![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
ยืนยัน! มุกยักษ์สีส้มในหอยกระโจงโดงเหลืองที่แหลมฉบัง เป็นของแท้ 100% ![]() ศูนย์ข่าวศรีราชา - ยืนยันแล้ว! มุกยักษ์สีส้มขนาดใหญ่ที่หนุ่มผู้โชคดีชาวเพชรบูรณ์พบในหอยกระโจงโดงเหลือง จากสะพานปลาแหลมฉบัง จ.ชลบุรี เป็น "มุกเมโล" แท้ 100% น้ำหนักกว่า 65.57 กะรัต จากกรณีที่หนุ่มเพชรบูรณ์ วัย 40 ปี ซึ่งมีอาชีพขับรถหัวลากในเขตแหลมฉบัง จ.ชลบุรี พบเม็ดมุกยักษ์สีส้มที่มีลักษณะคล้าย "มุกเมโล" ซึ่งเป็นมุกหายากและคาดว่าน่าจะเป็นมุกชนิดเดียวกันกับที่เป็นข่าวโด่งดังเมื่อไม่นานนี้ หลังได้ไปหาซื้อหอยกระโจงโดงขนาดใหญ่จากสะพานปลาแหลมฉบัง มาต้มกินกับครอบครัว แต่กลับโชคดีพบเม็ดมุกอยู่ภายในตัวหอยที่ถูกต้มจนสุก กระทั่งได้นำมุกดังกล่าวไปให้ผู้เชี่ยวชาญในกรุงเทพมหานคร ได้ตรวจสอบว่าเป็นมุกหายากจริงหรือไม่นั้น ![]() ล่าสุด วันนี้ (16 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายมลเทียร จันสุข หนุ่มเพชรบูรณ์ผู้โชคดี ว่า หลังจากตนเองและ น.ส.วาสนา แสงจันทร์ ภรรยาได้นำเม็ดมุกที่เจอในหอยกระโจงโดงเหลืองที่ซื้อมาจาก นางสุมาลี ฮวดเฮง อายุ 56 ปี แม่ค้าขายอาหารทะเลสด "เรือเฮงวารี" บริเวณสะพานปลาแหลมฉบัง ไปเข้ารับการตรวจที่สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์กรมหาชน) สำนักงานใหญ่ เขตบางรัก กรุงเทพฯ ผลปรากฏว่ามุกที่นำไปตรวจสอบเป็น "มุกเมโล" หายากของแท้ 100% ที่เกิดจากธรรมชาติในหอยและถือเป็นมุกหายาก โดยมีน้ำหนัก 65.57 กะรัต และทางศูนย์ฯ ได้ออกใบรับรองเพื่อเป็นการยืนยันเป็นที่เรียบร้อย ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าหลังได้รับผลการตรวจยืนยันที่ชัดเจนแล้ว นายมลเทียร และครอบครัวได้นำ "มุกเมโล" ไปเก็บรักษาไว้ที่ธนาคารเพื่อความปลอดภัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมบอกว่า หากมีผู้สนใจที่จะครอบครองสามารถติดต่อเพื่อตกลงราคากันได้ เนื่องจากทราบมาว่ามุกที่ตนเองและภรรยาได้มาครอบครองมีราคาสูงถึงหลักล้านบาท "รู้สึกดีใจเหมือนถูกรางวัลใหญ่จากสลากกินแบ่งรัฐบาลเลยทีเดียว และหากขายได้ราคาดีตามที่พอจะรู้มาก็จะนำเงินที่ได้ไปใช้หนี้สินให้หมด ไม่ว่าจะเป็นค่างวดรถยนต์กระบะ หลังจากนั้น คงขับรถหัวลากอีกสักพักก่อนจะกลับไปใช้ชีวิตบั้นปลายกับครอบครัวที่บ้านเกิด" นายมลเทียร กล่าว https://mgronline.com/local/detail/9640000015263
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก มติชน
ฟักตัวแล้ว ลูกเต่ากระ แม่ศรีสุดา อุทยานแห่งชาติอ่าวสยาม ![]() วันที่ 16 กุมภาพันธ์ นายพิชัย วัชรวงษ์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก นายภัทร อินทรไพโรจน์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติอ่าวสยาม (เตรียมการ) ว่า เมื่อเวลาประมาณ 06.54 น. เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติอ่าวสยาม (เตรียมการ) ร่วมกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิฟื้นฟูทรัพยากร ทะเลสยาม เฝ้าสังเกตการณ์การฟักไข่ของเต่ากระ รังที่ 5 (รังสุดท้ายของปี 63) ซึ่งเป็นไข่ของ "แม่ศรีสุดา" หมายเลขไมโครชิพ 933076400530527 จำนวนไข่ทั้งหมด 105 ฟอง มีระยะเวลาการฟักตัว 72 วัน (6 ธ.ค. 63 ? 16 ก.พ. 64) สำหรับไข่เต่าทั้งหมด ได้ฟักเป็นตัว ทั้งหมด 50 ตัว คิดเป็น 48 % และไม่ฟักเป็นตัว (ตาย) ด้วยสาเหตุอื่น จำนวน 55 ฟอง คิดเป็น 52 % ![]() สำหรับ ลูกเต่ากระ จำนวน 50 ตัว นั้น เจ้าเจ้าหน้าที่มูลนิธิฟื้นฟูทรัพยากร ทะเลสยาม จะเป็นผู้ดูแลในการอนุบาลฯ เพื่อปล่อยคืนสู่ธรรมชาติต่อไป สรุปการขึ้นวางไข่ของแม่เต่ากระ (แม่ศรีสุดา) ตั้งแต่เดือนกันยายน 2563 ถึงกุมภาพันธ์ 2564 นั้น มีการขึ้นวางไข่ ทั้งหมด 5 รัง รวม 792 ฟอง โดยมีไข่ที่ฟักเป็นตัว ทั้งหมด 558 ตัว คิดเป็น 70 % และไข่ที่ไม่ฟักเป็นตัว (ตาย) ด้วยสาเหตุอื่น ทั้งหมด 234 ฟอง คิดเป็น 30 % ทั้งนี้รวมระยะเวลาในการฟักตัวของไข่ เฉลี่ย 66 วัน https://www.matichon.co.th/local/qua...e/news_2582112 ********************************************************************************************************************************************************* ปลาตายปริศนาเกลื่อนหาดในชิลี หวั่นเป็นเพราะ Climate Change ![]() ปลาตายปริศนาเกลื่อนหาดในชิลี หวั่นเป็นเพราะ Climate Change สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่าที่ประเทศชิลี เกิดเหตุปรากฏการณ์ผิดปกติ โดยพบปลาทะเลถูกคลื่นซัดขึ้นมาเกยตื้นบนชายหาดเป็นจำนวนมาก เหตุการดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และยังคงมีปลาถูกคลื่นซัดขึ้นมาเกยตื้นบริเวณชายหาดฮอร์โคเนส ในภูมิภาคบิโอบิโอ ตอนใต้ของชิลีอย่างต่อเนื่อง โดยนอกจากปลาแล้วยังมีสัตว์น้ำประเภทต่างๆเช่นปูที่ถูกซัดขึ้นมาเกยตื้นด้วย ท่ามกลางความกังวลว่าอาจเป็นผลจากวิกฤตการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกหรือไม่ ![]() รายงานระบุว่า รัฐบาลกำลังเข้าตรวจสอบหาสาเหตุของปลาเกยตื้นเป็นจำนวนมากดังกล่าว โดยคาดว่าอาจเกิดจากแบคทีเรียบางชนิดที่ทำให้อ็อกซิเจนในน้ำลดต่ำลง https://www.matichon.co.th/foreign/news_2581688
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
|
|