เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

 
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
Prev คำตอบที่แล้วมา   คำตอบถัดไป Next
  #3  
เก่า 20-01-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


ผ่าแล้ว! พะยูนตายที่เกาะเหลากา ไม่พบสิ่งแปลกปลอม ระบุโรคไม่ได้ คาดป่วยตายตามธรรมชาติ

กระบี่ - ผลผ่าพะยูนตายที่เกาะเหลากา หมู่เกาะห้อง เพศเมีย เขี้ยวอยู่ครบ อวัยวะภายในส่วนใหญ่เน่า ไม่พบสิ่งแปลกปลอม ระบุโรคไม่ได้ คาดป่วยตายตามธรรมชาติ



วันนี้ (19 ม.ค.) ตามที่ นายทีฆาวุฒิ ศรีบุรินทร์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี จังหวัดกระบี่ ได้รับแจ้งจากผู้ประกอบการเรือนำเที่ยวว่า พบพะยูนลอยตายทางด้านทิศเหนือและทางทิศตะวันออกของเกาะเหลากา บริเวณหมู่เกาะห้อง อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี บ้านท่าเลน หมู่ที่ 3 ต.เขาทอง อ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่ จึงสั่งให้หน่วยพิทักษ์อุทยานประจำเกาะห้อง นำกำลังพร้อมเรือตรวจการณ์ออกตรวจค้นหาซากพะยูนที่ลอยตายจนพบ สภาพขึ้นอืดส่งกลิ่นเหม็น ลำไส้ทะลักออกมาที่หน้าท้อง คาดว่าตายมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วัน ไม่ทราบเพศ และวัดความยาวจากหัวจดหาง 3.10 เมตร น้ำหนักประมาณ 500-600 กิโลกรัม รอบลำตัวกว้าง 110 เซนติเมตร แล้วนำซากพะยูนมาขึ้นที่ชายหาด บ้านเกาะกวาง หมู่ที่ 3 ต.หนองทะเล อ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่ เพื่อมอบเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอันดามันตอนล่าง จังหวัดตรัง นำไปผ่าชันสูตรหาสาเหตุการตาย

โดยการตายของพะยูนวันที่ 16-17 มกราคม 2564 ในเดือนแรกของปี 2564 กลางทะเลจังหวัดกระบี่ รวม 3 ตัว ตัวแรกบริเวณเกาะปาไล บ้านท่าเลน ต.เขาทอง อ.เมืองกระบี่ ตัวที่ 2 บริเวณระหว่างเกาะนุ้ย และเกาะปอ บ้านเกาะปอ ต.เกาะลันตาใหญ่ อ.เกาะลันตา และตัวที่ 3 บริเวณเกาะเหลากา หมู่เกาะห้อง บ้านท่าเลน ต.เขาทอง อ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่ ซึ่งการตายของพะยูนสร้างความสงสัยแก่ชาวประมงพื้นบ้านชายฝั่งในพื้นที่ อ.เมืองกระบี่ อ.เหนือคลอง อ.คลองท่อม อ.เกาะลันตา และ อ.อ่าวลึก และนักอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่จังหวัดกระบี่เป็นอย่างมากว่าได้เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหาสาเหตุ เพื่อหาแนวทางในการป้องกันและร่วมกันอนุรักษ์พะยูนต่อไปนั้น



ความคืบหน้าในเรื่องนี้ ทางศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอันดามันตอนล่าง จังหวัดตรัง ได้ผ่าชันสูตรพะยูนตัวดังกล่าวแล้ว ผลตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่า เป็นพะยูนเพศเมีย ความยาวลำตัว 3 เมตร อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ สภาพซากเน่ามีรอยเขี้ยวจากพะยูนซึ่งเกิดจากพฤติกรรมภายในฝูง ไม่มีรอยแผลอื่นภายนอกลำตัว เขี้ยวทั้ง 2 ข้างยังอยู่ครบ ส่วนของทางเดินอาหารทะลักออกมาภายนอกลำตัว เมื่อเปิดผ่าชันสูตรซากพบว่า อวัยวะภายในส่วนใหญ่เน่าสลายไม่สามารถระบุโรคได้ชัดเจน ส่วนของทางเดินอาหารบวมอืด ภายในกระเพาะอาหารพบหญ้าใบมะกรูดอัดแน่นเต็มกระเพาะอาหาร ไม่พบสิ่งแปลกปลอมภายในทางเดินอาหาร ซึ่งสาเหตุการตายไม่สามารถระบุได้ชัดเจน เนื่องจากสภาพซากเน่ามากไม่สามารถระบุรอยโรคใดๆ ได้ คาดว่าตายจากการป่วยตามธรรมชาติ เนื่องจากไม่พบรอยบาดแผลภายนอกลำตัว ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอันดามันตอนล่าง จังหวัดตรัง ได้เก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อและโครงกระดูกเพื่อศึกษาทางห้องปฏิบัติการต่อไป


https://mgronline.com/south/detail/9640000005577


*********************************************************************************************************************************************************


ปปง.รับ 7 คดีบุกรุกอ่าวบ้านดอนสร้างคอกหอยแครงเป็นคดีพิเศษ พร้อมเดินหน้าตรวจยึดทรัพย์นายทุน

สุราษฎร์ธานี - ปปง.รับ 7 คดีบุกรุกอ่าวบ้านดอน สร้างคอกหอยแครงเป็นคดีพิเศษตามกฎหมายฟอกเงิน พร้อมเดินหน้าตรวจทรัพย์สินและเส้นทางการเงินของผู้ประกอบการเลี้ยงหอยแครงเถื่อน คาด ก.พ.นี้ คืบหน้าทั้ง 7 คดี



วันนี้ (19 ม.ค.) ความคืบหน้ากรณีศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล หรือ ศรชล.ได้ยกทีมกว่า 100 นาย ตั้งกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยและแก้ไขปัญหาการบุกรุกพื้นที่สาธารณะอ่าวบ้านดอน ณ วัดชลธาร ต.บางไทร อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อดำเนินการทวงคืนพื้นที่ทางทะเลนำกลับมาให้ประชาชนมีสิทธิใช้ร่วมกัน จากผู้ประกอบการบุกรุกครอบปักไม้ไผ่กั้นเป็นคอกเลี้ยงหอยแครง พร้อมก่อสร้างขนำหรูกลางทะเล มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท

ล่าสุด วันนี้ (19 ม.ค.) นายปิยะ ศรีวิกะ ผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการงานคดี 3 กองคดี 3 สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พล.ร.ต.สุรศักดิ์ ประทานวรปัญญา ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนสอบสวนและกฎหมาย ศรชล.(สสก.ศรชล.) พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงเรือไปตรวจสอบตรวจสอบสิ่งปลูกสร้างและคอกหอยที่เป็นเป้าหมายสำคัญในเขต อ.เมือง และ อ.พุนพิน เพื่อเตรียมยึดทรัพย์และเรียกภาษีย้อนหลัง หลังจาก ปปง.ได้รับเป็นคดีพิเศษตามกฎหมายฟอกเงินต่อผู้ประกอบการเลี้ยงหอยแครง จำนวน 7 ราย ที่ก่อนหน้านี้ได้ออกมาแสดงตนเป็นเจ้าของคอกหอยและขนำหรู พร้อมคัดค้านการรื้อถอนขนำออกจากทะเลตามคำสั่งทางปกครอง พร้อมขอเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

โดยมีเป้าหมายเข้าตรวจสอบทรัพย์สิน จำนวน 8 เป้าหมาย ในพื้นที่อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี และอำเภอพุนพิน เป้าหมายเป็นขนำสีแดงหรูที่ก่อสร้างด้วยมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ทางผู้ประกอบการได้ดำเนินการรื้อถอนตัวอาคารออกไปแล้วกว่าร้อยละ 80 พร้อมปรับสภาพตัวขนำให้เล็กลงใช้เป็นที่เฝ้าหอยแครง

นายปิยะ ศรีวิก ผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการงานคดี 3 กองคดี 3 สำนักงาน ปปง. กล่าวว่า กฎหมายฟอกเงินเป็นกฎหมายพิเศษสร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันปราบปรามอาชญากรรม สร้างขึ้นมาไม่ให้มีการใช้เงินจากการกระทำความผิด จากความผิดมูลฐานจะกำหนดไว้ตามกฎหมายฟอกเงินมี 29 มูลฐาน ในกรณีนี้เป็นการบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติเพื่อเลี้ยงหอยแครงเข้าลักษณะแสวงหาผลประโยชน์ทางการค้า หมายความว่า กรณีนี้เป็นความผิดมูลฐานที่ 15 ซึ่ง ศรชล.และพนักงานสอบสวนตรวจพบความผิดมูลฐาน ได้รายงานไปที่สำนักงาน ปปง. นำเรื่องเข้าสู่คณะกรรมการ ปปง. เพื่อขอมติว่า การกระทำเหล่านี้จะต้องถูกตรวจหรือไม่ ซึ่งทางคณะกรรมการได้ประชุมและมีความเห็นว่า พฤติการณ์เป็นการกระทำความผิดมูลฐานตามกฎหมาย ปปง. จึงได้เดินทางมาตรวจสอบเพื่อจะให้ดูว่าการกระทำความผิดเหล่านี้ทำให้เกิดทรัพย์สินงอกเงยขึ้นมาหรือไม่ ทรัพย์สินจากการบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติเพื่อเลี้ยงหอย และเงินที่ได้มาจากการขายหอยก็ถือว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด จะต้องตกอยู่ภายใต้การตรวจสอบ

หากพบมีพยานหลักฐานว่า เงินที่ได้มาจากการขายหอยแครงแล้วจะต้องถูกตรวจยึดอายัด ดังนั้น จึงขอฝากเตือนถึงผู้ประกอบการที่เป็นเจ้าของคอกหอย ว่า พฤติการณ์ที่มีการพบกระทำความผิดที่เข้าไปอยู่โดยไม่ได้รับอนุญาต หรือใช้ประโยชน์โดยไม่ได้รับอนุญาต มันเป็นความผิดมูลฐานของกฎหมายฟอกเงินจะต้องถูกยึดอายัดทรัพย์สินและอาจโดนคดีอาญาไปพร้อมๆ กัน ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลครบถ้วนแล้วทั้ง 7 ราย จะดำเนินการได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้

"การลงพื้นที่อ่าวบ้านดอนวันนี้ รู้สึกตกใจและน่าใจหายเพราะว่าปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่ปัญหาท้องถิ่น แต่เป็นปัญหาของประเทศ พื้นที่ 200,000 กว่าไร่ ชาวบ้านที่เขาไม่มีทุนรอน ชาวบ้านที่เขาไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือ เขาไม่สามารถที่จะเข้าไปถึงการแบ่งปันทรัพยากรธรรมชาติ ตามวิถีชุมชนได้เลย มันกลับกลายเป็นของนายทุน ซึ่งนายทุนเหล่านี้ถ้ามองในรูปการแล้วเชื่อได้ว่าเป็นผู้กระทำความผิดมูลฐานของ ปปง.จะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย" นายปิยะ กล่าวในที่สุด


https://mgronline.com/south/detail/9640000005507

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
 


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:26


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger