอกด้วย มีคนมาเร่ขายเต็มเลยในเมืองมุกดาหาร. https://tna.mcot.net/region-598939
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#3
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก ประชาชาติธุรกิจ
'โลกร้อน-น้ำท่วม' วิกฤตใหม่ของโลก ![]() ความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและปัญหา "น้ำท่วม" กำลังกลายเป็นวิกฤตในอนาคต นิกเคอิเอเชีย รายงานผลการวิจัยของ "สถาบันทรัพยากรโลก" (WRI) โดยชี้ว่าหลายประเทศทั่วโลกกำลังจะต้องเผชิญกับความเสียหายอย่างรุนแรงจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและอุทกภัย โดยมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจคาดว่าจะสูงถึง 17 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2030 หรือคิดเป็น 12% ของจีดีพีโลกขณะนั้น หากความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศยังคงดำเนินไปในระดับปัจจุบัน หลายประเทศใน "เอเชีย" มีความเสี่ยงที่จะได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมสูงกว่าภูมิภาคอื่น โดยคาดว่ามูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจของเอเชียจะสูงถึง 8.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบครึ่งหนึ่งของความเสียหายทั่วโลก และในกรณีที่ยังไม่มีมาตรการรับมือที่มีประสิทธิภาพ "จีนและอินเดีย" เป็นประเทศที่มีความเสี่ยงที่จะได้รับความเสียหายทางเศรษฐกิจสูงที่สุด เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศส่งผลให้เหตุอุทกภัยมีความรุนแรงและบ่อยครั้งขึ้น ขณะที่มีอุตสาหกรรมขนาดใหญ่จำนวนมาก แต่ยังไม่มีระบบรับมือกับภัยพิบัติที่มีประสิทธิภาพ ทำให้คาดว่าจีนมีความเสี่ยงที่จะต้องประสบความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากเหตุน้ำท่วมสูงถึง 4.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2030 หรือ 14% ของจีดีพี ช่วงเดือน ม.ค.-ก.ย. 2020 "จีน" ต้องเผชิญกับปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ทำให้ปริมาณน้ำในลำน้ำราว 836 สายทั่วประเทศเพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ย 80% จากภาวะปกติ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อชาวจีนกว่า 73 ล้านคน รวมถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะภาคการเกษตร การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และการพาณิชย์ ที่ได้รับความเสียหายรวมกว่า 2 แสนล้านหยวน ขณะที่ "อินเดีย" หลายเมืองยังไม่มีระบบระบายน้ำที่ดี ยังคงใช้โครงสร้างพื้นฐานเก่าที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยอาณานิคมอังกฤษในช่วงศตวรรษที่ 19 ส่งผลให้ความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วมของอินเดียรุนแรงอย่างมาก ข้อมูลของดับเบิลยูอาร์ไอชี้ว่า การลงทุนในการสร้างคันดินและเขื่อนกั้นน้ำในเวลานี้แม้จะสร้างภาระทางการเงินต่อรัฐบาล แต่มูลค่าการก่อสร้างยังต่ำกว่าความเสียหายทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นจากภัยพิบัติ และไม่เพียงแต่ป้องกันความเสียหายของบ้านเรือนและธุรกิจของผู้คนนับล้านเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตต่อไปได้ https://www.prachachat.net/world-news/news-570827
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
|
|