เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

 
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
Prev คำตอบที่แล้วมา   คำตอบถัดไป Next
  #2  
เก่า 08-05-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


ภารกิจกู้ชีพแม่น้ำโขง จากวิกฤตการณ์เขื่อนจีน



- น้ำในแม่น้ำโขงเปลี่ยนเป็นสีฟ้าเกิดจากคุณภาพน้ำที่เปลี่ยนไป น้ำใสขึ้น ไหลช้าลง จนสะท้อนเงาท้องฟ้าได้

- ความเปลี่ยนแปลงของกระแสน้ำทั้งในทางปริมาณและคุณภาพ ส่งผลต่อพื้นที่ชุ่มน้ำในลุ่มแม่น้ำโขง ชั่วระยะเวลาแค่ 7 ปี จากปี 2003-2010 พื้นที่ชุ่มน้ำหายไปมากกว่า 30 เปอร์เซ็นต์

- ผลกระทบจากเขื่อนอีกประการคือ เมื่อเขื่อนกักน้ำไว้ในอ่าง ย่อมเกิดการตกตะกอนลงในอ่าง ตะกอนนั้นเป็นสิ่งสำคัญต่อระบบนิเวศมาก เพราะมันคือชีวมวลที่สะสมอาหาร เช่น พวกแพลงก์ตอนสำหรับสัตว์น้ำ

ปรากฏการณ์แม่น้ำโขงเปลี่ยนเป็นสีฟ้าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะมองดูสวยงามในสายตานักท่องเที่ยวชมวิว แต่ในมุมของนักนิเวศวิทยาและสิ่งแวดล้อม นั่นเป็นปรากฏการณ์ที่น่าวิตกกังวลยิ่งนัก เพราะมันหมายถึงคุณภาพของน้ำเปลี่ยนแปลงไป น้ำใสขึ้นและไหลช้าลง จนสะท้อนเงาของท้องฟ้าออกมาได้ราวกับกระจกแผ่นใหญ่ที่สะท้อนปัญหาของมันออกมาด้วยพร้อมกัน

กระแสน้ำในแม่น้ำโขงเปลี่ยนแปลงอย่างมาก นับแต่ประเทศริมแม่น้ำโขงเริ่มพากันสร้างเขื่อนขวางกั้นลำน้ำสายประธานเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้ามาตั้งแต่ทศวรรษสุดท้ายของศตวรรษที่ 20

โดยเฉพาะจีน ที่เปิดใช้งานไปแล้ว 11 เขื่อน กักน้ำเอาไว้รวมแล้วเกือบ 50,000 ล้านลูกบาศก์เมตร (เขื่อนที่ใหญ่ที่สุดคือ นูจ๋าตู้ มีขนาดความจุของอ่างเก็บน้ำ 27,490 ล้านลูกบาศก์เมตร) แต่ละเขื่อนมีกำลังการผลิตมากกว่า 100 เมกะวัตต์

รวมๆ แล้วตอนนี้เขื่อนจีนในแม่น้ำโขงมีกำลังการผลิต 21,310 เมกะวัตต์ ในอนาคตอีก 10 ปี นับจากนี้จะเพิ่มเป็นมากกว่า 30,000 เมกะวัตต์ ส่วนประเทศลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่างนั้นลาวสร้างเสร็จไปแล้ว 2 เขื่อนคือ เขื่อนไซยะบุลี กับเขื่อนดอนสาหง และกำลังจะสร้างอีกหลายโครงการ

หลายศตวรรษก่อนที่จะมีการสร้างเขื่อนบนลำน้ำสายประธาน กระแสน้ำในแม่น้ำโขงถูกกำหนดโดยปัจจัยหลัก 2 ประการ คือน้ำฝนในฤดูฝน และการละลายของหิมะในฤดูร้อน ในฤดูน้ำหลาก ปริมาณน้ำในแม่น้ำโขงจะมากกว่าฤดูแล้งประมาณ 5-10 เท่า ทางตอนเหนือของลาวและไทยจะได้ประโยชน์จากการละลายของหิมะในฤดูร้อน มรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะเพิ่มปริมาณน้ำในแม่น้ำให้ผู้คนที่อยู่ทางตอนใต้ของลาว ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ภาคกลางของกัมพูชา และสามเหลี่ยมปากแม่น้ำทางตอนใต้ของเวียดนาม

แต่หลังจากที่มีการสร้างเขื่อนบนแม่น้ำโขงสายประธานตั้งแต่ปี 1993 เป็นต้นมา กระแสและปริมาณน้ำในแม่น้ำโขงเปลี่ยนแปลงไปมาก เกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า 'ท่วมหน้าแล้ง แห้งหน้าฝน' เพราะเขื่อนทั้งหลายกักน้ำในฤดูฝน เพื่อสำรองไว้ปล่อยออกมาผลิตกระแสไฟฟ้าในหน้าแล้ง ฤดูฝนซึ่งควรจะมีน้ำมากก็กลับน้อย และหน้าแล้งน้ำควรจะน้อยก็กลับมากจนท่วม

คณะกรรมการแม่น้ำโขง (Mekong River Commission: MRC) องค์กรกำกับดูแลการใช้น้ำในแม่น้ำโขงตอนล่าง (คือช่วงที่นับจากสามเหลี่ยมทองคำจนถึงปากแม่น้ำในเวียดนาม) ได้ออกแผนยุทธศาสตร์พัฒนาลุ่มน้ำ 10 ปี (2021-2030) และแผนยุทธศาสตร์ของคณะกรรมการเองในรอบ 5 ปี (2021-2025) เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและจัดการทรัพยากรน้ำในแม่น้ำโขง ออกเผยแพร่เมื่อวันที่ 5 เมษายน ที่ผ่านมา

เอกสารดังกล่าวความยาว 213 หน้า ระบุว่า ความผันผวนของกระแสน้ำแบบนี้มีแนวโน้มจะดำเนินต่อไปอีกในอนาคต เพราะประเทศต่างๆ ก็ยังมีแผนการที่จะสร้างเขื่อนกันต่อไป นับเฉพาะลาวประเทศเดียวก็มีแผนก่อสร้างเขื่อนทั้งบนลำน้ำสายประธานและสาขาอีกนับ 100 โครงการ (ส่วนจะสร้างได้ทั้งหมดตามแผนหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง)

นอกจากนี้ ในรายงานแผนยุทธศาสตร์ ยังได้ระบุอีกว่า เขื่อนยังส่งผลกระทบต่อคุณภาพของน้ำอีก กล่าวคือ เมื่อเขื่อนกักน้ำไว้ในอ่าง ย่อมเกิดการตกตะกอนลงในอ่างนั้น ทำให้น้ำที่ปล่อยออกไปมีความใสขึ้น ในรายงานนี้ระบุว่า ตะกอนที่วัดได้ที่เชียงแสน ระหว่างปี 2004-2013 ลดลงจาก 85 ตันต่อปี เหลือเพียงแค่ 11 ตันต่อปี ตะกอนนั้นเป็นสิ่งสำคัญต่อระบบนิเวศมาก เพราะมันคือชีวมวลที่สะสมอาหาร เช่น พวกแพลงก์ตอนสำหรับสัตว์น้ำ ซึ่งส่งผลกระทบต่อแหล่งประมงที่อยู่ปลายน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทะเลสาบใหญ่ในกัมพูชา

และความเข้มข้นของตะกอนในน้ำยังส่งผลต่อการสะสมตัวของดินดอนบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำด้วย ผลของมันคือพื้นที่บริเวณปากแม่น้ำทางตอนใต้ของเวียดนาม (ซึ่งเกิดจากการตกตะกอนมาหลายพันปี) ลดลงและเมื่อบวกกับปริมาณน้ำที่น้อยลงเพราะเขื่อนด้านเหนือน้ำกักเอาไว้ น้ำทะเลก็จะรุกเข้าไปในพื้นที่ด้านในมากขึ้น ส่งผลเสียต่อการเกษตรในพื้นที่บริเวณนั้น


แม่น้ำโขงในปี 2016 ภาพจากเมืองเกิ่นเทอ ซึ่งอยู่บริเวณดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง

นอกจากนี้ น้ำที่ใสจะกัดเซาะตลิ่งได้มากกว่าน้ำที่ขุ่นข้นมีตะกอน จึงเกิดการพังทะลายของฝั่งน้ำอย่างมากและรวดเร็วในระยะที่ผ่านมา การทำเขื่อนป้องกันการพังทะลายของตลิ่งเป็นการลงทุนที่ค่อนข้างแพง ในประเทศไทยราคาก่อสร้างเมตรละ 100,000 บาท

รายงานยุทธศาสตร์ของคณะกรรมการแม่น้ำโขงระบุว่า ถ้าสถานการณ์ยังคงเป็นอยู่ในปัจจุบัน ภายในปี 2042 ตะกอนจากตอนเหนือของแม่น้ำโขงที่เคยไปถึงจังหวัดกระแจในกัมพูชาจะหายไปหมด แปลว่า ทะเลสาบใหญ่และสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงของเวียดนามจะไม่มีตะกอนและดินดอนเลย ประเทศต่างๆ จะต้องหางบประมาณสำหรับการป้องกันตลิ่ง เป็นจำนวนมากซึ่งน่าจะสูงถึง 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เกือบ 200,000 ล้านบาท ณ อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน)

ยิ่งไปกว่านั้น ความเปลี่ยนแปลงของกระแสน้ำทั้งในทางปริมาณและคุณภาพดังที่กล่าวมา ยังส่งผลต่อพื้นที่ชุ่มน้ำในลุ่มแม่น้ำโขงอีกด้วย ชั่วระยะเวลาแค่ 7 ปีจากปี 2003-2010 พื้นที่ชุ่มน้ำหายไปมากกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ เหลืออยู่เพียง 100,000 ตารางกิโลเมตรทั่วลุ่มน้ำตอนล่าง

คณะกรรมการแม่น้ำโขงคาดการณ์ว่า พื้นที่ป่าโกงกางบริเวณปากแม่น้ำโขงทางใต้ของเวียดนามน่าจะเหลืออยู่แค่ 2 เปอร์เซ็นต์ของที่เคยมีอยู่เดิม (ยูเนสโกรายงานเมื่อปี 2019 ว่า เวียดนามมีพื้นที่ป่าโกงกางอยู่ประมาณ 1,000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งตัวเลขนี้อาจจะรวมปากแม่น้ำอื่นด้วย) การเปลี่ยนแปลงของชีวมวลดังกล่าวนั้นก็อาจจะส่งผลต่อความเป็นอยู่ของปลาทั้ง 1,200 สายพันธุ์ที่อยู่ทั่วแม่น้ำโขงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นหมายถึงแหล่งโปรตีนและความมั่นคงทางอาหารในลุ่มแม่น้ำโขงก็จะได้รับผลกระทบไปตามกัน



คณะกรรมการแม่น้ำโขงซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในกรุงเวียงจันทน์ของลาว ทำแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี เพื่อปฏิบัติการในการปกป้องแม่น้ำโขงเพื่อชะลอความเสื่อมทรุด และวิกฤตการณ์ของระบบนิเวศ โดยคาดว่าจะต้องลงทุนประมาณ 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 2,000 ล้านบาทในอีก 5 ปีข้างหน้า เพื่อดำเนินแผนงานตามยุทธศาสตร์ดังกล่าว โดยประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ของงบประมาณดังกล่าวจะระดมจากประเทศสมาชิกในลุ่มน้ำตอนล่างคือ ไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม

จีนซึ่งดูเหมือนจะเป็นต้นตอของปัญหา แต่ไม่ได้เป็นสมาชิกคณะกรรมการแม่น้ำโขง มีข่าวดีคือ มีการทำงานร่วมกับคณะกรรมการฯ ภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ลานซางมากขึ้น อาจจะพอช่วยแบ่งปันงบประมาณหรือทรัพยากรมาให้ได้บ้าง (ถ้ารัฐบาลในปักกิ่งใจดีพอ)


https://www.thairath.co.th/news/2066...IDGET#cxrecs_s

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
 


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:12


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger