![]() |
|
#3
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก มติชน
"SHEBA" เปิดตัว "Hope Reef" โครงการฟื้นฟูปะการังใหญ่สุดในโลก ![]() "SHEBA" เปิดตัว "Hope Reef" โครงการฟื้นฟูปะการังใหญ่สุดในโลก นายรัชกร เจนพัฒนพงศ์ ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทยและอินโดจีน มาร์สไทยแลนด์อิงค์ ผู้ดำเนินธุรกิจอาหารแมวและขนมแมวเกรดพรีเมี่ยมแบรนด์ SHEBA กล่าวว่า แนวปะการังนับว่ามีความสำคัญต่อระบบนิเวศในมหาสมุทร เนื่องจากเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลจำนวนมาก แต่ปัจจุบันแนวปะการังกำลังถูกคุกคามอย่างรุนแรงจากการแสวงหาผลประโยชน์ การทำประมงที่ไม่ถูกวิธี รวมไปถึงมลพิษและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยเหตุนี้ มารส์ อินคอร์ปอเรทเต็ดจึงได้ริเริ่มโครงการฟื้นฟูปะการัง Hope Reef ขึ้นในปี 2562 เพื่อฟื้นฟูแนวปะการังขนาดใหญ่ซึ่งมีผลกับระบบนิเวศที่เกี่ยวเนื่องกัน โดยอาศัยความร่วมมือระดับโลก ทั้งจากรัฐบาล มหาวิทยาลัย ภาคธุรกิจ และองค์กรพัฒนาเอกชน ภายใต้โครงการ Hope Reef ได้ดำเนินการฟื้นฟูแนวปะการังบริเวณนอกชายฝั่งซูลาเวซี ประเทศอินโดนีเซีย บนแท่นแนวปะการังซาลิซี เบซาร์ ใกล้กับเกาะบอนโตซัว โดยใช้นวัตกรรม 'Reef Star' ซึ่งเป็นโครงสร้างเหล็กรูปดาวทำด้วยมือ ภายใต้ชื่อ Mars Assisted Reef Restoration System (MARRS) วัสดุของดาวแนวปะการังนั้นมาจากแหล่งในท้องถิ่นและทำด้วยมือของชุมชนท้องถิ่นบอนโตซัว โดย SHEBA? นายรัชกรกล่าวว่า นอกจากนี้ แนวปะการังดังกล่าวถูกสร้างขึ้นเป็นตัวสะกดคำว่า H-O-P-E ที่แปลว่า ความหวัง มีขนาด 45?15 เมตร เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้โลกได้เห็นว่า การเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกสามารถเกิดขึ้นได้ภายในช่วงชีวิตของเรา และความหวังนั้นก็สามารถเติบโตได้ ซึ่งสามารถมองเห็นได้จาก Google Earth โดยบริษัทแม่อย่าง มาร์ส อินคอร์ปอเรทเต็ด ได้ตั้งเป้าหมายในการฟื้นฟูแนวปะการังตามจุดต่างๆ ทั่วโลกให้ได้มากกว่า 185,000 ตารางเมตร ซึ่งเท่ากับขนาดของสระว่ายน้ำโอลิมปิกประมาณ 148 สระ ภายในสิ้นปี 2572 "เรียกได้ว่า Hope Reef เป็นจุดเริ่มต้นของการเคลื่อนไหวเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศที่สำคัญ และเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังสำหรับอนาคตของมหาสมุทร โดยมารส์ หวังว่าโครงการ Hope Reef จะสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกภาคส่วน ได้เห็นความสำคัญของการดูแลระบบนิเวศ และร่วมกันกู้คืนที่อยู่อาศัยและความหลากหลายทางชีวภาพที่สูญเสียไป ซึ่งการเข้าร่วมโครงการดังกล่าว เป็นไปตามแนวทางการดำเนินธุรกิจที่มุ่งสร้างความยั่งยืน ซึ่งมารส์ทราบดีว่าผู้บริโภคไม่เพียงคาดหวังอาหารคุณภาพสำหรับสัตว์เลี้ยงของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังต้องการแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างความยั่งยืนให้กับสิ่งแวดล้อมด้วย โดยนับตั้งแต่เริ่มต้นโครงการฟื้นฟูปะการัง Hope Reef จนถึงปัจจุบัน แนวปะการังรอบเกาะบอนโตซัว ได้เพิ่มขึ้นจาก 5% เป็น 55% ความอุดมสมบูรณ์ของปลาเพิ่มขึ้น 300% อีกทั้งยังได้เห็นสัตว์น้ำสายพันธุ์ต่างๆ เช่น ฉลาม และเต่า กลับมายังพื้นที่นี้ด้วย" นายรัชกร กล่าว ขอเชิญชวนผู้รักสัตว์เลี้ยงทุกคน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการฟื้นฟูแนวปะการัง และร่วมสร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์เพียงชมและแชร์วิดีโอ #hopegrows: The Film That Grows Coral ผ่านช่อง Youtube ของ SHEBA? โดยทุกยอดการรับชมจะเปลี่ยนเป็นเงินทุนเพื่อการฟื้นฟูแนวปะการัง ผ่านทางองค์กร The Nature Conservancy เนื่องในวันมหาสมุทรโลก SHEBA? ได้เปิดตัวแอพ iOS ตัวแรกที่ชื่อ SHEBA Hope Grows ซึ่งจะพาทุกคนไปสัมผัสประสบการณ์ 3 มิติ ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงแนวปะการังได้จากทุกที่ทั่วโลก เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชันและฟื้นฟูแนวปะการังของคุณเอง ด้วยการติดตั้งนวัตกรรม Reef Stars เสมือนจริง หลังจากนั้น สามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ในบริเวณนั้นจากเศษหินที่แห้งแล้งไปสู่สภาพแวดล้อมทางทะเลที่หลากหลายและอุดมสมบูรณ์ https://www.matichon.co.th/economy/news_2766138 ********************************************************************************************************************************************************* คอลัมน์ แกะรอยต่างแดน : เดนมาร์ก เตรียมสร้างเกาะเทียม "ไลเนตโฮล์ม" ![]() รัฐสภาเดนมาร์ก ได้อนุมัติให้มีการสร้างเกาะเทียม "ไลเนตโฮล์ม" ขึ้น ในกรุงโคเปนเฮเกน เมืองหลวงของเดนมาร์ก เพื่อทำหน้าที่ในการปกป้องท่าเรือโคเปนเฮนเกน จากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศโลก ที่ทำให้น้ำทะเลสูงขึ้น โดยจะมีการสร้างถนนวงแหวน อุโมงค์และรถไฟฟ้า เพื่อเชื่อมต่อระหว่างเกาะเทียม กับเกาะใหญ่ของเดนมาร์ก ซึ่งเนื้อที่ของเกาะเทียมแห่งนี้ จะอยู่ที่ประมาณ 2.6 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่บริเวณตอนเหนือของกรุงโคเปนเฮเกน และรองรับประชากรอยู่อาศัยได้ราว 35,000 คน รัฐบาลเดนมาร์กระบุว่า โครงการสร้างเกาะเทียมนี้ จะเริ่มต้นการสร้างในช่วงสิ้นปีนี้ โดยจากข้อมูลของนักพัฒนาโครงการนี้ ได้มีการเปิดเผยว่า จะมีการสร้างระบบเขื่อนขึ้นรอบๆบริเวณเกาะแห่งใหม่นี้ เพื่อปกป้องท่าเรือจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งจากสตอร์มเซิร์จ ซึ่งรัฐบาลเดนมาร์ก ยืนยันว่า โครงสร้างพื้นฐานต่างๆของเกาะเทียมแห่งนี้จะพร้อมภายในปี ค.ศ.2035 ส่วนเกาะจะสร้างเสร็จภายในปี 2070 แม้ว่าเป้าหมายในการสร้างเกาะดูจะเป็นไปด้วยความหวังดี หากแต่ก็มีเสียงจากผู้ไม่เห็นด้วยออกมาต่อต้านการสร้างกันอย่างมาก พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนโครงการนี้เสียใหม่ โดยกลุ่มต่อต้านที่ไม่เห็นด้วยกับการสร้างเกาะเทียมนี้ มีความเป็นห่วงกังวลว่า กรุงโคเปนเฮเกน อาจจะต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่แตกต่างออกไป ในช่วงที่มีการก่อสร้างเกาะเทียมแห่งนี้ และอาจจะมีผลกระทบต่อมหาสมุทรได้ ขณะที่นักวิทยาศาสตร์เองก็ออกมาแสดงความห่วงกังวลเกี่ยวกับเกาะเทียมแห่งนี้ และมีความห่วงกังวลเกี่ยวกับระดับน้ำทะเลที่จะสูงขึ้น ขณะเดียวกัน นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า ในช่วงที่มีการก่อสร้างเกาะเทียม จะต้องมีรถบรรทุกขนาดใหญ่และน้ำหนักมาก แล่นผ่านกรุงโคเปนเฮเกน และทำให้ผู้คนในเมืองจะต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษในช่วงเวลาของการก่อสร้าง แต่กระนั้นก็ตาม ตอนนี้ โครงการนี้ก็ได้รับการอนุมัติแล้ว ผลกระทบที่เกิดจะเป็นไปตามที่ห่วงกังวลหรือไม่ ก็ต้องไปลุ้นกันต่อไป https://www.matichon.co.th/foreign/indepth/news_2765205
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายน้ำ : 09-06-2021 เมื่อ 03:02 |
|
|