เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

 
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
Prev คำตอบที่แล้วมา   คำตอบถัดไป Next
  #3  
เก่า 15-07-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก BBCThai


"หมึกแก้ว" ภาพน่าตื่นตาของสัตว์น้ำลึกหายากในมหาสมุทรแปซิฟิก

แม้นักวิทยาศาสตร์รู้จักหมึกแก้วมานานกว่า 100 ปีแล้ว แต่แทบไม่มีใครเคยเห็นภาพของมันตอนที่ยังมีชีวิตอยู่เลย จึงทำให้การศึกษาเกี่ยวกับสัตว์ชนิดนี้ทำได้ยาก



ทีมนักวิทยาศาสตร์ที่สำรวจท้องทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกสามารถบันทึกภาพเคลื่อนไหวที่หาดูได้ยากยิ่งของ "หมึกแก้ว" หรือ "หมึกสายแก้ว" (glass octopus) สัตว์น้ำลึกซึ่งมีร่างกายโปร่งใสจนมองเห็นอวัยวะภายใน

ทีมนักวิจัยจากสถาบันมหาสมุทรชมิดต์ (Schmidt Ocean Institute) บันทึกวิดีโอที่น่าตื่นตาของหมึกแก้วไว้ได้ในภารกิจการสำรวจก้นมหาสมุทรเป็นเวลา 34 วัน โดยพวกเขาได้พบเจอกับหมึกชนิดนี้ถึง 2 ครั้งในทะเลลึกใกล้กับหมู่เกาะฟีนิกซ์ ซึ่งอยู่ห่างจากนครซิดนีย์ของออสเตรเลียไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 5,100 กิโลเมตร

ภาพที่ได้เผยให้เห็นหมึกที่มีผิวหนังโปร่งใสราวกับแก้ว จนมองเห็นได้เพียงลูกตา เส้นประสาทตา และระบบย่อยอาหารของมัน

งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารสมาคมชีววิทยาทางทะเลของสหราชอาณาจักร เมื่อปี 1992 ระบุว่า ดวงตาทรงกระบอกของหมึกชนิดนี้อาจมีวิวัฒนาการเพื่อให้ศัตรูหรือเหยื่อมองเห็นได้ยาก เวลาที่มองขึ้นมาจากด้านล่าง ถือเป็นกลยุทธ์ในการพรางตัวอย่างหนึ่งของพวกมัน

หมึกแก้ว มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Vitreledonella richardi อาศัยอยู่ในทะเลเขตร้อนและเขตกึ่งร้อน ที่ความระดับลึก 200 - 3,000 เมตรจากผิวน้ำทะเล โดยจากการศึกษาของทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ระบุว่ามีการพบหมึกชนิดนี้ในทะเลแถบอ่าวไทยและทะเลอันดามัน

แม้นักวิทยาศาสตร์รู้จักมันมานานกว่า 100 ปีแล้ว แต่แทบไม่เคยมีใครได้เห็นภาพของมันตอนที่ยังมีชีวิตอยู่เลย จึงทำให้การศึกษาเกี่ยวกับสัตว์ชนิดนี้ทำได้ยาก โดยที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ต้องศึกษาพวกมันจากซากที่ถูกพบอยู่ในท้องของสัตว์นักล่า

ด้วยเหตุนี้ทีมวิจัยจึงหวังว่าวิดีโอที่บันทึกได้จะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาวิจัย และช่วยให้เราได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับหมึกชนิดนี้ได้มากขึ้น

สำหรับภารกิจครั้งนี้ทีมนักวิทยาศาสตร์ได้สำรวจก้นมหาสมุทรครอบคลุมพื้นที่ 30,000 ตารางกิโลเมตร และพวกเขาบอกว่ายังมีอะไรอีกมากให้ค้นหาในท้องทะเล

นางเวนดี ชมิดต์ ซึ่งร่วมก่อตั้งสถาบันมหาสมุทรชมิดต์กับสามี คือ นายเอริก ชมิดต์ อดีตซีอีโอบริษัทกูเกิล กล่าวว่า "การสำรวจเช่นนี้สอนให้เรารู้ว่าทำไมเราจึงต้องเพิ่มความพยายามในการฟื้นฟู และทำความเข้าใจกับระบบนิเวศทางทะเลของโลกให้มากขึ้น เพราะห่วงโซ่ชีวิตอันยิ่งใหญ่ที่เริ่มต้นขึ้นในมหาสมุทรมีความสำคัญต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของมนุษย์เรา"


https://www.bbc.com/thai/international-57835175


******************************************************************************************************************************************************


อุณหภูมิแบบสุดขั้วทั้งร้อนจัด-หนาวจัด เป็นสาเหตุให้ผู้คนทั่วโลกล้มตายปีละ 5 ล้านคน



ความผันผวนเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอย่างรุนแรงในสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลก เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่คร่าชีวิตผู้คนจำนวนมหาศาลในแต่ละปี โดยผลการศึกษาล่าสุดซึ่งใช้ข้อมูลการสำรวจขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาพบว่า อุณหภูมิทั้งร้อนจัดและหนาวจัดแบบสุดขั้ว ได้ทำให้ผู้คนทั่วโลกต้องล้มตายไปถึงปีละ 5 ล้านคน

ทีมนักวิทยาศาสตร์การแพทย์จากนานาชาติ ตีพิมพ์เผยแพร่ผลวิจัยข้างต้นในวารสาร The Lancet Planetary Health ฉบับเดือนกรกฎาคม โดยเผยว่ามีการเก็บข้อมูลอัตราการเสียชีวิตของผู้คน ในขณะที่อากาศมีอุณหภูมิสูงหรือต่ำเกินขอบเขตที่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตหรืออุณหภูมิห้อง จากสถานที่ทั้งหมด 750 แห่งทั่วโลก

ช่วงเวลาที่มีการเก็บข้อมูลดังกล่าวคือระหว่างปี 2000-2019 ซึ่งเป็นยุคที่อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกกำลังเพิ่มสูงขึ้น 0.26 องศาเซลเซียสทุกหนึ่งทศวรรษ ถือเป็นช่วงเวลาที่ร้อนที่สุดของโลกนับแต่ยุคก่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมเป็นต้นมา



หลังจากนั้นมีการวิเคราะห์ผลสำรวจดังกล่าว เพื่อมุ่งหาความสัมพันธ์ระหว่างอุณหภูมิกับอัตราการตายของประชากรโลกใน 43 ประเทศ จาก 5 ทวีป โดยนำปัจจัยอื่น ๆ ที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ ทั้งเรื่องของภูมิอากาศ เงื่อนไขทางประชากร เศรษฐกิจ สังคม โครงสร้างพื้นฐาน และคุณภาพของการให้บริการสาธารณสุข มาพิจารณาร่วมด้วย

ผลวิเคราะห์ข้อมูลการสำรวจพบว่า กรณีการเสียชีวิต 9.43 % ของทั้งโลก มีสาเหตุมาจากอุณหภูมิที่ร้อนจัดหรือเย็นจัดจนเกินไป โดยในจำนวนนี้ผู้เสียชีวิตต้องอำลาโลกเพราะอากาศหนาวเย็นในสัดส่วนที่มากกว่า คิดเป็นถึง 9 ใน 10 ของอัตราการตายส่วนเกิน (excess deaths) หรือกรณีการตายที่สำรวจพบจริงสูงเกินความคาดหมาย

ทวีปเอเชียและแอฟริกามีอัตราการตายเพราะความหนาวเย็นสูงที่สุดของโลก โดยมีจำนวนผู้เสียชีวิตเฉลี่ยปีละ 2.4 ล้านคนและ 1.18 ล้านคน ตามลำดับ ส่วนกรณีการตายด้วยอุณหภูมิร้อนจัดนั้น ทวีปเอเชียยังคงครองแชมป์ที่ 224,000 รายต่อปี ตามมาด้วยภูมิภาคยุโรปที่ 178,700 รายต่อปี โดยยุโรปนั้นเป็นทวีปเดียวที่มีกรณีการตายจากทั้งอุณหภูมิร้อนจัดและเย็นจัดสูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาที่มีการศึกษานั้นอัตราการตายจากสภาพอากาศสุดขั้วมีแนวโน้มลดลงทั่วโลก เมื่อเทียบกับช่วงเวลาอื่น ๆ ในประวัติศาสตร์ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคืออัตราการตายจากอุณหภูมิร้อนจัดกำลังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เนื่องด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระยะยาวและภาวะโลกร้อน

ทีมผู้วิจัยคาดว่าสัดส่วนของผู้เสียชีวิตจากอุณหภูมิร้อนจัด อาจเพิ่มขึ้นสูงกว่าระดับปัจจุบัน ซึ่งอัตราการตายส่วนเกินด้วยสาเหตุนี้อยู่ที่ 74 รายในประชากรโลกทุก 100,000 คน และถือเป็นหนึ่งในสิบอันดับแรกของสาเหตุการตายที่พบมากทั่วโลก


https://www.bbc.com/thai/international-57831700
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
 


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 10:59


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger